อวี๋ซื่อจงขมวดคิ้ว ทว่าไม่ได้กล่าวโทษหน่วยสอดแนมมืดมิดไม่มีไฟ ทัพศัตรูยังมีสายลับเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก พวกเขามองไม่เห็นก็เป็นเรื่องธรรมดาได้ยินทางนั้นมีการเคลื่อนไหว ก็นับว่าไม่เลวแล้วทัพศัตรูต้องการทำสิ่งใดกัน?ฉวยโอกาสออกจากค่ายตอนกลางคืน มีความเป็นไปได้สองอย่างหากไม่ใช่ทัพศัตรูตั้งใจแสดงออก ลวงหลอกว่าภายในค่ายของทัพศัตรูพวกเขาว่างเปล่า เปิดโอกาสให้เขาไปโจมตี ในความเป็นจริงแล้วสร้างกับดักล่อพวกเขา รอให้พวกเขาเข้าไปติดกับเช่นนั้น ก็คือทัพศัตรูทางนั้นมีปฏิบัติการอื่นอาจเป็นการลอบโจมตีพวกเขา หรืออาจมีภารกิจอื่นคิดไปคิดมา อวี๋ซื่อจงหนักตากระตุกก่อนหน้าพี่ใหญ่ตู้ส่งคนมารายงาน!ครั้งนี้เป็นประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยนำทัพไปจัดการโปหลวนด้วยตัวเอง!พี่ใหญ่ตู้นำกองทหารโลหิตข้ามแม่น้ำไปร่วมรบด้วยตนเองแล้ว!มารดาเขาสิ!พวกองค์ชายคงไม่ใช่กำลังไล่ล่าประมุขใหญ่ฮูเจี๋ย คนเหล่านั้นกำลังไปช่วยเหลือประมุขฮูเจี๋ย?หรือบางที ฮูเจี๋ยอาจถูกฆ่าตายแล้ว? หากเป็นเช่นนี้คนเหล่านั้นของเป่ยหวนต้องกำลังคลั่งไปล้างแค้นพวกองค์ชาย!ไม่ได้!นั่งดูละครต่อไปเช่นนี้ไม่ได้แล้ว!อวี๋ซื่อสีหน้าเปลี่ยนไป ตะโ
เวลาเดียวกัน กองกำลังหยุนเจิงพักผ่อนหนึ่งคืนเริ่มทำการล่าถอยผ่านการพักผ่อนหนึ่งคืน ศักยภาพร่างกายทหารของพวกเขาฟื้นกลับมาไม่น้อย หยุนเจิงค่อยๆ สลัดความคิดด้านลบออก ฟื้นคืนความสงบบนสนามรบ สามารถเศร้าเสียใจได้ แต่ไม่อาจเศร้าเสียใจไปตลอด!เขาเป็นแม่ทัพหลักของกองทัพ ต่อให้เศร้าเสียใจ เขาจำเป็นต้องปลุกใจขึ้นมาทว่า หนึ่งคืนผ่านไป คนบาดเจ็บสาหัสหลายสิบคนทนไม่ไหวด้วยสถานการณ์เช่นนี้ คนบาดเจ็บสาหัสเหล่านี้อยากให้รอดชีวิตทั้งหมด ความเป็นไปได้เป็นศูนย์สมรรถภาพของม้าศึกพวกเขากลับไม่อาจตามทันแม้ทางนี้มีน้ำและหญ้าอุดมสมบูรณ์ ทว่าม้าศึกเหล่านั้นผ่านการเดินทางไกลและทำสงครามติดต่อกัน ไม่มีธัญพืชเติมท้อง อาศัยแค่การกินหญ้า เดิมก็เพิ่มพูนพลังกายได้ไม่มากอีกมั้ง พวกเขายังยึดมาศึกมาไม่น้อยม้าศึกมากมายเช่นนี้ บริเวณที่พวกเขาพักผ่อนก็ไม่ได้มีหญ้ามากมายให้ม้าศึกกินม้าศึกหลานตัวคงกินอิ่มแค่สามส่วน มีเพียงม้าไม่กี่พันตัวที่หยุนเจิงให้คนดูแลอย่างให้ความสำคัญได้กินอิ่มแปดส่วนพวกเขาจำเป็นต้องรักษาพลังการรบที่แน่นอน หากทัพศัตรูไล่ตามมา เมื่อถึงยามจำเป็นต้องรบ พวกเขายังคงต้องพึ่งพาม้าศึกเหล่านี้เ
