ตาแก่!ข้าไม่ให้โอกาสเจ้าหรอก!เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเสิ่นลั่วเยี่ยนเอียงศีรษะครุ่นคิด กล่าวด้วยความสงสัย “เสด็จพ่อทรงมีความคิดเช่นนี้จริง รอจนใกล้ถึงด่านเป่ยลู่ค่อยส่งคนมาส่งจดหมาย จงใจให้พวกเราไปรับไม่ทัน เช่นนั้นก็ได้แล้วกระมัง?”“เจ้าไม่เข้าใจ" หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “ตอนนี้ข้าเดาได้ด้วยซ้ำว่าพวกเราไปสาย เสด็จพ่อจะกล่าวเช่นไร”กล่าวจบ หยุนเจิงเลียนแบบสำเนียงจักรพรรดิเหวิน “ลูกทรพี ข้าให้คนไปส่งจดหมายให้เจ้าล่วงหน้าก่อนตั้งนานแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะปล่อยให้ข้ารออยู่ตรงนี้? ในสายตาเจ้ายังมีข้าอยู่หรือไม่?!”ต้อนรับไม่ทัน กับจงใจให้มาสาย มันคนละเรื่องกันดีหรือไม่?ตาแก่นี่ เห็นได้ชัดว่าหาโอกาสเรื่องที่เขามาต้อนรับไม่ทันเป็นข้ออ้าง!แจ้งก่อนล่วงหน้าตั้งนาน หากเขายังไปรับไม่ทัน ไม่จมน้ำลายของเสด็จพ่อตายก็แปลกแล้ว!มองดูท่าทางเลียนแบบของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนทนไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมาหากกล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องรีบไปต้อนรับล่วงหน้าแล้ว!หยุนเจิงครุ่นคิด จากนั้นก็สั่งการหลู่ซิง “ข้าไม่ไปดูเหมืองถ่านหินทางนั้นชั่วคราว สั่งให้ทหารประจำก
จดหมายฉบับเดียวของจักรพรรดิเหวิน ทำลายแผนการเดิมของหยุนเจิงแม้จะบอกว่าเมืองจักรพรรดิอยู่ไกลซั่วเป่ย แต่ก็ไม่แน่ว่าจักรพรรดิเหวินจะหวดม้าเร่งเดินทางมาเช่นไรจักรพรรดิเหวินก็เป็นกษัติรย์ที่เคยนำทัพด้วยตัวเองมาก่อน นำทหารม้าเร่งเดินทางมา ย่อมไม่มีปัญหาอีกทั้ง จักรพรรดิออกเดินทาง แต่ละมณฑลระหว่างทางใครบ้างจะกล้าไม่เตรียมเสบียงให้เขา?ดังนั้น จักรพรรดิเหวินไม่จำเป็นต้องบรรทุกสัมภาระหนักเกินไปหากจักรพรรดิเหวินทรงมีบัญชา ประมาณครึ่งเดือนก็สามารถเร่งเดินทางจากเมืองจักรพรรดิมาถึงซั่วเป่ยได้แล้วแน่นอน ความเป็นไปได้ที่จักรพรรดิเหวินทรงทำเช่นนี้มีน้อยมากถึงเช่นไรก็เป็นจักรพรรดิ ต่อให้มีคนรับใช้ติดตามขบวนมาด้วยรถม้า ขอแค่ขบวนเอิกเกริกสักหน่อย ก็ไม่อาจเดินทางได้เร็วนักหยุนเจิงให้เวลาจักรพรรดิเหวินออกเดินทางจากเมืองจักรพรรดิเร่งรุดมาที่ซั่วเป่ย ประมาณยี่สิบห้าวันไม่ว่าเช่นไรพวกเขาก็ต้องเดินทางไปด่านเป่ยลู่ล่วงหน้าสามวันต่อให้จักรพรรดิเหวินเริ่มเดินทางมาที่ซั่วเป่ยตั้งแต่ที่ได้รับศีรษะของพวกเขาฮูเจี๋ย พวกเขาก็ยังมีเวลาสิบกว่าวันในการเร่งเดินทางไปที่ด่านเป่ยลู่แต่ ในมือหยุนเจิงยังมี
เยี่ยจื่อไม่ได้หลอกเขา มันเทศแต่ละกิ่งก้านเติบโตได้ดีมากหยุนเจิงย่อตัวนั่งลง มองต้นกล้ามันเทศในมืออย่างรักทะนุถนอมเยี่ยจื่อรู้สึกว่า หยุนเจิงต้นกล้ามันเทศเหล่านี้ เหมือนมองสาวงามไม่มีผิดผ่านไปสักพักใหญ่ หยุนเจิงถามเยี่ยจื่ออีกครั้ง “สถานที่ปลูกถ่ายทำเสร็จแล้วหรือยัง?”“เสร็จแล้ว”เยี่ยจื่อพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ถาม “ที่ดินห้าร้อยหมู่ไม่มากไปหน่อยหรือ?”“มากดีกว่าน้อย!” หยุนเจิงกล่าวอย่างจริงจัง “ขอแค่ปีนี้มันเทศเก็บเกี่ยวได้อย่างอุดมสมบูรณ์ ปีหน้าก็สามารถ ขยายพื้นที่เพาะปลูกในซั่วเป่ยได้ บีถัดไป พวกเราก็สามารถเก็บเกี่ยวมันเทศได้มากมายมหาศาลแล้ว...” หยุนเจิงเริ่มจินตนาการไปเรื่อยมันเทศเผา วุ้นเส้นมันเทศ มันเทศย่าง มันเทศนึ่ง...มันเทศหัวเล็กๆ กลับมีพลังในการเปลี่ยนแปลงโลกมีคุณค่าทางอาหารหรือไม่ เขาไม่คิดจะไปใส่ใจขอแค่ไม่ปล่อยท้องหิว นี่ก็เป็นสมบัติล้ำค่าจากสวรรค์!“ก็ได้!”เยี่ยจื่อยิ้ม “ข้าอยากลองชิมเหลือเกินว่ามันเทศนี้รสชาติเป็นเช่นไร!”หยุนเจิงบีมมือเยี่ยจื่อ กล่าวอย่างเข้มครึม “รอเก็บเกี่ยวมันเทศในปีนี้แล้ว จะให้เจ้าลองเป็นคนแรก!”“เจ้าลองเป็นคนแรกเถอะ!”เยี่ย
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