มองดูหยุนเจิงสีหน้านิ่งเรียบสบาย ในใจเจียเหยาเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอีกครั้งนางพลันเกิดความรู้สึกนี้ นางเมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนเจิง ราวกับร่างกายเปลือยเปล่าทุกสิ่งที่นางคิด นางล้วนถูกหยุนเจิงดูจนทะลุปรุโปร่งเวลานี ความกดดันมาสู่ด้านเจียเหยาอีกครั้งสู้ หรือว่าไม่สู้?สู้ตอนนี้ คนและม้าของพวกเขาล้วนไม่มีแรงกำลังแล้ว การคุกเข่าเมื่อครู่ บางทีอาจพอปลุกขวัญกำลังใจทหารได้บางส่วน แต่ผลลัพธ์เมื่อเทียบกับที่นางคาดการณ์ไว้แตกต่างกันมากหากไม่สู้ตอนนี้ หากหยุนเจิงมีกองหนุนจริง รอให้กองหนุนของพวกเขามาถึง เกรงว่าพวกเขาคงต้องหนีไปฝุ่นตลบอย่างครั้งก่อนหากวันนี้พวกเขาล่าถอย นั่นเท่ากับว่าพวกเขาหวาดกลัวต้าเฉียนถึงที่สุดแล้วต่อไป ตต่อให้พวกเขามีกำลังทหารที่ยอดเยี่ยมแล้ว พวกเขาอาจไม่กล้าโจมตีทหารม้าต้าเฉียนแล้ว!พวกเขาถูกหยุนเจิงตีจนเข็ดแล้ว!หยุนจิงได้ฝังเมล็ดพันธุ์ความกลัวเช่นนี้ไว้ในใจชาวเป่ยหวนแล้วหากชนะการรบครั้งนี้ เมล็ดพันธุ์นี้ก็จะถูกบดทำลายไปหากถอยหนีเช่นนี้ เมล็ดพันธูนี้ก็จะแตกรากในใจชาวเป่ยหวนต่อไป เกรงว่าแคได้ยินชื่อหยุนเจิง คนแล้วนี้ก็คงสะดุ้งตัวสั่นแล้วสู้!จำเป็นต้
เจียเหยาเป็นหัวใจของทัพศัตรูขอแค่กองทหารโลหิตฆ่าเจียเหยาได้ หัวใจของทัพศัตรูก็จะพังทลาย“ขอรับ!”ผู้ส่งสารนำคำสั่งของหยุนเจิงไปถ่ายทอดทันทีหยุนเจิงจับจ้องทหารม้าเป่ยหวนที่บุกเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย จิตสังการแผ่ซ่านท่วมตัวอยากทำศึกเช่นกันก็ทำศึก!ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ!ตอนที่ทัพศัตรูเข้าสู่อาณาเขตสองลี้ หยุนเจิงพลันยกมือขึ้น ร้องตะโกน “เปิด!”หลังหยุนเจิงออกคำสั่ง ทหารม้าด้านหน้าแยกเป็นสองข้างขณะเดียวกัน ต่งกังจุดไฟบนหญ้าแห้งที่ผูกไว้กับม้าศึก“ฟู่ๆๆ...”ภายใต้ไฟที่กำลังลุกไหม้ ม้าศึกส่งเสียงร้องเจ็บปวด วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วมองดูม้าศึกที่ร้องด้วยความเจ็บปวดวิ่งออกไป เจียเหยาสีหน้าเปลี่ยนไปขบวนวัวไฟ!นี่ไม่ใช่ขบวนวัวไฟที่นางใช้ทะลวงแนวสันดอนเป่ยหยวนหรือ?ไอสารเลวสมควรตาย!นึกไม่ถึงว่าจะเรียนแบบขบวนวัวไฟของนางมาจัดการนาง!“ถอย! ถอย!”เจียเหยาร้องตะโกนทว่า เสียงของนางถูกกลบมิดด้วยเสียงเกือกเท้าม้าแม้หลายต่อหลายคนมีความคิดถอยหนี ทว่าระยะห่างระหว่างสองฝ่ายใกล้กันเกินไปหลายคนง้างธนูโดยไม่รู้ตัว คิดจะยิงม้าศึกที่พุ่งมาเหล่านั้นฝนธนูโปรยไปหนึ่งรอบ ม้าศึ
