เที่ยงคืน ทหารต้าเฉียนสองคนลอบเข้าใกล้กระโจมฟางหยุนซื่อและกุ้ยโหยว เจตนาฆ่าฟางหยุนซื่อคนทรยศขายชาติแต่ว่า ทั้งสองคนทำอย่างอึกทึกครึมโครมกลับได้ผลลัพทธ์เล็กน้อย ทำไม่สำเร็จอวี๋ซื่อจงที่ได้ยินข่าวดุด่าทหารทั้งสองด้วยความโกรธ สั่งให้คนลากทหารทั้งสองไปโบยห้าสิบไม้ไม่นาน กายในค่ายก็มีเสียงร้องโหยหวนดังออกมา “ข้าว่า ไม้ของข้ายังไม่ได้ตกอยู่บนตัวพวกเจ้า? พวกเจ้าก็ร้องโหยหวนเกินไปแล้วกระมัง?” “ไร้สาระ ไม่ร้องโหยหวน อีกเดี๋ยวคงต้องถูกโบยจริงแล้ว!” “น้องชาย เอาน้ำให้ข้าหน่อย คอข้าใกล้จะแหบแห้งแล้ว...”มุมหนึ่งของค่าย ทหารสองคนที่ถูกโบยกำลังทำหน้าทะเล้นสนทนากับคนที่โบกพวกเขาด้านข้างพวกเขา ก็ถือถุงกระสอบที่บรรจุหญ้าเอาไว้อีกด้านหนึ่ง เกาเหอได้ข่าวรีบตามมาถึง “องค์ชายมีคำสั่ง คุ้มครองทูตทั้งสองคนให้ดี หากทูตทั้งสองมีอันตราย จะเอาหัวพวกเจ้า!”เกาเหอหน้าดำอึมครึมบอกกับอวี๋ซื่อจง“ขอรับ!”อวี่ซื่อจงรับคำสั่ง หน้าดำตะโกนร้อง “พาฟางหยุนซื่อไปที่ส่งที่กระโจมข้า! ข้าจะเฝ้าด้วยตัวเอง ดูว่าพวกเจ้ายังจะกล้าบุกเข้ากระโจมข้าฆ่าคนหรือไม่!”ไม่ปล่อยให้กุ้ยโหยวพวกเขาได้มีโอกาสพูดคุย อวี๋ซื่
หากตีทหารม้าของพวกเขาจนพิการ พวกเขาคิดจะทำศึกกับเป่ยหวนอีกครั้ง เช่นนั้นก็ยากแล้วบนทุ่งหญ้านำทหารราบไปสู้กับทหารม้า สิทธิ์ในการบุกก็จะตกอยู่ในมือคนอื่นเมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของหยุนเจิง รอยยิ้มบนใบหน้าเมี่ยวอินและเกาเหอค่อยๆ หายไปแม้หยุนเจิงจะระแวงเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีความเป็นไปได้หากเจียเหยามีความคิดเช่นนี้จริง พวกเขาเสี่ยงบุกโจมตี เป็นไปได้อย่างมากว่าจะติดกับดักสงครามใหญ่หนึ่งสนาม เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รบครั้งต่อไปเจียเหยาสตรีผู้นี้ ไม่ใช่สตรีที่จะยอมจำนนง่ายดาย!หยุนเจิงครุ่นคิด จากนั้นก็มองอวี๋ซื่อจง “เจ้าคิดว่าพวกเราต่อไปควรสู้เช่นไร?”สู้ แน่นอนว่าต้องสู้!ต่อให้เจียเหยาเจ้าเลห์เพียงใด ก็จำเป็นต้องสู้!เพียงแต่ว่า วิธีสู้ไม่เหมือนกันเท่านั้นอวี๋ซื่อจงรู้ว่าหยุนเจิงกำลังเริ่มทดสอบเขาแล้ว จึงครุ่นคิดอยากตั้งใจเกาเหอก็ครุ่นคิดเช่นกันเขารู้จุดประสงค์ที่หยุนเจิงย้ายเขากลับมา เขาเป็นคนชุดแรกที่ติดตามหยุนเจิง เมื่อก่อนคิดเพียงแต่อยากนำทัพ แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากการอยู่ข้างกายหยุนเจิงตอนนี้ หยุนเจิงให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาย่อมต้อ
