Share

บทที่ 171

Author: ชาผลไม้
“สตรีตระกูลฉู่นั่งลงสิ!” ไทเฮาเงยหน้าขึ้น ชี้ไปด้านข้างแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นางเป็นชายาของเย่เฟยหลี และถือได้ว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของราชวงศ์แล้ว

ไทเฮาเรียกนางว่าสตรีตระกูลฉู่ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่านางเป็นบุตรสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนของตระกูลฉู่อย่างชัดเจน

สิ่งนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการบอกกับทุกคนว่าไทเฮาไม่ยอมรับฉู่เนี่ยนซีเป็นหลานสะใภ้

ทุกคนฉลาดและเข้าใจโดยธรรมชาติว่าไทเฮาหมายถึงสิ่งใด

นั่นทำให้พวกนางอดไม่ได้ที่จะมองฉู่เนี่ยนซีไปอีกมุมมอง ในบรรดาสตรีในวังหลัง ไทเฮานั้นมีอำนาจใหญ่ที่สุด หากไทเฮาไม่ชอบใคร ไม่ว่าจะเก่งกาจสักแค่ไหนก็จะไม่มีจุดจบที่ดี

ทันใดนั้นเจี่ยงจาวอวิ๋นก็รู้สึกหยิ่งผยองเล็กน้อยขึ้นมาในใจ

‘เหอะ เจ้าคนอัปลักษณ์คนนี้ก็เก่งแต่ปากเท่านั้นแหละ!

เมื่อคิดเช่นนี้ เจี่ยงจาวอวิ๋นก็เดินไปหาไทเฮาด้วยรอยยิ้มที่สดใส และกล่าวขึ้นว่า "เสด็จย่า นี่เป็นขนมที่อวิ๋นเออร์ทำขึ้นเป็นพิเศษ ลองชิมดูไหมเพคะ?"

“ได้สิ!” ไทเฮาหยิบขนมออกมาหักเล็กน้อยก่อนจะนำเข้าปาก “อื้ม อร่อย! สะใภ้รองนี่ช่างใส่ใจดีจริง ๆ!”

“หากเสด็จย่าชอบ อวิ๋นเออร์จะทำมามอบให้ท่านทุ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 172

    ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก“ปิ่นปักผมบนศีรษะของพระชายาหลีทำมาอย่างประณีตจริงสวยงามมากจริง ๆ เพคะ”เมื่อได้ยินคำพูดของซุนจื่อซี ฉู่เนี่ยนซีก็อดไม่ได้ที่จะแตะปิ่นปักผมบนศรีษะของตัวเองสตรีที่ชื่อหลิงเอ๋อร์เป็นคนมอบปิ่นปักผมชิ้นนี้ให้นางที่ทางเข้าสำนักหมอหลวง เดิมทีนางเพียงแค่เก็บมันเอาไว้เฉย ๆ เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าวันนี้เสี่ยวเถาจะใช้มันปักผมให้นางฉู่เนี่ยนซีกลับมามีสติอีกครั้งและยิ้มเล็กน้อย "ขอบพระทัยเพคะ!"ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ทุกคนก็มองไปที่ศรีษะของนาง “เอ๊ะ เหตุใดปิ่นปักผมอันนี้ถึงได้ดูคุ้นนัก?!”“อา! ข้าจำได้แล้ว นั่นมันปิ่นปักผมชิ้นโปรดขององค์หญิงฉางเล่อไม่ใช่หรือ?”ฉู่เนี่ยนซีตกใจเล็กน้อย องค์หญิงฉางเล่อ? สตรีนางนั้นชื่อหลิงเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?“องค์หญิงใหญ่ชอบเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ และนางก็สุขภาพไม่ค่อยดีนัก นางไม่เคยไปงานเลี้ยง แล้วก็พบปะผู้คนน้อยมากด้วย”“ข้าเคยเห็น ตอนวันเกิดขององค์หญิงใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นนางก็สวมปิ่นปักผมชิ้นนี้ เพราะมันค่อนข้างพิเศษข้าจึงจำได้อย่างแม่นยำ ว่ากันว่านี่คือปิ่นปักผมชิ้นโปรดขององค์ห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 173

    “เช่นนั้นเจ้าก็เรียกหญิงสาวผู้ที่มอบปิ่นปักผมชิ้นนี้ให้เจ้าออกมาพิสูจน์สิ” เจี่ยงจาวอวิ๋นรู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก แต่เมื่อคิดขึ้นมาได่ว่าตัวเองไม่ได้ไร้เหตุผลจึงพูดขึ้นมาย่างมั่นใจอีกครั้ง“ข้าบอกไปแล้วว่าข้าไม่จักคนผู้นั้นและไม่รู้ว่าตัวตนของนางคือใคร แต่นางชื่อหลิงเอ๋อร์!”“หลิงเอ๋อร์?” เจี่ยงจาวอวิ๋นพึมพำเบา ๆ ทันใดนั้นก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงดัง “เหลวไหล! จู่ ๆ องค์หญิงฉางเล่อจะมอบปิ่นปักผมให้เจ้าได้อย่างไร?”เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนี้ก็คิดว่ามันไร้สาระ และพวกนางต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้น!“ชื่อเดิมขององค์หญิงฉางเล่อคือเย่หลิงเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ? ชายาหลีบอกว่าองค์หญิงฉางเล่อมอบปิ่นปักผมอันนี้ให้ด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?”“จะเป็นไปได้อย่างไร? องค์หญิงฉางเล่อมีเกียรติมาก นางเป็นองค์หญิงพระองค์เดียวของจักรพรรดิผู้ล่วงลับ และเป็นน้องสาวของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน นางจะมอบปิ่นปักผมมีค่าเช่นนี้ให้กับคนแปลกหน้าได้อย่างไร?!”"ข้าคิดว่าชายาหลีจงใจหาข้อแก้ตัวมากกว่า!"ทุกคนพูดคุยกัน และเจี่ยงจาวอวิ๋นก็ดูพอใจสนมลี่ที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองฉู่เนี่ยนซีด้วยสีหน้าเฉยเมย นาง

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 174

    ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้วขณะที่ดูทุกคนพูดคุยกัน และจ้องมองไปที่เจี่ยงจาวอวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา“ชายาเหลียน ท่านรู้หรือไม่ว่าความผิดฐานใส่ร้ายผู้อื่นมันร้ายแรงมากเพียงใด?!”“ข้ารู้แน่นอน แต่สิ่งที่ข้าพูดคือเรื่องจริงทั้งนั้น หากเจ้าไม่ได้ขโมยมา แล้วเหตุใดปิ่นปักผมขององค์หญิงฉางเล่อถึงมาอยู่กับเจ้ากันล่ะ? พระราชวังมีบันทึกการเข้าออกทุกครั้ง แต่ข้าไม่เคยได้ยินว่าเจ้าเคยไปที่ตำหนักฉางหลิงเลย! "หลังจากที่เจี่ยงจาวอวิ๋นพูดจบ นางก็พูดต่ออย่างชอบธรรมว่า "ทั้ง ๆ ที่คนของราชวงศ์ควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี แต่เจ้าในฐานะพระชายากลับทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมเช่นนี้ก็ควรถูกปลดออกจากราชวงศ์เสีย!"“ชายาเหลียนช่างกล้าเสียจริง ไทเฮายังทรงอยู่ที่นี่ ท่านมีสิทธิ์มาพูดถึงราชวงค์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” จู่ ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็เปล่งเสียงดังขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เจี่ยงจาวอวิ๋นอย่างเคร่งขรึม“อีกอย่าง ไม่ทันมีหลักฐานก็พูดมั่วเอาเองเช่นนี้ เวลานั้นคนที่จะถูกลงโทษอาจเป็นท่านเสียเอง!”เจี่ยงจาวอวิ๋นเหลือบมองไทเฮาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่าไทเฮายังคงมีสีหน้าสงบ นางจึงมองฉู่เนี่ยนซีด้วยความรังเกียจและพูดว่า "เจ้าน่ะหรือ? เจ้าก

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 175

    เสียงที่ชัดเจนดังขึ้น และทุกคนต่างก็หันไปมอง ก่อนจะเห็นสตรีในอาภรณ์สีขาวแซมฟ้าเดินเข้ามาช้า ๆนางดูจิตใจดี สง่างาม และมีจิตวิญญาณแห่งเทพธิดาที่ไม่เคยถูกมนุษย์ทำให้ต้องแปดเปื้อนนางเดินเข้าไปหาไทเฮาก่อนจะโค้งคำนับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า และลักยิ้มลูกแพร์ทั้งสองข้างริมฝีปากของนางก็เพิ่มความน่ารักขึ้นอีกเล็กน้อย“ถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ”“รีบลุกขึ้นเถิด!” ไทเฮามีความสุขทันทีเมื่อเห็นเย่หลิงเอ๋อร์ ไทเฮาช่วยพยุงนางขึ้นและจับมือของนางไว้ “ที่นี่ลมแรง เจ้าร่างกายไม่แข็งแรง เหตุใดถึงไม่พักอยู่ในตำหนักล่ะ? "“ลูกได้ยินมาว่าเสด็จแม่จัดงานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศ หลิงเอ๋อร์รู้สึกเบื่อ จึงอยากมาร่วมสนุกน่ะเพคะ!”เย่หลิงเอ๋อร์ถือโอกาสนั่งลงข้างไทเฮา ทันใดนั้นก็มองไปที่ฉู่เหนียนซี ก่อนจะกระพริบตาให้นาง “เสี่ยวซีเอ๋อร์ มานั่งข้าง ๆ ข้าสิ”ซุนจื่อซีที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าสองก้าวหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่เมื่อเห็นดวงตาของเย่หลิงเอ๋อร์ นางก็หยุดเดินและมองฉู่เนี่ยนซีที่เดินไปหยุดข้างหน้าเย่หลิงเอ๋อร์“เสี่ยวซีเอ๋อร์ เจ้าสวยขึ้นอีกแล้ว”หากเป็นคนอื่น ฉู่เนี่ยนซีคงคิดว่าคน ๆ นี้กำลังเ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 176

    ตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนมีพระชนมายุมากกว่าห้าสิบพรรษา พระองค์มีองค์หญิงเพียงองค์เดียวนั่นก็คือเย่หลิงเอ๋อร์ เมื่อพระองค์ขึ้นสู่อำนาจทุกคนต่างก็เทิดทูนหลังจากที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ก็ให้ความสำคัญกับน้องสาวเพียงคนเดียวคนนี้ โดยหาทุกสิ่งมาให้ตามที่นางต้องการการได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิทั้งสองพระองค์นั้นคือการดำรงอยู่ของการได้รับความรักจากคนนับพันไทเฮาที่อยู่ด้านข้างมองการกระทำของเย่หลิงเอ๋อร์ และอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ "หลิงเอ๋อร์เจ้าไปรู้จักกับเด็กผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อใด?"เย่หลิงเอ๋อร์มองไทเฮาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า "ความลับเพคะ นี่เป็นความลับระหว่างลูกและเสี่ยวซีเอ๋อร์ที่ไม่อาจบอกได้เพคะ"ขณะที่พูด นางก็ขยิบตาอย่างขี้เล่นให้กับฉู่เนี่ยนซีเมื่อเห็นท่าทางขี้เล่นของนาง ฉู่เนี่ยนซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก และลูบหัวนางอย่างไม่รู้ตัวทุกคนรอบข้างกลั้นหายใจและมองฉู่เนี่ยนซีด้วยความตกตะลึงนางช่างกล้าจริง ๆ นางปฏิบัติต่อองค์หญิงฉางเล่อราวกับพระองค์เป็นเด็กและลูบหัวนางอย่างนั้นหรือ?เย่หลิงเอ๋อร์เองก็ตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน เมื่อเห็นดวงตาที่ยิ้มแย้มของฉู่เนี่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 177

    "เจ้า..." เจี่ยงจาวอวิ๋นชี้ไปที่นาง และทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าไทเฮาทันที "เสด็จย่า อวิ๋นเอ๋อร์เพียงแค่ล้อเล่น อวิ๋นเอ๋อร์ไม่อยากถูกโบยเพคะ"ไทเฮาทนไม่ได้เมื่อเห็นเจี่ยงจาวอวิ๋นร้องไห้อย่างน่าสงสาร บวกกับที่นางไม่ชอบฉู่เนี่ยนซีตั้งแต่แรก หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว นางจึงพูดขึ้นว่า "ก็แค่เรื่องล้อเล่นกันเท่านั้น ข้าว่าลืมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไปเถอะ”“ล้อเล่นหรือเพคะ?” ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “หากคนที่ถูกโบยคือหม่อมฉัน ไทเฮาจะคิดว่าเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นอยู่ไหม? แล้วจะละเว้นโทษเช่นนี้ไหมเพคะ?”คำถามของฉู่เนี่ยนซีทำให้ทุกคนสูดหายใจลึก ฉู่เนี่ยนซีเป็นคนแรกที่กล้าสบตาไทเฮาและตั้งคำถามเช่นนี้ใบหน้าของไทเฮายังมีความโกรธ และเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "นี่เจ้ากำลังกังขาถึงความยุติธรรมกับข้าอย่างนั้นหรือ?"“กังขาหรือเพคะ? ซีเอ๋อร์มิกล้า หม่อมฉันเพียงแค่สงสัยเท่านั้นเพคะ”“ได้! ได้ ในเมื่อเจ้าสงสัย งั้นข้าก็จะบอกเจ้าให้ หากคนที่ถูกโบยคือเจ้า ข้าก็จะคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นและละเว้นโทษแบบนี้เช่นกัน!” ไทเฮาจ้องนางอย่างไม่หลบสายตา โดยไม่มีทีท่าร

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 178

    ฉู่เนี่ยนซีเดินไปหาจักรพรรดิและกำลังจะทำความเคารพ แต่จักรพรรดิก็ยกมือขึ้นห้ามนางไว้ "ไม่จำเป็นต้องมากพิธี รีบเข้าไปดูสนมฉิงเถิด"ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้า และในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไป สนมลี่และขันทีหนุ่มอีกสองนายก็มาถึง ขันทีหนุ่มคนหนึ่งกระซิบบางอย่างกับเย่เหลียน และเย่เหลียนก็มองมาที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยดวงตามืดมน และใบหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้ฉู่เนี่ยนซีเพิกเฉยและเดินตรงเข้าไปด้านในห้องทันทีที่เข้ามาด้านในกลิ่นคาวเลือดก็ลอยแตะจมูก ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่สตรีที่นอนอยู่บนเตียง เห็นว่าใบหน้าของนางซีดเผือดและหน้าผากก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ส่วนหมอตำแยที่อยู่ด้านข้างก็ตะโกนบอกให้นางออกแรงอย่างสุดกำลัง นางดูอ่อนแรงมากจนไม่มีแรงเหลือ ดังนั้นจึงได้แต่นอนหอบหายใจฉู่เนี่ยนซีก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อหมอตำแยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ฉู่เนี่ยนซีก็ชิงพูดขึ้นก่อน "องค์จักรพรรดิขอให้ข้ามาช่วยสนมฉิง พวกเจ้าฟังข้าก็พอ"พูดจบ นางก็หันไปตรวจอาการของสนมฉิงก่อนจะขมวดคิ้ว จากนั้นจึงป้อนยาเม็ดสีม่วงเข้าปากของนางอย่างรวดเร็ว“สิ่งนี้จะสามารถช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้ แม้ว่าทารกในครรภ์จะอายุเพียงแปดเดือนและยังไม่ถึ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 179

    เมื่อจักรพรรดิได้ยินดังนั้น ก็รีบคว้าจี้หยกในมือก่อนที่จะได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงของฮ่องเฮาตวาดขึ้น "ผ่าคลอด? ชายาหลี เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? นั่นเป็นการลงโทษสำหรับอาชญากรนะ"ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย "ที่นี่หม่อมฉันคือหมอ และบอกวิธีที่ดีที่สุดให้กับพวกท่านเท่านั้น ส่วนการผ่าคลอดที่ทุกคนบอกว่าเป็นการลงโทษ ที่นี่เป็นเพียงขั้นตอนการรักษาเท่านั้นเพคะ! เช่นเดียวกับการฟังเข็ม และการสั่งยา มันคือหลักการเดียวกัน!”“ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ก็ไม่มีเหตุผลที่จะผ่าคลอดพระสนม!” ฮ่องเฮาพูดอย่างชอบธรรม แต่มีอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้แวบขึ้นมาในดวงตาของนางฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองนางอย่างเย็นชาแล้วหันไปมองจักรพรรดิ “หวังว่าเสด็ตพ่อจะทรง คิดทบทวน บนเตียงนี้มีสองชีวิต คนหนึ่งคือพระสนมของท่าน ส่วนอีกคนในท้องคือองค์ชายของพระองค์ หากไม่ผ่าคลอดอาจจะเสียทั้งสองชีวิตไปเพคะ!”“องค์ชาย?” จักรพรรดิอดไม่ได้ที่จะถาม“ถูกต้องเพคะ! ชีพจรของพระสนมฉิงนั้นดูเหมือนกำลังตั้งท้ององค์ชายเพคะ”จักรพรรดิขมวดคิ้วและดูลังเล“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากจะเชื่อใจชายาหลีเพคะ! หม่อมฉันยินดีแลกชีวิตเพื่อลูกในท้อง!”เสียงอันอ่อนแรงของพระสนม

Latest chapter

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status