ตาแก่!ข้าไม่ให้โอกาสเจ้าหรอก!เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเสิ่นลั่วเยี่ยนเอียงศีรษะครุ่นคิด กล่าวด้วยความสงสัย “เสด็จพ่อทรงมีความคิดเช่นนี้จริง รอจนใกล้ถึงด่านเป่ยลู่ค่อยส่งคนมาส่งจดหมาย จงใจให้พวกเราไปรับไม่ทัน เช่นนั้นก็ได้แล้วกระมัง?”“เจ้าไม่เข้าใจ" หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “ตอนนี้ข้าเดาได้ด้วยซ้ำว่าพวกเราไปสาย เสด็จพ่อจะกล่าวเช่นไร”กล่าวจบ หยุนเจิงเลียนแบบสำเนียงจักรพรรดิเหวิน “ลูกทรพี ข้าให้คนไปส่งจดหมายให้เจ้าล่วงหน้าก่อนตั้งนานแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะปล่อยให้ข้ารออยู่ตรงนี้? ในสายตาเจ้ายังมีข้าอยู่หรือไม่?!”ต้อนรับไม่ทัน กับจงใจให้มาสาย มันคนละเรื่องกันดีหรือไม่?ตาแก่นี่ เห็นได้ชัดว่าหาโอกาสเรื่องที่เขามาต้อนรับไม่ทันเป็นข้ออ้าง!แจ้งก่อนล่วงหน้าตั้งนาน หากเขายังไปรับไม่ทัน ไม่จมน้ำลายของเสด็จพ่อตายก็แปลกแล้ว!มองดูท่าทางเลียนแบบของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนทนไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมาหากกล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องรีบไปต้อนรับล่วงหน้าแล้ว!หยุนเจิงครุ่นคิด จากนั้นก็สั่งการหลู่ซิง “ข้าไม่ไปดูเหมืองถ่านหินทางนั้นชั่วคราว สั่งให้ทหารประจำก
จดหมายฉบับเดียวของจักรพรรดิเหวิน ทำลายแผนการเดิมของหยุนเจิงแม้จะบอกว่าเมืองจักรพรรดิอยู่ไกลซั่วเป่ย แต่ก็ไม่แน่ว่าจักรพรรดิเหวินจะหวดม้าเร่งเดินทางมาเช่นไรจักรพรรดิเหวินก็เป็นกษัติรย์ที่เคยนำทัพด้วยตัวเองมาก่อน นำทหารม้าเร่งเดินทางมา ย่อมไม่มีปัญหาอีกทั้ง จักรพรรดิออกเดินทาง แต่ละมณฑลระหว่างทางใครบ้างจะกล้าไม่เตรียมเสบียงให้เขา?ดังนั้น จักรพรรดิเหวินไม่จำเป็นต้องบรรทุกสัมภาระหนักเกินไปหากจักรพรรดิเหวินทรงมีบัญชา ประมาณครึ่งเดือนก็สามารถเร่งเดินทางจากเมืองจักรพรรดิมาถึงซั่วเป่ยได้แล้วแน่นอน ความเป็นไปได้ที่จักรพรรดิเหวินทรงทำเช่นนี้มีน้อยมากถึงเช่นไรก็เป็นจักรพรรดิ ต่อให้มีคนรับใช้ติดตามขบวนมาด้วยรถม้า ขอแค่ขบวนเอิกเกริกสักหน่อย ก็ไม่อาจเดินทางได้เร็วนักหยุนเจิงให้เวลาจักรพรรดิเหวินออกเดินทางจากเมืองจักรพรรดิเร่งรุดมาที่ซั่วเป่ย ประมาณยี่สิบห้าวันไม่ว่าเช่นไรพวกเขาก็ต้องเดินทางไปด่านเป่ยลู่ล่วงหน้าสามวันต่อให้จักรพรรดิเหวินเริ่มเดินทางมาที่ซั่วเป่ยตั้งแต่ที่ได้รับศีรษะของพวกเขาฮูเจี๋ย พวกเขาก็ยังมีเวลาสิบกว่าวันในการเร่งเดินทางไปที่ด่านเป่ยลู่แต่ ในมือหยุนเจิงยังมี