ไม่นาน ข้างหูของพวกเขาก็ได้ยินเสียงกีบเท้ามาดังสั่นสะเทือนลอยมาบริเวณไกลๆ เจียเหยาเห็นกองทหารม้าต้าเฉียนที่จัดขบวนตั้งรอมองดูทัพศัตรู จากนั้นก็มองไปยังคนข้างหลัง เจียเหยารู้สึกเศร้ารันทดตอนที่นางรู้ว่าคนเหล่านี้หลังจากเดินทางโจมตีระยะไกลเหลือกำลังรบไม่มากแล้วนางเองก็ไม่อยากรบแต่นางจำเป็นต้องรบ!นางไม่อาจมองพวกหยุนเจิงนำศีรษะของเสด็จพ่อล่าถอยไปอย่างปลอดภัยในสายตาต้าเฉียน เสด็จพ่อบางทีอาจเป็นปีศาจร้ายแต่ในสายตานาง เสด็จพ่อก็คือเสด็จพ่อ ในโลกหน้านี้คือคนที่ดีกับนางมากที่สุด!ตอนที่ระหว่างสองกองทัพห่างไม่ถึงห้าร้อยลี้ เจียเหยาควบม้าพุ่งออกมาจากขบวน ควบม้าไปหาพวกหยุนเจิงเพียงลำพัง“หยุนเจิง!”เจียเหยาอยู่ห่างไปสองลี้ ตะโกนร้องเสียงดัง “ข้าต้องการเจรจากับเจ้า!”เจรจา?เมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะนิ่งไปเจรจาสิ่งใด?เจรจาเจ้าพาคนมากมายมาเพื่อสิ่งใด?หยุนเจิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ควบม้าออกไปหลายคนของกายหยุนเจิงคิดจะติดตามไป ทว่าหยุนเจิงขัดขวางไว้ต่อให้ทักษะธนูของเจียเหยาเทพเพียงใด นางอยู่ไกลเพียงนั้นจะยิงเขาได้หรือ?ไม่นาน หยุนเจิงมาอยู่บริเ
“องค์หญิง!”เมื่อเห็นเจียเหยาคุกเข่า ทหารองครักษ์ที่ยังอยู่ในขบวนรีบพุ่งเข้ามา“ไสหัวกลับไป!”เจียเหยาหันศีรษะกลับมาคำรามใส่สองสามคนที่มุ่งมา จากนั้นก็หันกลับมามองหยุนเจิง กล่าวเสียงดัง “ข้าบานต่อเทพหมาป่า ขอแค่เจ้าคืนศีรษะของพวกเสด็จพ่อให้กับข้า ข้าจากคุกเข่าที่นี่สามวัน ชดใช้ความผิดแทนเสด็จพ่อ”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา หยุนเจิงขมวดคิ้วแน่นอย่างควบคุมไม่อยู่สตรีผู้นี้!ไม่ปล่อยให้คนหมดความยุ่งยากเพื่อได้สบายใจเลยจำต้องเล่นลูกไม้กับเขาให้ได้เลยหรือ?น่าเสียดาย ไม่ว่าเจียเหยากล่าวสิ่งใดทำสิ่งใด เขาก็ไม่อาจนำศีรษะของฮูเจี๋ยส่งคืนให้ได้เสียงของเจียเหยาดังมาก คำพูดของนาง ย่อมลอยเข้าสู่หูของพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนมองดูเจียเหยาที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินถอนหายใจออกมาพร้อมกันแม้พวกนางกับเจียเหยาจะเป็นศัตรูกัน แต่สำหรับเจียเหยา พวกนางนั้นเลื่อมใสมากเจียเหยานับว่าเป็นยอดสตรีโดยแท้จริงมีรูปลักษณ์สวยงาม มีความสามารถและสติปัญญา มีวิชาการต่อสู้บางที อาจเพราะเหตุนี้ นางจึงได้รับความโปรดปรานจากฮูเจี๋ยเป็นพิเศษ!หากเจียเหยาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยุนเจิง บางที นาง
