ฉลาดหรือ?เจียเหยายิ้มขมขื่นความฉลาดหลังเกิดเรื่อง จะนับว่าฉลาดได้อย่างไร?เขาคงหัวเราะเยาะนางอยู่น่ะสิไม่ว่า?“เป็นแผนการที่เยี่ยมจริงๆ เจียเหยานับถือ!”เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยแววตาเป็นประกาย แล้วโดดลงจากหลังม้าภายใต้สายตาของฝูงชน เจียเหยายกมือขวาวางบริเวณหัวใจ แล้วโค้งคำนับต่อหยุนเจิง“เจ้า…ทำอะไรน่ะ?”หยุนเจิงมองเจียเหยาอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าจะยอมแพ้นั้นหรือ?”“เจ้าคิดมากไปแล้ว!”เจียเหยาตอบเสียงเย็นชา แล้วกระโดดขึ้นหลังม้า “ถึงแม้เราจะเป็นศัตรูกัน แต่ต้องขอบใจเจ้าที่รักษากฎที่คุยกันไว้! นี่ถือเป็นการให้เกียรติจากข้า!”“ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง!”หยุนเจิงหัวเราะลั่น “ข้ารักษากฎ และหวังว่าพวกเจ้าจะรักษากฎด้วยเช่นกัน!”“แน่นอน!”เจียเหยายกมือขึ้น “ข้าขอสาบานต่อหน้าเทพหมาป่า หากวันใดข้าโจมตีซั่วเป่ย ข้าก็จะรักษากฎที่วางไว้ว่าจะไม่เข่นฆ่าคนชราและเด็กน้อยของต้าเฉียน!”“แค่คำพูดนี้ของเจ้า ข้าจะรักษากฏที่วางไว้ต่อไปแน่นอน!”หยุนเจิงพยักหน้า แล้วเปลี่ยนหัวข้อทันที “ได้ยินว่าปานปู้และอาหลู่ไถตายแล้วนั้นหรือ?”เมื่อได้ยินหยุนเจิงเอ่ยถึงปานปู้ ในตาของเจียเหยาก็แฝงด้วยความเย็นชา
ค่อยเปิดศึกกันหลังจากสิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า?เจียเหยาหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วมองหยุนเจิงด้วยแววตาแปลกประหลาดใจยุติสงครามนั้นหรือ?นางเองก็อยากยุติสงครามเช่นกัน!ตอนนี้ ทั้งเป่ยหวนต่างก็อยากยุติสงครามทั้งนั้น!ขอแค่หยุนเจิงเห็นด้วยกับการยุติสงคราม และทำตามสัญญา แม้จะให้พวกเขามอบม้าศึกหนึ่งหมื่นตัวให้ พวกเขาก็ยอม!แต่หยุนเจิงจะยอมยุติสงครามได้อย่างไร?สิ่งที่กลัวคือ กลัวว่าพวกเขาจะมอบทุกอย่างออกไปแล้ว แต่หยุนเจิงเพิ่งรับผลดีนั้นไป ก็คิดแทงข้างหลังขึ้นมาหยุนเจิงที่เจียเหยารู้จักสามารถทำเรื่องพรรค์นั้นออกมาได้แน่นอน!ถึงขนาดพูดได้ว่าหยุนเจิงจะทำเช่นนั้นแน่ๆ!ตนมอบความดีความชอบให้กับเขาถึงที่ แต่เขากลับใช้จางหลิวมาหลอกตน นับประสาอะไรกับอย่างอื่น?เป่ยหวนในตอนนี้คิดจะยุติสงคราม จะง่ายปานนั้นได้อย่างไร?หากนางเป็นหยุนเจิง นางก็ไม่มีทางยุติสงครามตอนนี้เป็นแน่!เพราะตอนนี้เป็นช่วงที่เป่ยหวนอ่อนแอที่สุดหยุนเจิงจะยุติสงครามตอนนี้ก็บ้าแล้ว!ไอ้สารเลวนี่ต้องคิดจะหลอกตนแน่ๆ!แสร้งทำเหมือนยุติสงครามก่อน แล้วค่อยลอบโจมตีนั้นหรือ?เจียเหยาแค่นเสียงเย็นชา แล้วกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ได้
