แต่ต่งกงกลับไม่ยอมลุกขึ้น เพียงแค่นั่งก้นกระแทกลงกับพื้น มองร่างตู้กุยหยวนอย่างเหม่อลอย“ก่อนตู้กุยหยวนตายได้ฝากฝังสิ่งใด?”เนิ่นนาน หยุนเจิงถามต่งกงโดยที่หันหลังให้กับทุกคนต่งกงดึงสติกลับมาด้วยความยากเย็น สำลักด้วยเสียงสะอื้น “ก่อนตายพี่ใหญ่ตู้ฝากฝังกับเหล่าพี่น้อง หากเขาตายในสงคราม สถานที่แห่งความตาย ก็คือสถานที่หวนคืนกลับ...”สถานที่แห่งความตาย ก็คือสถานที่หวนคืนกลับ...ภายในใจหยุนเจิงนึกย้อนประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระดูกผู้ภักดีฝังไว้ทุกแห่งหน ใยต้องห่อศพไว้บนหลังม้าเพื่อส่งคืนคำพูดของตู้กุยหยวน คงมีความหมายเดียวกับประโยคนี้กระมัง?หยุนเจิงพยายามปรับอารมณ์ บังคับให้ตัวเองสงบลงผ่านไปเนิ่นนาน หยุนเจิงจึงเดินทางยังตรงที่พวกเขานั่งเมื่อครู่ หยิบดาบใหญ่ที่แตกหักของฉินชีหู่เล่มนั้นหน้าดาบหักครึ่ง เหมาะกับการนำมาขุดดินเมื่อเห็นการกระทำของหยุนเจิง ทุกคนเดาได้แล้วว่าหยุนเจิงต้องการทำสิ่งใดเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินรีบเข้ามา อยากจะรับดาบในมือหยุนเจิง ทว่าหยุนเจิงปฏิเสธ“เจ้าบาดเจ็บ ให้ข้าทำเถอะ!”เมี่ยวอินกล่าวเสียงเบากับหยุนเจิง“ไม่เป็นไร”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ “ไร้หน
เผชิญหน้ากับคำถามของหยุนเจิง บอกเล่าเรื่องราวด้วยสีหน้าเศร้าหมองหลังจากสืบข่าวจากทัพหลังศัตรู ได้รู้ว่าครั้งนี้เป็นฮูเจี๋ยนำทัพด้วยตัวเองบุกโจมตีโปหลวน ตู้กุยหยวนรีบกลับมาที่ชายแดนเว่ย อยากจะรายงายหยุนเจิงปรากฎว่ากลับมาถึงชายแดนเว่ย หยุนเจิงได้นำทัพเข้าสู่ทุ่งหญ้ามู่หม่าแล้วหลังจากตู้กุยหยวนส่งคนไปรายงายอวี๋ซื่อจง ก็รีบนำทัพมาทันที“พวกเข้าข้ามแม่น้ำเช่นไร?”หยุนเจิงถามอีกครั้ง “เหตุใดสวมเสื้อกันเช่นนี้?”ต่งกังตอบ “พวกเราคนน้อย ให้คนที่ว่ายน้ำเก่งนำเชือกหนาๆ ไปผูกไว้อีกฝั่ง คนที่เหลือเกาะเชือกน้ำข้ามแม่น้ำมา”คนของกองทหารโลหิตมีจำนวนไม่น้อยที่ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ช่วยไม่ได้ ทหารทางเหนือก็เป็นเช่นนี้ ไม่คุ้นเคยกับการว่ายน้ำเมื่อก่อนล้วนเป็นฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ แม้แต่แม่น้ำไป๋สุ่ยล้วนกลายเป็นน้ำแข็ง ต่อให้ฝึกฝนกองทหารโลหิตเช่นไร ก็ไม่อาจเจาะแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็งเพื่อฝึกฝนได้!ความจริง วิธีการข้ามแม่น้ำนี้ พวกเขาเคยใช้ตอนที่โจมตีก่อกวนบนทุ่งหญ้ามู่หม่าแต่ตอนนั้นหลังจากพวกเขาข้ามแม่น้ำไป ก็ยังมีเวลาหาสถานที่นำเสื้อผ้าผิงไฟให้แห้งแต่ครั้งนี้ พวกเขารีบร้อนมาช่วยเหลือหยุนเจิง ไม
