นอกด่านเป่ยลู่ หยุนเจิงพาทุกคนไปส่งฉินลิ่วก่านมาถึงนอกด่าน“เอาล่ะ ไม่ต้องส่งแล้ว!”ฉินลิ่วก่านโบกมือให้ทุกคน “ไปทำงานของพวกเจ้าเถอะ! เจ้าหนุ่ม ซั่วเป่ยต้องยกให้เจ้าแล้ว หากเจ้าทำให้ซั่วเป่ยเสียไป ต่อจะสู้ตายเอาชีวิตเจ้าให้ได้!”“……”หยุนเจิงมองฉินลิ่วก่อนด้วยสายตาเอือมระอา จากนั้นก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม “หรงกั๋วกงวางใจ หากซั่วเป่ยเสียไป ข้าคงตายไปแล้ว ไม่ต้องให้ท่านถ่อมาถึงนี่อีกครั้ง!”“ดี! ข้าเชื่อเจ้า!”ฉินลิ่วก่อนหัวเราะ “เอาล่ะ ไปก่อนแล้ว!”กล่าวจบ ฉินลิ่วก่อนเตะท้องม้า ควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วมองดูฉินลิ่วก่านที่ไปไกลแล้ว หยุนเจิงไม่ได้มีความเศร้าจากการพรากจากกัน เพียงแค่ตัดสินใจเงียบๆ ต้องทำให้เป่ยหวนไม่กล้ารุกรานต้าเฉียนอีก!ระหว่างทางกลับจวน หยุนเจิงพลันถามฮูหยินเสิ่น “ท่านแม่ยาย ข้าว่าวรยุทธของท่านกับสะใภ้ใหญ่ล้วนไม่เลว ลองบัญชาการทหารในซั่วเป่ยดีหรือไม่?”“พวกเรา...บัญชาการทหาร?”ฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงมองหยุนเจิงด้วยความมึนงง ราวกับไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง“ใช่แล้ว!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “ขอแค่พวกท่านยินดีก็พอ หากไม่ยินดี ก็ไม่เป็นไร”ตอนนี้เขาเป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ
“ก็ได้!”หยุนเจิงไม่บังคับดูออกว่าจ้าวจี้ไม่พอใจที่เขาแอบยึดอำนาจทหารของกองทหารมณฑลทางเหนือแต่ว่า ไม่เป็นไรในเมื่อเขากล้าทำเรื่องนี้ ก็ไม่หวังให้คนทั่วทั้งใต้หล้าคิดว่าเขาเป็นขุนนางภักดีจ้าวจี๋นิ่งเงียบเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยถามอีกครั้ง “แผนการแสดงบทบาทหนานหยวนเมื่อก่อน ล้วนเป็นฝีมือขององค์ชายหกกระมัง?”“ใช่!”หยุนเจิงพยักหน้ายอมรับเวลานี้แล้ว ยังมีสิ่งใดไม่อาจยอมรับได้อีก“องค์ชายเก่งกาจจริงด้วย!”จ้าวจี๋กล่าวด้วยความเลื่อมใส “องค์ชายหกปกปิดซ่อนเร้นมาตั้งหลายปี หลอกลวงทุกคน ความสามารถและความอดทนขององค์ชายหก ข้าเลื่อมใสยิ่ง!”ข้าปกปิดซ่อนเร้นที่ใดกัน!ก่อนหน้านี้พี่ชายไม่ได้เรื่องจริงๆ!“ล้วนเป็นเพราะความจำเป็น”หยุนเจิงยิ้มอย่างจนปัญญา “หากแม่ทัพอาวุโสคิดว่าข้าเป็นโจรกบฎ ข้าก็ไม่มีสิ่งใดให้กล่าว”“หวังว่าองค์ชายหกจะไม่ใช่!”จ้าวจี๋ยิ้มเรียบๆ ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากความ “องค์ชายส่งคนมารับมอบเสบียงเหล่านี้ได้แล้ว”“ไม่รีบ!”หยุนเจิงหัวเราะ จากนั้นก็หยั่งเชิง “แม่ทัพอาวุโสจ้าว ท่านคงไม่ลงมือกับเสบียงอาหารเหล่านี้หรอกกระมัง?”นี่เป็นเรื่องที่หยุนเจิงกังวลที่สุดตอนนี้ถึ
