แต่ต่งกงกลับไม่ยอมลุกขึ้น เพียงแค่นั่งก้นกระแทกลงกับพื้น มองร่างตู้กุยหยวนอย่างเหม่อลอย“ก่อนตู้กุยหยวนตายได้ฝากฝังสิ่งใด?”เนิ่นนาน หยุนเจิงถามต่งกงโดยที่หันหลังให้กับทุกคนต่งกงดึงสติกลับมาด้วยความยากเย็น สำลักด้วยเสียงสะอื้น “ก่อนตายพี่ใหญ่ตู้ฝากฝังกับเหล่าพี่น้อง หากเขาตายในสงคราม สถานที่แห่งความตาย ก็คือสถานที่หวนคืนกลับ...”สถานที่แห่งความตาย ก็คือสถานที่หวนคืนกลับ...ภายในใจหยุนเจิงนึกย้อนประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระดูกผู้ภักดีฝังไว้ทุกแห่งหน ใยต้องห่อศพไว้บนหลังม้าเพื่อส่งคืนคำพูดของตู้กุยหยวน คงมีความหมายเดียวกับประโยคนี้กระมัง?หยุนเจิงพยายามปรับอารมณ์ บังคับให้ตัวเองสงบลงผ่านไปเนิ่นนาน หยุนเจิงจึงเดินทางยังตรงที่พวกเขานั่งเมื่อครู่ หยิบดาบใหญ่ที่แตกหักของฉินชีหู่เล่มนั้นหน้าดาบหักครึ่ง เหมาะกับการนำมาขุดดินเมื่อเห็นการกระทำของหยุนเจิง ทุกคนเดาได้แล้วว่าหยุนเจิงต้องการทำสิ่งใดเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินรีบเข้ามา อยากจะรับดาบในมือหยุนเจิง ทว่าหยุนเจิงปฏิเสธ“เจ้าบาดเจ็บ ให้ข้าทำเถอะ!”เมี่ยวอินกล่าวเสียงเบากับหยุนเจิง“ไม่เป็นไร”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ “ไร้หน
เผชิญหน้ากับคำถามของหยุนเจิง บอกเล่าเรื่องราวด้วยสีหน้าเศร้าหมองหลังจากสืบข่าวจากทัพหลังศัตรู ได้รู้ว่าครั้งนี้เป็นฮูเจี๋ยนำทัพด้วยตัวเองบุกโจมตีโปหลวน ตู้กุยหยวนรีบกลับมาที่ชายแดนเว่ย อยากจะรายงายหยุนเจิงปรากฎว่ากลับมาถึงชายแดนเว่ย หยุนเจิงได้นำทัพเข้าสู่ทุ่งหญ้ามู่หม่าแล้วหลังจากตู้กุยหยวนส่งคนไปรายงายอวี๋ซื่อจง ก็รีบนำทัพมาทันที“พวกเข้าข้ามแม่น้ำเช่นไร?”หยุนเจิงถามอีกครั้ง “เหตุใดสวมเสื้อกันเช่นนี้?”ต่งกังตอบ “พวกเราคนน้อย ให้คนที่ว่ายน้ำเก่งนำเชือกหนาๆ ไปผูกไว้อีกฝั่ง คนที่เหลือเกาะเชือกน้ำข้ามแม่น้ำมา”คนของกองทหารโลหิตมีจำนวนไม่น้อยที่ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ช่วยไม่ได้ ทหารทางเหนือก็เป็นเช่นนี้ ไม่คุ้นเคยกับการว่ายน้ำเมื่อก่อนล้วนเป็นฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ แม้แต่แม่น้ำไป๋สุ่ยล้วนกลายเป็นน้ำแข็ง ต่อให้ฝึกฝนกองทหารโลหิตเช่นไร ก็ไม่อาจเจาะแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็งเพื่อฝึกฝนได้!ความจริง วิธีการข้ามแม่น้ำนี้ พวกเขาเคยใช้ตอนที่โจมตีก่อกวนบนทุ่งหญ้ามู่หม่าแต่ตอนนั้นหลังจากพวกเขาข้ามแม่น้ำไป ก็ยังมีเวลาหาสถานที่นำเสื้อผ้าผิงไฟให้แห้งแต่ครั้งนี้ พวกเขารีบร้อนมาช่วยเหลือหยุนเจิง ไม
