ผ่านไปนาน ตู้กุยหยวนก็ตระหนักได้“พูดต่อไป!”หยุนเจิงมองตู้กุยหยวนยิ้มๆนึกออกแล้วหรือ?ตู้กุยหยวนราวกับถูกจี้ลมปราณ ถามลองเชิงว่า “องค์ชายคิดจะโจมตีฝ่ายฮูเจี๋ยฉานอวี่และต้าหมิงอ๋องเพื่อลดกำลังของพวกเขา และทำให้เกิดโกลาหลขึ้นภายในเป่ยหวนใช่หรือไม่?”“ถูก!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้มแย้ม“ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นจั่วเสียนอ๋องหรือว่าโย่วเสียนอ๋องต่างก็เป็นแผนหลอกลวงทั้งนั้น?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็ตระหนักขึ้นได้เช่นกัน“ถูก!”หยุนเจิงพยักหน้า “ให้กองทหารโลหิตไปก่อกวนฝ่ายรอบๆ ผืนหญ้าเลี้ยงม้า ก็เพื่อทำลายจุดสนใจของเจียเหยา! ให้นางคิดว่าเราจะใช้โอกาสที่อาหลู่ไถตาย แล้วไปโจมตีฝ่ายอาหลู่ไถ”อวี๋ซื่อจงเข้าใจในบัดดล “องค์ชายส่งคนให้ไปสืบเรื่องการตายของอาหลู่ไถ ก็เพื่อจะเบี่ยงเบนความสนใจของเจียเหยาสินะ?”“ประมาณนั้น!”หยุนเจิงยิ้มพยักหน้า “แต่การสืบให้รู้ชัดว่าอาหลู่ไถตายจริงหรือไม่นั้น ก็จะทำให้เราดำเนินแผนขั้นต่อไปได้สะดวกยิ่งขึ้น”“ไม่…”ฉินชีหู่ลูบศีรษะ “น้องชาย เจ้าจะโจมตีผืนหญ้าเลี้ยงม้าไม่ใช่หรือ?”“ใช่!”หยุนเจิงพยักหน้า “เป่ยหวนโกลาหลกันภายใน เราค่อยๆ โจมตีผืนหญ้าเลี้ยงม้าไม่ดีหรื
เจียเหยาสั่งให้คนถอยทัพออกไปห้าสิบลี้จริงๆนี่เป็นตำแหน่งที่ตั้งฐานค่ายใหญ่ของพวกเจากองทหารใหญ่แปดหมื่นนายที่ล้อมชายแดนกู้ก่อนหน้านี้ ไม่มีอยู่ตั้งนานแล้วผนวกกับคนหลายพันคนที่นางเพิ่งพากลับมา ที่นี่รวมกันแล้วก็มีเพียงสามหมื่นนายเท่านั้นแต่ทว่าคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอดของเป่ยหวนคนที่คัดเลือกมาชั่วคราวเหล่านั้น บัดนี้ได้ส่งกลับไปยังแต่ละฝ่ายแล้วแม้แต่ทหารประจำการดั้งเดิมก็ถูกส่งกลับไปด้วยตอนนี้พวกเขาเลี้ยงปากท้องคนมากมายเพียงนี้ไม่ไหวจริงๆ!หากเก็บกำลังคนไว้มากเพียงนั้นตลอด เป่ยหวนมีแต่ตายสถานเดียวบัดนี้ นางดูแลกองทหารใหญ่หนึ่งหมื่นนาย เกออาซูดูแลกองทหารใหญ่หนึ่งหมื่นนาย อีกหนึ่งหมื่นนายดูแลโดยฮูหลัวปีกทั้งสองข้างของพวกเขามีจั่วเสียนอ๋องและโย่วเสียนอ๋องฝ่ายจั่วเสียนอ๋องเองก็บาดเจ็บหนักเมื่อคราวก่อน บัดนี้ทหารประจำการได้ลดลงเหลือเพียงหนึ่งหมื่นกว่านายเท่านั้นส่วนฝ่ายโย่วเสียนอ๋องนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เสียหายไปมากมายนัก แต่โย่วเสียนอ๋องกลับขอลดทหารประจำการเหลือหนึ่งหมื่นนายด้วยตนเองนางรู้ดีว่าโย่วเสียนอ๋องทำเพื่อเก็บความสามารถเอาไว้หากนางเป็นโย่วเสียนอ๋อง นางก