เสบียงอาหารสามล้านตันนั้นเยอะมากจริงแท้พวกเขารับมอบกันโดยไม่ได้หลับพักผ่อนเป็นเวลาสองวัน จึงสามารถรับมอบเสบียงอาหารทั้งสามล้านตันเสร็จสิ้นระหว่างนั้น หยุนเจิงสั่งให้คนซุ่มตรวจสอบเสบียงเป็นระยะ โดยพื้นฐานแล้วล้วนไม่มีปัญหาใดแต่อาจเพราะอากาศภายในด่านเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว เสบียงบางส่วนได้รับความชื้นมาระหว่างทางพวกหยุนเจิงรับมอบเสบียงเสร็จสิ้น จ้าวจี๋ก็ถอนทัพกลับฟู่โจวแล้ววันถัดมา หยุนลี่เดินทางไกลรอนแรมพาครอบครัวของตู๋กูเช่อมาถึงนอกด่านเป่ยลู่“พวกเจ้าเดาสิ เจ้าสามกำลังตะโกนสิ่งใดอยู่เบื้องล่าง?”หยุนเจิงยืนอยู่บนกำแพงด่าน ยิ้มตาหยีถามเสิ่นลั่วเยี่ยน“แน่นอนกำลังด่าเจ้าหน้าเนื้อใจเสือ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใสเมื่อได้ฟังคำของเสิ่นลั่วเยี่ยน เยี่ยจื่อและเมี่ยวอินพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่งเจ้าหมอนี่ ไม่ใช่คนหน้าเนื้อใจเสือหรือไร!ขอแค่หยุนลี่มา ไม่ว่าเว่ยเหวินจงจะรอดถึงเมืองจักรพรรดิหรือไม่ เขาล้วนซวยทั้งนั้นต่อให้พวกเขาพี่น้องสองคนมีบรรพบุรุษร่วมกัน คาดว่าหยุนลี่คงเริ่มทักทายบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของหยุนเจิงแล้ว“เจ้าสามผู้นี้ ทะเยอทะยานไม่น้อย สมองกลับมีแต่ขี้เลื่อย”หยุ
นี่เป็นความคิดที่หยุนลี่คิดได้ตอนออกจากเมืองจักรพรรดิทั้งต้องทำให้เว่ยเหวินจงตาย ทั้งต้องไม่ทำให้เขามีส่วนเกี่ยวข้อง มีเพียงยืมมือเจ้าหกจัดการเว่ยเหวินจง!ถึงแม้ เขาไม่ยินดีมอบเงินให้เจ้าหกแต่เขาก็ไม่อยากถูกจักรพรรดิเหวินลงโทษ!เงินไม่มีแล้ว ยังสามารถหาได้ใหม่แต่ใบหน้าเสียไปแล้ว ก็มีแต่ต้องเสียไปเท่านั้นที่สำคัญคือ ตอนนี้เกรงว่ามีแม่ทัพไม่น้อยในราชสำนักสงสัยว่าเขาชี้นำเว่ยเหวินจงทำเช่นนี้!หากเว่ยเหวินตายตอนคุ้มกันกลับเมืองจักรพรรดิ คนเหล่านั้นก็จะคิดว่าเขากำลังฆ่าคนปิดปาก!แม้ไม่มีหลักฐาน แต่ก็ไม่เป็นประโยชน์ในการเอาชนะใจคนสำหรับรัชทายาทอย่างเขา!ยืมมือเจ้าหกจัดการเว่ยเหวินจง สามารถขจัดข้อสงสัยของเขาได้มากที่สุด!“ห้าแสนตำลึงเงินแล้วกัน!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “พี่สาม เช่นไรเจ้าก็เป็นรัชทายาท ห้าแสนตำลึงเงิน สำหรับท่านแล้ว ก็เป็นเพียงแค่เศษขนเท่านั้นกระมัง?”“เปล่า!” หยุนลี่กัดฟันคำรามเสียงต่ำ “ข้าบอกแล้ว สองแสนตำลึงเงินเป็นขีดจำกัดของข้า! หากเจ้าอยากได้มากกว่านี้ ข้ายินดีถูกเสด็จพ่อลงโทษ!”“พี่สาม เงินนี่ ข้าไม่ได้ต้องการเพื่อตัวข้า!” หยุนเจิงโน้มน้าวด้วยความอดทน “การ