ม้าล้ำค่าทั้งสองตัวนี้ล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นอาวุธยุทธภัณฑ์ของพวกเขาความเสียของสงครามครั้งนี้ มีมากกว่าที่หยุนเจิงคิดเอาไว้มากประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยนำทัพบุกมาด้วยตนเอง เพิ่มขวัญกำลังใจของกองทหารศัตรูอย่างมากต่อให้ฮูเจี๋ยสยบกองกำลังโปหลวนชั่วคราว แต่ก็ยังระเบิดกำลังการต่อสู้ออกมาได้ขั้นสุดไม่ว่าภายในเป่ยหวนจะต่อสู้ขัดแย้งกันเช่นไร สำหรับเป่ยหวนแล้ว พวกเขาคือศัตรูที่แท้จริงทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างหนักโดยหมายจะเอาชีวิตแม่ทัพหลักของอีกฝ่ายสู้กันจนสภาพเป็นเช่นนี้ ชนะหรือแพ้ล้วนไม่แตกต่างกันมากความเสียหายรุนแรงเช่นนี้ ทั้งยังทำให้เสียผู้ใต้บังคับบัญชาคนโปรดอย่างตู้กุยหยวนไป หยุนเจิงไม่ดีใจเลยสักนิดกระดูกสีขาวดุจเม็ดทรายและหิมะ แม่ทัพวาดหวังได้เกษียณกลับสู่บ้านเกิดเวลานี้ หยุนเจิงรับรู้ความหมายของกวีบทนี้ท่วมท้นไปทั้งตัวนอกจากความโหดร้าย ก็มีแต่ความโหดร้ายการต่อสู้ที่โหดร้ายเช่นนี้ ทั้งชีวิตเขาไม่อยากทำสงครามเช่นนี้อีกแล้ว!รอจนกองกำลังห้าร้อยคนของนักรบภูตสิบเจ็ดกลับมา หยุนเจิงสั่งคนพาผู้บาดเจ็บและอาวุธยุทธภัณฑ์เริ่มทำการถอยทัพ……กลางดึก ทหารเลือดท่วมตัวเข้ามาในกระ
เพียงไม่นาน เกออาซูและทัวน่าเกอก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาทันทีที่ทั้งสองคนเข้ามาในกระโจม ก็เห็นทหารองครักษ์ของฮูเจี๋ยทั้งสองคนใจเต้นกระตุก ถามหยั่งเชิง “องค์หญิง เกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว?”เจียเหยาหายใจแรง ความโศกเศร้าในใจเหลือคนา ทำได้เพียงให้สองทหารองครักษ์บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเขารู้กับเกออาซูและทัวน่าเกอเมื่อรู้ว่าฮูเจี๋ยและไห่เจ๋อตายในสงครามทั้งคู่ ในสมองของทั้งสองคนเกิดเสียงหึ่งๆไม่รอให้ทั้งสองคนได้สติกลับมา เจียเหยาคำรามเสียงต่ำอย่างโหดร้าย “ข้าจะนำทัพทหารม้าหนึ่งหมื่นไล่ตามกองกำลังหยุนเจิงไป! พวกเจ้าอยู่เฝ้าค่ายเอาไว้ นำทุกอย่างบรรจุใส่เกวียน ทันทีที่ทัพศัตรูเข้ามาระยะประชิด พวกเจ้านำกำลังพลที่เหลือถอยล่นไปยังราชสำนัก!”แม้เจียเหยาจะโศกเศร้าเพียงใด แต่ก็ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปในใจนางรู้ดี พวกเขารักษาทุ่งหญ้ามู่หม่าไว้ไม่ได้แล้วตอนนี้ พวกเขาจำเป็นต้องละทิ้งทุ่งหญ้ามู่หม่า ล่าถอยเต็มรูปแบบ เพื่อรักษากำลังที่เหลือเอาไว้ภายในสามปี พวกเขาไม่มีแรงกำลังทำสงครามอีกแล้ว!มีเพียงต้องรักษาแรงที่เหลือเอาไว้ ต่อไปจึงจะไปหาต้าเฉียนเพื่อล้างความอัปยศได้!แต่พวกเขาไม่อาจล่าถอ