อาหลู่ไถเพิ่งสูญเสียทหารไปสองหมื่นกว่านาย ตอนนี้นับรวมทหารที่สามารถขี่ม้าสู้รบได้ทั้งหมด เกรงว่าคงมีไม่ถึงแปดหมื่นนายด้วยซ้ำ!หากให้เขายืมอีกสามหมื่นนาย อาหลู่ไถคงคิดว่าเขาคิดจะยึดอำนาจเป็นแน่!“หากเจ้ามีปัญหากับข้า สามารถพากองทหารหนึ่งหมื่นนายของเจ้าไปซะ! ข้าไม่รั้งไว้แน่นอน!”เจียเหยามองฮูหลัวด้วยสายตาเย็นชา “แต่ทว่า ในเมื่อพวกเจ้าไม่ร่วมรบแล้ว เช่นนั้นเสบียงสำหรับคนหนึ่งหมื่นนายนั่นก็ต้องทิ้งเอาไว้!”เมื่อได้ยินเจียเหยาเอ่ยถึงเสบียงอาหาร ฮูหลัวก็พูดอะไรไม่ออกทันทีครั้นตั๊กแตนระบาดเมื่อปีก่อน ฝ่ายของเขาได้รับความเสียหายจำนวนมากเขาไม่มีเสบียงอาหารมากพอที่จะเลี้ยงปากท้องกองทหารประจำการหนึ่งหมื่นนายได้ด้วยซ้ำ!การที่เขานำกองกำลังเหล่านี้ไปสู้รบ ก็เพื่อต้องการเสบียงอาหารจากราชสำนัก“องค์หญิง เราถอยทัพเช่นนี้ ไม่ใช่วิธีหรอกกระมัง?”เกออาซูขมวดคิ้วมุ่น “ช่วงฤดูหนาวนี้ เราพ่ายแพ้ไปมากมาย บัดนี้กำลังใจทหารก็น้อยนิด ทุกคนล้วนแต่อยู่ด้วยแรงเฮือกสุดท้าย! หากถอยทัพเช่นนี้ จะทำให้ทหารสูญเสียกำลังใจอย่างสิ้นเชิง…”หากเป็นไปได้ อย่าว่าแต่ห้าสิบลี้เลย ห้าร้อยลี้นางก็ยอมไม่รบได้ย่อมเป็น
ทั้งสองกะพริบตาแรงๆ เพื่อตรวจสอบว่าตนตาฝาดหรือไม่แต่แล้วตัวอักษรบนจดหมายก็ยังคงไม่แปรเปลี่ยนมองดูเนื้อหาที่ง่าย แต่เต็มไปด้วยข่าวสารสำคัญแล้ว ทั้งสองพลันอดอ้ำอึ้งไม่ได้หยุนเจิงยึดอำนาจทหาร แต่จักรพรรดิต้าเฉียนกลับไม่ทำอะไรเขา?ไม่เพียงแต่ตบรางวัลให้ แต่ยังมอบเสบียงให้พวกเขาด้วย?นี่มัน…นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?จักรพรรดิต้าเฉียนบ้าไปแล้วหรือไงกัน?เขาไม่กลัวเลยหรือว่าเช่นนี้จะทำให้แม่ทัพใหญ่ที่รักษาการณ์อยู่ที่ชายแดนของต้าเฉียนจะยึดทหารตั้งกองทหารเอง?กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือเป็นกองกำลังชั้นยอดของต้าเฉียนรองจากองครักษ์หกแห่งเมืองจักรพรรดิเชียวนะ!จักรพรรดิต้าเฉียนมอบให้หยุนเจิงเช่นนี้เลย?วินาทีนี้ทั้งสองกำลังก่นด่าอยู่ในใจจักรพรรดิต้าเฉียนบ้าไปแล้วหรือไงกัน?แม้จะไม่สนใจขนาดไหน จักรพรรดิต้าเฉียนก็ควรจะตัดเสบียงอาหารให้กับกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือสิ!หากกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือไม่มีเสบียงอาหารที่มากพอ เป่ยหวนก็จะกดดันน้อยลงทว่าจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว สำหรับเป่ยหวนนั่นเท่ากับเป็นสายฟ้าผ่าชัดๆ!“ฮู้…”เจียเหยาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจว่า “เราประเมินความกล้าข
