เขารู้ข้อเสียของทหารม้าหุ้มเกราะเช่นกันแต่สิ่งที่ควรทำก็ยังต้องทำ!หากนำทหารม้าเหล็กหุ้มเกราะไปแข่งกับทหารม้า ย่อมไม่มีประโยชน์แต่ตอนที่เป่ยหวนหมดหนทางวิ่ง ทหารม้าหุ้มเกราะบุกทะลวงเข้าขบวนทัพ สามารถสร้างความเสียหายมหาศาลให้ทัพศัตรูได้แน่นอน“เช่นนี้หรือ?”ฉินชีหู่ลูบคางครุ่นคิด “เช่นนั้นก็ได้! ขอแค่เจ้ามีความมั่นใจก็พอ! ถึงเช่นไรเรื่องบุกตะลุยโจมตีข้าศึกข้าถนัด! ทว่ากล่าวไปแล้ว กองทัพเกราะเหล็กน่าเกรงขามมากจริง...”กล่าวจบ ฉินชีหู่หัวเราะเจ้าเล่ห์อีกครั้งผู้บัญชาการกองทัพเกราะเหล็กบุกทลวงทัพศัตรู ฆ่าศัตรูเหมือนกับฆ่าไก่!“ได้! เช่นนั้นก็เอาตามนี้”หยุนเจิงพยักหน้าหัวเราะ “ข้าให้ต่งกังเป็นรองแม่ทัพของเจ้าสักระยะ รอเจ้าคุ้นเคยแล้ว ค่อยปรับโยกย้ายเขา!”ต่งกังผู้นี้ ถือว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ที่หยุนเจิงค้นพบโดยเฉพาะตอนที่ได้รู้สิ่งที่ต่งกังบอกกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินในสนามรบก่อนหน้านี้ หยุนเจิงวางแผนจะอบรมสั่งสอนคนผู้นี้สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านั้น แสดงให้เห็นว่าตงกังมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ระยะยาว คุ้มค่ากับการอบรมสั่งสอน“ไม่มีปัญหา!”ฉินชีหู่ตอบรับอย่างสบายใจ “ไป พวกเร
เผชิญกับสายตาเร้าร้อนของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้าแดงกล่ำแม้นางกับหยุนเจิงเคยแนบชิดกายกัน แต่สุดท้ายก็ยังไม่เคยไปถึงขั้นสุดท้ายคิดถึงเรื่องต่อไปที่กำลังจะเกิดนั้น หัวใจของเสิ่นลั่วเยี่ยนเต้นตึกตักไม่หยุดเวลานี้ นางคล้ายจะเข้าใจเหตุใดเมี่ยวอินจึงต้องออกไปแล้วดีไม่ดี เมี่ยวอินดูออกนานแล้วว่าหยุนเจิงแกล้งเมามีเพียงนางที่ยังซื่อบื้ออยู่ตรงนี้เสิ่นลั่วเยี่ยนตื่นเต้นอย่างมาก เดิมไม่กล้าสบดวงตาหยุนเจิงโดยตรง กล่าวด้วยความลนลาน “อย่าซน ล้างหน้าก่อน...”เสิ่นลั่วเยี่ยนยังไม่ทันกล่าวจบประโยค หยุนเจิงก็ประทับจูบลงไป“อุ๊บ...”เสิ่นลั่วเยี่ยนดิ้นรน อยากจะหลบริมฝีปากที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุราของหยุนเจิงทว่า หยุนเจิงกลับไม่ปล่อยนางไม่นาน เสิ่นลั่วเยี่นจมไปกับจูบเร้าร้อนของหยุนเจิงกลิ่นเหล้าหรือกลิ่นใด ตอนนี้ราวกับไม่ได้กลิ่นแล้วมือของเสิ่นลั่วเยี่ยนที่เดิมทีจับเตียงเอาไว้แน่นเลื่อนมาโอบกอดคอของหยุนเจิงอย่างควบคุมตัวไม่อยู่ขณะที่ทั้งสองจูบดูดดื่ม อุณหภูมิภายในห้องราวกับเพิ่มสูงขึ้นเสื้อผ้าบนตัวทั้งสองลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วสุดท้าย ต่างก็เปลือยเปล่าต่อหน้ากัน“บาดแผลของเจ้า
