แชร์

บทที่ 99

ผู้เขียน: เหลียงซานเหลากุ่ย
ไม่เพียงแต่จะดูดีแต่ยังแข็งมากด้วย!

นี่เป็นความจริง!

แต่พอเสิ่นลั่วเยี่ยนฟังแล้ว กลับรู้สึกว่ามันน่าตงิดใจ

ทว่า นางเองก็ไม่รู้ว่าตรงไหนที่น่าตงิดใจ

ไม่ช้า เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ละทิ้งความคิดนั้น แล้วกวาดสายตาไปที่ปลายหัวหอก

หยุนเจิงหัวเราะแล้วถามขึ้นว่า “เจ้าอยากจะทดสอบหอกของข้าด้วยตนเองหรือไม่”

“ไม่ต้องแล้ว!”

เสิ่นลั่วเยี่ยนส่ายหัวเบาๆ แล้วรีบสาวเท้าไปด้านหน้า ปลดหัวหอกออกจากด้ามอย่างว่องไว ยิ้มแก้มปริไปทางหยุนเจิงอย่างพบเห็นได้ยาก “หัวหอกนี่เจ้ามอบให้ข้าก็แล้วกัน!”

“เจ้าไม่เกรงใจกันเลยสักนิด!”

หยุนเจิงหัวเราะอย่างประหลาดใจแล้วถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “เจ้าใช้หอกเป็นหรือ”

“ข้าใช้ไม่เป็น?”

เสิ่นลั่วเยี่ยนแค่นเสียงเบา แล้วพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าลองถามองค์รักษ์ของเจ้าสองคนนี้ดูสิ!”

กุยเหอไม่รอให้หยุนเจิงถามก็รีบพูดขึ้นเลยว่า “พระชายาองค์ชายหกน่าจะเชี่ยวชาญในการใช้หอกยาว ท่านแม่ทัพเสิ่นในตอนนั้นก็มีเชื่อเสียงโด่งดังจากฝีมือการใช้หอกของตระกูลเสิ่น”

หอกตระกูลเสิ่น?

เรื่องนี้ หยุนเจิงไม่รู้เลยจริงๆ

หลังกจากที่หยุนเจิงครุ่นคิดไปเพียงครู่ ก็ยื่นมือไปทางเสิ่นลั่วเยี่ยน “คืนให้ข้าก่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 100

    หืม?หยุนเจิงสงสัยหรือว่ายังมีลับลมคมในอะไรอีกงั้นหรือ!เยี่ยจื่อนิ่งเงียบไปนาน ค่อยพูดขึ้นอย่างแช่มช้าว่า “องค์ชายคงไม่ทราบว่า พวกเขามีเพียงทหารหมื่นนายบุกเข้าโจมตีราชสำนักของเป่ยหวน ทำให้ท่านฉานอวี่ของเป่ยหวนพิโรธหนัก หลังจากที่พวกเขาตายและแพ้ในสนามรบ ท่านฉานอวี่สั่งให้ทหารม้าของเขาเหยียบย่ำกระดูกของพวกเขาจนเป็นเนื้อสับ! หลุมศพของพวกเขาเป็นเพียงเนินกองผ้า ดังนั้น วันครบรอบการเสียชีวิตของพวกเขาจึงนับจากวันที่เสื้อผ้าของพวกเขาถูกฝังลงดิน นับจากวันที่วิญญาณกลับคืนสู่มาตุภูมิน่ะ…”“นี่มัน…”หยุนเจิงตะลึงงัน พูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “ข้าขออภัย ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”เขารู้เพียงว่าสามพ่อลูกเสิ่นหนานเจิงตายได้อย่างสง่าผ่าเผย คิดไม่ถึงว่าจะหดหู่เพียงนี้มิน่าล่ะ กุยเหอถึงได้ส่งสัญญาณให้เขาใหญ่!เฮ้อ!ความแค้นนี้ มีเพียงต้องรอให้ไปถึงซั่วเป่ยก่อนค่อยชำระแทนพวกเขาแล้ว!“ไม่เป็นไรหรอก ข้ารู้ว่าองค์ชายไม่ทราบเรื่องนี้”เยี่ยจื่อพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา“เช่นนั้น...พรุ่งนี้ข้าก็ต้องไปสักการะพวกแม่ทัพเสิ่นด้วย?” หยุนเจิงถามขึ้นอีกเยี่ยจื่อพูดว่า “ตามธรรมเนียมแล้ว องค์ชายกั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 101