“นั่นไม่ใช่กองหนุนของพวกเขา!”“อย่าแตกตื่น! ทั้งหมดอย่าแตกตื่น!”“ผู้ใดกล้าหลบนี้ ฆ่า!”เจียเหยาแทบจะเดาได้ทันทีว่าหยุนเจิงกำลังสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา ตะโกนร้องไม่หยุดทว่า เสียงนางเพียงคนเดียวสุดท้ายก็มีข้อจำกัดท่ามกลางเสียงตะโกนอันแหบแห้งของทหารม้าต้าเฉียน เสียงของเจียเหยากลบมิดกองหนุน!กองหนุนของทัพศัตรู!เสียงตะโกนของทหารม้าต้าเฉียนจู่โจมจิตใจของทหารม้าเป่ยหวนไม่หยุดตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้วจนมาถึงตอนนี้ เป่ยหวนไม่รู้ว่าพ่ายแพ้ไปกี่ครั้งแล้วในระยะเวลาอันสั้น เป่ยหวนถูกสังหารจั่วโย่วเสียน พ่อลูกประมุขใหญ่ฮูเจี๋ยในสงครามอีกทหารม้าเป่ยหวนเหล่านี้ ไม่มีขวัญกำลังใจที่เชื่อถือได้นานแล้วหากไม่ใช่เพราะการกระตุ้นก่อนทำสงครามของเจียเหยา โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่กล้าทำสงครามกับทหารม้าต้าเฉียนแล้วเวลานี้ เมื่อรู้ว่ากองหนุนของทหารม้าต้าเฉียนมาถึงแล้ว ความหวาดกลัวในใจของทหารม้าเป่ยหวนเพิ่มขึ้นมาดุจสายลมพัดฉวยโอกาสช่วยทัพศัตรูตื่นตระหนก ทหารม้าของต้าเฉียนฮึดสู้ชั่วอึดใจ ทำให้ขบวนที่สับสนของทัพศัตรูยิ่งหละหลวมมากขึ้นทหารห้าร้อยคนของฉินชีหู่บุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว เข้าต่อสู้กับ
ทหารม้าต้าเฉียนย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ ไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งของหยุนเจิง ทุกคนก็เปิดฉากไล่ล่าต่งกังนำกองทหารโลหิตไล่ตามเจียเหยาที่หลบหนีภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ทว่า ม้าศึกของพวกเขาเทียบกับม้าศึกของเจียเหยาและองครักษ์ไม่ได้ไม่นาน เจียเหยาก็ทิ้งระยะห่างจากทหารไล่ติดตามต่งกังอย่างจะไล่ล่าต่อ ทหารม้าของเขากลับขาอ่อน โผเข้าไปหาพื้นโดยตรง แม้กระทั่งต่งกังยังถูกเหวี่ยงลอยไปไม่นาน อวี๋ซื่อจงก็นำกองกำลังบุกตามมาเนื่องจากการเข้าร่วมของพวกอวี๋ซื่อจง ในที่สุดหยุนเจิงก็หยุดไล่ตามหยุนเจิงนั่งอยู่บนหลังม้า หายใจกระหืดกระหอบ“ผู้หญิงบ้าคนนี้...”ตอนนี้เขาไม่รู้ความเสียหายของพวกเขาทางนี้ประมาณการคร่าวๆ อย่างน้อยต้องมีคนตายในสงครามนับพันคนแม้พวกเขายังมีกำลังใจทหาร ทั้งยังใช้กลยุทธ์เล็กๆ น้อยๆ บางอย่างด้วย ทว่าทัพศัตรูก็ยังได้เปรียบด้านจำนวนคนอย่างมากความบาดเจ็บของพวกเขาไม่มีทางต่ำแน่นอนหากไม่ใช่เจียเหยาผู้หญิงบ้าคนนี้แลกด้วยชีวิต คนเหล่านี้ ล้วนมีชีวิตรอดกลับไปสงครามดุเดือดครั้งนี้ ไม่มีสิ่งใดให้คิดถึงแล้วไม่นาน การต่อสู้ครั้งนี้จบลงแล้วเจียเหยานำกองกำลังทหารหนึ่งหมื่นคน คนท
