เดิมเขาก็ไม่ได้คาดหวังจดหมายฉบับหนึ่งจะสามารถทำให้ประมุขใหญ่ฮูเจียกับโย่วเสียนอ๋องห่างเหินกันเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทุกคนสับสนที่แท้ เขาก็มีความคิดเช่นนี้!หากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้วหลังจากเมี่ยวอินคัดลอกจดหมายของเขาแล้ว หยุนเจิงเขียนจดหมายให้โปหลวนฉบับหนึ่ง คร่าวๆ คือต้องการร่วมมือกับโปหลวน ส่งโปหลวนขึ้นสู่ตำแหน่งประมุขใหญ่ต้าเฉียนจากนั้น หยุนเจิงเรียนภูตหนึ่งมา สั่งให้เขาพาสองคนไปส่งจดหมายออกไปทว่า หยุนเจิงไม่แน่ใจว่าโปหลวนจะเคารพกฎทำงานไม่ฆ่าทูตเหมือนอย่างเจียเหยาหรือไม่ ดังนั้น เขาทำได้เพียงให้พวกภูตหนึ่งหาโอกาส นำจดหมายสองฉบับส่งให้ทหารกองกำลังของโปหลวนที่ประจำการอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของชายแดนกู้ ค่อยให้คนเหล่านั้นส่งมอบจดหมายให้โปหลวนหลังทุกอย่างเสร็จสิ้น หยุนเจิงเรียกประชุมแม่ทัพทุกคน เริ่มวางแผนเตรียมตัวเคลื่อนไหวต่อไป“สะพานสันดอนเป่ยหยวนอีกนานเท่าใดจึงซ่อมแซมเสร็จ?”หยุนเจิงถามตู๋กูเช่อ“ประมาณอีกสิบวัน”ตู๋กูเช่อตอบ“เหตุใดจึงต้องใช้เวลาอีกสิบวัน?”หยุนเจิงขมวดคิ้วก่อนหน้านี้ก็บอกว่าประมาณสิบวันก็ซ่อมเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ?
วันหลังจากนั้น ทุกวันหยุนเจิงเอาแต่คิดหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของเป่ยหวนเดี๋ยวก็ส่งทหารม้าของชายแดนกู้แสร้งว่าจะจู่โจมที่ใดสักแห่ง เดี๋ยวก็ส่งหน่วยสอดแนมออกไปจำนวนมาก สืบเสาะไปทุกหนแห่งถึงเช่นไรก็ทำทีเหมือนพร้อมบุกโจมตีได้ตลอดเวลาการกระทำผิดปกติต่อเนื่องของหยุนเจิงย่อมดึงดูดความสนใจของเจียเหยาเจียเหยาทุกวันจะส่งสายสืบออกไปสืบการเคลื่อนไหวของกองทัพที่ชายแดนกู้ทว่าการกระทำต่อเนื่องของหยุนเจิงไร้ระเบียบแบบแผน เจียเหยาไม่สามารถตัดสินได้ว่าหยุนเจิงคิดทำสิ่งใดแต่ว่า นางสงสัยว่าหยุนเจิงกำลังก่อกวนสายตานางนางยังคงคิดว่า มีความเป็นไปได้ที่หยุนเจิงจะโจมตีโย่วเสียนอ๋องโดยไม่คาดฝันถึงแม้ ศัพยภาพของโย่วเสียนอ๋องตอนนี้จะแข็งแกร่งกว่าจั่วเสียนอ๋องเดิมหยุนเจิงก้ไม่ใช่คนที่จะลงมือตามหลักแบบแผนนางถึงขั้นสงสัย หยุนเจิงอาจจะจู่โจมกองทัพสามหมื่นของพวกเขากันซึ่งหน้าแต่ว่า ทฤษฎีนี้ มีความเป็นไปได้น้อยหน่อยถึงเช่นไร กำลังรบของกองทหารม้าชั้นยอดก็แขวนไว้อยู่ตรงนั้นอีกทั้งแต่ไหนแต่ไรหยุนเจิงก็มีนิสัยชอบเอาชนะด้วยกุลยุทธ์ชาญฉลาด ชอบใช้ความสูญเสียน้อยที่สุดสร้างความเสียหายหนักให้ศัตรูขอแ