ม้าล้ำค่าทั้งสองตัวนี้ล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นอาวุธยุทธภัณฑ์ของพวกเขาความเสียของสงครามครั้งนี้ มีมากกว่าที่หยุนเจิงคิดเอาไว้มากประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยนำทัพบุกมาด้วยตนเอง เพิ่มขวัญกำลังใจของกองทหารศัตรูอย่างมากต่อให้ฮูเจี๋ยสยบกองกำลังโปหลวนชั่วคราว แต่ก็ยังระเบิดกำลังการต่อสู้ออกมาได้ขั้นสุดไม่ว่าภายในเป่ยหวนจะต่อสู้ขัดแย้งกันเช่นไร สำหรับเป่ยหวนแล้ว พวกเขาคือศัตรูที่แท้จริงทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างหนักโดยหมายจะเอาชีวิตแม่ทัพหลักของอีกฝ่ายสู้กันจนสภาพเป็นเช่นนี้ ชนะหรือแพ้ล้วนไม่แตกต่างกันมากความเสียหายรุนแรงเช่นนี้ ทั้งยังทำให้เสียผู้ใต้บังคับบัญชาคนโปรดอย่างตู้กุยหยวนไป หยุนเจิงไม่ดีใจเลยสักนิดกระดูกสีขาวดุจเม็ดทรายและหิมะ แม่ทัพวาดหวังได้เกษียณกลับสู่บ้านเกิดเวลานี้ หยุนเจิงรับรู้ความหมายของกวีบทนี้ท่วมท้นไปทั้งตัวนอกจากความโหดร้าย ก็มีแต่ความโหดร้ายการต่อสู้ที่โหดร้ายเช่นนี้ ทั้งชีวิตเขาไม่อยากทำสงครามเช่นนี้อีกแล้ว!รอจนกองกำลังห้าร้อยคนของนักรบภูตสิบเจ็ดกลับมา หยุนเจิงสั่งคนพาผู้บาดเจ็บและอาวุธยุทธภัณฑ์เริ่มทำการถอยทัพ……กลางดึก ทหารเลือดท่วมตัวเข้ามาในกระ
เพียงไม่นาน เกออาซูและทัวน่าเกอก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาทันทีที่ทั้งสองคนเข้ามาในกระโจม ก็เห็นทหารองครักษ์ของฮูเจี๋ยทั้งสองคนใจเต้นกระตุก ถามหยั่งเชิง “องค์หญิง เกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว?”เจียเหยาหายใจแรง ความโศกเศร้าในใจเหลือคนา ทำได้เพียงให้สองทหารองครักษ์บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเขารู้กับเกออาซูและทัวน่าเกอเมื่อรู้ว่าฮูเจี๋ยและไห่เจ๋อตายในสงครามทั้งคู่ ในสมองของทั้งสองคนเกิดเสียงหึ่งๆไม่รอให้ทั้งสองคนได้สติกลับมา เจียเหยาคำรามเสียงต่ำอย่างโหดร้าย “ข้าจะนำทัพทหารม้าหนึ่งหมื่นไล่ตามกองกำลังหยุนเจิงไป! พวกเจ้าอยู่เฝ้าค่ายเอาไว้ นำทุกอย่างบรรจุใส่เกวียน ทันทีที่ทัพศัตรูเข้ามาระยะประชิด พวกเจ้านำกำลังพลที่เหลือถอยล่นไปยังราชสำนัก!”แม้เจียเหยาจะโศกเศร้าเพียงใด แต่ก็ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปในใจนางรู้ดี พวกเขารักษาทุ่งหญ้ามู่หม่าไว้ไม่ได้แล้วตอนนี้ พวกเขาจำเป็นต้องละทิ้งทุ่งหญ้ามู่หม่า ล่าถอยเต็มรูปแบบ เพื่อรักษากำลังที่เหลือเอาไว้ภายในสามปี พวกเขาไม่มีแรงกำลังทำสงครามอีกแล้ว!มีเพียงต้องรักษาแรงที่เหลือเอาไว้ ต่อไปจึงจะไปหาต้าเฉียนเพื่อล้างความอัปยศได้!แต่พวกเขาไม่อาจล่าถอ