“หุบปาก!”เจียเหยามองค้อนใส่ฟางหยุนซื่อแวบหนึ่ง “ข้ารู้!”กล่าวจบ เจียเหยาก็สั่งให้คนปล่อยคนทันทีสำหรับเรื่องนี้ นางเชื่อว่าหยุนเจิงจะรักษาคำพูดระหว่างพวกเขาเพราะสำหรับหยุนเจิงแล้ว การฝ่าฝืนกฎแลกคนนั้นไม่มีผลประโยชน์อะไรกับเขาเลยดังนั้นเรื่องยุติสงครามนั้น หยุนเจิงไม่มีทางรักษาคำพูดแน่นอน!แต่เรื่องในตอนนี้ หยุนเจิงไม่มีทางผิดคำพูดแน่นอนผ่านไปนานเพียงนี้แล้ว อาการบาดเจ็บของคนทั้งเก้าคนก็ฟื้นฟูโดยสมบูรณ์แล้วไม่นาน ทั้งเก้าคนก็กลับสู่ฝั่งหยุนเจิงหยุนเจิงถามสถานการณ์จากทั้งเก้าคน หลังจากยืนยันแล้วว่าทั้งห้าคนนั้นตายเพราะบาดเจ็บหนัก แต่ไม่รักษาจริง หยุนเจิงถึงได้ปล่อยตัวเชลยศึกเป่ยหวนทั้งสิบแปดคน“คนที่เหลือถือว่าเป็นค่ารักษาแล้วกัน!”หยุนเจิงตะโกนใส่เจียเหยาที่อยู่ห่างออกไป“ขอบใจ!”เจียเหยาขอบคุณหยุนเจิงจากที่ไกล แล้วตะโกนเสียงดังว่า “หยุนเจิง ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนไร้ยางอาย แต่เจ้าเป็นศัตรูที่น่านับถือจริงๆ! ในภายภาคหน้า หากเป่ยหวนของข้ามีคนเจ็บหนักตกอยู่ในมือเจ้าอีก ข้าจะนำเชลยศึกสองเท่ามาแลกกับเจ้า!”“ตกลง!”หยุนเจิงตอบตกลงเสียงดัง แล้วพาคนถอยกลับไปเจียเหยาเหลือบมอง
เมื่อกลับไปถึงชายแดนกู้ หยุนเจิงก็เรียกตู้กุยหยวนและภูตเก้ามาทันที“ภูตเก้า เจ้ารีบคิดหาวิธีไปสืบดูว่าอาหลู่ไถตายจริงหรือไม่!”หยุนเจิงกล่าวเสียงขรึม “ข้าต้องการข่าวที่แน่ชัด!”“ขอรับ!”ภูตเก้ารีบตอบรับแล้วออกไปทันที“กองทหารโลหิตฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”หยุนเจิงถามตู้กุยหยวน“สามารถออกรบได้ทุกเมื่อแล้วขอรับ!”ตู้กุยหยวนกล่าวอย่างมั่นใจ“เจ้าคิดว่า คนเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับกองทหารโลหิตชุดก่อน?”หยุนเจิงถามอีก“หากเป็นทักษะของแต่ละคน พวกเขาสู้กองทหารโลหิตชุดก่อนไม่ได้แน่นอนขอรับ”ตู้กุยหยวนตอบอย่างจริงจัง “แต่หากเป็นเรื่องของพลังในการสู้รบ ไม่เป็นรองกองทหารโลหิตชุดก่อนแน่นอน!”ทหารห้าร้อยห้านายของกองทหารโลหิตชุดก่อนนั้นคัดเลือกมาจากคนสองแสนคนเชียวนะ!แต่กองทหารโลหิตในตอนนี้ยังต้องเพิ่มทักษะของแต่ละคนจริงๆทว่าตู้กุยหยวนได้ฝึกซ้อมนักรบภูตสิบแปดพร้อมกับหยุนเจิงไปไม่น้อยหยุนเจิงเองก็ได้แบ่งปันกลยุทธ์แปลกๆ ให้กับเขาไม่น้อยเช่นกันเขาได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ที่ได้จากการฝึกซ้อมนักรบภูตสิบแปดให้กับกองทหารโลหิตด้วยเช่นกันกองทหารโลหิตในอดีตรบไม่เคยพ่าย ส่วนมากก็
