เจียเหยาสั่งให้คนถอยทัพออกไปห้าสิบลี้จริงๆนี่เป็นตำแหน่งที่ตั้งฐานค่ายใหญ่ของพวกเจากองทหารใหญ่แปดหมื่นนายที่ล้อมชายแดนกู้ก่อนหน้านี้ ไม่มีอยู่ตั้งนานแล้วผนวกกับคนหลายพันคนที่นางเพิ่งพากลับมา ที่นี่รวมกันแล้วก็มีเพียงสามหมื่นนายเท่านั้นแต่ทว่าคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอดของเป่ยหวนคนที่คัดเลือกมาชั่วคราวเหล่านั้น บัดนี้ได้ส่งกลับไปยังแต่ละฝ่ายแล้วแม้แต่ทหารประจำการดั้งเดิมก็ถูกส่งกลับไปด้วยตอนนี้พวกเขาเลี้ยงปากท้องคนมากมายเพียงนี้ไม่ไหวจริงๆ!หากเก็บกำลังคนไว้มากเพียงนั้นตลอด เป่ยหวนมีแต่ตายสถานเดียวบัดนี้ นางดูแลกองทหารใหญ่หนึ่งหมื่นนาย เกออาซูดูแลกองทหารใหญ่หนึ่งหมื่นนาย อีกหนึ่งหมื่นนายดูแลโดยฮูหลัวปีกทั้งสองข้างของพวกเขามีจั่วเสียนอ๋องและโย่วเสียนอ๋องฝ่ายจั่วเสียนอ๋องเองก็บาดเจ็บหนักเมื่อคราวก่อน บัดนี้ทหารประจำการได้ลดลงเหลือเพียงหนึ่งหมื่นกว่านายเท่านั้นส่วนฝ่ายโย่วเสียนอ๋องนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เสียหายไปมากมายนัก แต่โย่วเสียนอ๋องกลับขอลดทหารประจำการเหลือหนึ่งหมื่นนายด้วยตนเองนางรู้ดีว่าโย่วเสียนอ๋องทำเพื่อเก็บความสามารถเอาไว้หากนางเป็นโย่วเสียนอ๋อง นางก
อาหลู่ไถเพิ่งสูญเสียทหารไปสองหมื่นกว่านาย ตอนนี้นับรวมทหารที่สามารถขี่ม้าสู้รบได้ทั้งหมด เกรงว่าคงมีไม่ถึงแปดหมื่นนายด้วยซ้ำ!หากให้เขายืมอีกสามหมื่นนาย อาหลู่ไถคงคิดว่าเขาคิดจะยึดอำนาจเป็นแน่!“หากเจ้ามีปัญหากับข้า สามารถพากองทหารหนึ่งหมื่นนายของเจ้าไปซะ! ข้าไม่รั้งไว้แน่นอน!”เจียเหยามองฮูหลัวด้วยสายตาเย็นชา “แต่ทว่า ในเมื่อพวกเจ้าไม่ร่วมรบแล้ว เช่นนั้นเสบียงสำหรับคนหนึ่งหมื่นนายนั่นก็ต้องทิ้งเอาไว้!”เมื่อได้ยินเจียเหยาเอ่ยถึงเสบียงอาหาร ฮูหลัวก็พูดอะไรไม่ออกทันทีครั้นตั๊กแตนระบาดเมื่อปีก่อน ฝ่ายของเขาได้รับความเสียหายจำนวนมากเขาไม่มีเสบียงอาหารมากพอที่จะเลี้ยงปากท้องกองทหารประจำการหนึ่งหมื่นนายได้ด้วยซ้ำ!การที่เขานำกองกำลังเหล่านี้ไปสู้รบ ก็เพื่อต้องการเสบียงอาหารจากราชสำนัก“องค์หญิง เราถอยทัพเช่นนี้ ไม่ใช่วิธีหรอกกระมัง?”เกออาซูขมวดคิ้วมุ่น “ช่วงฤดูหนาวนี้ เราพ่ายแพ้ไปมากมาย บัดนี้กำลังใจทหารก็น้อยนิด ทุกคนล้วนแต่อยู่ด้วยแรงเฮือกสุดท้าย! หากถอยทัพเช่นนี้ จะทำให้ทหารสูญเสียกำลังใจอย่างสิ้นเชิง…”หากเป็นไปได้ อย่าว่าแต่ห้าสิบลี้เลย ห้าร้อยลี้นางก็ยอมไม่รบได้ย่อมเป็น