อวี๋ซื่อจงขมวดคิ้ว ทว่าไม่ได้กล่าวโทษหน่วยสอดแนมมืดมิดไม่มีไฟ ทัพศัตรูยังมีสายลับเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก พวกเขามองไม่เห็นก็เป็นเรื่องธรรมดาได้ยินทางนั้นมีการเคลื่อนไหว ก็นับว่าไม่เลวแล้วทัพศัตรูต้องการทำสิ่งใดกัน?ฉวยโอกาสออกจากค่ายตอนกลางคืน มีความเป็นไปได้สองอย่างหากไม่ใช่ทัพศัตรูตั้งใจแสดงออก ลวงหลอกว่าภายในค่ายของทัพศัตรูพวกเขาว่างเปล่า เปิดโอกาสให้เขาไปโจมตี ในความเป็นจริงแล้วสร้างกับดักล่อพวกเขา รอให้พวกเขาเข้าไปติดกับเช่นนั้น ก็คือทัพศัตรูทางนั้นมีปฏิบัติการอื่นอาจเป็นการลอบโจมตีพวกเขา หรืออาจมีภารกิจอื่นคิดไปคิดมา อวี๋ซื่อจงหนักตากระตุกก่อนหน้าพี่ใหญ่ตู้ส่งคนมารายงาน!ครั้งนี้เป็นประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยนำทัพไปจัดการโปหลวนด้วยตัวเอง!พี่ใหญ่ตู้นำกองทหารโลหิตข้ามแม่น้ำไปร่วมรบด้วยตนเองแล้ว!มารดาเขาสิ!พวกองค์ชายคงไม่ใช่กำลังไล่ล่าประมุขใหญ่ฮูเจี๋ย คนเหล่านั้นกำลังไปช่วยเหลือประมุขฮูเจี๋ย?หรือบางที ฮูเจี๋ยอาจถูกฆ่าตายแล้ว? หากเป็นเช่นนี้คนเหล่านั้นของเป่ยหวนต้องกำลังคลั่งไปล้างแค้นพวกองค์ชาย!ไม่ได้!นั่งดูละครต่อไปเช่นนี้ไม่ได้แล้ว!อวี๋ซื่อสีหน้าเปลี่ยนไป ตะโ
เวลาเดียวกัน กองกำลังหยุนเจิงพักผ่อนหนึ่งคืนเริ่มทำการล่าถอยผ่านการพักผ่อนหนึ่งคืน ศักยภาพร่างกายทหารของพวกเขาฟื้นกลับมาไม่น้อย หยุนเจิงค่อยๆ สลัดความคิดด้านลบออก ฟื้นคืนความสงบบนสนามรบ สามารถเศร้าเสียใจได้ แต่ไม่อาจเศร้าเสียใจไปตลอด!เขาเป็นแม่ทัพหลักของกองทัพ ต่อให้เศร้าเสียใจ เขาจำเป็นต้องปลุกใจขึ้นมาทว่า หนึ่งคืนผ่านไป คนบาดเจ็บสาหัสหลายสิบคนทนไม่ไหวด้วยสถานการณ์เช่นนี้ คนบาดเจ็บสาหัสเหล่านี้อยากให้รอดชีวิตทั้งหมด ความเป็นไปได้เป็นศูนย์สมรรถภาพของม้าศึกพวกเขากลับไม่อาจตามทันแม้ทางนี้มีน้ำและหญ้าอุดมสมบูรณ์ ทว่าม้าศึกเหล่านั้นผ่านการเดินทางไกลและทำสงครามติดต่อกัน ไม่มีธัญพืชเติมท้อง อาศัยแค่การกินหญ้า เดิมก็เพิ่มพูนพลังกายได้ไม่มากอีกมั้ง พวกเขายังยึดมาศึกมาไม่น้อยม้าศึกมากมายเช่นนี้ บริเวณที่พวกเขาพักผ่อนก็ไม่ได้มีหญ้ามากมายให้ม้าศึกกินม้าศึกหลานตัวคงกินอิ่มแค่สามส่วน มีเพียงม้าไม่กี่พันตัวที่หยุนเจิงให้คนดูแลอย่างให้ความสำคัญได้กินอิ่มแปดส่วนพวกเขาจำเป็นต้องรักษาพลังการรบที่แน่นอน หากทัพศัตรูไล่ตามมา เมื่อถึงยามจำเป็นต้องรบ พวกเขายังคงต้องพึ่งพาม้าศึกเหล่านี้เ