นอกด่านเป่ยลู่ เสิ่นลั่วเยี่ยนทำตามคำสั่งของหยุนเจิง ตอนที่แลกเปลี่ยนตัวประกัน ยิงธนูปลิดชีวิตเว่ยเหวินจงหยุนลี่ด่ารุนแรงด้วยความโกรธสองสามประโยค จากนั้นก็พาคนจากไปแม้ต้องจ่ายเงินสี่แสนตำลึงเงิน แต่เว่ยเหวินจงก็นับว่าตายแล้ว!หยุนลี่ในเวลานี้ เจ็บปวดแต่มีความสุขเช่นกัน“เหตุใดพวกเขาไม่ห้ามเขาไว้หน่อย?”เมื่อรู้เรื่องนี้ ฮูหยินเสิ่นดุเยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนทันที“พวกเราห้ามเขาเพื่อสิ่งใดเล่า?”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้สี่แสนตำลึงเงินมาเปล่าๆ ทั้งยังได้ฆ่าเว่ยเหวินจงด้วยตัวเองล้างแค้นให้เหล่าทหาร เป็นเรื่องดี!”“เรื่องดีอะไร!” ฮูหยินเสิ่นจ้องเสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยความหงุดหงิด “พวกเจ้าฆ่าเว่ยเหวินจง ในราชสำนักต้องมีคนคิดว่าพวกเจ้าใส่ร้ายเว่ยเหวินจง! แต่หากเว่ยเหวินจงตายระหว่างคุ้มกันกลับเมืองจักรพรรดิ คนในราชสำนักจะคิดว่ารัชทายาทฆ่าคนปิดปาก เช่นนี้ ก็สามารถทำลายชื่อเสียงของรัชทายาท!”สี่แสนตำลึงเงิน นับว่าไม่น้อยเลยข้าวสารหนึ่งตั้น ราคาประมาณหนึ่งตำลึงเงินเท่านั้น!ใช้เงินสี่แสนตำลึงเงินไปซื้อเสบียง สามารถให้กองทหารมณฑลทางเหนือสองแสนห้าหมื่นคนกินอิ่มไปได้สองสามเด
นางเป็นผู้ดูแล เป็นตำแหน่งที่มีสิทธิ์ทางบัญชีของซั่วฟาง!ความจริง หยุนเจิงไม่อยากให้เยี่ยจื่อเหนื่อยเกินไป เดิมเขาอยากให้จางซูทำงานนี้แต่เจ้าชั่วจางซูไม่สนใจงานนี้หากใช้จางซู เขาทำเรื่องจุกจิกเล็กน้อยไม่ได้ เขาเพียงชอบหาเงินและใช้เงินด้วยความจนปัญญา หยุนเจิงทำให้ได้สั่งให้เยี่ยจื่อรับหน้าที่ดูแลเรื่องเหล่านี้ชั่วคราวรอมีตัวเลือกที่เหมาะสมแล้ว ค่อยให้เยี่ยจื่อถอนตัวออกมาเขาไม่อยากให้ผู้หญิงของตนเหนื่อยจนป่วยหลังจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว หยุนเจิงเรียกจางซูและหมิงเย่ว์มา“ทหารสองแสนห้าหมื่นคนของกองทหารมณฑลทางเหนือ ต้องพึ่งเทพแห่งความมั่งคั่งอย่างเจ้าแล้ว”หยุนเจิงยิ้มมองจางซู“องค์ชาย ท่านทำให้ข้ารู้สึกกดดันอย่างมากแล้ว!”จางจูหัวเราะมองหยุนเจิงจางซูรู้สึกกัดดันจริง อีกทั้งความกดทชดันไม่ใช่แค้มากระดับธรรมดามารดาเขาสิ นี่มันคนสองแสนห้าหมื่นคนเชียวนะ!ต่อให้หักทหารชาวนาที่เป็นค่าใช้จ่ายค่อนข้างน้อย ก็ยังมีหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นคน!ไม่ใช่เพียงเรื่องง่ายดายแค่ทำให้ท้องอิ่มเท่านั้น!มีสถานที่ต้องให้ใช้จ่ายเงินมากมาย!นี่เป็นเหมือนหลุมที่ไร้ก้นเหว!ต่อให้โยนเงินเข้าไปมากมายเพ