ทั้งสองกะพริบตาแรงๆ เพื่อตรวจสอบว่าตนตาฝาดหรือไม่แต่แล้วตัวอักษรบนจดหมายก็ยังคงไม่แปรเปลี่ยนมองดูเนื้อหาที่ง่าย แต่เต็มไปด้วยข่าวสารสำคัญแล้ว ทั้งสองพลันอดอ้ำอึ้งไม่ได้หยุนเจิงยึดอำนาจทหาร แต่จักรพรรดิต้าเฉียนกลับไม่ทำอะไรเขา?ไม่เพียงแต่ตบรางวัลให้ แต่ยังมอบเสบียงให้พวกเขาด้วย?นี่มัน…นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?จักรพรรดิต้าเฉียนบ้าไปแล้วหรือไงกัน?เขาไม่กลัวเลยหรือว่าเช่นนี้จะทำให้แม่ทัพใหญ่ที่รักษาการณ์อยู่ที่ชายแดนของต้าเฉียนจะยึดทหารตั้งกองทหารเอง?กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือเป็นกองกำลังชั้นยอดของต้าเฉียนรองจากองครักษ์หกแห่งเมืองจักรพรรดิเชียวนะ!จักรพรรดิต้าเฉียนมอบให้หยุนเจิงเช่นนี้เลย?วินาทีนี้ทั้งสองกำลังก่นด่าอยู่ในใจจักรพรรดิต้าเฉียนบ้าไปแล้วหรือไงกัน?แม้จะไม่สนใจขนาดไหน จักรพรรดิต้าเฉียนก็ควรจะตัดเสบียงอาหารให้กับกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือสิ!หากกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือไม่มีเสบียงอาหารที่มากพอ เป่ยหวนก็จะกดดันน้อยลงทว่าจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว สำหรับเป่ยหวนนั่นเท่ากับเป็นสายฟ้าผ่าชัดๆ!“ฮู้…”เจียเหยาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจว่า “เราประเมินความกล้าข
หากเป่ยหวนเกิดเรื่องโกลาหลกันภายในตอนนี้ ความตายก็คงอยู่ไม่ไกลแล้วราชครู สุดท้ายข้าก็ต้องเลือกทางนี้แล้วจริงๆ!หวังว่าท่านอยู่บนสวรรค์จะช่วยคุ้มครองเจียเหยาให้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นด้วย!เจียเหยาลุกขึ้น แล้วโค้งคำนับไปทางราชสำนัก แล้วนั่งกลับที่เดิม จากนั้นเริ่มยกพู่กันเขียนขึ้นมาผ่านไปสองเค่อ เจียเหยาก็นำจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วใส่ไว้ในกระบองยาว แล้วเรียกผู้บัญชาการทหารข้างกายของตนเข้ามาพร้อมสั่งการด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้านำคนห้าสิบคนส่งมอบจดหมายนี้ไปให้เสด็จพ่อด้วยตนเองให้เร็วที่สุด! พวกเจ้าตายได้ แต่จดหมายห้ามหายเด็ดขาด! หากมีคนคิดจะแย่งไป ก็ให้ทำลายจดหมายนี้ซะ!”ได้ยินคำพูดของเจียเหยาแล้ว ผู้บัญชาการทหารข้างกายพลันสั่นสะท้านเขารู้ดีว่าจดหมายฉบับนี้สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของพวกเขา!“พ่ะย่ะค่ะ!”ผู้บัญชาการทหารข้างกายรับคำสั่ง แล้วถอยออกจากกระโจมค่ายทันที“ฮู้…”เจียเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าเย็นชา…สองสามวันหลังจากนั้น หยุนเจิงไม่ได้กระทำการมากมายอะไรนักนอกจากซ้อมวรยุทธ์ และหยอกล้อกับเสิ่นลั่วเยี่ยน และเมี่ยวอินทุกวันแล้ว ก็คือไปกำชับการก่อสร้างที่ชาย
