หยุนเจิงกอดเยี่ยจื่อ นานๆ ทีจะมีความคิดรักทะนุถนอมนางสักครั้ง เพียงแค่บอกนางเรื่องจางซูจะให้สถานะกับหมิงเย่ว์ จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงใจ “ข้าว่า ข้าควรให้สถานะกับเจ้าและเมี่ยวอิน”“ข้าไม่ต้องการสถานะ”เยี่ยจื่อส่ายหน้าเบาๆ “ข้าอยู่กับเจ้าเช่นนี้ก็พอแล้ว”“พูดอะไรน่ะ?”หยุนเจิงเชยใบหน้าเยี่ยจื่อขึ้นมา “ให้เจ้าติดตามข้าโดยไร้สถานะได้เช่นไร?”“ข้าไม่ต้องการสถานะจริงๆ” เยี่ยจื่อส่ายหน้าอีกครั้ง กล่าวอย่างจริงใจ “ฐานะของข้าค่อนข้างพิเศษ เจ้าให้สถานะกับข้า คนทั้งใต้หล้าจะมองเจ้าเช่นไร? ข้าไม่อาจทำเพื่อสถานะจอมปลอมมาทำลายชื่อเสียงเจ้า”ความสัมพันธ์ของนางและหยุนเจิง ทำเช่นไรก็ขัดกับกฎเกณฑ์ในเมื่อนางตัดสินใจอยู่กับหยุนเจิงแล้ว ย่อมไม่สนใจสายตาคนภายนอกอีกต่อไปแต่หยุนเจิงไม่ได้!หยุนเจิงคือจิ้งเป่ยอ๋อง เป็นแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋ว แล้วยังเป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ!นางไม่อาจปล่อยให้หยุนเจิงขึ้นชื่อว่าเป็นคนรังแกภรรยาดูหมิ่นสะใภ้“ชื่อเสียงผายลมสิ”หยุนเจิงหัวเราะไม่ใส่ใจ “แม้แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นโจรชั่วสร้างความแตกแยกข้าล้วนไม่สนใจ ยังจะสนใจชื่อเสียงเช่นนี้ด้วยหรือ? ใครกล้าพูดจาเหลวไหล ข้าจะตัดล
คืนนี้ แม้หยุนเจิงและเยี่ยจื่อไม่ได้ทำกันจนไปถึงขั้นนั้น แต่พวกเขาทั้งสองก็ทำกันจนพอใจมากตอนเช้า เยี่ยจื่อลุกขึ้นจากเตียงมองหยุนเจิงที่ลุกขึ้นนั่งตาม เยี่ยจื่ออดรู้สึกเขินอายในใจไม่ได้เจ้าตัวร้ายนี่ คงดูตำราเรื่องพรรค์นั้นมาไม่น้อย!ในใจเต็มไปด้วยความเขินอาย เยี่ยจื่อช่วยหยุนเจิงสวมเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปตักน้ำร้อนมาช่วยหยุนเจิงชำระล้างร่างกายเหมือนกับภรรยาผู้อบอุ่นอ่อนโยนทั่วไประหว่างการชำระล้างร่างกาย ทั้งสองคนก็อิงแอบแนบชิดกันอีกรอบเยี่ยจื่อรู้ว่าหยุนเจิงครั้งนี้ต้องไปนานนางอยากติดตามอยู่ข้างกายหยุนเจิงมาก แต่นางรู้ตัวว่าไม่สามารถติดตามหยุนเจิงได้ประโยชน์ในการอยู่ที่ติ้งเป่ยของนาง มีมากมายกว่าการติดตามหยุนเจิงไปนางเพียงหวังว่าหยุนเจิงกลับมาครั้งหน้า นางจะสามารถเป็นผู้หญิงของเขาได้อย่างแท้จริง เป็นผู้หญิงที่คลอดลูกให้เขาหลังอาหารเช้า หยุนเจิงพาทุกคนออกเดินทางฮูหยินเสิ่นและพวกเยี่ยจื่อตามพวกเขา จนกระทั่งส่งพวกหยุนเจิงออกไปนอกประตูทิศเหนือ“องค์ชาย ครั้งนี้ต้องระวัง พวกเราจะรอชัยชนะของพวกเจ้าอยู่ที่ติ้งเป่ย!”ก่อนออกเดินทาง ฮูหยินเสิ่นอดไม่ได้ที่จะกำชับหยุนเจิง“