    เมื่อกลับมาถึงบ้าน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติแปลกๆหลังจากที่นิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงจัดสินใจเคาะประตูห้องเยี่ยจื่อก่อนเปิดเข้าไปในตอนนี้เยี่ยจื่อเตรียมจะเข้านอนพอดี“เช้าวันพรุ่งก็ต้องไปสักการะพ่อตากับพี่ชายของเจ้า ใยเจ้าถึงยังไม่นอนพักผ่อนอีกล่ะ?”เยี่ยจื่อเห็นเสิ่นลั่วเยี่ยนเดินเข้ามาจึงยิ้มพลางเอ่ยปากถามเสิ่นลั่วเยี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ข้ารู้สึกว่าระหว่างพี่สะใภ้กับหยุนเจิงมีบางอย่างผิดปกติไป…”หืม?สาวน้อยผู้นี้จับได้แล้วอย่างนั้นหรือเยี่จื่อแอบสงสัย ก่อนจะมองเสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยสีหน้าขี้เล่น “นี่เจ้าเห็นข้าอยู่แต่ในจวนองค์ชายหกทั้งวันทั้งคืนก็เลยรู้สึกหึงหวงเข้าแล้วใช่หรือไม่?”“หึงหวง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ก็ตกอกตกใจราวกับไปเหยียบหางแมวก็มิปาน “พี่สะใภ้คิดอะไรเช่นนั้น คนอย่างข้าจะไปหึงหวงเจ้ากุ้งขาอ่อนนั่นได้อย่างไรกันเล่า”แม้เย่ยจื่อจะเป็นพี่สะใภ้ของเสิ่นลั่วเยี่ยน แต่ทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็นสหายที่สนิทสนมกันมากอยู่ต่อหน้าเยี่ยจื่อ เสิ่นลั่วเยี่ยนสามารถกล่าววาจาอย่างไม่ต้องกวาดกลัวต่อส

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 102

    เยี่ยจื่อแอบยิ้ม ก้มหน้าไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้เหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของตนเอง เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงกล่าวต่ออีกว่า “สิ่งที่เขาทำและเข้าตาข้ามากที่สุดในเมื่อก่อนก็มีเพียงแค่เหล็กลายบุปผาเท่านั้น…”เมื่อพูดถึงเหล็กลายบุปผานั้นขึ้น เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เล่าให้พี่สะใภ้ฟังอย่างตื่นเต้นว่าเหล็กลายบุปผานั้นเก่งกาจมากเพียงใด อีกทั้งยังเริ่มจินตนาการว่าตนเองถืออาวุธศักดิ์สิทธิ์นั้นฆ่าสังหารไปทั่วทุกสารทิศอย่างแข็งแกร่งเกรียงไกรยิ่งเล่านางก็ยิ่งตื่นเต้น เสิ่นลั่วเยี่ยนเรื่องในร้านตีเหล็กให้นางฟังทั้งหมด“เจ้าบอกว่าเข้าให้เจ้าลองหอกนั่นด้วยตัวเองว่าหอกนั่นแข็งหรือไม่อย่างนั้นหรือ?”เยี่ยจื่อหน้าแดงเล็กน้อย มองสาวน้อยผู้โง่เขลาไร้เดียงสาผู้นี้ด้วยสีหน้าแปลกใจ“ก็ใช่น่ะสิ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า และกล่าวต่ออย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อันที่จริงข้าควรจะลองด้วยมือของข้าเอง แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่ามีดองครักษ์นั้นของเขาจะมีปัญหาใดหรือไม่”“ค่อกแค่ก…”เยี่ยจื่อส่งเสียงไอค่อกแค่กออกมาอย่างเขินอาย กล่าวถามลองเชิงว่า “นี่ท่านแม่ยังไม่ได้บอกเรื่องระหว่างชายหญิงให้เจ้าฟังหรือ?”สตรีทุกค