เสิ่นลั่วเยี่ยนหยิกหยุนเจิง “เจ้าไม่รู้จักถนอมร่างกายตัวเองสักนิด”“สิ่งใดกันเชียว?”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ กล่าวด้วยใบหน้าขี้เล่น “พวกเราล้วนหลั่งเลือด นี่ถึงจะยุติธรรม”เสิ่นลั่วเยี่ยนเงยหน้ามองรอยเลือดบนเตียง ทันใดนั้นก็รู้สึกอายขึ้นมา“เจ้าหาที่ตายหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนอายไม่ไหว ทุบหน้าอกหยุนเจิงเบาๆเห็นท่าทางของเสิ่นลั่วเยี่ยน หยุนเจิงอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้เสิ่นลั่วเยี่ยนหยิกเขาด้วยความอาย จากนั้นก็กล่าว “รีบปล่อยข้า ข้าจะพันแผลให้เจ้าใหม่”“พันสิ่งใดเล่า!”หยุนเจิงลูบส่วนที่อ่อนไหวของเสิ่นลั่วเยี่ยน กระพริบตากล่าว “ตอนนี้พันแผล อีกเดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนอีก!”เปลี่ยนอีก?เสิ่นลั่วเยี่ยนทำหน้าประหลาด ถามอย่างไม่รู้ตัว “เพิ่งเปลี่ยนไปเหตุใด...”กล่าวไปได้ครึ่งเดียว ในที่สุดเสิ่นลั่วเยี่ยนก็เข้าใจแล้ว“เจ้าไม่เคยกินข้าวหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนอายมาก หยิกหยุนเจิงเบาๆ “จำเป็นต้องกินข้าวมื้อนึงทำให้ตัวเองจุกตาย?”“ข้าวต้องกินให้อิ่ม สุร้าต้องดื่มจนหนำใจ!”จูบนี้ เป็นดั่งฟ้าผ่าไฟลามทุ่งกระทั่งทั้งสองคนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอีกครั้ง เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงฝืนร่างกายอ่อนปวกเปียกพัน
ตอนเช้า ตอนที่หยุนเจิงตื่น เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่อยู่ข้างกายแล้วหยุนเจิงสวมเสื้อผ้าตัวเองเรียบร้อย กำลังจะออกจากประตูไป เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับยกถังไม้น้ำร้อนเดินเข้ามา“เหตุใดเจ้าตื่นแล้ว?”เสิ่นลั่วเยี่ยนวางถังไม้ลง “ข้ายังไม่ได้เปลี่ยนเข็มขัดห้ามเลือดให้เจ้าเลย!”ผู้หญิงเป็นสัตว์ที่แปลกประหลาดหลังจากเปลี่ยนจากเด็กสาวเป็นผู้หญิง ความเป็นวีรชนบนตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนหายไปไม่น้อย กลับแทนที่ด้วยความอ่อนโยนหลายส่วนที่ไม่ควรมีบนตัวนาง แม้แต่สายตาของนางยังอ่อนโยนขึ้นมากเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของเสิ่นลั่วเยี่ยน หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดปกติเขาไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด หรือว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนเกิดการเปลี่ยนแปลงจริง“ดูสิ่งใดกัน?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงอย่างตำหนิ “เจ้าอย่าเพิ่มขยับ ข้าเอาแอลกอฮอล์มาแล้ว ช่วยเจ้าทำความสะอาดบาดแผลก่อน ค่อยพันแผลให้เจ้า”กล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนยืนมือไปหมายจะถอดเสื้อของหยุนเจิง“ไม่เป็นไร”หยุนเจิงยกมือห้ามนางไว้ “ไม่ใช่แผลที่ลึกจนเห็นกระดูก ไม่เป็นไร ไม่ต้องลำบากเช่นนี้! เอาล่ะ เจ้าไปพักผ่อนก่อน เรื่องล้างหน้า ข้าทำเองก็ได้แล้วกล่าวจบ หยุนเจิงเดินเข้