เยี่ยจื่อไม่ได้หลอกเขา มันเทศแต่ละกิ่งก้านเติบโตได้ดีมากหยุนเจิงย่อตัวนั่งลง มองต้นกล้ามันเทศในมืออย่างรักทะนุถนอมเยี่ยจื่อรู้สึกว่า หยุนเจิงต้นกล้ามันเทศเหล่านี้ เหมือนมองสาวงามไม่มีผิดผ่านไปสักพักใหญ่ หยุนเจิงถามเยี่ยจื่ออีกครั้ง “สถานที่ปลูกถ่ายทำเสร็จแล้วหรือยัง?”“เสร็จแล้ว”เยี่ยจื่อพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ถาม “ที่ดินห้าร้อยหมู่ไม่มากไปหน่อยหรือ?”“มากดีกว่าน้อย!” หยุนเจิงกล่าวอย่างจริงจัง “ขอแค่ปีนี้มันเทศเก็บเกี่ยวได้อย่างอุดมสมบูรณ์ ปีหน้าก็สามารถ ขยายพื้นที่เพาะปลูกในซั่วเป่ยได้ บีถัดไป พวกเราก็สามารถเก็บเกี่ยวมันเทศได้มากมายมหาศาลแล้ว...” หยุนเจิงเริ่มจินตนาการไปเรื่อยมันเทศเผา วุ้นเส้นมันเทศ มันเทศย่าง มันเทศนึ่ง...มันเทศหัวเล็กๆ กลับมีพลังในการเปลี่ยนแปลงโลกมีคุณค่าทางอาหารหรือไม่ เขาไม่คิดจะไปใส่ใจขอแค่ไม่ปล่อยท้องหิว นี่ก็เป็นสมบัติล้ำค่าจากสวรรค์!“ก็ได้!”เยี่ยจื่อยิ้ม “ข้าอยากลองชิมเหลือเกินว่ามันเทศนี้รสชาติเป็นเช่นไร!”หยุนเจิงบีมมือเยี่ยจื่อ กล่าวอย่างเข้มครึม “รอเก็บเกี่ยวมันเทศในปีนี้แล้ว จะให้เจ้าลองเป็นคนแรก!”“เจ้าลองเป็นคนแรกเถอะ!”เยี่ย
ออกจากแปลงปลูกมันเทศแล้ว หยุนเจิงพาเยี่ยจื่อไปหาจางซูที่โรงฝีมือเนื่องจากที่ดินทางนี้แพงมาก โรงฝีมือของจางซูโดยพื้นฐานแล้วล้วนลือกสร้างบนที่ดินกันดาลบริเวณไหล่เขาจึงไม่ได้กลับติ้งเป่ยช่วงระยะหนึ่ง โรงฝีมือทางนี้หลายแห่งมีเริ่มมีเคร้าโค้งแล้วหยุนเจิงและเยี่ยจื่อรออยู่สักพัก จางซูใบหน้าเปื้อนเถ้าถ่านวิ่งมาบนตัวจางซูสกปรกมอมแมม ใบหน้าเปื้อนรอยดำประปรายราวกับวิ่งออกมาจากเหมืองถ่าน“เหตุใดเจ้าสภาพเป็นเช่นนี้?”หยุนเจิงยิ้มขบขันมองจางซู“ยากที่จะอธิบายได้เพียงคำเดียว”จางซูหัวเราะ “องค์ชาย ของสิ่งนั้นทำยากมาก...”ยากหรือ?หยุนเจิงหัวเราะน่าจะบอกว่ายากมากหยุนเจิงให้เยี่ยจื่อไปสนทนากับหมิงเย่ว์ เขาพาจางซูเดินไปด้านข้าง “มีที่ใดบ้างที่ยาก เจ้าบอกกับข้า ดูว่าข้าจะสามารถจัดการได้หรือไม่”“ยากทั้งหมด”จางซูสีหน้าทุกข์ระทม กล่าวด้วยความกลัดกลุ้ม “ปืนไฟและปืนยาวนั้นทำได้ไม่ยาก แต่ทำออกมาแล้วก็ไม่สามารถใช้งานได้...”สำหรับจางซูผู้เป็นคนลงมือทำ คิดจะทำต้นแบบปืนไฟและปืนยาวออกมา ความจริงแล้วไม่ยากแต่ว่า ต้นแบบก็มีข้อจำกัด!ก็คือเจ้าต้นแบบสิ่งนี้ ดูได้แต่ใช้งานไม่ได้กระบองจุดไ