หากเป่ยหวนเกิดเรื่องโกลาหลกันภายในตอนนี้ ความตายก็คงอยู่ไม่ไกลแล้วราชครู สุดท้ายข้าก็ต้องเลือกทางนี้แล้วจริงๆ!หวังว่าท่านอยู่บนสวรรค์จะช่วยคุ้มครองเจียเหยาให้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นด้วย!เจียเหยาลุกขึ้น แล้วโค้งคำนับไปทางราชสำนัก แล้วนั่งกลับที่เดิม จากนั้นเริ่มยกพู่กันเขียนขึ้นมาผ่านไปสองเค่อ เจียเหยาก็นำจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วใส่ไว้ในกระบองยาว แล้วเรียกผู้บัญชาการทหารข้างกายของตนเข้ามาพร้อมสั่งการด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้านำคนห้าสิบคนส่งมอบจดหมายนี้ไปให้เสด็จพ่อด้วยตนเองให้เร็วที่สุด! พวกเจ้าตายได้ แต่จดหมายห้ามหายเด็ดขาด! หากมีคนคิดจะแย่งไป ก็ให้ทำลายจดหมายนี้ซะ!”ได้ยินคำพูดของเจียเหยาแล้ว ผู้บัญชาการทหารข้างกายพลันสั่นสะท้านเขารู้ดีว่าจดหมายฉบับนี้สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของพวกเขา!“พ่ะย่ะค่ะ!”ผู้บัญชาการทหารข้างกายรับคำสั่ง แล้วถอยออกจากกระโจมค่ายทันที“ฮู้…”เจียเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าเย็นชา…สองสามวันหลังจากนั้น หยุนเจิงไม่ได้กระทำการมากมายอะไรนักนอกจากซ้อมวรยุทธ์ และหยอกล้อกับเสิ่นลั่วเยี่ยน และเมี่ยวอินทุกวันแล้ว ก็คือไปกำชับการก่อสร้างที่ชาย
หลายวันให้หลัง กองกำลังกองทหารโลหิตของตู้กุยหยวนกลับมาแล้วไม่ผิดจากที่คาด ชนเผาเดิมที่อพยพออกจากทุ่งหญ้ามู่หม่าได้กลับมายังทุ่งหญ้ามู่หม่าอีกครั้งทว่า ปัจจุบันชนเผ่าเหล่านั้นมีชายฉกรรจ์เพิ่มขึ้นมาไม่น้อยพวกตู้กุยหยวนโจมตีสองชนเผ่า สังเกตเห็นกองกำลังของโย่วเสียนอ๋องกำลังวิ่งล้อมเข้ามา จึงล่าถอยทันทีระหว่างที่ล่าถอย พบกับทหารม้ากองย่อยของเป่ยหวน พวกเขาจึงจัดการทหารม้ากองย่อยทิ้งทั้งหมด ส่วนพวกเขาบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นการโจมตีครั้งแรกของกองทหารโลหิต แม้ไม่นับว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่เลวเลยหลังจากรายงานข่าวกับหยุนเจิงพวกเขาสืบมาเกี่ยวกับสถานการณ์กองกำลังของโปหลวนแล้ว ตู้กุยหยวนกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาดอีกครั้ง “องค์ชาย พวกเรายังสืบได้ข่าวที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง”“พูดมา”หยุนเจิงสีหน้าประหลาดใจมองตู้กุยหยวนข่าวสำคัญก็ข่าวสำคัญสิ!สีหน้าของตู้กุยหยวนหมายความเช่นไร?เหตุใดจึงรู้สึกว่าสายตาเขาแปลกๆ?ตู้กุยหยวนหัวเราะแห้ง จากนั้นก็กล่าว “พวกเราได้ข่าวมา ประมุขใหญ่เจี๋ยตั้งใจให้เจียเหยาหมายหมั่นกับเหมิงตูลูกชายคนรองของโปหลวน แต่...ท่าทางขององค์หญิงเจียเหยาไม่ชัดเจน”“พรืด...”