กุ้ยโหยวไม่อาจตกลงรับเงื่อนไขของหยุนเจิง อีกครั้ง ไม่กล้าตอบรับด้วยต่อให้เขาตกลง เจียเหยาก็ไม่มีทางตกลง!แน่นอน หยุนเจิงรู้ว่ากุ้ยโหยวไม่มีทางตกลงเงื่อนไขของเขาหนึ่งวันเต็มๆ กุ้ยโหยวเสนออย่างพบหยุนเจิงอยู่หลายครั้ง แต่ถูกคนไล่ให้กลับไปกุ้ยโหยวไม่รู้ว่าพวกหยุนเจิงต้องการทำสิ่งใดกันแน่ ทว่ารับรู้ได้ว่าบรรยากาศภายในค่ายไม่ถูกต้องทั้งค่ายเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดราวกับพายุกำลังจะมาราวกับ...สงครามใหญ่ใกล้เริ่มแล้ว!คิดไปคิดว่า หนังตากุ้ยโหยวก็กระตุกหรือไม่ กองทหารมณฑลทางเหนือจะเป็นฝ่ายบุกโจมตี?สงครามใหญ่ครั้งก่อน กองทหารมณฑลทางเหนือก็เจ็บสาหัสเช่นกันเหตุใดกองทหารมณฑลทางเหนือจึงได้บุกโจมตีรอบใหม่เร็วนัก?หรือว่า หยุนเจิงเดาแผนการขององค์หญิงออกแล้ว?กุ้ยโหยวยิ่งคิดยิ่งไม่สงบ ร้องตะโกนกับทหารยามที่เฝ้าอยู่นอกกระโจมของต้าเฉียน “ข้าต้องการพบจิ้งเป่ยอ๋อง! รีบไปแจ้งเดี๋ยวนี้!”ทหารเมื่อได้ฟัง ก็หันหน้ากลับมามองสายตานั้น ราวกับวสายตาที่มองคนปัญญาอ่อนเผชิญกับสายตาของทหาร กุ้ยหยวนโกรธจนปวดตับอย่างควบคุมไม่อยู่ด้วยความโกรธ กุ้ยโหยวเดินออกไปข้างนอกโดยตรงแต่ว่า เดินไปได้ไม
อีกด้านหยุนเจิงเป็นผู้บัญชาการหลัก อวี๋ซื่อจงนำกองกำลังเก้าพันคน โยกย้ายทหารม้าห้าพันจากชายแดนกู้ เดินทางจากทะเลทรายตะวันตกที่อยู่ด้านตะวันออกของทะเลาทรายเหลืองเข้าประชิดดินแดนเป่ยหวน ส่งทหารราบหนึ่งหมื่นคุ้มกันขนส่งเสบียงแต่ว่า พวกเขาเพียงแค่แกล้งทำเป็นบุก จงใจลากเส้นทางเสบียงให้ยาวขึ้นพวกเขาจะไม่ข้ามทะเลทรายเหลือง ให้เจียเหยาส่งทหารข้ามทะเลทรายเหลือง ไปลอบโจมตีแน้วเส้นทางเสบียงของพวกเขาอีกอย่าง พวกเขาส่งคนลอบเข้าเป่ยหวนลับๆ ไปที่พื้นที่ชายแดนเหมิงกู่และเจินเกอเพื่อก่อความวุ่นวาย เพื่อสร้างความไม่ลงรอยให้กับสองแผ่นดินนี้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายตึงเครียดเช่นนี้ ตอนที่พวกเขากำลังควบคุมกำลังหลักของเป่ยหวนในสนามรบ เหมิงกู่และเจินเกอก็จะฉวยโอกาสกัดเป่ยหวน สุดท้าย ส่งคนไปถ่ายทอดคำสั่งให้หลู่ซิ่ง ให้หลู่ซิ่งส่งทูตไปยังกุ่ยฟาง โน้มน้าวให้ทางกุ่ยฟางข้ามดินแดนเฉียนหรง ส่งทหารมาโจมตีเป่ยหวนพร้อมกันกับพวกเขา หากกำจัดเป่ยหวนสิ้นซากได้ ก็จะยกทุ่งหญ้าชิ่นหลินให้กุ่ยฟาง!แผนนี้ ส่วนใหญเป็นแผนที่พวกอวี๋ซื่อจงคิดออกมาหยุนเจิงทำแค่เสริมเพิ่มเติมบางส่วนเสบียง จริงครึ่งปลอมครึ่งอีกอย่าง ทหารราบท
“พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว พวกกู้โหยวจะจัดการเช่นไร? คุมขังไว้ตลอดหรือ?”เวลานี้ เมี่ยวอินถามอีกครั้งหยุนเจิงยิ้มมุมปาก ยิ้มร้าย “หลังพวกเราออกเดินทางแล้ว ให้คนพาพวกเขาส่งไปที่ชายแดนกู้ รอให้ทำศึกครั้งนี้เสร็จแล้ว ค่อยต้อนรับพวกเขา!”ถึงเช่นไร ก็ไม่ให้พวกเขาไปขอสันติที่เมืองจักรพรรดิ!หากอยากเจรจา ทำได้เพียงเจรจากับเขา!แน่นอน ต่อให้เจรจากับเขา ความจริงก็ไม่ได้มีผลมากมายในเมื่อเขาเองก็รู้ว่าเงื่อนไขของเขาโหดร้ายทารุณเกินไป เจียเหยาไม่มีทางตกลง“ใช่ๆ!”ชวีจื้อหัวเราะเสียงดัง “พวกเราห้ามให้คนเป่ยหวนบอกว่าท่านอ๋องเราตระหนี่ขี้เหนียว แม้แต่คนมาแล้วล้วนไม่ต้องรับ!”เมื่อได้ฟังคำของชวีจื้อ เมี่ยวอินหัวเราะอย่างควบคุมไม่อยู่ชวีจื้อช่างชั่วร้ายนัก!“แล้วฟางหยุนซื่อเล่า?”องี๋ซื่อจงถามด้วยรอยยิ้มร้าย “ส่งกลับไปหากุ้ยโหยวหรือไม่? ให้คนชั่วเช่นนั้นครอบครองกระโจมหนึ่งหลัง สิ้นเปลือง!”“ส่งกลับไปเถอะ! ถึงเช่นไรก็ไร้ประโยชน์แล้ว” หยุนเจิงเข้าใจความหมายของอวี๋ซื่อจง “กุ้ยโหยวทุบตีฟางหยุนซื่อเช่นไร พวกเราล้วนไม่ต้องสนใจ ดูละครอย่างสงบใจก็พอแล้ว!”ฟางหยุนซื่อออกมาเพียงลำพังตั้งนาน กุ้ยโ
แม้กระทั่งคิดเจรจากับหยุนเจิงล้วนไม่มีโอกาส!เขารู้ หยุนเจิงคิดจะทำศึกให้จบแล้วค่อยมาเจรจากับพวกเขา!หากหยุนเจิงชนะอีกครั้ง หยุนเจิงก็จะได้ครอบครองอำนาจโดยสิ้นเชิงขณะที่กุ้ยโหยวกระวนกระวายเดินหมุนไปรอบๆ ชวี้จื้อพาทหารกลุ่มหนึ่งมาถึง จากนั้นก็กล่าวยิ้มแย้มกับกุ้ยโหยว “ท่านทูตกุ้ย ขออภัยด้วยจริงๆ ท่านอ๋องยุ่งมาก ไม่มีเวลามาต้อนรับพวกท่าน! ท่านอ๋องกำชับไว้แล้ว เชิญท่านทูตกุ้ยย้ายไปชายแดนกู้ก่อน รอให้ท่านอ๋องทำธุระเสร็จแล้ว ค่อยมาต้อนรับท่านมูตให้ดี!”“ข้าไม่ไปชายแดนกู้!”กุ้ยโหยวตำหนิ “ข้าต้องการพบจิ้งเป่ยอ๋อง! เจ้าไปบอกเขา ข้าต้องการเจรจากับเขา! ขอแค่เขายอมเจรจา สิ่งใดก็ล้วนเจรจากันได้! รวมไปถึงเงื่อนไขที่เขาเสนอนั่นด้วย!”“ขออภัย ท่านอ๋องไม่อยู่ในค่ายแล้ว”ใบหน้าชวี้จื้อยังเปื้อนยิ้ม จากนั้นก็โบกมือให้ทหารข้างกาย “ส่งท่านทูตเป่ยหวนไปชายแดนกู้!”ทหารรับคำสั่งเข้าไปจับกุ้ยโหยวทันที“ข้าไม่ไปชายแดนกู้!”กุ้ยโหยวขัดขืนดิ้นรน “ปล่อยข้า! ข้าต้องการพบจิ้งเป่ยอ๋อง!”ทว่า ไม่ว่ากุ้ยโหยวดิ้นรนขัดขืนเช่นไร ล้วนไม่มีความหมายกลุ่มทหารดุร้ายเหมือนหมาป่าเหมือนเสือจับเขาลากไปโดยตรงฟางหย