รอให้แคว้นอื่นวิจัยออกมาแล้ว พวกกเขายังเอาอาวุธเย็นไปสู้ เช่นนั้นก็จบเห่แล้ว“ได้! มีคำพูดนี้ขององค์ชาย ข้าก็วางใจแล้ว”จางซูพยักหน้าหนักๆ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ายังกลัวว่าองค์ชายจะบอกว่าข้าทำงานไม่รอบครอบ!”“มีสิ่งใดไม่รอบครอบกัน”หยุนเจิงหัวเราะอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่มีเรื่องใดแค่ก้าวเดินก็ขึ้นสู่ท้องฟ้าได้แล้ว พวกเราต้องค่อยเป็นค่อยไป ก็จะค่อยๆ ทิ้งระยะห่างจากคนอื่น! เรื่องนี้เจ้าจับตาให้ความสำคัญก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทุมเททำเองทั้งหมด เจ้าต้องให้ความสำคัญกับการค้าของพวกเราเป็นหลัก ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าหาเงินให้กองทัพ!”ยังดีที่เริ่มทำเรื่องเหล่านี้ตั้งแต่ที่ต้าเฉียนแล้วแคว้นอื่นมีคนทำเรื่องเหล่านี้หรือไม่เขาไม่รู้ แต่เป่ยหวนไม่มีแน่นอนจัดการเป่ยหวนก่อน อย่างอื่นค่อยคิดเถอะ!“อื้ม!”จางซูพยักหน้าหนักแน่นอีกครั้ง ในใจรู้สึกผ่อยคลายเช่นกัน“พอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว”หยุนเจิงหัวเราะ จากนั้นก็เปลี่ยนประเด็น “เสด็จพ่อจะเสด็จมาที่ซั่วเป่ยแล้ว ให้ข้าไปต้อนรับ เจ้าก็ไปด้วยกันเถอะ!”“ห๊า?”จางซูพลันกระอึกกระอัก กล่าวด้วยใบหน้าขาวซีด “ข้าไม่ไปดีกว่า
เดิมที เงินบำนาญของทหารที่เสียชีวิตในการรบที่สันดอนเป่ยหยวนและการบุกทะลวงวงล้อมชายแดนกู้มีราชสำนักเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายแต่ว่า เพราะหยุนเจิงยึดอำนาจทางทหาร จากนั้นก็ถูกแต่งตั้งเป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ ดังนั้น ทางราชสำนักจึงไม่ส่งเงินบำนาญมาเงินบำนาญเหล่านี้ หยุนเจิงต้องควักเงินเองเท่านั้นกองทหารมณฑลทางเหนือนับว่าเป็นทหารชายแดน ค่าจ้างจะสูงกว่าทหารที่อื่นค่าจ้างของทหารธรรมดา โดยพื้นฐานแล้วคือเดือนละหนึ่งตำลึงเงินครึ่งถึงสองตำลึงเงินส่วนทหารชาวนาเหล่านั้น ค่าจ้างทุกเดือนคือสี่ตำลึงเงินส่วนนายพลแต่ละระดับในกองทัพ ค่าจ้างย่อมสูงกว่าหน่อยตามหลักเกณฑ์ของราชสำนักต้าเฉียน ทหารเสียชีวิต ได้รับชัยชนะ จ่ายเงินค่าจ้างสามปีเป็นค่าบำเหน็จบำนาญ หากพ่ายแพ้ เงินบำเหน็จบำนาญลดลงครึ่งหนึ่งหากไม่จ่ายด้วยเงิน ก็ให้สิ่งของหรือที่ดินราคาเท่ากันเป็นสิ่งทดแทนแต่ว่า ตอนนี้ซั่วเป่ยขาดแคลนที่สุดก็คือเสบียง ที่นาก็ไม่ได้มีมากมาย ดังนั้น ทั้งหมดจึงต้องอาศัยการแจกเงินเนื่องจากก่อนหน้านี้หยุนเจิงต้องการแจกเงินบำนาญของทุกคนตามมาตราฐานผู้เสียชีวิตที่ได้รับชัยชนะ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายจึงเพิ่มขึ้นมากกะทันห