นายพลในกองทหารมณฆลทางเหนือ คนที่หยุนเจิงให้ความสำคัญที่สุด นอกจากฉินชีหู่ ตู๋กูเช่อและตู้กุยหยวนที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังมีอวี๋ซื่อจง “ถามก่อนค่อยว่ากันเถอะ!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “อีกอย่าง ตอนนี้เจ้าเป็นผู้บัญชาการองครักษ์ชั่วคราว หลูซิ่งเป็นรองผู้บัญชาการ หากเกอเหอและโจวมี่ยอมกลับมาเป็นองครักษ์ต่อ ก็ให้พวกเขาเป็นหัวหน้าคนละห้าร้อยคน”“หลู่ซิ่ง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าคิดจะฝึกฝนเขาให้ดี?”หยุนเจิงมีใจฝึกฝนตู้กุยหยวน เป็นที่รู้กันดีในหมู่กองทัพแรกที่อยู่ซั่วฟางแต่เพราะตู้กุยหยวนไม่ยอมปล่อยวางกองทหารโลหิต จึงไม่อาจเป็นไปดั่งหวังเสียดาย หยุนเจิงไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนตู้กุยหยวนอีกแลว้“อื้ม”หยุนเจิงกล่าว “วรยุทธของหลู่ซิ่งไม่เลวเช่นกัน ที่สำคัญคือคนสุขุม ข้าฝึกฝนเขาก่อนสักระยะหนึ่ง ต่อไปให้เขาไปเป็นผู้ช่วยพี่ใหญ่ฉิน รอพี่ใหญ่ฉินคุ้นเคยกองทหารโลหิตแล้ว ค่อยย้ายต่งกังกลับมาข้างกายข้า”ฉินชีหู่แม้กล้าหาญ ทว่าด้านความสุขุมยังขาดไปบ้างมีคนสุขุมอยู่ด้วย เขาก็วางใจใช้ทุกสิ่งทุกอย่างสร้างกองทหารโลหิตออกมา ไม่อาจพังเสียหายได้เพราะสงครามครั้งเดียว“มันก็จริง”เสิ่นลั่
หยุนเจิงไม่รู้ตอนที่จักรพรรดิเหวินเขียนจดหมายฉบับนี้มีทรงมีความรู้สึกเช่นไรทว่า เขารับรู้ได้ถึงสิ่งที่เรียกว่าพลังงานทะลุกระดาษออกมาแล้วพลังงานทะลุกระดาษจริง!ความรู้สึกเหมือนกระดาษจดหมายกำลังแทงทะลุออกมา!ไม่รู้ตอนที่เสด็จพ่อเขียนอักษรเหล่านี้ทรงออกแรงไปเท่าใดระหว่างรู้สึกประหลาด สมองของหยุนเจิงปรากฎภาพหนึ่งนั่นคือภาพจักรพรรดิพระหัตถ์ถือมีดข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งทรงเขียนอักษรเห็นท่าทางของทั้งสองคน หลู่ซิ่งอดไม่ได้ที่จะสงสัย ถามหยั่งเชิง “องค์ชาย ฝ่าบาททรงเขียนสิ่งใด?”“เจ้าดูเอาเถอะ!”หยุนเจิงได้สติกลับมาแล้ว นำจดหมายในมือส่งให้หลู่ซิ่งหลู่ซิ่งปาดตามอง หนังตากระตุกทันใด “ฝ่าบาทจะเสด็จมาซั่วเป่ย?”“ไม่รู้”หยุนเจิงยักไหล่ “บางทีเสด็จพ่ออาจเสด็จมาซั่วเป่ย บางทีอาจจะมาเพื่อเฆี่ยนข้านอกด่านเป่ยลู่โดยเฉพาะ”“……”หลู่ซิ่งสับสน จากนั้นก็ยิ้มแห้ง “องค์ชายมีความดีความชอบมากมาย ฝ่าบาทคงไม่ถึงขั้นเฆี่ยนองค์ชายกระมัง?”“นี่ใครจะกล่าวได้ชัดเจนเล่า?”หยุนเจิงกล่าวแล้วหัวเราะขมขื่นสร้างความดีความชอบก็ส่วนสร้างความดีความชอบ หากบอกว่าจักรพรรดิเหวินอยากเฆี่ยนเขา แม้แต่เด็กสามขว