ฮูหยินเสิ่นขยี้ดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า จากนั้นหันไปส่งรอยยิ้มให้กับหลานสาวทีหนึ่ง “ต่อไปห้ามเรียกอาสะใภ้รองว่าอาสะใภ้รองแล้วนะ ต้องเรียกว่าป้าใหญ่แล้ว”“หา?”ใบหน้าอ่อนโยนของเสิ่นเนี่ยนฉือเต็มไปด้วยความสงสัย “เพราะเหตุใดกัน?”“เดี๋ยวเนี่ยนฉือโตแล้วก็จะเข้าใจเอง”ฮูหยินเสิ่นลูบศีรษะของเสี่ยวเนี่ยนฉือเบาๆ“เจ้าค่ะ”เสิ่นเนี่ยนฉือเบะปากเล็กน้อย ทว่ายังคงทำหน้าสงสัยอาสะใภ้รองก็อาสะใภ้รองไม่ใช่หรือ?เหตุใดจู่ๆ ถึงกลายเป็นป้าใหญ่ได้ล่ะ?ฮูหยินเสิ่นเคาะศีรษะของเนี่ยนฉือเบาๆ จากนั้นเดินไปหาเยี่ยจื่อที่น้ำตาไหลจนตาพร่ามัว แสร้งทำเป็นเย็นชาพลางกล่าวว่า “นับตั้งแต่นี้ไป เจ้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของตระกูลเสิ่นอีกต่อไป! ข้าจะเขียนหนังสือหย่าแทนหลินเอ๋อร์ให้เจ้า!”เยี่ยจื่อตัวสะท้าน จากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินเสิ่นเสียงดัง ‘ตุบ’……“บัดนี้ เท่ากับว่าได้เผาเจ้าและพี่สะใภ้เจ้าไว้บนเตาไฟแล้วนะ!”ระหว่างทางไปชายแดนกู้ เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องหยุนเจิงด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าตายไม่ออกถึงแม้พวกเขาจะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างหยุนเจิงกับเยี่ยจื่อแล้ว ซ้ำยังดีใจที่ได้เห็นหยุนเจิงกับเยี่ยจื่อเป็นเช่นนี้ แต่ทว
ณ เมืองจักรพรรดิฉินลิ่วก่านเร่งม้ากลับไปยังเมืองจักรพรรดิ แล้วเข้าเฝ้าจักรพรรดิเหวินทันที“กลับมาก็ดี! มาดื่มกับข้าสักสองสามจอกเร็วเข้า!”จักรพรรดิเหวินโบกมือเรียกฉินลิ่วก่านด้วยสีพระพักตร์ยิ้มแย้ม แล้วสั่งให้มู่ซุ่นและคนอื่นๆ ถอยออกไป“…”ฉินลิ่วก่านเดินไปถึง มองจักรพรรดิเหวินด้วยสีหน้ามึนงงก่อนจะโค้งคำนับให้จักรพรรดิเหวิน“พอเถอะๆ”จักรพรรดิเหวินโบกมือ “ที่นี่ไม่มีคนนอกคนไกล ไม่ต้องมากพิธีปานนั้นก็ได้”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินลิ่วก่านนั่งลง แล้วมองจักรพรรดิเหวินด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ฝ่าบาท พระองค์…ทรงไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?ตนคิดว่าเขาจะกระอักเลือดอยู่ในเมืองจักรพรรดิเสียอีก จึงได้เร่งม้ากลับมาโดยเร็วคิดจะมาปลอบใจเขาอีก!แต่ปรากฏว่า เขากลับทำเหมือนไม่เป็นอะไรเสียอย่างนั้น?มิหนำซ้ำยังดูมีความสุขดีด้วย?“ข้าเป็นอะไรหรือไม่ เจ้าดูไม่ออกหรือ?”จักรพรรดิเหวินมองฉินลิ่วก่านทีหนึ่ง “รินสุราเอง จะให้ข้ารินให้หรือไง?”ฉินลิ่วก่านหน้ากระตุกเล็กน้อย ในใจยิ่งสับสนเขาเข้าใจจักรพรรดิเหวินมากจริงๆท่าทีผ่อนคลายไร้กังวลของจักรพรรดิเหวินตอนนี้ไม่เหมือนเสแสร้งออกมา
