หากตีทหารม้าของพวกเขาจนพิการ พวกเขาคิดจะทำศึกกับเป่ยหวนอีกครั้ง เช่นนั้นก็ยากแล้วบนทุ่งหญ้านำทหารราบไปสู้กับทหารม้า สิทธิ์ในการบุกก็จะตกอยู่ในมือคนอื่นเมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของหยุนเจิง รอยยิ้มบนใบหน้าเมี่ยวอินและเกาเหอค่อยๆ หายไปแม้หยุนเจิงจะระแวงเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีความเป็นไปได้หากเจียเหยามีความคิดเช่นนี้จริง พวกเขาเสี่ยงบุกโจมตี เป็นไปได้อย่างมากว่าจะติดกับดักสงครามใหญ่หนึ่งสนาม เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รบครั้งต่อไปเจียเหยาสตรีผู้นี้ ไม่ใช่สตรีที่จะยอมจำนนง่ายดาย!หยุนเจิงครุ่นคิด จากนั้นก็มองอวี๋ซื่อจง “เจ้าคิดว่าพวกเราต่อไปควรสู้เช่นไร?”สู้ แน่นอนว่าต้องสู้!ต่อให้เจียเหยาเจ้าเลห์เพียงใด ก็จำเป็นต้องสู้!เพียงแต่ว่า วิธีสู้ไม่เหมือนกันเท่านั้นอวี๋ซื่อจงรู้ว่าหยุนเจิงกำลังเริ่มทดสอบเขาแล้ว จึงครุ่นคิดอยากตั้งใจเกาเหอก็ครุ่นคิดเช่นกันเขารู้จุดประสงค์ที่หยุนเจิงย้ายเขากลับมา เขาเป็นคนชุดแรกที่ติดตามหยุนเจิง เมื่อก่อนคิดเพียงแต่อยากนำทัพ แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากการอยู่ข้างกายหยุนเจิงตอนนี้ หยุนเจิงให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาย่อมต้อ
กุ้ยโหยวไม่อาจตกลงรับเงื่อนไขของหยุนเจิง อีกครั้ง ไม่กล้าตอบรับด้วยต่อให้เขาตกลง เจียเหยาก็ไม่มีทางตกลง!แน่นอน หยุนเจิงรู้ว่ากุ้ยโหยวไม่มีทางตกลงเงื่อนไขของเขาหนึ่งวันเต็มๆ กุ้ยโหยวเสนออย่างพบหยุนเจิงอยู่หลายครั้ง แต่ถูกคนไล่ให้กลับไปกุ้ยโหยวไม่รู้ว่าพวกหยุนเจิงต้องการทำสิ่งใดกันแน่ ทว่ารับรู้ได้ว่าบรรยากาศภายในค่ายไม่ถูกต้องทั้งค่ายเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดราวกับพายุกำลังจะมาราวกับ...สงครามใหญ่ใกล้เริ่มแล้ว!คิดไปคิดว่า หนังตากุ้ยโหยวก็กระตุกหรือไม่ กองทหารมณฑลทางเหนือจะเป็นฝ่ายบุกโจมตี?สงครามใหญ่ครั้งก่อน กองทหารมณฑลทางเหนือก็เจ็บสาหัสเช่นกันเหตุใดกองทหารมณฑลทางเหนือจึงได้บุกโจมตีรอบใหม่เร็วนัก?หรือว่า หยุนเจิงเดาแผนการขององค์หญิงออกแล้ว?กุ้ยโหยวยิ่งคิดยิ่งไม่สงบ ร้องตะโกนกับทหารยามที่เฝ้าอยู่นอกกระโจมของต้าเฉียน “ข้าต้องการพบจิ้งเป่ยอ๋อง! รีบไปแจ้งเดี๋ยวนี้!”ทหารเมื่อได้ฟัง ก็หันหน้ากลับมามองสายตานั้น ราวกับวสายตาที่มองคนปัญญาอ่อนเผชิญกับสายตาของทหาร กุ้ยหยวนโกรธจนปวดตับอย่างควบคุมไม่อยู่ด้วยความโกรธ กุ้ยโหยวเดินออกไปข้างนอกโดยตรงแต่ว่า เดินไปได้ไม
อีกด้านหยุนเจิงเป็นผู้บัญชาการหลัก อวี๋ซื่อจงนำกองกำลังเก้าพันคน โยกย้ายทหารม้าห้าพันจากชายแดนกู้ เดินทางจากทะเลทรายตะวันตกที่อยู่ด้านตะวันออกของทะเลาทรายเหลืองเข้าประชิดดินแดนเป่ยหวน ส่งทหารราบหนึ่งหมื่นคุ้มกันขนส่งเสบียงแต่ว่า พวกเขาเพียงแค่แกล้งทำเป็นบุก จงใจลากเส้นทางเสบียงให้ยาวขึ้นพวกเขาจะไม่ข้ามทะเลทรายเหลือง ให้เจียเหยาส่งทหารข้ามทะเลทรายเหลือง ไปลอบโจมตีแน้วเส้นทางเสบียงของพวกเขาอีกอย่าง พวกเขาส่งคนลอบเข้าเป่ยหวนลับๆ ไปที่พื้นที่ชายแดนเหมิงกู่และเจินเกอเพื่อก่อความวุ่นวาย เพื่อสร้างความไม่ลงรอยให้กับสองแผ่นดินนี้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายตึงเครียดเช่นนี้ ตอนที่พวกเขากำลังควบคุมกำลังหลักของเป่ยหวนในสนามรบ เหมิงกู่และเจินเกอก็จะฉวยโอกาสกัดเป่ยหวน สุดท้าย ส่งคนไปถ่ายทอดคำสั่งให้หลู่ซิ่ง ให้หลู่ซิ่งส่งทูตไปยังกุ่ยฟาง โน้มน้าวให้ทางกุ่ยฟางข้ามดินแดนเฉียนหรง ส่งทหารมาโจมตีเป่ยหวนพร้อมกันกับพวกเขา หากกำจัดเป่ยหวนสิ้นซากได้ ก็จะยกทุ่งหญ้าชิ่นหลินให้กุ่ยฟาง!แผนนี้ ส่วนใหญเป็นแผนที่พวกอวี๋ซื่อจงคิดออกมาหยุนเจิงทำแค่เสริมเพิ่มเติมบางส่วนเสบียง จริงครึ่งปลอมครึ่งอีกอย่าง ทหารราบท
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