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 103

    สุสานของเสิ่นหนานเจิงสามพ่อลูกอยู่ที่ภูเขาต้าเจียนในเขตนอกเมืองหลวงพวกเขาออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ใช้เวลาชั่วยามครึ่งกว่าจะถึงจุดหมายสุสานของสามพ่อลูกสร้างอยู่ติดกันสุสานของเสิ่นหนานเจิงตั้งออกมาด้านหน้าเล็กน้อย ส่วนสุสานของบุตรชายทั้งสองอยู่ซ้ายขวาด้านหลังเล็กน้อยเมื่อมองไปแล้วราวกับบุตรชายทั้งสองตามผู้เป็นพ่อมาออกรบก็มิปานหยุนเจิงมองไปที่ป้ายสุสานที่สลักชื่อเสิ่นหนานเจิงแล้วก็อดที่จะสะอึกสะอื้นไม่ได้สุดท้ายเสิ่นหนานเจิงต้องมาตายในศึกรบทางเหนือไม่รอให้ฮูหยินเสิ่นสั่ง เหล่าบรรดาบ่าวรับใช้และสาวใช้ต่างนำของเซ่นไหว้ไปวางไว้หน้าป้ายสุสานทั้งสามเมื่อมองดูสุสานของพ่อลูกทั้งสาม ฮูหยินเสิ่นก็ทนกับความเสียใจไม่ได้จนน้ำตาคลอเบ้าขึ้นแม้สามพ่อลูกจะตายไปในสนามรบเป็นเวลาห้าปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงจุดจบของทั้งสามที่ต้องตายไปอย่างไร้ซากศพ ในใจของฮูหยินเสิ่นก็อดที่จะโศกเศร้าขึ้นไม่ได้ผ่านไปครู่ใหญ่ ฮูหยินเสิ่นจึงจุดธูปสามดอก ปักหน้าป้ายสุสานของทั้งสามป้ายละดอก จากนั้นคุกเข่าลงหน้าป้ายสุสานของเสิ่นหนานเจิงกล่าวพึมพำโดยไม่ได้ส่งเสียงออกมาแต่อย่างใดหยุนเจิงได้แต่คาดเด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 104

    แม้ว่าฮูหยินเสิ่นจะอายุห้าสิบปีแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าความเร็วของนางจะรวดเร็วกว่าเกาเหอและโจวมี่เสียอีก ภายในชั่วพริบตาเดียวนางก็พุ่งตัวเข้าไปในป่าแล้วเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ได้พุ่งตามออกไปแต่อย่างใด นางเพียงกวาดสายตาอันแหลมคมมองไปรอบๆ บริเวณเท่านั้น“รีบไปสำรวจเร็วเข้า ดูให้แน่ชัดว่ารอบๆ ยังมีนักฆ่าแอบซ่อนตัวอยู่หรือไม่!”เสิ่นลั่วเยี่ยนออกคำสั่ง บ่าวรับใช้และสาวใช้จวนสกุลเสิ่นรีบพรวดออกไปค้นหาอย่างรวดเร็วหลายคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดูแค่แวบเดียวก็รู้ว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีหยุนเจิงตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นมากพระเจ้าช่วย!แม้แต่บ่าวรับใช้และสาวใช้ของจวนสกุลเสิ่นล้วนแต่เคยฝึกวรยุทธ์มาด้วยหรือนี่!ไม่รู้จะต้องทึ่งกับสิ่งไหนก่อน!นี่ทุกคนในจวนล้วนแต่ได้รับการฝึกวรยุทธ์อย่างนั้นหรือ!มิน่าล่ะว่าเพราะเหตุใดคนสกุลเสิ่นถึงมักจะว่าเขาเป็นคนอ่อนแอไร้กำลัง!สตรีที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ต้องศรัทธาเลื่อมใสผู้เป็นยอดฝีมืออยู่แล้วตนเป็นเพียงแค่คนที่ไร้พละกำลัง ในสายตานางคาดว่าคงจะมองตนเป็นเพียงแค่ไก่อ่อนเท่านั้น“เจ้าจะไปซั่วเป่ยไม่ใช่หรอกหรือ แค่นี้ก็ตกใจเป็นไก

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 105

    ณ จวนองค์ชายสามหยุนลี่ที่คุกเข่ามาเป็นเวลาสามวันที่ศาลบูรพกษัตริย์ในตอนนี้กำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่สองวันให้หลัง นอกจากกิน ดื่ม ขับถ่ายแล้ว ดูเหมือนว่าเขาได้แต่คุกเข่าอยู่แต่ในศาลบูรพกษัตริย์เขานั่งคุกเข่าจนหัวเข่าถลอกเลือดกระซิกแล้วเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ไม่ค่อยจะราบรื่นในช่วงนี้แล้ว หยุนลี่จึงโกรธเกรี้ยวมากในขณะที่ตนกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นจนไร้ที่จะระบายนั้น จู่ๆ ก็มีคนจากในวังมาแจ้งเขาว่าจักรพรรดิเหวินเรียกเขาเข้าวังโดยด่วนหลังจากแจ้งข่าวเสร็จ ขันทีผู้ส่งข่าวกล่าวเสียงต่ำบอกเขาว่า “องค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ ตอนที่องค์ชายหกไปสักการะหลุมศพของเสิ่นหนานเจิงกับคนสกุลเสิ่นมีนักฆ่าลอบสังหารองค์ชายหก ตอนนี้ฝ่าบาททรงพิโรธมาก องค์ชายระวังเอาไว้หน่อยก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ”ว่าไงนะ? เจ้าหกถูกนักฆ่าลอบสังหารอย่างนั้นหรือ?บัดซบยิ่งนัก!เสด็จพ่อคงไม่ได้สงสัยว่าข้าส่งคนไปลอบสังหารเจ้าหกกระมังหยุนลี่ใจเร้นแรงเพระาความกลัว รีบควักเงินหนึ่งร้อยตำลึงยัดใส่มือขันทีผู้ส่งข่าว“ขอบใจเจ้ามาก!”“เรื่องเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีผู้ส่งข่าวรับเงินมาหัวเราะเหอะๆพลางกล่าวหยุนลี่กล่าวขอบใจขันที

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 106

    “กระหม่อมคาดเดาว่า ลูกศรขนนกที่คนผู้นั้นใช้ จะเป็นอันเดียวกับลูกศรขนนกนี้พ่ะย่ะค่ะ”“หากปานปู้สั่งให้คนใช้ลูกศรขนนกนี้สังหารองค์ชายหก นี่ไม่เพียงแต่จะแก้แค้นที่เขาพ่ายศึกสามครั้ง แต่ยังทำให้ฝ่าบาทหวาดระแวงและสงสัยในตัวองค์ชายองค์อื่นๆ ด้วย นี่นับว่าเป็นวิธีแก้แค้นที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”ได้ยินคำพูดของมู่ซุ่น จักรพรรดิเหวินก็เงียบครุ่นคิดขึ้นหากมู่ซุ่นไม่เตือน เขาเกือบลืมข้อนี้ไปแล้วหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จักรพรรดิเหวินก็สั่งมู่ซุ่นว่า “ส่งคนไปแจ้งเจ้าหก บอกเขาว่าคนที่ส่งคนไปลอบสังหารเขาอาจจะเป็นปานปู้ บอกเขาอย่าได้คิดมาก!”มู่ซุ่นน้อมรับพระบัญชา โค้งคำนับ และกล่าวทูลลาทันที“ช้าก่อน!”ทันใดนั้นจักรพรรดิก็เรียกมู่ซุ่นไว้ และกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ตามขันทีที่ไปส่งข่าวให้เจ้าสามผู้นั้นมาหาข้า!”“พ่ะย่ะค่ะ!”…“เป็นการแก้แค้นของปานปู้อย่างนั้นหรือ?”ที่จวนองค์ชายหก หยุนเจิงรู้ข่าวที่จักรพรรดิเหวินให้คนมาส่งข่าวแล้วหยุนเจิงนิ่งเงีบครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆเรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปานปู้ต้องการชีวิตเขาคณะทูตเป่ยหวนสามร้อย

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 107

    คืนนั้น หยุนเจิงเก็บตัวอยู่ในห้องตำรา และออกแบบหอกยาวให้เสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยตนเอง เขาวาดออกแบบด้วยความตื่นเต้น หยุนเจิงครุ่นคิดอีกว่าจะสร้างอาวุธแบบใหม่ให้กับทหารในจวนตนเองดีหรือไม่อาวุธมาตรฐานทั่วไปของพวกเขาในตอนนี้ อันที่จริงแล้วไม่ค่อยเหมาะสมกับทหารม้าที่เพิ่งเริ่มฝึกฝนสักเท่าไรหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ หยุนเจิงก็ล้มเลิกความคิดไปช่างเถอะ!ความคิดในหัวเหล่านั้นเก็บเอาไว้ใช้ในตอนที่ไปซั่วเป่ยก่อนก็แล้วกัน!ขณะที่ยังอยู่ในเมืองหลวง อย่าเพิ่งทำอันใดให้เป็นจุดสนใจก่อนจะดีกว่าเช้าวันต่อมา หยุนเจิงยื่นภาพวาดออกแบบนี้ให้กับคนที่ร้านตีเหล็ก อีกทั้งยังขนาดและรายละเอียดต่างๆ เหล่านั้นด้วยหลังจากที่ผ่านประสบการณ์การลอบสังหารเมื่อวานมาแล้ว จากที่เดิมทีเวลาออกจากจวนหยุนเจิงพาองครักษ์คุ้มกันไปเพียงแค่สองคน ตอนนี้กลับเพิ่มเป็นสี่คนเดิมทีเขาอยากให้เสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นองครักษ์ข้างกายเขา แต่คนที่เย่อหยิ่งอย่างเสิ่นลั่วเยี่ยนจะยอมมาเป็นองครักษ์ข้างกายให้เขาได้อย่างไรกันเล่า“หยุดก่อน!”ในขณะที่หยุนเจิงกำลังเตรียมออกเดินทางไปที่เขาเมาเอ่อร์ จู่ๆ เขาก็บอกให้องครักษ์หยุดองค

บทล่าสุด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1474

    หยุนลี่พลันเข้าใจแจ่มแจ้ง มองจักรพรรดิเหวินด้วยความนับถือเต็มใบหน้าเสด็จพ่อช่างมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก!แม้กระทั่งเรื่องนี้ก็ยังทรงคำนึงถึง!“เสด็จพ่อทรงมีสายตากว้างไกล ลูกนับถือจนสุดหัวใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความจริงใจนี่หาใช่คำเยินยอไม่ แต่เป็นความนับถืออย่างแท้จริงเพียงเรื่องเดียว กลับมีจุดประสงค์มากมายถึงเพียงนี้“เจ้าสาม เจ้ายังอ่อนประสบการณ์เกินไป…”จักรพรรดิเหวินถอนหายใจเบาๆ “เรื่องนี้เจ้ายังต้องเรียนรู้จากเจ้าหกให้มาก! หากเจ้าหกมีเพียงกำลังทหารแข็งแกร่ง ข้าก็หาได้หวาดกลัวเขาไม่! แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตัวเจ้าหกลูกอกตัญญูผู้นี้คือสมองของเขา เขามักคิดการณ์ไกลอยู่เสมอ เขาอยู่ในจวนปี้ปัวมาสองสิบกว่าปี ข้าคิดว่าเขาคงใช้เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเหล่านี้…”ในข้อนี้ หยุนลี่เองก็เห็นด้วยไม่มีใครรู้เท่ากับเขาว่าเจ้าหกมีความเจ้าเล่ห์เพียงใดไอ้สารเลวนี้ เมื่อก่อนในจวนปี้ปัวทำตัวขี้ขลาดแน่นอนว่าคงหมกมุ่นอยู่แต่การวางแผนเล่นงานผู้อื่น!ไม่เช่นนั้น ไอ้สารเลวนี้จะมีความเจ้าเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้หรือ?“เสด็จพ่อสั่งสอนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความละอาย

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1473

    "นี่..." หยุนลี่อ้าปากค้างไปชั่วขณะ แต่ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ เขารู้ดีว่าจักรพรรดิเหวินตรัสอย่างมีเหตุผล ตระกูลใหญ่และขุนนางไม่ได้สนใจว่าใครจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ พวกเขาสนแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ตอนนี้หยุนเจิงมีกองกำลังที่แข็งแกร่ง หากเขาก่อกบฏ เกรงว่าตระกูลใหญ่และขุนนางหลายคนจะเข้าข้างหยุนเจิง บางตระกูลที่มีความทะเยอทะยาน อาจถึงขั้นร่วมมือกันยกทัพก่อกบฏ แค่หยุนเจิงคนเดียวก็จัดการได้ยากมากอยู่แล้ว ถ้าหลังบ้านของเรายังมีปัญหาเพิ่มเติม ราชสำนักอาจไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้านเลยก็เป็นได้ หยุนลี่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจกัดฟันพูดว่า "ลูกจะเชื่อเสด็จพ่อ! เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ลูกจะทำทุกวิถีทางเพื่อลดอำนาจของพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง!" เอาเป็นว่าทำตามนี้! ถ้าไม่จัดการกับพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง เงินทองของตัวเองจะมาจากไหน? เพราะนั่นมันตั้งสี่แสนตำลึงเงินนะ! เงินที่ยึดมาได้จากพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง บางส่วนจะสามารถเข้ากระเป๋าของตัวเองได้ เพื่อชดเชยความเสียหาย ส่วนหนึ่งสามารถนำเข้าคลังหลวง เพื่อนำไปเตรียมการกองทัพและป้องกันหยุนเจิง! "ถูกต้องแล้ว!" จักรพรรดิเห