จักรพรรดิเหวินต้องการใช้หยุนเจิงในการกระตุ้นและควบคุมรัชทายาท!“ให้พวกเขาสู้กันเช่นนี้ต่อไป พระองค์ไม่รำคาญพระทัยหรือ?”ฉินลิ่วก่านมองจักรพรรดิเหวินอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“แต่ก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ”จักรพรรดิเหวินกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ “ปล่อยให้พวกเขาสู้กันไปเถอะ ข้าจะถือซะว่าดูสุนัขสองตัวสู้กันแล้วกัน!”“…”ใบหน้าของฉินลิ่วก่านกระตุก แล้วมองจักรพรรดิเหวินด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูกเขามองบุตรชายทั้งสองคนเป็นสุนัขที่กัดกันจริงๆ นั้นหรือ?จักรพรรดิเหวินไม่แยแส แล้วดื่มสุราขึ้นอย่างเฉยเมย “สิ่งที่ข้าต้องทำในตอนนี้คือสร้างสถานการณ์ให้สุนัขสองตัวนี้สู้กันเอง อย่าออกไปกัดคนอื่นมั่วซั่ว แล้วไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์…”“…”ฉินลิ่วก่านไม่รู้จะพูดอะไรดีเขาเข้าใจพระประสงค์ของจักรพรรดิเหวินจักรพรรดิเหวินต้องการจะสร้างกฎให้กับเจ้าหกและรัชทายาทพวกเขาจะสู้กันอย่างไรก็ได้ แต่ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์จักรพรรดิเหวินยิ้ม แล้วยกสุราขึ้นจิบมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกฉินลิ่วก่านตนไม่อยากสนใจเจ้าหกไอ้ลูกไม่รักดีนั่นอีกแล้ว!ดังนั้นให้เจ้าสามกับพรรคพวกของเขาไปต่อกรกับเจ้าหกแล้วกัน!เช่นน
วันต่อมา หยุนเจิงและคนอื่นมาถึงโขดเป่ยหยวนสภาพอากาศของซั่วเป่ยค่อยๆ อุ่นขึ้นชั้นน้ำแข็งของแม่น้ำไป๋สุ่ยเองก็ละลายไปไม่น้อย บัดนี้ไม่สามารถขี่ม้าข้ามแม่น้ำได้แล้วอีกประมาณยี่สิบวัน แม่น้ำไป๋สุ่ยก็น่าจะละลายหมดแล้วด้วยคำสั่งของหยุนเจิง สะพานหินจำลองที่ข้ามผ่านไปฝั่งตรงข้ามก็เริ่มก่อสร้างขึ้นแล้วเช่นกันความจริง ก่อนที่จะสูญเสียเมืองสามชายแดนไป ที่นี่เป็นสะพานหินที่ทอดยาวราวสองร้อยจั้ง กว้างสองจั้งอยู่หนึ่งแห่งสะพานนี้สร้างขึ้นเมื่อสมัยจักรพรรดิองค์ก่อนตอนนั้น เพื่อสร้างสะพานหินแห่งนี้ ต้องใช้ทหารชาวนากว่าหลายหมื่นนาย ใช้เวลาไปทั้งหมดสามปีเต็มถึงจะสร้างเสร็จแต่หลังจากที่เสียเมืองสามชายแดนให้กับเป่ยหวนไป จักรพรรดิเหวินก็สั่งให้คนทำลายสะพานหินทิ้งทว่าจักรพรรดิเหวินก็ยังมีใจคิดอยากสู้กลับไปสักวัน ดังนั้นจึงสั่งให้ทำลายพื้นผิวของสะพานเท่านั้น แล้วเหลือตอม่อสะพานเอาไว้เป่ยหวนเองก็คิดว่าจะโจมตีซั่วเป่ยสักวัน เพื่อจะได้ขนส่งเสบียงและสัมภาระได้สะดวกจึงไม่ได้ทำลายตอม่อสะพานด้วยเช่นกันเพราะเช่นนั้น การจะสร้างสะพานขึ้นใหม่บนตอม่อสะพานที่มีอยู่เดิมแล้วจึงได้ง่ายขึ้นอย่างมากหากต