หลายวันให้หลัง กองกำลังกองทหารโลหิตของตู้กุยหยวนกลับมาแล้วไม่ผิดจากที่คาด ชนเผาเดิมที่อพยพออกจากทุ่งหญ้ามู่หม่าได้กลับมายังทุ่งหญ้ามู่หม่าอีกครั้งทว่า ปัจจุบันชนเผ่าเหล่านั้นมีชายฉกรรจ์เพิ่มขึ้นมาไม่น้อยพวกตู้กุยหยวนโจมตีสองชนเผ่า สังเกตเห็นกองกำลังของโย่วเสียนอ๋องกำลังวิ่งล้อมเข้ามา จึงล่าถอยทันทีระหว่างที่ล่าถอย พบกับทหารม้ากองย่อยของเป่ยหวน พวกเขาจึงจัดการทหารม้ากองย่อยทิ้งทั้งหมด ส่วนพวกเขาบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นการโจมตีครั้งแรกของกองทหารโลหิต แม้ไม่นับว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่เลวเลยหลังจากรายงานข่าวกับหยุนเจิงพวกเขาสืบมาเกี่ยวกับสถานการณ์กองกำลังของโปหลวนแล้ว ตู้กุยหยวนกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาดอีกครั้ง “องค์ชาย พวกเรายังสืบได้ข่าวที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง”“พูดมา”หยุนเจิงสีหน้าประหลาดใจมองตู้กุยหยวนข่าวสำคัญก็ข่าวสำคัญสิ!สีหน้าของตู้กุยหยวนหมายความเช่นไร?เหตุใดจึงรู้สึกว่าสายตาเขาแปลกๆ?ตู้กุยหยวนหัวเราะแห้ง จากนั้นก็กล่าว “พวกเราได้ข่าวมา ประมุขใหญ่เจี๋ยตั้งใจให้เจียเหยาหมายหมั่นกับเหมิงตูลูกชายคนรองของโปหลวน แต่...ท่าทางขององค์หญิงเจียเหยาไม่ชัดเจน”“พรืด...”
ได้รับจดหมายที่หยุนเจิงสั่งทูตส่งมา เจียเหยาโมโหจนหัวเราะออกมาหยุนเจิงผู้นี้ เหตุใดช่างไร้ยางอายเพียงนี้!ไม่เพียงต้องการให้นางกับเขาแต่งงานกัน ยังขอให้เป่ยหวนแบ่งที่ดินห้าร้อยลี้ เป็นสินเดิมของนาง!สุดท้ายยังข่มขู่นาง หากนางกล้าแต่งกับเหมิงตู เขาจะนำทหารบุกมาทันที!สารเลวไร้ยางอายผู้นี้ เขาคิดว่านางไม่รู้หรือ?ไม่ว่านางจะแต่งกับเหมิงตูหรือไม่ เข้าล้วนบุกมาโจมตี!ถึงกระทั่งว่า มีเรื่องนี้หรือไม่ เขาล้วนบุกมาโจมตีแน่นอน!หากเขาไม่บุกโจมตี เขาก็ไม่ชื่อว่าหยุนเจิงแล้ว!เจียเหยาวางจดหมายในมือ เรียกคนเขามา “จับทูตของพวกเขาไว้ก่อน! ข้าต้องการให้เขานำจดหมายกลับไป!”“ขอรับ!”เจียเหยานั่งลง ในสมองหมุนแล่นอย่างรวดเร็วหยุนเจิงส่งคนจู่โจมชนเผาที่ทุ่งหญ้ามู่หม่า มีจุดประสงค์ใดกันแน่?เป็นเพียงการจู่โจมธรรมดา หรือว่ามีเป้าหมายอื่น?ด้วยความเจ้าเล่ห์ของหยุนเจิง คงไม่มีทางจู่โจมชนเผ่าเขาพวกเขาธรรมดากระมัง?อีกอย่าง หยุนเจิงให้จดหมายนาง มีเป้าหมายใดกัน?หยุนเจิงไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ว่านางและเสด็จพ่อนางไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขของเขาแต่หยุนเจิงสั่งคนมาส่งจดหมายเช่นนี้เขาทำเช่นนี้ มีความห