พรุ่งนี้หยุนเจิงต้องไปยังชายแดนกู้แล้วตอนกลางคืน ทุกคนก็ต้องรวมตัวกันดื่มสักสองแก้วหยุนเจิงไม่นับว่าคอแข็งแม้ทุกคนจะไม่ได้ตั้งใจรินเหล้าให้เขา หนึ่งมื้อกินเสร็จ เขาก็ยังดื่มจนรู้สึกมึนหัวซินเซิงพยุงหยุนเจิงนั่งลงกลางห้อง จากนั้นก็กล่าวว่า “องค์ชายรอเดี๋ยว บ่าวจะไปตักน้ำมาล้างเท้าให้ท่าน”“อืมๆ”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ สะบัดศีรษะที่เริ่มมึนงงมารดาเขาสิ!เหล้านี่ต้องดื่มให้น้อยหน่อยแล้ว!โดยเฉพาะไปถึงชายแดนกู้ พยายามไม่ดื่มจะดีกว่ารอจนทำให้เป่ยหวนถอยออกไปหลายร้อยลี้ แย่งทุ่งหญ้ามู่หม่ากลับมา ค่อยเมาหัวราน้ำสักรอบก็ยังไม่สาย!คิดถึงทุ่งหญ้ามู่หม่า หยุนเจิงตาร้อนขึ้นมาแล้วมารดาเขาสิ ทุ่งหญ้าที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ไม่แย่งมา รู้สึกผิดกับตัวเองแล้ว!มีทุ่งหญ้าที่ยอดเยี่ยมแล้ว ก็สามารถผสมพันธ์ม้าศึกได้มากขึ้นแต่ว่า ระยะเวลาในการเติบโตของม้าศึกนั้นนานเกินไปโดยพื้นฐานแล้วม้าอายุห้าปีขึ้นไปจึงจะสามารถเป็นม้าศึกได้เรื่องผสมพันธ์ก็ส่วนเรื่องผสมพันธ์ หากต้องการม้าศึกมากขึ้นโดยไว ไปแย่งม้าศึกของเป่ยหวนเป็นไปได้มากกว่า!ขณะที่หยุนเจิงกำลังคิดเรื่อยเปื่อย ร่างสง่างามเดินถือกะละมังไม
หยุนเจิงกอดเยี่ยจื่อ นานๆ ทีจะมีความคิดรักทะนุถนอมนางสักครั้ง เพียงแค่บอกนางเรื่องจางซูจะให้สถานะกับหมิงเย่ว์ จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงใจ “ข้าว่า ข้าควรให้สถานะกับเจ้าและเมี่ยวอิน”“ข้าไม่ต้องการสถานะ”เยี่ยจื่อส่ายหน้าเบาๆ “ข้าอยู่กับเจ้าเช่นนี้ก็พอแล้ว”“พูดอะไรน่ะ?”หยุนเจิงเชยใบหน้าเยี่ยจื่อขึ้นมา “ให้เจ้าติดตามข้าโดยไร้สถานะได้เช่นไร?”“ข้าไม่ต้องการสถานะจริงๆ” เยี่ยจื่อส่ายหน้าอีกครั้ง กล่าวอย่างจริงใจ “ฐานะของข้าค่อนข้างพิเศษ เจ้าให้สถานะกับข้า คนทั้งใต้หล้าจะมองเจ้าเช่นไร? ข้าไม่อาจทำเพื่อสถานะจอมปลอมมาทำลายชื่อเสียงเจ้า”ความสัมพันธ์ของนางและหยุนเจิง ทำเช่นไรก็ขัดกับกฎเกณฑ์ในเมื่อนางตัดสินใจอยู่กับหยุนเจิงแล้ว ย่อมไม่สนใจสายตาคนภายนอกอีกต่อไปแต่หยุนเจิงไม่ได้!หยุนเจิงคือจิ้งเป่ยอ๋อง เป็นแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋ว แล้วยังเป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ!นางไม่อาจปล่อยให้หยุนเจิงขึ้นชื่อว่าเป็นคนรังแกภรรยาดูหมิ่นสะใภ้“ชื่อเสียงผายลมสิ”หยุนเจิงหัวเราะไม่ใส่ใจ “แม้แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นโจรชั่วสร้างความแตกแยกข้าล้วนไม่สนใจ ยังจะสนใจชื่อเสียงเช่นนี้ด้วยหรือ? ใครกล้าพูดจาเหลวไหล ข้าจะตัดล
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่