อวี๋ซื่อจงขมวดคิ้ว ทว่าไม่ได้กล่าวโทษหน่วยสอดแนมมืดมิดไม่มีไฟ ทัพศัตรูยังมีสายลับเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก พวกเขามองไม่เห็นก็เป็นเรื่องธรรมดาได้ยินทางนั้นมีการเคลื่อนไหว ก็นับว่าไม่เลวแล้วทัพศัตรูต้องการทำสิ่งใดกัน?ฉวยโอกาสออกจากค่ายตอนกลางคืน มีความเป็นไปได้สองอย่างหากไม่ใช่ทัพศัตรูตั้งใจแสดงออก ลวงหลอกว่าภายในค่ายของทัพศัตรูพวกเขาว่างเปล่า เปิดโอกาสให้เขาไปโจมตี ในความเป็นจริงแล้วสร้างกับดักล่อพวกเขา รอให้พวกเขาเข้าไปติดกับเช่นนั้น ก็คือทัพศัตรูทางนั้นมีปฏิบัติการอื่นอาจเป็นการลอบโจมตีพวกเขา หรืออาจมีภารกิจอื่นคิดไปคิดมา อวี๋ซื่อจงหนักตากระตุกก่อนหน้าพี่ใหญ่ตู้ส่งคนมารายงาน!ครั้งนี้เป็นประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยนำทัพไปจัดการโปหลวนด้วยตัวเอง!พี่ใหญ่ตู้นำกองทหารโลหิตข้ามแม่น้ำไปร่วมรบด้วยตนเองแล้ว!มารดาเขาสิ!พวกองค์ชายคงไม่ใช่กำลังไล่ล่าประมุขใหญ่ฮูเจี๋ย คนเหล่านั้นกำลังไปช่วยเหลือประมุขฮูเจี๋ย?หรือบางที ฮูเจี๋ยอาจถูกฆ่าตายแล้ว? หากเป็นเช่นนี้คนเหล่านั้นของเป่ยหวนต้องกำลังคลั่งไปล้างแค้นพวกองค์ชาย!ไม่ได้!นั่งดูละครต่อไปเช่นนี้ไม่ได้แล้ว!อวี๋ซื่อสีหน้าเปลี่ยนไป ตะโ
เวลาเดียวกัน กองกำลังหยุนเจิงพักผ่อนหนึ่งคืนเริ่มทำการล่าถอยผ่านการพักผ่อนหนึ่งคืน ศักยภาพร่างกายทหารของพวกเขาฟื้นกลับมาไม่น้อย หยุนเจิงค่อยๆ สลัดความคิดด้านลบออก ฟื้นคืนความสงบบนสนามรบ สามารถเศร้าเสียใจได้ แต่ไม่อาจเศร้าเสียใจไปตลอด!เขาเป็นแม่ทัพหลักของกองทัพ ต่อให้เศร้าเสียใจ เขาจำเป็นต้องปลุกใจขึ้นมาทว่า หนึ่งคืนผ่านไป คนบาดเจ็บสาหัสหลายสิบคนทนไม่ไหวด้วยสถานการณ์เช่นนี้ คนบาดเจ็บสาหัสเหล่านี้อยากให้รอดชีวิตทั้งหมด ความเป็นไปได้เป็นศูนย์สมรรถภาพของม้าศึกพวกเขากลับไม่อาจตามทันแม้ทางนี้มีน้ำและหญ้าอุดมสมบูรณ์ ทว่าม้าศึกเหล่านั้นผ่านการเดินทางไกลและทำสงครามติดต่อกัน ไม่มีธัญพืชเติมท้อง อาศัยแค่การกินหญ้า เดิมก็เพิ่มพูนพลังกายได้ไม่มากอีกมั้ง พวกเขายังยึดมาศึกมาไม่น้อยม้าศึกมากมายเช่นนี้ บริเวณที่พวกเขาพักผ่อนก็ไม่ได้มีหญ้ามากมายให้ม้าศึกกินม้าศึกหลานตัวคงกินอิ่มแค่สามส่วน มีเพียงม้าไม่กี่พันตัวที่หยุนเจิงให้คนดูแลอย่างให้ความสำคัญได้กินอิ่มแปดส่วนพวกเขาจำเป็นต้องรักษาพลังการรบที่แน่นอน หากทัพศัตรูไล่ตามมา เมื่อถึงยามจำเป็นต้องรบ พวกเขายังคงต้องพึ่งพาม้าศึกเหล่านี้เ