ด้านซ้ายหน้าของทัพศัตรู ยังมีทหารม้าห้าถึงหกพันคนคอยสนับสนุนเห็นได้ชัด หยุนเจิงกำลังป้องกันพวกเขาออกปล้นเสบียงเมื่อได้รับข่าวที่แน่นอน ใจของเจียเหยารู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีเสบียงที่เพียงพอให้คนหนึ่งหมื่นบริโภคได้สองเดือน!สำหรับต้าเฉียนแล้ว เสบียงเท่านี้อาจไม่นับว่ามากแต่สำหรับพวกนาง เสบียงเหล่านี้คือสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่ง!ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาขาดแคลนที่สุดคือเสบียง!ต้องหาวิธีปล้นเสบียงเหล่านี้มาให้ได้!เจียเหยาใช้ความคิดหากลยุทธอย่างขยันขันแข็งคิดไปคิดมา เจียเหยาอดไม่ได้ที่จะใจกระตุกปีนั้นต้าเฉียนซ่อมบำรุงสามเมืองชายแดน เพื่อสะดวกต่อการขนส่งเสบียง ใช้แรงงานคนและทรัพยากรณ์ซ่อมและสร้างถนนหลักที่สามเมืองชายแดน บนถนนยังปูด้วยเศษหินแต่ว่า ถนนหลักเช่นนี้ สำหรับการขนส่งเสบียง มีทั้งข้อดีและข้อเสียทุ้งหญ้าในตอนนี้ เป็นช่วงเวลาน้ำแข็งละลายพอดีหลายพื้นที่ค่อนข้างเปียกแชะทัพศัตรูคุ้มกันส่งเสบียง ยังต้องทำเวลา ทำได้เพียงเลือกเดินทางด้วยถนนหลักแต่ถนนหลักมีความกว้างเพียงหนึ่งจ้างความกว้างอย่างมากก็ได้แค่รถเกลียนบรรทุกสองคันเคลื่อนที่พร้อมกันเท่านั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ หน่ว
ชายแดนกู้รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่ได้รับข่าวว่าทัพศัตรูเป่ยหวนมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ หยุนเจิงเริ่มวิตกกังวลเล็กน้อยมารดาเขาสิ!หน่วยคุ้มกันเสบียงของพวกเขาใกล้จะถึงชายแดนชิงแล้ว!เจียเหยายังไม่เคลื่อนไหวหรือ?หรือว่า เจียเหยาอยากรอให้คนของเขาเข้าประจำการที่ชายแดนชิงก่อนค่อยลงมือ?คิดแล้วก็เป็นไม่ได้!ชายแดนชิงแม้จะเผชิญกับการทำลายอย่างหนัก แต่กำแพงเมืองส่วนใหญ่ก็ยังอยู่อาศัยกำแพงเมืองที่ทรุดโทรมของชายแดนชิง สร้างแนวป้องกัน พวกเขาก็ยังมีความได้เปรียบอย่างมากหากรอจนพวกเขาเข้าประจำการที่ชายแดนชิงค่อยลงมือจริง สมองของเจียเหยาคงถูกเฆี่ยนจนบ้าไปแล้ว! หรือว่า เป่ยหวนไม่อยากทำสงครามอีกแล้ว?แม้แต่ความคิดเอียนเอียงในใจก็ไม่หวั่นไหวสักนิดแล้ว?ไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง?มีโอกาสเอาเปรียบได้แต่ไม่เอาก็คือคนโง่!เจียเหยาน่าจะรู้จักเหตุผลนี้ดีเขากระตือรือร้นส่งเสบียงไปให้นาง นางจะไม่เอา?อีกทั้ง ด้วยสถานการณ์ที่เป่ยหวนขาดแคลนเสบียงเช่นนี้!เจียเหยาไม่ควรปล่อยเนื้อชิ้นใหญ่ที่ส่งให้ถึงปากหรอกกระมัง?“เอาล่ะ เลิกทำหน้าขมขื่นได้แล้ว”เมี่ยวอินมาถึงข้างกายหยุนเจิง จากนั้นก็นั่งอยู่ในอ้อมกอ