หนึ่งวันให้หลัง หยุนเจิงได้รับจดหมายตอบกลับของเจียเหยาอ่านเนื้อหาในจดหมายตอบกลับของเจียเหยา หยุนเจิงอดส่ายหน้ายิ้มไม่ได้ผู้หญิงคนนี้ เป็นโจรชั่วเสียจริง!เจียเหยาบ่นกับเขา บอกถึงสภาวะยากลำบากของเป่ยหวน ยังบอกอีกว่านางถอยทัพห้าสิบลี้เพื่อแสดงความจริงใจแล้ว หวังว่าเขาจะรักษาสัญญา ยุติสงครามกับเป่ยหวนส่วนเรื่องที่ประมุขฮูเจี๋ยต้องการให้นางหมั่นหมายกับเหมิงตู กลับไม่เอ่ยถึงสักคำ!“พวกเจ้าใครสามารถลอกเลียนลายมือพู่กันของเจียเหยาได้?”หยุนเจิงนำจดหมายส่งให้ทุกคน ให้ทุกคนได้ตรวจดูทุกคนดูต่อกันจนครบหนึ่งรอบ พากันส่ายหน้าแม้จดหมายนี้จะตอบกลับด้วยอักษรของต้าเฉียน แต่ลายมือของเจียเหยางดงามมาก พวกเขาเหล่าคุณชายนายท่าน ส่วนมากแม้แต่ตัวอักษรยักเขียนได้ไม่สวย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องลอกเลียนลายมือเจียเหยาเลย“ให้ข้าลองเถอะ!”ในที่สุด เมี่ยวอินก็ลุกขึ้นมา“ได้ เช่นนั้นเจ้าลองคัดตามจดหมายฉบับนี้ของเจียเหยาหนึ่งรอบ”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ปลอบใจเมี่ยวอิน “ไม่ต้องกดดัน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกประการ สามารถทำให้เหมือนได้เจ็ดส่วนก็พอแล้ว”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆหยุนเจิงสั่งให้คนพู่กัน
เดิมเขาก็ไม่ได้คาดหวังจดหมายฉบับหนึ่งจะสามารถทำให้ประมุขใหญ่ฮูเจียกับโย่วเสียนอ๋องห่างเหินกันเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทุกคนสับสนที่แท้ เขาก็มีความคิดเช่นนี้!หากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้วหลังจากเมี่ยวอินคัดลอกจดหมายของเขาแล้ว หยุนเจิงเขียนจดหมายให้โปหลวนฉบับหนึ่ง คร่าวๆ คือต้องการร่วมมือกับโปหลวน ส่งโปหลวนขึ้นสู่ตำแหน่งประมุขใหญ่ต้าเฉียนจากนั้น หยุนเจิงเรียนภูตหนึ่งมา สั่งให้เขาพาสองคนไปส่งจดหมายออกไปทว่า หยุนเจิงไม่แน่ใจว่าโปหลวนจะเคารพกฎทำงานไม่ฆ่าทูตเหมือนอย่างเจียเหยาหรือไม่ ดังนั้น เขาทำได้เพียงให้พวกภูตหนึ่งหาโอกาส นำจดหมายสองฉบับส่งให้ทหารกองกำลังของโปหลวนที่ประจำการอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของชายแดนกู้ ค่อยให้คนเหล่านั้นส่งมอบจดหมายให้โปหลวนหลังทุกอย่างเสร็จสิ้น หยุนเจิงเรียกประชุมแม่ทัพทุกคน เริ่มวางแผนเตรียมตัวเคลื่อนไหวต่อไป“สะพานสันดอนเป่ยหยวนอีกนานเท่าใดจึงซ่อมแซมเสร็จ?”หยุนเจิงถามตู๋กูเช่อ“ประมาณอีกสิบวัน”ตู๋กูเช่อตอบ“เหตุใดจึงต้องใช้เวลาอีกสิบวัน?”หยุนเจิงขมวดคิ้วก่อนหน้านี้ก็บอกว่าประมาณสิบวันก็ซ่อมเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ?