พวกเขานำทหารออกรบ ไม่มีใครสวมชุดเกราะที่จักรพรรดิเหวินมอบให้ใช้คำพูดของหยุนเจิง แต่งตัวงามหยาดเยิ้มเช่นนั้น บนสนามรบ ก็เหมือนเป็นเป้ายิงที่มีชีวิต!แต่พวกเขาละลายม้าศึก!ย่ำเหมันต์ที่หยุนเจิงขี่ เป็นสัตว์พาหนะของปานปู้ราชครูเป่ยหวน!ตอนที่หยุนเจิงแลกเปลี่ยนม้ากับปานปู้ที่หุบผาชันช่องผม ทหารเป่ยหวนมากมายล้วนอยู่ในเหตุการณ์พวกเขาอาศัยย่ำเหมันต์ทำให้แยกตัวตนของหยุนเจิงได้!ถูกเสิ่นลั่วเยี่ยนเตือนสติ เมี่ยวอินมีปฏิกริยาตอบโต้ทันที!“เข้ามา! ทุกคนเข้ามาใกล้ข้า! โจมตี!”“ทุคนเข้ามาใกล้พวกเรา!”เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินบุกไปยังสถานที่ที่หยุนเจิงอยู่ ด้านหนึ่งร้องตะโกน อีกด้านรวบรวมทหารต้าเฉียนต่อสู้กับศัตรูอย่างต่อเนื่อง รีบมุ่งหน้าไปหาหยุนเจิงเวลานี้ หยุนเจิงก็รับรู้ถึงความผิดปกติแล้วศัตรูรอบกายพวกเขามีมากขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกเหมือน ชาวเป่ยหวนพวกนี้กำลังฉีดเลือดไก่ยังดีที่ทหารองครักษ์ของอวี๋ซื่อจงล้วนเป็นทหารชั้นยอด ต่อให้ศัตรูมีจำนวนเป็นเท่าตัว ก็ยังไม่เพรี้ยงพร้ำในตอนที่ทั้งสองฝ่าต่อสู้กันดุเดือน กองทหารฉินชีหู่บุกออกมาจากเนินเดินที่อยู่ไม่ไกลหน่วยของฉินชีหู่แบ่งทห
เวลาเดียวกัน เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินรวบรวมคนจำนวนมาก ตามหยุนเจิงไป พากันพุ่งหาเจียเจียปูไม่หยุดภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดง หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนนำกำลังทหารร้อยกว่าคน ไล่ติดตามทิศทางที่เจียเจียปูอยู่ไม่หยุดไม่นาน คนที่เร็วที่สุดคือฉินชีหู่ฉินชีหู่ขี่มานำเป็นคนแรก ด้วยท่าทีสังหารเจ็ดในเจ็ดนอกแนวรบของศัตรูด้วยม้าหนึ่งหอกเดียวเพียงลำพังเลือดแดงสดย้อมเกราะของฉินชีหู่ ทว่าฉินชีหู่ยิ่งฆ่ายิ่งตื่นเต้นเวลานี้ ทุกคนราวกับเครื่องจักรสังหารหยุนเจิงเองก็นำกองทัพไล่ล่าไม่หยุดแม้ว่าดาบแตกร้าวหลายรอยแล้ว ก็ยังไล่ล่าไม่หยุดบนสนามรบ เสียงร้องอนาถของคนและเสียงม้าร้องดังขึ้นระงม ภายใต้เงาสะท้อนของอาทิตย์ยามเย็น ทั้งสนามรบเหมือนกับนรกเลือดไม่ปานท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ในที่สุดสงครามครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงแล้วทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนของเป่ยหวน นอกจากคนจำนวนน้อยที่ฉวยโอกาสหลบนี้ไปตอนช่วงโกลาหลแล้ว คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ทหารต้าเฉียนพากันจุดคบเพลิงบางส่วนกำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ บางส่วนกำลังแทงดาบซ้ำตามความต้องการของหยุนเจิงสำหรับทหารม้าเป่ยหวนที่บาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ตาย แทงดาบลงไป ก็สามารถเ
เวลานี้ ฉินชีหู่มาถึงข้างกายหยุนเจิงเพิ่งผ่านสนามรบเลือด ฉินชีหู่ร่างเต็มไปด้วยเลือดเช่นกันแต่ว่า เจ้าหมอนี่ห้าวหาญจริง มองดูแล้วไม่มีบาดแผลสักนิดขณะนี้ กลิ่นอายการสังหารบนตัวเขายังไม่หายไปทั้งหมด บวกกับเลือดบนตัวเขา เหมือนเทพความตายมาเยือนยังโลกยังดีที่หยุนเจิงเคยชินกับกลิ่นคาวเลือดบนสนามรบแล้ว มิฉะนั้นคนโดนกลิ่นอายสังหารของเจ้าหมอนี่ซัดซาดแล้ว“เจ้าคิดว่าควรทำเช่นไร?”หยุนเจิงเงยหน้ามองฉินชีหู่“ฆ่า!”น้ำเสียงของฉินชีหูเย็นชาเป็นพิเศษ ไม่มีความเมตตาใด“……”หยุนเจิงสีหน้ามืดครึ้ม “ฆ่าเชลยเหล่านี้แล้ว เจ้าข้าไปขุดเหมืองหรือ?”เจ้านี่ ฆ่าจนบ้าไปแล้วกระมัง?ตอนนี้เขาต้องการกรรมกรขุดเหมือง!ต่อไปเรื่องซ่อมถนนสร้างสะพาน ล้วนต้องการเชลยศึกเหล่านี้“แต่ว่า...”ฉินชีหู่ขมวดคิ้ว “พวกเรายังต้องจู่โจมด้านหลังของทัพศัตรู พาเชลยเหล่านี้ไป พวกเราก็เพิ่มความเร็วไม่ได้แล้ว! ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะคว้าโอกาสบุกเข้าด้านหลังของศัตรูได้ คงไม่อาจถอนทัพตอนนี้ได้กระมัง?”มีอย่างที่ไหนบุกจู่โจมแล้วยังพาเชลยไปด้วย?ต่อให้มีเมตตาก็ไม่ใช่วิธีเมตตาเช่นนี้!เมี่ยวอินและเสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าต
ทุกคนเก็บกวาดสนามรบทั้งวันทั้งคืน ตลอดจนถึงกลางดึก ถึงจะทำความสะอาดสนามรบเสร็จศพของทหารต้าเฉียนเหล่านั้น พวกเขาไม่สามารถนำไปด้วยชั่วคราว ทำได้เพียงขุดหลุมฝังกลบ ส่วนศพของทหารเป่ยหวน ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาควรกังวลด้วยคำสั่งเคร่งครัดของหยุนเจิง สนามรบทำความสะอาดจนสะอาดเป็นพิเศษเกราะที่เสียหายล้วนไม่เหลือทิ้งไว้ให้ทัพศัตรู!มิฉะนั้น ทัพศัตรูนำกลับไปซ่อมแซม จากนั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ใหม่หลังทำความสะอาดสนามรบเรียบร้อย ตัวเลขความเสียหายของพวกเขาก็สรุปออกมาแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ ทหารที่พวกเขาสังหารทัพศัตรูบวกกับเชลยศึก มีหนึ่งหมื่นสามพันกว่าคนแต่นี่เป็นการต่อสู้ปะทะรุนแรง ความสูญเสียของพวกเขาก็หนักมาก แค่คนที่สู้ตายในสนามรบก็มีสองพันห้าร้อยกว่าคนแล้ว ยังมีคนบาดเจ็บหนึ่งพันกว่าคนส่วนคนบาดเจ็บเล็กน้อย เช่นนั้นก็มีมากแล้วเมื่อได้รู้จำนวนความเสียหาย หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มข่มขื่นชนะก็นับว่าชนะ แต่ความเสียหายของพวกเขาก็รับว่าหนักหนาสาหัสรบแค่เพียงครั้งเดียว ก็ลดกำลังไปความแข็งแกร่งไปสองส่วน!นี่เป็นสถานการณ์ที่ฉินชีหู่นำกองกำลังมาถึงทันเวลาหากพวกฉินชีหู่มาช้ากว่านี้อีกหน
เช่นนี้ ก็สามารถปล่อยมือมาสร้างทหารม้าหนักใหม่ได้!หากเป็นขบวนปะทะ ทหารม้าหนักเหมาะสมที่สุดแล้วเมื่อคิดเช่นนี้ หยุนเจิงมองเจียเจียปู้ที่ถูกมัดไว้ด้านข้าง“ทักษะการรับมือสถานการณ์ของเจ้าไม่เลว นับว่าเป็นแม่ทัพที่ดี ข้าจะให้โอกาสเจ้ายอมแพ้!”หยุนเจิงเริ่มชักจูงเจียเจียปู้ให้ยอมแพ้“ฝันไปเถอะ!”เจียเจียปูสองตาแดง จ้องหยุนเจิงอย่างรุนแรง “เป่ยหวนข้ามีแต่ผู้ชายที่ตายในสนามรบ ไม่มีผู้ชายที่ยอมจำนน!”“……”หยุนเจิงหมดคำจะพูด ชี้ไปยังทหารม้าเป่ยหวนเหล่านั้นที่ยอมจำนน ถากถางอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่เสแสร้งจะตายหรือ? คนเหล่านี้ ไม่ใช่ชายเป่ยหวนหรือ? ล้วนเป็นสมุนรับใช้ของกองทัพพวกเจ้า?”เจียเจียปู้เมื่อได้ฟังพลันกล่าวสิ่งใดไม่ออก ใบหน้าก็เริ่มแดง“จะฆ่าจะแกงเช่นไร แล้วแต่จะบัญชา!”เจียเจียปู้หลับตาลงอย่างตรงไปตรงมา ยืดคอของตัวเอง“ไม่ยอมจำนวนจริงหรือ?”หยุนเจิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อย่าคิดแข็งกระด้างกับข้า อีกไม่นานตอนที่เป่ยหวนพวกเจ้าร้องขอข้า ตอนนี้เจ้ายอมจำนวน ข้าสามารถประคองเจ้าเป็นจั่วเสียนอ๋องของเป่ยหวน ถึงขั้น ให้เจ้าเป็นประมุขใหญ่ของเป่ยหวน!”เขาอยากสนับสนุน
ค่ายใหญ่เป่ยหวน“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว!เกออาซูที่กำลังหลับอยู่ถูกคนปลุกให้ตื่น“เกิดสิ่งใดขึ้นอีก?”เกออาซูลืมตาขึ้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ถามทหารคนสนิทด้วยความหงุดหงิดทหารคนสนิทมองเกออาซูด้วยความกระวนกระวาย กล่าวด้วยความเศร้าเสียใจ “กองทหารม้าหนึ่งหมื่นห้าพันคนของเจียเจียปู้เจอกับการโจมตีของทัพศัตรู เกิดความเสียหายอย่างหนัก! มีเพียงทหารหนึ่งพันสี่ร้อยกว่าคนที่ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหนีกลับมา เจียเจียปู้เหมือนจะถูกทัพศัตรูประหารแล้ว...”“อะไรนะ?”ความง่วงของเกออาซูหายไปหมดสิ้น พลันลุกขึ้นยืนทว่าข่าวร้ายที่มาโดยกะทันหันทำให้เขาเวียนหัว เกือบหัวทิ่มไปกับพื้นหลังพยายามยืนอย่างมั่นคง เกออาซูคว้าทหารคนสนิท คำรามด้วยความอาฆาต “พูดมา เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?”ทหารหนึ่งหมื่นห้าพันคนออกไป กลับมาได้แค่หนึ่งพันสี่ร้อยกว่าคน?แม้แต่เจียเจียปู้ก็ถูกประหารแล้ว?เหตุใดเป็นเช่นนี้?เจียเจียปู้เจ้าคนสารเลว เขาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?เขาสั่งเด็ดขาดพยายามอย่ารับศึกกับทหารม้าเป่ยหวน แค่ต้องถ่วงเวลาพวกเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดต้องรับศึกทัพศัตรู?คนหนึ่งหมื่นสามพันคน!พวกเขามีกองทัพทั้งหมดไม่ถึงส