สามวันให้หลัง กองกำลังหยุนเจิงนำเชลยศึกและศพทหารกลับมาถึงชายแดนเว่ยยอกจากศพทหารที่ตายในสนามรบแล้ว ยังมีคนบาดเจ็บสาหัสที่ทนไม่ไหวด้วยนับดูแล้ว กองทัพหนึ่งหมื่นคนและกองทหารโลหิตหนึ่งพันคน รวมกัยแล้วมีคนตายเกือบเจ็ดพันแปดร้อยคนแค่นายพลก็สูญเสียคนไปหกคน รวมถึงผู้บัญคับบังชาคนโปรดของหยุนเจิงตู้กุยหยวนด้วยในนั้นยังมีสามสี่ร้อยคน ต่อให้รักษาหายดีแล้ว คาดว่าคงไม่อาจอยู่ในกองทัพได้ต่อไปนับดูแล้ว ทั้งหมดหนึ่งหมื่นหนึ่งพันคน สูญเสียไปเจ็ดพันกว่าคนเหี้ยมโหดจนไม่อาจเหี้ยมโหดไปได้มากกว่านี้แล้ว!สงครามครั้งนี้ แม้พวกเขาจะได้รับผลงานมหาศาล แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสียหายสาหัสขั้นสุดกองกำลังตู๋กูเชอโจมตีค่ายทหารที่เขาห่านป่าหวนกลับไม่สำเร็จตอนที่พวกเขาบุกไป ทัพศัตรูก็ล่าถอยไปนานแล้วทว่า ตอนที่กองทัพตู๋กูเช่อไล่ตามไป พวกเขาสกัดกั้นสองชนเผ่าที่กำลังอพยพไปยังราชสำนักเป่ยหวนโดยไม่ได้ตั้งใจตู๋กูเช่อปิดล้อมโดยตรง ยึดคนและปศุสัตว์ของพวกเขาทั้งหมดมาเป็นเชลยศึกตู๋กูเช่อให้คนมาส่งข่าวให้หยุนเจิง เขาเดินทางกลับชายแดนเว่ยก่อน เหลือหนึ่งหมื่นคนคุ้มกันขนส่งเชลยศึกและปศุสัตว์เหล่านั้นกลับชายแดนเ
แต่ไหนแต่ไร มีเพียงแม่ทัพนายพลระดับสูงที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้“พอแล้ว ไม่พูดเรื่องเหล่านี้แล้ว”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันไปถามอวี๋ซื่อจง “เอาของดูต่างหน้ามาจากร่างทุกคนหรือยัง?”“เอามาหมดแล้ว!”อวี๋ซื่อจงตอบทันที “ของดูต่างหน้าล้วนห่อเอาไว้แยกกันและเก็บไว้พร้อมข้อมูลบุคคล”“ดี!”หยุนเจิงพยักหน้า ตะโกนเสียงดัง “เอาเหล้ามา!”คนของกายนำานำเหล้าที่ได้จากแอลกอฮอล์และน้ำมาหลายไหทันทีหยุนเจิง ตู๋กูเช่อ ฉินชีหู่ เสิ่นลั่วเยี่ยน...จำนวนเล็กๆ น้อยๆ รวมกัน เกือบหนึ่งร้อยคนทุกคนรับไหสุราจากคนข้างกายด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแสดงความเคารพหยุนเจิงหยิบไหสุรา ชูขึ้นสูง“พี่น้องทุกท่าน พวกท่านล้วนเป็นวีรบุรุษของต้าเฉียนเรา!”“ข้าอยู่ที่นี่เพื่อเชิญทุกท่านร่วมดื่มสุราฉลอง!”“พวกท่านจากไปอย่างวางใจ ข้าจะสั่งคนให้นำของดูต่างหน้าและเงินบำนาญมอบให้ถึงมือครอบครัวพวกท่าน!”“ข้าขอยืมคำพูดเสด็จพ่อ ใครกล้าแตะต้องเงินบำนาญของพวกท่าน ข้าก็กล้าแตะต้องหัวพวกเขา!”คำพูดของหยุนเจิง แม้จะกล่าวกับทหารที่เสียชีวิตเหล่านี้ แต่ก็พูดกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยเช่นกันนี่เป็นการเตือนเหล่าคนที่อาจคิด