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1472

    “เฮ้อ…” จักรพรรดิเหวินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตบมือหยุนลี่เบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าไปคุยกับเจ้าหกมาเป็นอย่างไรบ้าง?" พอพูดถึงเรื่องนี้ ไฟโทสะที่หยุนลี่เพิ่งกดไว้ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่โชคดีที่เขาเพิ่งพ่นเลือดไปสองครั้งและปลอบใจตัวเองมาพอสมควร เลยไม่ถึงกับพ่นเลือดออกมาอีก ถึงจะโกรธแค่ไหน แต่หยุนลี่ก็ยังเล่าเรื่องข้อตกลงระหว่างเขากับหยุนเจิงออกมา "ไอ้ลูกอกตัญญูช่างกล้าบ้าบิ่น!" พอจักรพรรดิเหวินได้ฟังเรื่องราวจากหยุนลี่ ก็โมโหจนหายใจแรง "เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้ว ขอให้รักษาพระวรกายไว้ก่อนเถิด..." หยุนลี่รีบยื่นมือไปช่วยประคองลมหายใจของจักรพรรดิเหวินให้สงบลง จักรพรรดิเหวินพ่นลมหายใจอย่างแรงอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดก็เริ่มสงบลงได้ หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิเหวินก็หันไปมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าเย็นชา "พรุ่งนี้เจ้าเด็กอกตัญญูยังต้องมาคารวะข้า เจ้าคิดว่าถ้าข้าให้คนซุ่มรอไว้ก่อน จะมีโอกาสจับมันได้ครั้งเดียวหรือไม่?" "ไม่ได้เด็ดขาด!" หยุนลี่รีบห้ามพระองค์จากความคิดบ้าคลั่งนั้น "เสด็จพ่อก็ทรงเห็นแล้วว่าเจ้าหกระวังตัวตลอดเวลา หากจับตัวมันไม่ได้ในการลงมือครั้งเดียว จะยิ่งทำให้มันโกรธแค้น ใน

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1471

    เมื่อกลับถึงจวนพัก หยุนลี่ก็ระบายความโกรธด้วยการฟันหิมะอย่างบ้าคลั่ง น่าขายหน้า! ขายหน้าสิ้นดี! ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อน เขารู้ว่าในการมาฟู่โจวครั้งนี้จะต้องถูกหยุนเจิงหลอก แต่ไม่คิดว่าจะโดนเล่นงานถึงขนาดนี้ ทั้งเงิน ทั้งข้าว ทั้งที่ดิน... ตัวเองยังสมควรเป็นองค์รัชทายาทอยู่อีกหรือ? เขากลายเป็นตัวตลกเต็มประตู! น่าชิงชัง! น่าชิงชังที่สุด! หยุนลี่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เลือดลมภายในร่างพลุ่งพล่านไม่หยุด "พรวด..." เมื่อความโกรธทำให้เลือดลมตีขึ้น หยุนลี่ก็ทนไม่ไหวและพ่นเลือดออกมาคำใหญ่ ร่างของหยุนลี่เซไปมาจนเกือบล้มลงกับพื้น โชคดีที่ในจังหวะที่ร่างกำลังจะทรุดลง เขาปักดาบลงพื้น ใช้ดาบค้ำยันตัวเองไว้ พร้อมคุกเข่าข้างหนึ่ง "องค์รัชทายาทเพคะ!" เหล่าข้ารับใช้รีบร้องตะโกนด้วยความตื่นตกใจ ก่อนกรูเข้ามาหา "ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด..." หยุนลี่ตะโกนเสียงต่ำ ขณะที่ปาดคราบเลือดที่มุมปากออกอย่างลวกๆ เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นสภาพอันน่าอับอายของตัวเอง เขาคือองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดิน ต่อให้เป็นอย่างไรก็ยังต้องรักษาหน้าตาไว้ เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหยุนลี่ บรรด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1470

    เมื่อเจอคำขู่ของหยุนเจิง หยุนลี่ถึงกับตัวสั่นไปทั้งร่างด้วยความโกรธ ลังเลอยู่นาน ในที่สุดหยุนลี่ก็กัดฟันยอมรับ "ตกลง สี่ล้านตำลึง! เหมือนกับเรื่องเสบียง ให้ชำระภายในสิ้นปี!" เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา หยุนลี่แทบกระอักเลือด เขาเคยคิดไว้ว่าจะพึ่งจางซูผู้เป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติเพื่อหาเงินได้อย่างมหาศาล ตอนนี้ เงินหาได้มาก็จริง แต่ยังไม่ทันได้ใช้ให้คุ้ม เจ้าสุนัขตัวนี้ก็มาจ้องตาเป็นมันแล้ว แถมยังต้องควักทุนสำรองออกมา และไปยืมเงินจากคนอื่นอีก! "ทีนี้มาพูดเรื่องช่างฝีมือกันเถอะ!" หยุนเจิงยิ้มอย่างพึงพอใจ "อย่ามาพูดเรื่องไปหาเอาจากกรมโยธาเลย แค่ช่างต่อเรือสองพันคนเอง ไม่ใช่ว่าสร้างเรือรบสองพันลำ! ข้าอาจไม่ยุ่งเรื่องในราชสำนัก แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ยากสำหรับเจ้า" ไม่ยาก? ในใจหยุนลี่ด่าไม่หยุด นี่มันช่างต่อเรือที่มีการลงทะเบียนเอาไว้! ล้วนมีทะเบียนช่างฝีมืออยู่! ไม่ใช่พวกผู้อพยพสองพันคน! "หนึ่งพัน!" หยุนลี่พยายามระงับโทสะ "จะเคลื่อนย้ายคนที่มีทะเบียนช่างฝีมือเยอะๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย! การควบคุมช่างต่อเรืออาจไม่เข้มงวดเท่าช่างทำเกราะ แต่ถ้ามีทะเบียนติดตัว..."