เทพเจ้าโชคลาภ?จางซู?จางซูอยู่ที่ติ้งเป่ยไม่ใช่หรือ?เยี่ยจื่อชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจแล้ว กล่าวด้วยความตะลึง “เจ้าคงไม่คิดจะหาเงินจากฝ่าบาทหรอกกระมัง?”นอกจากเทพเจ้าโชคลาภจางซูแล้ว มีเพียงจักรพรรดิเหวินที่คู่ควรเรียกว่าเทพเจ้าโชคลาภ!“เหตุใดเจ้าฉลาดเพียงนี้!”หยุนเจิงหัวเราะเสียงประหลาด ยกมือขึ้นดีดจมูกงามของเยี่ยจื่อ“น่าเบื่อ!”เยี่ยจื่อปัดมือของหยุนเจิง จากนั้นก็ยืนแขนงามโอบกอดคอของหยุนเจิง “เจ้ากล้าคิดเกินไปแล้วกระมัง? เจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ยังกล้าหาเงินจากฝ่าบาทอีก เจ้าไม่กลัวฝ่าบาทจะเฆี่ยนเจ้าจนตายหรือ?”เขาหลอกเอาเงินคนจนเป็นนิสัยแล้ว?แม้แต่เสด็จพ่อเขาก็คิดจะหลอก?อีกอย่าง ฝ่าบาทก็ไม่มีทางให้เงินกับเขา!ฝ่าบาทให้เสบียงเขามากมายเช่นนั้น ทั้งยังแต่งตั้งเขาเป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งแล้วหากเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิองค์อื่น เกรงว่าคงจัดการเขาเหมือนกบฏไปแล้ว!เขาชำนาญสงครามเช่นนี้ ฝ่าบาทยังจะให้เงินเขาหรือ?ฝันไว้หอมหวานเชียว!ไม่สู้เขาขอให้ฝ่าบาทยกตำแหน่งจักรพรรดิให้เขาโดยตรงเลยดีกว่า!“ไม่ให้เงิน อย่างน้อยก็เปิดแนวหน้าของฟู่โจวได้น
หยุนเจิงและเยี่ยจื่อรีบร้อนเดินออกจากห้องหากเป็นก่อนหน้านี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนคงหลอกล้าเยี่ยจื่อไม่น้อยแต่สถานการณ์ตรงหน้า เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับไม่มีจิตใจไปทำเช่นนั้น“เสด็จพ่อมีถึงเมื่อใด?”หยุนเจิงถามเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างใจร้อน“วันนี้ตอนเช้า”เสิ่นลั่วเยี่ยนตอบด้วยความร้อนใจ “จั่วเริ่นขี่ม้าเร็วมารายงาน เสด็จพ่อนำทหารม้าชั้นยอดมาเพียงสามร้อยกว่าคน ไม่ยอมเข้าด่าน กำลังรอให้เจ้าไปรับ จั่วเริ่นบอกว่าได้ตั้งค่ายให้เสด็จพ่อนอกด้านเป่ยลู่ชั่วคราว...”พาทหารม้าชั้นยอดมาเพียงสามร้อยกว่าคน?ตาแก่นี่บ้าไปแล้วกระมัง?ควบม้าเร็วมาตลอดทาง?ให้ตายสิ!ประมาทเดินไปแล้ว!คำนวณเป็นพันเป็นหมื่น ก็ไม่อาจคาดคิดว่าเสด็จพ่อจะมาถึงไวเช่นนี้!คราวนี้ เกรงว่าเขาคงต้องจมฟองน้ำลายตายแล้วหยุนเจิงสูดหายใจลึก จากนั้นก็กล่าว “พวกเราเร่งเดินทางตอนกลางคืนไปด่านเป่ยลู่ก่อน จากนั้นให้พวกแม่ยายตามไปด่านเป่ยลู่ทีหลัง! พี่สะใภ้ เจ้าสั่งให้คนในจวนที่ติ้งเป่ยเตรียมตัว หากเสด็จพ่อต้องการมาที่ติ้งเป่ย พวกเราไม่เตรียมสิ่งใดสักอย่างไม่ได้...”“ได้!”เยี่ยจื่อไม่สนใจความเขินอาย ตอบตกลงทันทีหลังจากสั่งการเรื่องราว
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่