“ต่อไป ทหารม้าเป่ยหวนพบพวกเราอีกครั้ง ยังไม่ทันได้เปิดศึก พวกเขาก็จะรู้สึกหวาดกลัวแล้ว!”“หากสู้กันขึ้นมา พวกเราต้องย่อมได้รับความเสียหาย แต่ว่าความเสียหายของศัตรูจะมีมากกว่า!”“ชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ แต่ยามที่สมควรสู้ก็ต้องสู้...”ความจริงแล้วนี่เป็นหลักการที่ง่ายแสนง่ายถ้าจักรพรรดิเหวินถูกตัดศีรษะโดยชาวเป่ยหวนระหว่างการเดินทางส่วนตัวแล้วถูกนำศีรษะไป ก็เป็นสร้างผลกระทบต่อต้าเฉียนเช่นกันเขาเชื่อ ไม่ว่าอย่างไรหยุนเจิงก็จะนำศีรษะทั้งสองนี้กลับไป เพราะคิดถึงด้านนี้บางที เจียเหยาอาจเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรจึงต้องการนำศีรษะฮูเจี๋ยกลับไปเมื่อได้ฟังคำของต่งกัง สตรีทั้งสองสับสนอย่างควบคุมไม่อยู่เป็นเช่นนี้หรือ?ตอนที่พวกเขากำลังสนทนากัน หยุนเจิงปฏิเสธคำร้องขอของเจียเหยาอย่างหนักแน่นอีกครั้ง และกล่าวอย่างไม่แยแส “จิ๊ๆ พวกเราพนันกันดีหรือไม่?”“พนันสิ่งใด?”เจียเหยาเงยหน้า ดวงตาเปียกชื้นมองที่หยุนเจิงหยุนเจิงสายตาเย็นชาจองเจียเหยา “พนันว่าข้ารู้จุดประสงค์ของเจ้าหรือไม่!”จุดประสงค์?เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เจียเหยาใจกระตุกหยุนเจิงดูจุดประสงค์ของนางออกแล้ว?”
มองดูหยุนเจิงสีหน้านิ่งเรียบสบาย ในใจเจียเหยาเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอีกครั้งนางพลันเกิดความรู้สึกนี้ นางเมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนเจิง ราวกับร่างกายเปลือยเปล่าทุกสิ่งที่นางคิด นางล้วนถูกหยุนเจิงดูจนทะลุปรุโปร่งเวลานี ความกดดันมาสู่ด้านเจียเหยาอีกครั้งสู้ หรือว่าไม่สู้?สู้ตอนนี้ คนและม้าของพวกเขาล้วนไม่มีแรงกำลังแล้ว การคุกเข่าเมื่อครู่ บางทีอาจพอปลุกขวัญกำลังใจทหารได้บางส่วน แต่ผลลัพธ์เมื่อเทียบกับที่นางคาดการณ์ไว้แตกต่างกันมากหากไม่สู้ตอนนี้ หากหยุนเจิงมีกองหนุนจริง รอให้กองหนุนของพวกเขามาถึง เกรงว่าพวกเขาคงต้องหนีไปฝุ่นตลบอย่างครั้งก่อนหากวันนี้พวกเขาล่าถอย นั่นเท่ากับว่าพวกเขาหวาดกลัวต้าเฉียนถึงที่สุดแล้วต่อไป ตต่อให้พวกเขามีกำลังทหารที่ยอดเยี่ยมแล้ว พวกเขาอาจไม่กล้าโจมตีทหารม้าต้าเฉียนแล้ว!พวกเขาถูกหยุนเจิงตีจนเข็ดแล้ว!หยุนจิงได้ฝังเมล็ดพันธุ์ความกลัวเช่นนี้ไว้ในใจชาวเป่ยหวนแล้วหากชนะการรบครั้งนี้ เมล็ดพันธุ์นี้ก็จะถูกบดทำลายไปหากถอยหนีเช่นนี้ เมล็ดพันธูนี้ก็จะแตกรากในใจชาวเป่ยหวนต่อไป เกรงว่าแคได้ยินชื่อหยุนเจิง คนแล้วนี้ก็คงสะดุ้งตัวสั่นแล้วสู้!จำเป็นต้