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1469

    ในห้องของหยุนเจิง เพิ่งจะจัดการความยุ่งเหยิงเรียบร้อย หยุนลี่ก็โผล่มาพอดี ในเวลานั้น หยุนเจิงเพิ่งจะตั้งตัวได้จากเรื่องวุ่นวายที่เกิดกับเจียเหยา "เจ้าหก เจ้าวางแผนได้ดีจริง!" หยุนลี่กำหมัดแน่น กัดฟันพูดว่า "ว่ามา เจ้าอยากได้อะไร?" หยุนลี่ไม่คิดจะอ้อมค้อมกับหยุนเจิง เจ้าสุนัขนี่วางแผนแบบนี้ก็เพื่อจะหาประโยชน์จากตนเองเท่านั้น หากมัวแต่เลี่ยงไปเลี่ยงมา คนที่ต้องเจ็บใจก็คือตัวเองอยู่ดี "พี่สาม ใจเด็ดดีจริง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง "เงินห้าล้านตำลึง กับช่างต่อเรืออีกสองพันคน!" "เจ้า..." หยุนลี่โกรธจนแทบระเบิด กัดฟันตะโกน "ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นเอาเลยล่ะ?" เจ้าสัตว์เดรัจฉาน! ยังแย่กว่าเดรัจฉานเสียอีก! เขารู้อยู่แล้วว่าหยุนเจิงต้องเรียกร้องมากแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ เงินห้าล้านตำลึง? ตนจะหาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน? แม้จะมีจางซูผู้เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งโชคลาภช่วยหาเงิน แต่แม่เจ้า ก็ไม่ถึงขนาดนี้! ซั่วเป่ยก็ยกให้เขาไปแล้ว! เขายังมาอ้อมค้อมขอเงินและเสบียงจากราชสำนักอีก? ไม่สิ ต้องบอกว่าขอจากตนต่างหาก! เขาเสียใจจริงๆ ที่ตอนนั้นปล่อยเจ้าหมอนี่ออกจากเมืองหล

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1468

    เอาได้เท่าไรก็เท่านั้น หยุนเจิงหัวเราะเมื่อได้ยิน “เจ้าชอบว่าข้าว่าหน้าหนา แต่ดูเจ้าสิ ก็ไม่ได้บางไปกว่าข้าเลย!” เจียเหยาหัวเราะเบาๆ “ข้านี่แหละเรียนจากเจ้าไง?” “เช่นนั้นรบกวนเจ้าจ่ายค่าเล่าเรียนมาก่อนนะ” หยุนเจิงพูดพลางยื่นมือไปทางเจียเหยา เจียเหยาทำหน้างง ก่อนจะตบมือหยุนเจิงเบาๆ ทันทีที่มือของเจียเหยาสัมผัส ถูกลูกธนูหลายดอกยิงเข้ามาในห้องด้วยเสียง “ฟิ้ว ฟิ้ว” มีลูกธนูสองดอกที่ทะลุผ่านผ้าห่มด้านนอกมากระแทกบนโต๊ะ เกิดเสียง "ตึบ ตึบ" เจียเหยาตั้งใจจะพุ่งไปหยิบแส้ของนางที่ข้างเตียง แต่ถูกหยุนเจิงดึงตัวไว้ เจียเหยาเสียหลัก ล้มเข้าไปในอ้อมอกของหยุนเจิงทันที “ฟิ้ว ฟิ้ว…” ลูกธนูยังคงยิงเข้ามาในห้องอย่างต่อเนื่อง สองคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังโต๊ะเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน เจียเหยาจ้องมองหยุนเจิงอย่างมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งสังเกตถึงสิ่งแปลกประหลาดก่อนจะถามด้วยใบหน้าแดงซ่าน “เจ้ายังพกของเล่นที่ทำไว้ให้ลูกติดตัวอยู่หรือ?” พูดจบ เจียเหยาก็คว้าสิ่งที่ดันตัวนางอยู่ พร้อมกระตุกมันออกมา นางอยากรู้ว่ามันคืออะไร ที่หยุนเจิงทำหล่นเมื่อคราวก่อน “อย่า…” หยุนเจิงพยายามห้าม แต