ผ่านไปนาน ตู้กุยหยวนก็ตระหนักได้“พูดต่อไป!”หยุนเจิงมองตู้กุยหยวนยิ้มๆนึกออกแล้วหรือ?ตู้กุยหยวนราวกับถูกจี้ลมปราณ ถามลองเชิงว่า “องค์ชายคิดจะโจมตีฝ่ายฮูเจี๋ยฉานอวี่และต้าหมิงอ๋องเพื่อลดกำลังของพวกเขา และทำให้เกิดโกลาหลขึ้นภายในเป่ยหวนใช่หรือไม่?”“ถูก!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้มแย้ม“ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นจั่วเสียนอ๋องหรือว่าโย่วเสียนอ๋องต่างก็เป็นแผนหลอกลวงทั้งนั้น?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็ตระหนักขึ้นได้เช่นกัน“ถูก!”หยุนเจิงพยักหน้า “ให้กองทหารโลหิตไปก่อกวนฝ่ายรอบๆ ผืนหญ้าเลี้ยงม้า ก็เพื่อทำลายจุดสนใจของเจียเหยา! ให้นางคิดว่าเราจะใช้โอกาสที่อาหลู่ไถตาย แล้วไปโจมตีฝ่ายอาหลู่ไถ”อวี๋ซื่อจงเข้าใจในบัดดล “องค์ชายส่งคนให้ไปสืบเรื่องการตายของอาหลู่ไถ ก็เพื่อจะเบี่ยงเบนความสนใจของเจียเหยาสินะ?”“ประมาณนั้น!”หยุนเจิงยิ้มพยักหน้า “แต่การสืบให้รู้ชัดว่าอาหลู่ไถตายจริงหรือไม่นั้น ก็จะทำให้เราดำเนินแผนขั้นต่อไปได้สะดวกยิ่งขึ้น”“ไม่…”ฉินชีหู่ลูบศีรษะ “น้องชาย เจ้าจะโจมตีผืนหญ้าเลี้ยงม้าไม่ใช่หรือ?”“ใช่!”หยุนเจิงพยักหน้า “เป่ยหวนโกลาหลกันภายใน เราค่อยๆ โจมตีผืนหญ้าเลี้ยงม้าไม่ดีหรื
เจียเหยาสั่งให้คนถอยทัพออกไปห้าสิบลี้จริงๆนี่เป็นตำแหน่งที่ตั้งฐานค่ายใหญ่ของพวกเจากองทหารใหญ่แปดหมื่นนายที่ล้อมชายแดนกู้ก่อนหน้านี้ ไม่มีอยู่ตั้งนานแล้วผนวกกับคนหลายพันคนที่นางเพิ่งพากลับมา ที่นี่รวมกันแล้วก็มีเพียงสามหมื่นนายเท่านั้นแต่ทว่าคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอดของเป่ยหวนคนที่คัดเลือกมาชั่วคราวเหล่านั้น บัดนี้ได้ส่งกลับไปยังแต่ละฝ่ายแล้วแม้แต่ทหารประจำการดั้งเดิมก็ถูกส่งกลับไปด้วยตอนนี้พวกเขาเลี้ยงปากท้องคนมากมายเพียงนี้ไม่ไหวจริงๆ!หากเก็บกำลังคนไว้มากเพียงนั้นตลอด เป่ยหวนมีแต่ตายสถานเดียวบัดนี้ นางดูแลกองทหารใหญ่หนึ่งหมื่นนาย เกออาซูดูแลกองทหารใหญ่หนึ่งหมื่นนาย อีกหนึ่งหมื่นนายดูแลโดยฮูหลัวปีกทั้งสองข้างของพวกเขามีจั่วเสียนอ๋องและโย่วเสียนอ๋องฝ่ายจั่วเสียนอ๋องเองก็บาดเจ็บหนักเมื่อคราวก่อน บัดนี้ทหารประจำการได้ลดลงเหลือเพียงหนึ่งหมื่นกว่านายเท่านั้นส่วนฝ่ายโย่วเสียนอ๋องนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เสียหายไปมากมายนัก แต่โย่วเสียนอ๋องกลับขอลดทหารประจำการเหลือหนึ่งหมื่นนายด้วยตนเองนางรู้ดีว่าโย่วเสียนอ๋องทำเพื่อเก็บความสามารถเอาไว้หากนางเป็นโย่วเสียนอ๋อง นางก