เจียเหยาเป็นหัวใจของทัพศัตรูขอแค่กองทหารโลหิตฆ่าเจียเหยาได้ หัวใจของทัพศัตรูก็จะพังทลาย“ขอรับ!”ผู้ส่งสารนำคำสั่งของหยุนเจิงไปถ่ายทอดทันทีหยุนเจิงจับจ้องทหารม้าเป่ยหวนที่บุกเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย จิตสังการแผ่ซ่านท่วมตัวอยากทำศึกเช่นกันก็ทำศึก!ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ!ตอนที่ทัพศัตรูเข้าสู่อาณาเขตสองลี้ หยุนเจิงพลันยกมือขึ้น ร้องตะโกน “เปิด!”หลังหยุนเจิงออกคำสั่ง ทหารม้าด้านหน้าแยกเป็นสองข้างขณะเดียวกัน ต่งกังจุดไฟบนหญ้าแห้งที่ผูกไว้กับม้าศึก“ฟู่ๆๆ...”ภายใต้ไฟที่กำลังลุกไหม้ ม้าศึกส่งเสียงร้องเจ็บปวด วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วมองดูม้าศึกที่ร้องด้วยความเจ็บปวดวิ่งออกไป เจียเหยาสีหน้าเปลี่ยนไปขบวนวัวไฟ!นี่ไม่ใช่ขบวนวัวไฟที่นางใช้ทะลวงแนวสันดอนเป่ยหยวนหรือ?ไอสารเลวสมควรตาย!นึกไม่ถึงว่าจะเรียนแบบขบวนวัวไฟของนางมาจัดการนาง!“ถอย! ถอย!”เจียเหยาร้องตะโกนทว่า เสียงของนางถูกกลบมิดด้วยเสียงเกือกเท้าม้าแม้หลายต่อหลายคนมีความคิดถอยหนี ทว่าระยะห่างระหว่างสองฝ่ายใกล้กันเกินไปหลายคนง้างธนูโดยไม่รู้ตัว คิดจะยิงม้าศึกที่พุ่งมาเหล่านั้นฝนธนูโปรยไปหนึ่งรอบ ม้าศึ
“นั่นไม่ใช่กองหนุนของพวกเขา!”“อย่าแตกตื่น! ทั้งหมดอย่าแตกตื่น!”“ผู้ใดกล้าหลบนี้ ฆ่า!”เจียเหยาแทบจะเดาได้ทันทีว่าหยุนเจิงกำลังสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา ตะโกนร้องไม่หยุดทว่า เสียงนางเพียงคนเดียวสุดท้ายก็มีข้อจำกัดท่ามกลางเสียงตะโกนอันแหบแห้งของทหารม้าต้าเฉียน เสียงของเจียเหยากลบมิดกองหนุน!กองหนุนของทัพศัตรู!เสียงตะโกนของทหารม้าต้าเฉียนจู่โจมจิตใจของทหารม้าเป่ยหวนไม่หยุดตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้วจนมาถึงตอนนี้ เป่ยหวนไม่รู้ว่าพ่ายแพ้ไปกี่ครั้งแล้วในระยะเวลาอันสั้น เป่ยหวนถูกสังหารจั่วโย่วเสียน พ่อลูกประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยในสงครามอีกทหารม้าเป่ยหวนเหล่านี้ ไม่มีขวัญกำลังใจที่เชื่อถือได้นานแล้วหากไม่ใช่เพราะการกระตุ้นก่อนทำสงครามของเจียเหยา โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่กล้าทำสงครามกับทหารม้าต้าเฉียนแล้วเวลานี้ เมื่อรู้ว่ากองหนุนของทหารม้าต้าเฉียนมาถึงแล้ว ความหวาดกลัวในใจของทหารม้าเป่ยหวนเพิ่มขึ้นมาดุจสายลมพัดฉวยโอกาสช่วยทัพศัตรูตื่นตระหนก ทหารม้าของต้าเฉียนฮึดสู้ชั่วอึดใจ ทำให้ขบวนที่สับสนของทัพศัตรูยิ่งหละหลวมมากขึ้นทหารห้าร้อยคนของฉินชีหู่บุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว เข้าต่อสู้กับ