ราชสำนักเป่ยหวนเจียเหยาได้รับรายงานจากสายลับแล้วกองทหารมณฑลทางเหนือเกิดผิดปกติ ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว กองทหารมณฑลทางเหนือคิดจะเดินทัพจากทางตะวันออกและตะวันตกสองทิศทางพร้อมกันกองทัพไม่ทราบจำนวนคนของสองเส้นทาง แต่คำนวนคร่าวๆ แล้ว กองทัพสองทางร่วมกันน่าจะมีประมาณห้าหกหมื่นคนหยุนเจิงอยากจะกินเป่ยหวนในคราวเดียว?บางที นี่อาจเป็นเล่ห์เหลี่ยมของหยุนเจิง?พ่ายแพ้หยุนเจิงตั้งหลายครั้ง เจียเหยาสูญเสียความมั่นใจแล้วตอนนี้ ทุกก้าวของหยุนเจิง นางล้วนต้องคิดซ้ำไปซ้ำมา กลัวจะตกหลุมพรางของหยุนเจิงนางรู้ว่านี่เป็นข้อห้ามของคนที่เป็นกุนซือ ทว่านางไม่อาจควบคุมตัวเองได้เป่ยหวนแพ้ไม่ได้แล้ว!แต่ขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นโอกาส!ครั้งนี้กองทหารมณฑลทางเหนือบุกมาครั้งใหญ่ หากเอาชนะทัพศัตรูที่บุกมาได้ เป่ยหวนก็ได้โอกาสได้หายใจ อดทนจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวใบไม้ร่วงควรสู้เช่นไร?เจียเหยาตอนนี้คิดจะเอาชนะการบุกรุกของกองทหารมณฑลทางเหนืออีกครั้ง แล้วก็คิดจะใช้ความเสียหายน้อยที่สุด แล้วลดจำนวนการส่งทหารให้ได้มากที่สุดแต่น่าเสียดาย ข้อไหนล้วนไม่ง่ายเลยเจียเหยานวดดวงตาแห้งเหือดอย่างเหนื่อยล้า รู้สึกอย
ให้กุ่ยฟางส่งทหารช่วยเหลือเป่ยหวนต่อกรกับต้าเฉียน ความเป็นไปได้มีไม่มาก“ไม่รู้”เจียเหยาส่ายหน้า “พวกเราตกลงนำฉวนหรงส่งคืนกุ่ยฟาง ทั้งยังยกแผนดินของทุ่งหญ้าชิ่นหลินด้านตะวันออกให้กับกุ่ยฟางเป็นการชดใช้ หากประมุขแคว้นกุ่ยฟางฉลาดมากพอ ก็ควรตอบตกลง! น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า หากเป่ยหวนเราต้องออกจากทุ่งหญ้าชิ่นหลิน ต้าเฉียนคงฉวยโอกาสยึดครองทุ่งหญ้าชิ่นหลิน ถึงตอนนั้นทหารติดอาวุธของเป่ยหวนก็จะคุกคามกุ่ยฟางได้ตลอดเวลา!”หลักการนี้ นางได้บอกกับประมุขแคว้นกุ่ยฟางแล้วตอนนี้ ต้าเฉียนมีจิ้งเป่ยอ๋องที่นิสัยดุร้ายก้าวร้าวอย่างมากต้าเฉียนร่ำรวย จักรพรรดิเหวินก็สนับสนุนหยุนเจิงอย่างมกา ให้ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่แก่พวกเขาเพื่อเลี้ยงม้า ศักยภาพของกองทหารมณฑลทางเหนือก็จะน่ากลัวถึงที่สุด!อยู่ข้างเตียงตั่ง ง่ายที่จะให้คนหลับจนกรน?หลังทหารแข็งแกร่งม้ากำยำ ช้าเร็วกองทหารมณฑลทางเหนือก็จะลงมือกับกุ่ยฟาง!กุ่ยฟางแม้แต่เป่ยหวนก็ยังเอาชนะไม่ได้ ไหนเลยจะสู้กับหยุนเจิง?ตอนนี้พวกเขาควรละทิ้งบุญคุญความแค้น ร่วมกันจัดการกองทหารมณฑลทางเหนือ ยับยั้งควบคุมอำนาจของกองทหารมณฑลทางเหนือร่วมกัน!“ไม่ว่ากุ่ยฟางจะส่
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่