เมืองจักรพรรดิจักรพรรดิเหวินไถ่ถ่ามเรื่องอันหวังก่อกบฎในราชสำนักตามปกติอีกทั้ง ผลที่ได้รับกลับทำให้จักรพรรดิแทบอยากจะกระโดดด่ามารดานี่ผ่านมากี่วันแล้ว?ยังไม่อาจสยบการก่อกบฏของอันหวัง?กองทัพของราชสำนักต้านทางทัพกบฏของอันหวังไม่ได้หรือ?นี่ทำสู้รบได้ไร้สาระ!ทว่า สุดท้ายจักรพรรดิก็ข่มอารมณ์ไว้ได้“องค์รัชทายาท เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร?”จักรพรรดิเหวินพยายามระงบความโกรธ หันหน้ามองหยุนลี่ “เจ้าคิดว่าข้าควรลงโทษอู๋ตู๋ที่ปราบกบฏได้ไม่ดี?”หยุนลี่ครุ่นคิด จากนั้นก็โค้งคำนับ “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่า เรื่องนี้ไม่อาจโทษแม่ทัพอู๋ได้ ตอนนี้ทางใต้มีฝนตกฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ถนนเป็นโคลน การคุ้มกันส่งเสบียงค่อนข้างล่าช้า ด้านหน้าขาดแคลนเสบียง แม่ทัพอู๋รอบครอบไม่โจมตีโดยหุนหันพลันแล่น...”“ก็จริง”จักรพรรดิเหวินพยักพระพักตร์ จากนั้นก็ทอดพระเนตรเซวียเช่อที่รับตำแหน่งเสนาบดีกรมทหาร “ข้าขี้เกียจเขียนราชโองการ! กรมทหารส่งคนไปส่งข่าวให้อู๋ตู๋ เซียวว่านโฉวหลังจากกินยาพื้นบ้าน ร่างกายกลับเป็นปกติแล้ว กำลังคิดอยากให้เขายืดเส้นยืดสาย หากเขาทำไม่ได้ ข้าจะสั่งให้เซียวว่านโฉวไป! ถึงเวลานั้น อย่าบอกว่าข้าไม่
“เร็ว นำกล่องเปิดให้ข้าดู!”จักรพรรดิเหวินทิ้งรายงานการรบ สั่งองครักษ์วังด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำสั่งของจักรพรรดิเหวิน องครักษ์วังรีบเปิดกล่องออกทันทีทว่า ยังไม่รอให้จักรพรรดิเหวินเห็นชัดเจน เหล่าขุนนางในราชสำนักก็กระเถิบเข้าไปชะโงกหน้าดูแม้พวกหันจิ้นจะโรยปูนขาวไว้บนศีรษะเหล่านั้นแล้ว ทว่าส่งศีรษะมาด้วยระยะทางไกลเช่นนี้ ศีรษะก็ยังมีกลิ่นเล็กน้อยแต่ว่า ทุกคนกลับไม่สนใจมากมาย จับจ้องศีรษะมนุษย์ทั้งสามโดยละเอียดฮูเจี๋ย!โปหลวน!ศีรษะมนุษย์อีกหัว พวกเขาไม่รู้จักทว่า ในเมื่อส่งกลับมา ย่อมต้องเป็นบุคคลสำคัญของเป่ยหวน“นี่คือลูกชายของฮูเจี๋ย!”“โปหลวน ข้าจำเจ้าสุนัขนี่ได้!”“ฮ่าๆ องค์ชายหกแค่ทำสงครามก็ประหารโปหลวนและฮูเจี๋ยได้ ชื่อมรณกรรมอู่เลี่ย สมชื่อจริง!”“ตาแก่ เจ้าเลอะเลือนแล้วกระมัง? องค์ชายหกยังมีชีวิตอยู่ดี เจ้าจะกว่าถึงชื่อมรณกรรมอะไร?”“เอ่อ...คือ...”เหล่าขุนนางอาวุโสทั้งดีใจทั้งตกใจ พูดจาไม่ผ่านสมองขบคิดแล้วเมื่อได้ฟังคำของเหล่าขุนนางอาวุโส เหล่าขุนนางพากันชะโกงหน้าไปดูคราวนี้ จักรพรรดิเหวินเองก็เห็นไม่ชัดแล้วใบหน้าหยุนเจิงเผยรอยยิ้มดีใจ ทว่าในในเด