เสิ่นลั่วเยี่ยนหยุนเจิงเอาไว้ กล่าวยิ้มตาหยี “พวกเราส่งคนไปมากมาย สิ้นเปลืองเสบียงไม่น้อย หากทัพศัตรูไม่มีความเคลื่อนไหวใด เสบียงของพวกเราไม่ทำกับสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์แล้ว!”แม้จะบอกว่าม้าและคนจะไม่เคลื่อนไหว ก็ต้องบริโภคเสบียง แต่การบริโภคเสบียงระหว่างคนและม้าเคลื่อนไหวกับไม่เคลื่อนไหวนั้นต่างกันมากใช้คำพูดของหยุนเจิงก็คือ ต้องให้ม้าวิ่ง แต่ไม่ให้ม้ากินหญ้า จะเป็นไปได้เช่นไร?เมื่อได้ฟังคำของเสิ่นลั่วเยี่ยน เมี่ยวอินก็เข้าใจทันทีนางไม่เคยนำทัพ จึงไม่ได้ไปสนใจเรื่องเหล่านี้!เมื่อเห็นท่าทางเสิ่นลั่วเยี่ยน หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ายิ้มอื้ม!รู้จักแย่งตอบแล้ว!เจียเหยานะเจียเหยา เจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังสิ!หากเจ้าทำให้ข้าขาดทุน ข้าจะต้องหาโอกาสทำให้เจ้าสูญเสีย!……คืนวันที่สอง เจียเหยาเหลือทหารและม้าเฝ้าค่ายไว้สามพันคน นางนำกองทัพเจ็ดพันคนออกเดินทางตลอดกลางคืนเพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของทัพศัตรู เจียเหยาสั่งอย่างเคร่งครัดห้ามทหารพูดคุยกันพวกเขาไม่สามารถเคลือนทัพด้วยความเร็ว ป้องกันไม่ให้ม้าศึกเดินจนเกิดเสียงดังเกินไปผ่านการเดินทัพมาตลอดคืน รุ่งอรุณ ในที่สุดกอง
กองกำลังเจียเหยาและฮูหลัวมาถึงแทบจะพร้อมกันเวลานี้ พวกเขายังเห็นทหารม้าต้าเฉียนที่เหมือนเนินดินที่ยังไปได้ไม่ไกลระยะว่างระหว่างสองฝ่าย คาดว่าจะมีประมาณเจ็ดแปดลี้เมื่อเห็นเสบียงจำนวนมหาศาลอยู่ใกล้แค่เอื้อม ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังของเจียเหยาหรือฮูหลัว ไม่มีจิตใจไปจู่โจมคนเหล่านั้นแล้วทัพศัตรูเผาเสบียงไม่ทัน นั่นก็คือความโชคดี!แม้ไม่สามารถทำลายล้างทัพศัตรู แต่สามารถปล้นเสบียงได้ แล้วก็สามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของพวกเขาตอนนี้ได้ด้วย“ฮ่าๆ...”มองดูเสบียงในเกวียนแต่ละลำ ฮูหลัวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง “พวกไก่อ่อนต้าเฉียนนั่น สุดท้ายก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกเรา! ไม่ว่าพวกเขาจะเจ้าเล่ห์มากแผนการเพียงใด เมื่อมาถึงทุ่งหญ้า พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา!”เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของฮูหลัว คนไม่น้อยหัวเราะตามใช่แล้ว!เล่นแผนอุบาย พวกเขาอาจสู้ต้าเฉียนไม่ได้แต่มาถึงทุ่งหญ้า นั่นก็คือมาถึงใต้ฟ้าของทหารม้าเหล็กต้าเฉียน!ต้าเฉียนขี้ขลาด รู้จักแต่ใช้แผนอุบาย เดิมทีไม่กล้าเผชิญหน้ากับทหารม้าเป่ยหวน!เมื่อได้ฟังเสียงหัวเราะของทุกคน เจียเหยาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเจ้าพวกคนโง่หลงตัวเอง!
