เมื่อได้ฟังคำของจักรพรรดิเหวิน ใบหน้าหยุนลี่กระตุกทันทีปล่อยให้รัชทายาทอย่างเขาไปเป็นแนวหน้าเพื่อปราบกบฏทว่า คำพูดของเสด็จพ่อมีเหตุผลเจ้าหกทำสงครามเก่งเช่นนี้ หากเขาไม่รู้เรื่องการทหารในสักนิด หากภายหน้าไอสารเลวนี่ก่อกบฏ เขาก็คงไม่สามารถเอาแต่พึ่งพาเหล่าแม่ทัพในราชสำนักนี้ได้!ถึงเวลานั้น แม่ทัพอาวุโสหลายคนคงไม่อยู่แล้ว!ขบคิดเงียบๆ หยุนลี่โค้งคำนับกล่าว “ลูกรับพระบัญชา! ลูกจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง!”“อื้ม! เช่นนั้นก็เอาตามนี้!”จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์เบาๆ “จริงด้วย พ่อลูกหยวนฉงเหมือนจะยังอยู่ในคุก?”“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงโค้งตัวกล่าวหยวนฉงทิ้งด่านเป่ยลู่ ไม่ได้ทิ้งให้ตกอยู่ในมือศัตรูภายนอก แต่เป็นคำร้องขอของขุนนาง แม้ว่าจักรพรรดิเหวินจะล้มเลิกความคิดที่จะประหารสกุลหยวนกงเก้าชั่วโคตร แต่จับตัวหยวนฉงและหยวนกุยพ่อลูกเข้าคุก วางแผนที่จะประหารหลังฤดูใบไม้ร่วงจักรพรรดิเหวินครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าว “ราชสำนักตอนนี้ต้องการใช้คน ข้าจะไม่เอาชีวิตพวกเขาชั่วคราว! เจ้านำพวกเขาไปด้วย ให้พวกเขาเป็นบริวารหน้ารถม้าของเจ้า ทำความดีชดใช้ความผิด! ควรอธิบายกับพวกเขาเช่นไร เจ้าจัดกา
นี่ไม่ใช่ให้โอกาสสวีสือฝู่การจัดตั้งพรรคพวกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือ?เมื่อเห็นฉินลิ่วก่านยังคิดไม่ได้ จักรพรรดิเหวินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความจนใจครู่ต่อมา จักรพรรดิเหวินลุกขึ้น หยิบจดหมายฉบับหนึ่งจากช่องในห้องตำราส่งให้ฉินลิ่วก่าน “ชื่อคนในจดหมายฉบับนี้ ล้วนเป็นคนในกองทัพที่ติดต่อใกล้ชิดกับเจ้าสาม เจ้าเก็บไว้ให้ดี! พรุ่งนี้ข้าจะสั่งให้เจ้าดูแลกองทหารเสินอู่และองครักษ์อวี่หลินชั่วคราว หากคนพวกนี้ไม่ทำเกินเลย เจ้าก็ไม่เจ็บเป็นต้องเคลื่อนไหว แค่จับตามองมากหน่อยก็พอ!”“นี่... ไม่ดีกระมัง?”ฉินลิ่วก่านยิ้มแห้งมองจักรพรรดิเหวิน “ไม่อย่างนั้น ข้าไปซั่วเป่ยกับพระองค์ด้วย ข้า...”“อย่าแม้แต่จะคิด!”จักรพรรดิเหวินดับฝันฉินลิ่วก่านโดยตรง “เจ้าอยู่ที่เมืองจักรพรรดิ ข้าถึงจะวางใจ!”ฉินลิ่วก่านนิ่งไปเล็กน้อย ทำได้เพียงกลืนคำในปากลงไปอย่างรวดเร็วก็ได้!รอเขากลับมาก่อน เขาค่อยไปซั่วเป่ยอีกครั้งก็ได้!เรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว!อื้ม ชีหู่เจ้าสัตว์ร้าย ทำให้เขาได้หน้าจริงๆนึกไม่ถึงว่าจะตัดหัวของฮูเจี๋ยด้วยมือตัวเองแล้ว?อื้อๆ เดี๋ยวต้องกลับไปจุดธูปไหว้บรรพชนหน่อยแล้ว!จักรพรรดิเหวิน
ชายแดนเว่ยหยุนเจิงเมื่อได้รับข่าว ชนเผ่าของเป่ยหวนและกองทัพทั้งหมดล่าถอยแล้วตอนนี้หากพวกเขาอยากจับเชลยศึกเป่ยหวน ก็ต้องวิ่งไปไกลแสนไกลแล้วตอนนี้ เขตแดนและทั่วทั้งทุ่งหญ้ามู่หม่าของเกออาซู ล้วนลายเป็นของในกระเป๋าของพวกเขาแล้วการต่อสู้จบลงชั่วคราวแล้วแต่เรื่องที่ทำให้หยุนเจิงปวดหัวมาแล้วเขตแดน เขายึดมาได้แล้วตอนนี้ปัญหาคือ จะครอบครองเขตแดนเหล่านี้ตลอดไปเช่นไรพวกเขาจะเป็นต้องส่งกองทัพขนาดใหญ่ยึดครองดินแดนเหล่านี้ เส้นทางจัดสรรเสบียงก็จะลากยาวไปไกลมากต่อให้เป็นทหารชาวนา ก็ไม่อาจเดินทางไกลเกินไป อย่างมากสุดก็แค่รอบบริเวณสามเมืองชายแดนอีกอย่าง น้ำฝนในทุ่งหญ้าแม้จะชุก ทว่ามีฤดูฝนที่ค่อนข้างสั้นเมื่อถึงฤดูฝน ทุกหนแห่งล้วนกลายเป็นดินโคลน เส้นทางจัดสรรเสบียงยิ่งยากขึ้นหากส่งคนมาน้อยเกินไป ก็ต้องกังวลว่าจะถูกเป่ยหวนจู่โจมอีกครั้งหากปล่อยที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ผืนใหญ่ไว้ดู เช่นนั้นพวกเขาสู้ยึดที่ดินผืนนี้มาจะมีประโยชน์ใด?อีกทั้ง พวกเขายังต้องสร้างสะพานบนแม่น้ำสาขาของแม่น้ำไป๋สุ่ยด้วยแม่น้ำสาขาบริเวณใกล้เขตแดนของอาหลู่ไถต้องต้องสร้างสะพาน แม่น้ำสาขาบริเวณใกล้ทุ่งหญ้ามู่หม
คำพูดของตู๋กูเช่อ ได้รับการเห็นด้วยจากทุกคน“ใช่ ใช่!”“ทุ่งหญ้ามู่หม่าจำเป็นต้องแย่งมาให้ได้!”“ต้าเฉียนเราไม่มีสนามเลี้ยงมาที่ดี...”“ขอแค่ยึดครองทุ่งหญ้ามู่หม่า ต่อไปพวกเราก็ไม่ขาดแคลนม้าศึกยอดเยี่ยมแล้ว!”“ใช่แล้ว...”ทุกคนพากันพยักหน้าเห็นด้วยสำหรับทุ่งหญ้ามู่หม่า พวกเขานั่งมองน้ำลายไหลนานแล้วสนามม้าโม่หยางใหญ่สักเท่าใดกันเชียว?ทุ่งหญ้ามู่หม่าหนึ่งแห่ง สามารถทดแทนสนามม้าโม่หยางได้หลายต่อหลายแห่งตั้งแต่ต้าเฉียนเปิดแคว้มาจนถึงตอนนี้ ในเรื่องการทำสงครามเป่ยหวน สิ่งที่เสียเปรียบอย่างมากก็คือไม่มีม้าศึกหกปีก่อน ต้าเฉียนสะสมมาเป็นเวลาหลายสิบปี ในที่สุดก็มีกองทหารม้าที่แข็งแกร่งผลปรากฏว่า หลังสงครามครั้งเดียว กลับถูกตีจนกลับสภาพเดิม!ตอนนี้มีคุณสมบัตินี้แล้ว พวกเขาไม่ยอมปล่อยทุ่งหญ้ามู่หม่าที่สามารถเอามาได้ง่ายดายหากเป็นไปได้ พวกเขายังอยากจะแย่งทุ่งหญ้าฉินหลินที่ใหญ่ที่สุดของเป่ยหวนมาด้วยเมื่อได้ฟังคำของทุกคน หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะส่ายหน้า“ทุ่งหญ้ามู่หม่า พวกเราย่อมต้องครอบครอง!”หยุนเจิงตัดสินใจครั้งสุดท้าย จู่ๆ ก็เปลี่ยนประเด็น “แต่ว่า ตอนนี้พวกเราต้องสร
หลายวันให้หลัง ปัจจัยวัตถุสิ่งของส่งจากชายแดนกู้มาถึงแล้วหยุนเจิงให้รางวัลเหล่าทหารที่ชายแดนเว่ยที่เสื่อมโทรมในกองทัพยามปกติห้ามดื่มสุรา แต่วันนี้เป็นการให้รางวัลกับทุกคน เป็นข้อยกเว้นผ่านช่วงเที่ยง ทุกคนกำลังเริ่มทำงานแพะแต่ละตัวถูกลากไปเชือดคนในกองทัพ ไม่พิถีพิถันนัก หม้อขนาดใหญ่ตุ๋นมั่วซั่วด้วยไชโป๊วแห้ง ไม่ก็เสียบไม้ย่างโดยตรงมีบางคนรู้จักผักป่า ก็วิ่งไปเก็บผักป่าบริเวณโดยรอบแม้ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว ทว่าพืชผักยังไม่เจริญเติบโตสำหรับคนมากมาย ได้กินผักแกล้มเนื้อหนึ่งคำ ก็เป็นอาหารอร่อยเลิศรสแล้วหากได้ดื่มเหล้าสักคำ นับว่าเป็นวันแห่งเทพเซียนแล้ว!หยุนเจิงยืนอยู่บนกำแพง มองทุกคนเริ่มทำงาน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม“พี่ใหญ่ฉินมาแล้ว”เวลานี้เอง เสียงเสิ่นลั่วเยี่ยนดังลอยมาข้างหูหยุนเจิงหยุนเจิงเก็บสายตากลับมา หันไปมองฉินชีหู่“น้องชาย ช่วงนี้เจ้ามักวิ่งมาบนกำแพงเพื่อสิ่งใด? เจ้าคงไม่รอให้เจียเหยามาเยี่ยมเจ้าหรอกกระมัง?”ฉินชีหู่มาถึง ก็นำหยุนเจิงไปมาหยอกล้อฉินชีหู่นิสัยตรงไปตรงมาเปิดเผย ขอแค่ไม่ใช่ตอนทำศึก ค่อนข้างทำตัวตามสบายกับหยุนเจิง“ข้าหวังว่านางจะมาเยี่ยมข้า!”หยุ
เขารู้ข้อเสียของทหารม้าหุ้มเกราะเช่นกันแต่สิ่งที่ควรทำก็ยังต้องทำ!หากนำทหารม้าเหล็กหุ้มเกราะไปแข่งกับทหารม้า ย่อมไม่มีประโยชน์แต่ตอนที่เป่ยหวนหมดหนทางวิ่ง ทหารม้าหุ้มเกราะบุกทะลวงเข้าขบวนทัพ สามารถสร้างความเสียหายมหาศาลให้ทัพศัตรูได้แน่นอน“เช่นนี้หรือ?”ฉินชีหู่ลูบคางครุ่นคิด “เช่นนั้นก็ได้! ขอแค่เจ้ามีความมั่นใจก็พอ! ถึงเช่นไรเรื่องบุกตะลุยโจมตีข้าศึกข้าถนัด! ทว่ากล่าวไปแล้ว กองทัพเกราะเหล็กน่าเกรงขามมากจริง...”กล่าวจบ ฉินชีหู่หัวเราะเจ้าเล่ห์อีกครั้งผู้บัญชาการกองทัพเกราะเหล็กบุกทลวงทัพศัตรู ฆ่าศัตรูเหมือนกับฆ่าไก่!“ได้! เช่นนั้นก็เอาตามนี้”หยุนเจิงพยักหน้าหัวเราะ “ข้าให้ต่งกังเป็นรองแม่ทัพของเจ้าสักระยะ รอเจ้าคุ้นเคยแล้ว ค่อยปรับโยกย้ายเขา!”ต่งกังผู้นี้ ถือว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ที่หยุนเจิงค้นพบโดยเฉพาะตอนที่ได้รู้สิ่งที่ต่งกังบอกกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินในสนามรบก่อนหน้านี้ หยุนเจิงวางแผนจะอบรมสั่งสอนคนผู้นี้สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านั้น แสดงให้เห็นว่าตงกังมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ระยะยาว คุ้มค่ากับการอบรมสั่งสอน“ไม่มีปัญหา!”ฉินชีหู่ตอบรับอย่างสบายใจ “ไป พวกเร