อาหลู่ไถเพิ่งสูญเสียทหารไปสองหมื่นกว่านาย ตอนนี้นับรวมทหารที่สามารถขี่ม้าสู้รบได้ทั้งหมด เกรงว่าคงมีไม่ถึงแปดหมื่นนายด้วยซ้ำ!หากให้เขายืมอีกสามหมื่นนาย อาหลู่ไถคงคิดว่าเขาคิดจะยึดอำนาจเป็นแน่!“หากเจ้ามีปัญหากับข้า สามารถพากองทหารหนึ่งหมื่นนายของเจ้าไปซะ! ข้าไม่รั้งไว้แน่นอน!”เจียเหยามองฮูหลัวด้วยสายตาเย็นชา “แต่ทว่า ในเมื่อพวกเจ้าไม่ร่วมรบแล้ว เช่นนั้นเสบียงสำหรับคนหนึ่งหมื่นนายนั่นก็ต้องทิ้งเอาไว้!”เมื่อได้ยินเจียเหยาเอ่ยถึงเสบียงอาหาร ฮูหลัวก็พูดอะไรไม่ออกทันทีครั้นตั๊กแตนระบาดเมื่อปีก่อน ฝ่ายของเขาได้รับความเสียหายจำนวนมากเขาไม่มีเสบียงอาหารมากพอที่จะเลี้ยงปากท้องกองทหารประจำการหนึ่งหมื่นนายได้ด้วยซ้ำ!การที่เขานำกองกำลังเหล่านี้ไปสู้รบ ก็เพื่อต้องการเสบียงอาหารจากราชสำนัก“องค์หญิง เราถอยทัพเช่นนี้ ไม่ใช่วิธีหรอกกระมัง?”เกออาซูขมวดคิ้วมุ่น “ช่วงฤดูหนาวนี้ เราพ่ายแพ้ไปมากมาย บัดนี้กำลังใจทหารก็น้อยนิด ทุกคนล้วนแต่อยู่ด้วยแรงเฮือกสุดท้าย! หากถอยทัพเช่นนี้ จะทำให้ทหารสูญเสียกำลังใจอย่างสิ้นเชิง…”หากเป็นไปได้ อย่าว่าแต่ห้าสิบลี้เลย ห้าร้อยลี้นางก็ยอมไม่รบได้ย่อมเป็น
ทั้งสองกะพริบตาแรงๆ เพื่อตรวจสอบว่าตนตาฝาดหรือไม่แต่แล้วตัวอักษรบนจดหมายก็ยังคงไม่แปรเปลี่ยนมองดูเนื้อหาที่ง่าย แต่เต็มไปด้วยข่าวสารสำคัญแล้ว ทั้งสองพลันอดอ้ำอึ้งไม่ได้หยุนเจิงยึดอำนาจทหาร แต่จักรพรรดิต้าเฉียนกลับไม่ทำอะไรเขา?ไม่เพียงแต่ตบรางวัลให้ แต่ยังมอบเสบียงให้พวกเขาด้วย?นี่มัน…นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?จักรพรรดิต้าเฉียนบ้าไปแล้วหรือไงกัน?เขาไม่กลัวเลยหรือว่าเช่นนี้จะทำให้แม่ทัพใหญ่ที่รักษาการณ์อยู่ที่ชายแดนของต้าเฉียนจะยึดทหารตั้งกองทหารเอง?กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือเป็นกองกำลังชั้นยอดของต้าเฉียนรองจากองครักษ์หกแห่งเมืองจักรพรรดิเชียวนะ!จักรพรรดิต้าเฉียนมอบให้หยุนเจิงเช่นนี้เลย?วินาทีนี้ทั้งสองกำลังก่นด่าอยู่ในใจจักรพรรดิต้าเฉียนบ้าไปแล้วหรือไงกัน?แม้จะไม่สนใจขนาดไหน จักรพรรดิต้าเฉียนก็ควรจะตัดเสบียงอาหารให้กับกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือสิ!หากกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือไม่มีเสบียงอาหารที่มากพอ เป่ยหวนก็จะกดดันน้อยลงทว่าจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว สำหรับเป่ยหวนนั่นเท่ากับเป็นสายฟ้าผ่าชัดๆ!“ฮู้…”เจียเหยาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจว่า “เราประเมินความกล้าข
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