ไม่นาน ข้างหูของพวกเขาก็ได้ยินเสียงกีบเท้ามาดังสั่นสะเทือนลอยมาบริเวณไกลๆ เจียเหยาเห็นกองทหารม้าต้าเฉียนที่จัดขบวนตั้งรอมองดูทัพศัตรู จากนั้นก็มองไปยังคนข้างหลัง เจียเหยารู้สึกเศร้ารันทดตอนที่นางรู้ว่าคนเหล่านี้หลังจากเดินทางโจมตีระยะไกลเหลือกำลังรบไม่มากแล้วนางเองก็ไม่อยากรบแต่นางจำเป็นต้องรบ!นางไม่อาจมองพวกหยุนเจิงนำศีรษะของเสด็จพ่อล่าถอยไปอย่างปลอดภัยในสายตาต้าเฉียน เสด็จพ่อบางทีอาจเป็นปีศาจร้ายแต่ในสายตานาง เสด็จพ่อก็คือเสด็จพ่อ ในโลกหน้านี้คือคนที่ดีกับนางมากที่สุด!ตอนที่ระหว่างสองกองทัพห่างไม่ถึงห้าร้อยลี้ เจียเหยาควบม้าพุ่งออกมาจากขบวน ควบม้าไปหาพวกหยุนเจิงเพียงลำพัง“หยุนเจิง!”เจียเหยาอยู่ห่างไปสองลี้ ตะโกนร้องเสียงดัง “ข้าต้องการเจรจากับเจ้า!”เจรจา?เมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะนิ่งไปเจรจาสิ่งใด?เจรจาเจ้าพาคนมากมายมาเพื่อสิ่งใด?หยุนเจิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ควบม้าออกไปหลายคนของกายหยุนเจิงคิดจะติดตามไป ทว่าหยุนเจิงขัดขวางไว้ต่อให้ทักษะธนูของเจียเหยาเทพเพียงใด นางอยู่ไกลเพียงนั้นจะยิงเขาได้หรือ?ไม่นาน หยุนเจิงมาอยู่บริเ
“องค์หญิง!”เมื่อเห็นเจียเหยาคุกเข่า ทหารองครักษ์ที่ยังอยู่ในขบวนรีบพุ่งเข้ามา“ไสหัวกลับไป!”เจียเหยาหันศีรษะกลับมาคำรามใส่สองสามคนที่มุ่งมา จากนั้นก็หันกลับมามองหยุนเจิง กล่าวเสียงดัง “ข้าบานต่อเทพหมาป่า ขอแค่เจ้าคืนศีรษะของพวกเสด็จพ่อให้กับข้า ข้าจากคุกเข่าที่นี่สามวัน ชดใช้ความผิดแทนเสด็จพ่อ”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา หยุนเจิงขมวดคิ้วแน่นอย่างควบคุมไม่อยู่สตรีผู้นี้!ไม่ปล่อยให้คนหมดความยุ่งยากเพื่อได้สบายใจเลยจำต้องเล่นลูกไม้กับเขาให้ได้เลยหรือ?น่าเสียดาย ไม่ว่าเจียเหยากล่าวสิ่งใดทำสิ่งใด เขาก็ไม่อาจนำศีรษะของฮูเจี๋ยส่งคืนให้ได้เสียงของเจียเหยาดังมาก คำพูดของนาง ย่อมลอยเข้าสู่หูของพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนมองดูเจียเหยาที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินถอนหายใจออกมาพร้อมกันแม้พวกนางกับเจียเหยาจะเป็นศัตรูกัน แต่สำหรับเจียเหยา พวกนางนั้นเลื่อมใสมากเจียเหยานับว่าเป็นยอดสตรีโดยแท้จริงมีรูปลักษณ์สวยงาม มีความสามารถและสติปัญญา มีวิชาการต่อสู้บางที อาจเพราะเหตุนี้ นางจึงได้รับความโปรดปรานจากฮูเจี๋ยเป็นพิเศษ!หากเจียเหยาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยุนเจิง บางที นาง