ตอนนี้ เขาต้องทราบเสียก่อนว่าคนพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ค่อยตัดสินใจดำเนินแผนการต่อไปหากเจียเหยาฝ่าฝืนกฎระหว่างพวกเขา เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเขาเหี้ยมโหดแล้วกัน!การกวาดล้างครัวเรือนต่างๆ ใช่ว่าเขาจะไม่กล้าทำ!“ขอรับ!”ตู๋กูเช่อรับคำ แล้วรีบปฏิบัติตามคำสั่งของหยุนเจิงทันที“จริงสิ พวกเจ้าได้ข่าวสถานการณ์ภายในเป่ยหวนบ้างหรือไม่?”ขณะนั้นเอง หยุนเจิงก็ถามขึ้นอีกครั้งเรื่องนี้สำคัญมากหากเป่ยหวนเกิดโกลากลกันภายใน เช่นนั้นก็จะเป็นผลดีต่อพวกเขามาก!“ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็มีบ้างจริงๆ ขอรับ”ตู๋กูเช่อตอบ “ก่อนหน้านี้เราจับตัวทหารสอดแนมของเป่ยหวนมาได้หนึ่งนาย แล้วได้ทราบเรื่องจากเขาโดยบังเอิญว่า อาหลู่ไถจั่วเสียนอ๋องแห่งเป่ยหวนได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อครั้นฝ่าวงล้อมที่ชายแดนกู้ครั้งก่อน ทนได้เดือนกว่าก็ตายอย่างสิ้นหวังแล้ว! แล้วก็ดูเหมือนว่าปานปู้จะตายแล้วด้วย…”“ปานปู้ตายแล้ว?”หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนตะลึงงันพร้อมกันอาหลู่ไถตายเพราะบาดเจ็บสาหัสก็พอเข้าใจได้แต่ปานปู้ตายได้อย่างไรกัน?พวกเขาไม่ได้สู้ซึ่งหน้ากับปานปู้และเจียเหยาด้วยซ้ำ!“ไม่แน่ใจเหมือนกันขอรับ”ตู๋กูเช่อส่ายศ
สองวันถัดมา หยุนเจิงและฉินชีหู่ได้นำทัพทหารม้าสามพันนายเคลื่อนส่งเชลยศึกเป่ยหวนสามสิบคนไปยังทะเลสาบไป๋หลางทะเลสายไป๋หลางไม่ใหญ่มากนัก พื้นผิวน้ำในช่วงฤดูฝนก็มีเพียงยี่สิบไร่เท่านั้นช่วงนี้ พื้นผิวน้ำของทะเลสาบไป๋หลางอย่างมากก็มีไม่ถึงสิบไร่ถึงจะเป็นทะเลสาบ แต่ความจริงแล้วก็เป็นเพียงสระที่ขนาดใหญ่หน่อยเท่านั้นทะเลสายไป๋หลางห่างจากชายแดนกู้ราวหกสิบลี้ เป็นสถานที่นัดหมายระหว่างหยุนเจิงกับเจียเหยาในการแลกเปลี่ยนคนกล่าวตามตรง เพียงแค่แลกเปลี่ยนคนเท่านี้ถึงกับต้องใช้ทหารม้าสามพันนาย ถือว่าสิ้นเปลืองอยู่บ้างแต่ทว่า เจียเหยาเองก็เป็นคนมากกลยุทธ์เช่นกัน หยุนเจิงจึงต้องป้องกันเอาไว้ระหว่างทาง หยุนเจิงและฉินชีหู่ก็ส่งคนไปสอดส่องทั่วทุกที่อย่างไม่ขาดสาย เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารม้าเป่ยหวนล้อมรอบพวกเขาเพราะหิมะที่ค่อยๆ ละลาย ทำให้ต้นหญ้าค่อยๆ เจริญขึ้นเส้นทางที่เดินผ่าน สามารถเห็นต้นอ่อนเขียวขจีงอกขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อถึงกลางฤดูร้อน ผืนหญ้าแห่งนี้ต้องสวยงามมากแน่ๆ!ขณะที่ใกล้ถึงทะเลสาบไป๋หลางแล้ว ทหารสอดแนมก็มารายงานว่า พวกเขาพบปะกับทหารสอดแนมของเป่ยหวนแล้วแต่ทว่าทั้งสองฝ่ายเพียงแ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่