ตาแก่!ข้าไม่ให้โอกาสเจ้าหรอก!เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเสิ่นลั่วเยี่ยนเอียงศีรษะครุ่นคิด กล่าวด้วยความสงสัย “เสด็จพ่อทรงมีความคิดเช่นนี้จริง รอจนใกล้ถึงด่านเป่ยลู่ค่อยส่งคนมาส่งจดหมาย จงใจให้พวกเราไปรับไม่ทัน เช่นนั้นก็ได้แล้วกระมัง?”“เจ้าไม่เข้าใจ" หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “ตอนนี้ข้าเดาได้ด้วยซ้ำว่าพวกเราไปสาย เสด็จพ่อจะกล่าวเช่นไร”กล่าวจบ หยุนเจิงเลียนแบบสำเนียงจักรพรรดิเหวิน “ลูกทรพี ข้าให้คนไปส่งจดหมายให้เจ้าล่วงหน้าก่อนตั้งนานแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะปล่อยให้ข้ารออยู่ตรงนี้? ในสายตาเจ้ายังมีข้าอยู่หรือไม่?!”ต้อนรับไม่ทัน กับจงใจให้มาสาย มันคนละเรื่องกันดีหรือไม่?ตาแก่นี่ เห็นได้ชัดว่าหาโอกาสเรื่องที่เขามาต้อนรับไม่ทันเป็นข้ออ้าง!แจ้งก่อนล่วงหน้าตั้งนาน หากเขายังไปรับไม่ทัน ไม่จมน้ำลายของเสด็จพ่อตายก็แปลกแล้ว!มองดูท่าทางเลียนแบบของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนทนไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมาหากกล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องรีบไปต้อนรับล่วงหน้าแล้ว!หยุนเจิงครุ่นคิด จากนั้นก็สั่งการหลู่ซิง “ข้าไม่ไปดูเหมืองถ่านหินทางนั้นชั่วคราว สั่งให้ทหารประจำก
จดหมายฉบับเดียวของจักรพรรดิเหวิน ทำลายแผนการเดิมของหยุนเจิงแม้จะบอกว่าเมืองจักรพรรดิอยู่ไกลซั่วเป่ย แต่ก็ไม่แน่ว่าจักรพรรดิเหวินจะหวดม้าเร่งเดินทางมาเช่นไรจักรพรรดิเหวินก็เป็นกษัติรย์ที่เคยนำทัพด้วยตัวเองมาก่อน นำทหารม้าเร่งเดินทางมา ย่อมไม่มีปัญหาอีกทั้ง จักรพรรดิออกเดินทาง แต่ละมณฑลระหว่างทางใครบ้างจะกล้าไม่เตรียมเสบียงให้เขา?ดังนั้น จักรพรรดิเหวินไม่จำเป็นต้องบรรทุกสัมภาระหนักเกินไปหากจักรพรรดิเหวินทรงมีบัญชา ประมาณครึ่งเดือนก็สามารถเร่งเดินทางจากเมืองจักรพรรดิมาถึงซั่วเป่ยได้แล้วแน่นอน ความเป็นไปได้ที่จักรพรรดิเหวินทรงทำเช่นนี้มีน้อยมากถึงเช่นไรก็เป็นจักรพรรดิ ต่อให้มีคนรับใช้ติดตามขบวนมาด้วยรถม้า ขอแค่ขบวนเอิกเกริกสักหน่อย ก็ไม่อาจเดินทางได้เร็วนักหยุนเจิงให้เวลาจักรพรรดิเหวินออกเดินทางจากเมืองจักรพรรดิเร่งรุดมาที่ซั่วเป่ย ประมาณยี่สิบห้าวันไม่ว่าเช่นไรพวกเขาก็ต้องเดินทางไปด่านเป่ยลู่ล่วงหน้าสามวันต่อให้จักรพรรดิเหวินเริ่มเดินทางมาที่ซั่วเป่ยตั้งแต่ที่ได้รับศีรษะของพวกเขาฮูเจี๋ย พวกเขาก็ยังมีเวลาสิบกว่าวันในการเร่งเดินทางไปที่ด่านเป่ยลู่แต่ ในมือหยุนเจิงยังมี
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่