เป็นเช่นนี้ต่อไป ชนเผ่าด้านหลังต้องเสียหายหนักเช่นกันสู้ก็ไม่ได้ ไม่สู้ก็ไม่ได้ตอนนี้ ควรทำเช่นไร?เวลานี้ เกออาซูหวังว่าเจียเหยาจะสยบชนเผ่าของอาหลู่ไถได้โดยเร็ว!ถ่วงเวลาต่อไปเช่นนี้ ต่อให้องค์หญิงเจียเหยาสยบชนเผ่าอาหลู่ไถแล้ว ก็ไม่อาจชดเชยความเสียหายของพวกเขาได้ศัตรูของพวกเขาตอนนี้ ไม่ใช่แค่ต้าเฉียนยังมีโปหลวนที่ต้องการก่อการร้ายด้วย!โปหลวนที่สมควรตาย เวลานี้แล้ว นึกไม่ถึงเขายังคิดแย่งตำแหน่งประมุขใหญ่?จักรพรรดิต้าเฉียนแม้แต่หยุนเจิงแย่งอำนาจควบคุมทหาร ครอบครองทหารส่วนตน เรื่องนี้ก็ยังอดทนไว้ได้ เหตุใดโปหลวนจึงไม่คิดถึงส่วนรวม?แล้วก็ยังมีฮูหลัวกับอาหลู่ไถ!หากไม่ใช่พวกเขาก่อเรื่อง หยุนเจิงจะมีโอกาสได้เช่นไร?เวลานี้ เกออาซูกำลังถามหาบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของจั่วเริ่นอ๋องหลังจากพยายามระงับความโกรธ เกออาซูให้หัวหน้านายกองไปพักผ่อนก่อน จากนั้นก็สั่งทหารคนสนิทของตัวเอง “เดินทางตลอดคืนไปบอกเรื่องทางนี้กับองค์หญิงเจียเหยา ให้องค์หญิงรีบตัดสินใจ!”“ขอรับ!”ทหารคนสนิทไม่รอช้า รีบพุ่งออกไปเกออาซูนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าผิดหวังพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า!ข่าวการพ่า
สองวันให้หลัง พวกหยุนเจิงหาเจอชนเผ่าอีกแห่งวันที่สอง พวกเขาโจมตีสองชนเผ่าติดต่อกันเนื่องจากกองทัพหน้าของพวกเขาล้วนแต่งการเป็นชาวเป่ยหวน คนของสองชนเผ่าจึงไม่ได้ป้องกันพวกเขา นั่นทำให้การโจมตีของพวกเขาราบรื่นเป็นพิเศษต่อสู้สองสนาม พวกเขาล้มตายในสนามรบไม่ถึงร้อยคนหลังจากแบ่งกองหน้าและกองหลัง คนบาดเจ็บสาหัสสองร้อยกว่าคนก็ถูกพวกเขาพาไปด้วยกองหน้ารับผิดชอบโจมตี กองหลังรับผิดชอบบรรทุกเสบียงที่ได้มาและคนบาดเจ็บหนักเสบียงและสิ่งของที่พกพาไปได้สะดวกก็นำไป หากไม่สะดวกพกพา เผาทั้งโดยตรงส่วนวัวแพะของชนเผ่าเหล่านั้น พวกเขาฆ่าทั้งหมดพวกเขาไม่เอาไป ก็ไม่อาจเหลือทิ้งไว้ให้เป่ยหวนตีกันมาสองวัน พวกเขาได้รับเกราะมาอีกไม่น้อยทุกวันนี้ ภายในกองหนึ่งหมื่นสองพันคนของพวกเขา มีคนแต่งกายเป็นชาวเป่ยหวนแล้วห้าพันคนสายัณห์ยามตะวันรอน ฉินชีหู่นำทหารโจมตีชนเผ่าเป่ยหวนอีกครั้งรอจนหยุนเจิงนำทัพหลังมาถึง พวกฉินชีหู่ได้เก็บกวาดสนามรบแล้วหยุนเจิงเพิ่งมาถึง ฉินชีหู่มาหาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น“เจ้าเดาสิ นี่คือชนเผ่าของใคร?”ฉินชีหู่กระพริบตา ถามหยุนเจิงด้วยรอยยิ้มร้าย“ข้าจะรู้ได้เช่นไ