หยุนเจิงตัวดี!เขาช่างใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย!แม้แต่ลายละเอียดเล็กน้อยก็ยังไม่เว้น!ถูกหลอกแล้ว!พวกเขาล้วนถูกหลอกแล้ว!หยุนเจิงเดาไว้นานแล้วว่าพวกเขาขาดแคลนเสบียงจึงต้องสนใจเสบียงเหล่านี้แน่นอน!จงใจทำเช่นนี้ เพื่อล่อให้พวกเขาติดกับ!กับดับ นี่เป็นกับดักของหยุนเจิงที่เตรียมไว้ให้พวกเขา!หยุนเจิงออกแบบกับดักใหญ่ด้วยความคิดรอบครอบเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อทำให้พวกเขารู้สึกรังเกียจ!ด้านหลัง ต้องมีแผนอุบายที่ใหญ่กว่ารอพวกเขาอยู่!“ทหาร!”เจียเหยาคำรามด้วยความโกรธ “ส่งสายลับไปทุกทิศทางทันที สืบเบาะแสของทัพศัตรู! เร็ว!”ตอนที่เจียเหยาส่งสายสืบออกไปทุกทิศทาง กระสอบบนรถขนเสบียงมากมายถูกกรีดเพื่อตรวจสอบแล้วบนรถขนเสบียงสิบกว่าคันนอกจากกระสอบชั้นแรกที่บรรจุอาหารและธัญพืชไว้ ที่เหลือล้วนเป็นวัชพืชและดิน!ผลลัพธ์ดี ยังดีกว่าที่เจียเหยาคาดไว้หน่อยยังดีที่มีเสบียงอยู่บ้างเดิมทีนางคิดว่า ทุกสิ่งที่อยู่บนรถขนเสบียงมีแต่วัชพืชผสมดินแต่ว่า เจียเหนาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วระหว่างทางขบวนคุ้มกันเสบียงทัพศตรูก็ต้องกินต้องดื่มเช่นกันเสบียงเหล่านี้ ย่อมต้องเหลือให้พวกเขาใ
“รายงานองค์ชาย ขบวนคุ้มกันเสบียงทัพเราเผชิญกับการโจมตีของทหารม้าเป่ยหวน แม่ทัพชวีเจิ้งนำกองทัพล่าถอย แต่ทหารม้าเป่ยหวนบุกมาอย่างรวดเร็ว ทัพเรายังมีเสบียงบางส่วนนำออกมาไม่ทัน...”ตอนบ่าย หยุนเจิงได้รับข่าวจากคนที่ชวีเจิ้งส่งกลับมา“กองกำลังชวีเจิ้งมีคนบาดเจ็บหรือไม่?”หยุนเจิงถามทันทีทหารส่งสารตอบทันที “ไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ม้าเสียกำลังไป มีม้าสามร้อยกว่าตัววิ่งจนเหนื่อยตายแล้ว...”“ดี! ดีมาก!”หยุนเจิงดีใจมาก ออกคำสั่ง “สั่งเติ้งเป่า ไปทางทะเลสาบไป๋หลางสามร้อยลี้ ตอบรับกองกำลังฉินชีหู่และกองทหารโลหิต! สั่งกองกำลังชวีเจิ้ง เดินทางตลอดคืนไปอยู่กับกองกำลังเติ่งเป่า!”เสบียงขนไม่ทันก็ไม่ทัน!ถึงเช่นไรคงเหลือเสบียงไม่มากแล้ว!ส่วนม้า ก็ไม่เป็นไรนี่ไม่ใช่ตอนที่พวกเขาเข้าสู่เมืองซั่วเป่ยแล้วม้าศึกสามร้อยกว่าตัว วิ่งจนตายไปแล้วก็ช่างเถอะ!ก็นำมาแปรรูปเป็นอาหารให้ทุกคนแล้วกัน!ขอแค่คนหนีกลับมาได้ก็พอแล้วขอแค่ตีขนเป่ยหวนฟันร่วงเต็มฟื้น ต่อไปยังมีโอกาสได้ม้าศึกอีก!ความต้องการที่เขามีต่อฉินชีหู่และกองทหารโลหิตมีไม่สูง ทัพศัตรูมีสามเส้นทางคนและม้าไม่ใช่หรือ ขอแค่เผาเสบียงเส้นทางใด
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่