ไม่นาน ข้างหูของพวกเขาก็ได้ยินเสียงกีบเท้ามาดังสั่นสะเทือนลอยมาบริเวณไกลๆ เจียเหยาเห็นกองทหารม้าต้าเฉียนที่จัดขบวนตั้งรอมองดูทัพศัตรู จากนั้นก็มองไปยังคนข้างหลัง เจียเหยารู้สึกเศร้ารันทดตอนที่นางรู้ว่าคนเหล่านี้หลังจากเดินทางโจมตีระยะไกลเหลือกำลังรบไม่มากแล้วนางเองก็ไม่อยากรบแต่นางจำเป็นต้องรบ!นางไม่อาจมองพวกหยุนเจิงนำศีรษะของเสด็จพ่อล่าถอยไปอย่างปลอดภัยในสายตาต้าเฉียน เสด็จพ่อบางทีอาจเป็นปีศาจร้ายแต่ในสายตานาง เสด็จพ่อก็คือเสด็จพ่อ ในโลกหน้านี้คือคนที่ดีกับนางมากที่สุด!ตอนที่ระหว่างสองกองทัพห่างไม่ถึงห้าร้อยลี้ เจียเหยาควบม้าพุ่งออกมาจากขบวน ควบม้าไปหาพวกหยุนเจิงเพียงลำพัง“หยุนเจิง!”เจียเหยาอยู่ห่างไปสองลี้ ตะโกนร้องเสียงดัง “ข้าต้องการเจรจากับเจ้า!”เจรจา?เมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะนิ่งไปเจรจาสิ่งใด?เจรจาเจ้าพาคนมากมายมาเพื่อสิ่งใด?หยุนเจิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ควบม้าออกไปหลายคนของกายหยุนเจิงคิดจะติดตามไป ทว่าหยุนเจิงขัดขวางไว้ต่อให้ทักษะธนูของเจียเหยาเทพเพียงใด นางอยู่ไกลเพียงนั้นจะยิงเขาได้หรือ?ไม่นาน หยุนเจิงมาอยู่บริเ
“องค์หญิง!”เมื่อเห็นเจียเหยาคุกเข่า ทหารองครักษ์ที่ยังอยู่ในขบวนรีบพุ่งเข้ามา“ไสหัวกลับไป!”เจียเหยาหันศีรษะกลับมาคำรามใส่สองสามคนที่มุ่งมา จากนั้นก็หันกลับมามองหยุนเจิง กล่าวเสียงดัง “ข้าบานต่อเทพหมาป่า ขอแค่เจ้าคืนศีรษะของพวกเสด็จพ่อให้กับข้า ข้าจากคุกเข่าที่นี่สามวัน ชดใช้ความผิดแทนเสด็จพ่อ”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา หยุนเจิงขมวดคิ้วแน่นอย่างควบคุมไม่อยู่สตรีผู้นี้!ไม่ปล่อยให้คนหมดความยุ่งยากเพื่อได้สบายใจเลยจำต้องเล่นลูกไม้กับเขาให้ได้เลยหรือ?น่าเสียดาย ไม่ว่าเจียเหยากล่าวสิ่งใดทำสิ่งใด เขาก็ไม่อาจนำศีรษะของฮูเจี๋ยส่งคืนให้ได้เสียงของเจียเหยาดังมาก คำพูดของนาง ย่อมลอยเข้าสู่หูของพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนมองดูเจียเหยาที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินถอนหายใจออกมาพร้อมกันแม้พวกนางกับเจียเหยาจะเป็นศัตรูกัน แต่สำหรับเจียเหยา พวกนางนั้นเลื่อมใสมากเจียเหยานับว่าเป็นยอดสตรีโดยแท้จริงมีรูปลักษณ์สวยงาม มีความสามารถและสติปัญญา มีวิชาการต่อสู้บางที อาจเพราะเหตุนี้ นางจึงได้รับความโปรดปรานจากฮูเจี๋ยเป็นพิเศษ!หากเจียเหยาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยุนเจิง บางที นาง
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่