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1467

    โต๊ะในห้องของเขาทั้งสองมีขนาดแค่นั้น ซ่อนตัวคนเดียวก็ดูกว้างขวางดี แต่พอซ่อนตัวสองคนหลังโต๊ะ ก็รู้สึกค่อนข้างแคบลง ในระยะนี้ หยุนเจิงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเจียเหยาอย่างชัดเจน นางคงจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าใช่สบู่หอมหรือเปล่า หรือว่านางเหมือนเยี่ยจื่อ ที่ใส่กลีบดอกไม้จำนวนมากในอ่างอาบน้ำ หรือจะเป็นการอาบน้ำด้วยน้ำอบหอม? จู่ๆ ภาพเจียเหยาขณะอาบน้ำก็ผุดขึ้นมาในหัวของหยุนเจิง ทันใดนั้น หยุนเจิงรู้สึกเหมือนมีคนดึงตัวเขา จนถึงตอนนี้ หยุนเจิงถึงได้รู้สึกตัว หยุนเจิงหันศีรษะไป ก็เห็นเจียเหยาจ้องเขาด้วยสายตาสงสัย “อะไร? บนหน้าข้ามีดอกไม้หรือ?” หยุนเจิงถามด้วยสีหน้างงงวย “อะไร? ข้ากำลังอยากถามเจ้าว่ากำลังทำอะไรอยู่?” เจียเหยาหัวเราะเล็กน้อย “ข้าพูดกับเจ้านานแล้ว แต่เจ้าไม่มีปฏิกิริยาเลย ข้ายังคิดว่าเจ้าถูกผีสิงเสียอีก!” “หา?” “เช่นนั้นหรือ?” หยุนเจิงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ในใจ บ้าจริง! ยังไม่ทันถึงฤดูใบไม้ผลิเลย! เขานี่กำลังคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่? หยุนเจิงรีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนพูดด้วยท่าทีจริงจัง “เมื่อครู่ข้ากำลังคิดบางเรื่อง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1466

    เจียเหยาโกรธ “ข้าไม่ได้สงสัยว่าเจ้ามีสิ่งนั้นอยู่ในมือหรือไม่ ข้าแค่ถามไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น!” “ข้าบอกให้เจ้าไป ก็ต้องไป!” หยุนเจิงจ้องเจียเหยาทีหนึ่ง “แม้ว่าเจ้าจะวิ่งกลับไป ถ้าสถานการณ์ในเป่ยหวนไม่ดี เจ้าก็ต้องวิ่งมาหาข้าอยู่ดี วิ่งไปวิ่งมานี่เจ้าไม่เหนื่อยหรือ? หรือเจ้าอยากทรมานตัวเองจนตายเพื่อแก้แค้นข้า?” “ข้า…” เจียเหยาอึ้งจนพูดไม่ออก แต่ว่า คิดดูแล้วก็จริง หากสถานการณ์ในเป่ยหวนไม่ดี นางก็ต้องมาหาหยุนเจิงอยู่ดี คิดแบบนี้ การวิ่งไปมานั้นเหนื่อยมากจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไปดูเขาขยายช่องเขาหลางหยาก็น่าสนใจ “ก็ได้ ข้าจะฟังเจ้า” เจียเหยาพยักหน้าเบาๆ ก่อนถามด้วยสีหน้าล้อเลียน “เจ้ารู้สึกสงสารข้าหรือ?” “เจ้าอยากให้ข้าสงสารเจ้าหรือ?” หยุนเจิงถามกลับ “แน่นอน!” เจียเหยาตอบทันที “ถ้ามองในมุมของข้า ยิ่งเจ้าสงสารข้า ข้าและเป่ยหวนก็ยิ่งได้ประโยชน์” หยุนเจิงยักไหล่ “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าสงสารเจ้าก็แล้วกัน อย่างไรเจ้าก็คิดอะไรก็ได้ที่ทำให้เจ้ามีความสุข” สงสารเจียเหยาหรือ? ก็มีอยู่เล็กน้อยแหล่ะ! ทว่าก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็เพื่อรักษาอำนาจข่มขู่เจียเห

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status