เผชิญกับสายตาเร้าร้อนของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้าแดงกล่ำแม้นางกับหยุนเจิงเคยแนบชิดกายกัน แต่สุดท้ายก็ยังไม่เคยไปถึงขั้นสุดท้ายคิดถึงเรื่องต่อไปที่กำลังจะเกิดนั้น หัวใจของเสิ่นลั่วเยี่ยนเต้นตึกตักไม่หยุดเวลานี้ นางคล้ายจะเข้าใจเหตุใดเมี่ยวอินจึงต้องออกไปแล้วดีไม่ดี เมี่ยวอินดูออกนานแล้วว่าหยุนเจิงแกล้งเมามีเพียงนางที่ยังซื่อบื้ออยู่ตรงนี้เสิ่นลั่วเยี่ยนตื่นเต้นอย่างมาก เดิมไม่กล้าสบดวงตาหยุนเจิงโดยตรง กล่าวด้วยความลนลาน “อย่าซน ล้างหน้าก่อน...”เสิ่นลั่วเยี่ยนยังไม่ทันกล่าวจบประโยค หยุนเจิงก็ประทับจูบลงไป“อุ๊บ...”เสิ่นลั่วเยี่ยนดิ้นรน อยากจะหลบริมฝีปากที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุราของหยุนเจิงทว่า หยุนเจิงกลับไม่ปล่อยนางไม่นาน เสิ่นลั่วเยี่นจมไปกับจูบเร้าร้อนของหยุนเจิงกลิ่นเหล้าหรือกลิ่นใด ตอนนี้ราวกับไม่ได้กลิ่นแล้วมือของเสิ่นลั่วเยี่ยนที่เดิมทีจับเตียงเอาไว้แน่นเลื่อนมาโอบกอดคอของหยุนเจิงอย่างควบคุมตัวไม่อยู่ขณะที่ทั้งสองจูบดูดดื่ม อุณหภูมิภายในห้องราวกับเพิ่มสูงขึ้นเสื้อผ้าบนตัวทั้งสองลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วสุดท้าย ต่างก็เปลือยเปล่าต่อหน้ากัน“บาดแผลของเจ้า
เสิ่นลั่วเยี่ยนหยิกหยุนเจิง “เจ้าไม่รู้จักถนอมร่างกายตัวเองสักนิด”“สิ่งใดกันเชียว?”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ กล่าวด้วยใบหน้าขี้เล่น “พวกเราล้วนหลั่งเลือด นี่ถึงจะยุติธรรม”เสิ่นลั่วเยี่ยนเงยหน้ามองรอยเลือดบนเตียง ทันใดนั้นก็รู้สึกอายขึ้นมา“เจ้าหาที่ตายหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนอายไม่ไหว ทุบหน้าอกหยุนเจิงเบาๆเห็นท่าทางของเสิ่นลั่วเยี่ยน หยุนเจิงอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้เสิ่นลั่วเยี่ยนหยิกเขาด้วยความอาย จากนั้นก็กล่าว “รีบปล่อยข้า ข้าจะพันแผลให้เจ้าใหม่”“พันสิ่งใดเล่า!”หยุนเจิงลูบส่วนที่อ่อนไหวของเสิ่นลั่วเยี่ยน กระพริบตากล่าว “ตอนนี้พันแผล อีกเดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนอีก!”เปลี่ยนอีก?เสิ่นลั่วเยี่ยนทำหน้าประหลาด ถามอย่างไม่รู้ตัว “เพิ่งเปลี่ยนไปเหตุใด...”กล่าวไปได้ครึ่งเดียว ในที่สุดเสิ่นลั่วเยี่ยนก็เข้าใจแล้ว“เจ้าไม่เคยกินข้าวหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนอายมาก หยิกหยุนเจิงเบาๆ “จำเป็นต้องกินข้าวมื้อนึงทำให้ตัวเองจุกตาย?”“ข้าวต้องกินให้อิ่ม สุร้าต้องดื่มจนหนำใจ!”จูบนี้ เป็นดั่งฟ้าผ่าไฟลามทุ่งกระทั่งทั้งสองคนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอีกครั้ง เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงฝืนร่างกายอ่อนปวกเปียกพัน