ได้รับจดหมายที่หยุนเจิงสั่งทูตส่งมา เจียเหยาโมโหจนหัวเราะออกมาหยุนเจิงผู้นี้ เหตุใดช่างไร้ยางอายเพียงนี้!ไม่เพียงต้องการให้นางกับเขาแต่งงานกัน ยังขอให้เป่ยหวนแบ่งที่ดินห้าร้อยลี้ เป็นสินเดิมของนาง!สุดท้ายยังข่มขู่นาง หากนางกล้าแต่งกับเหมิงตู เขาจะนำทหารบุกมาทันที!สารเลวไร้ยางอายผู้นี้ เขาคิดว่านางไม่รู้หรือ?ไม่ว่านางจะแต่งกับเหมิงตูหรือไม่ เข้าล้วนบุกมาโจมตี!ถึงกระทั่งว่า มีเรื่องนี้หรือไม่ เขาล้วนบุกมาโจมตีแน่นอน!หากเขาไม่บุกโจมตี เขาก็ไม่ชื่อว่าหยุนเจิงแล้ว!เจียเหยาวางจดหมายในมือ เรียกคนเขามา “จับทูตของพวกเขาไว้ก่อน! ข้าต้องการให้เขานำจดหมายกลับไป!”“ขอรับ!”เจียเหยานั่งลง ในสมองหมุนแล่นอย่างรวดเร็วหยุนเจิงส่งคนจู่โจมชนเผาที่ทุ่งหญ้ามู่หม่า มีจุดประสงค์ใดกันแน่?เป็นเพียงการจู่โจมธรรมดา หรือว่ามีเป้าหมายอื่น?ด้วยความเจ้าเล่ห์ของหยุนเจิง คงไม่มีทางจู่โจมชนเผ่าเขาพวกเขาธรรมดากระมัง?อีกอย่าง หยุนเจิงให้จดหมายนาง มีเป้าหมายใดกัน?หยุนเจิงไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ว่านางและเสด็จพ่อนางไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขของเขาแต่หยุนเจิงสั่งคนมาส่งจดหมายเช่นนี้เขาทำเช่นนี้ มีความห
หนึ่งวันให้หลัง หยุนเจิงได้รับจดหมายตอบกลับของเจียเหยาอ่านเนื้อหาในจดหมายตอบกลับของเจียเหยา หยุนเจิงอดส่ายหน้ายิ้มไม่ได้ผู้หญิงคนนี้ เป็นโจรชั่วเสียจริง!เจียเหยาบ่นกับเขา บอกถึงสภาวะยากลำบากของเป่ยหวน ยังบอกอีกว่านางถอยทัพห้าสิบลี้เพื่อแสดงความจริงใจแล้ว หวังว่าเขาจะรักษาสัญญา ยุติสงครามกับเป่ยหวนส่วนเรื่องที่ประมุขฮูเจี๋ยต้องการให้นางหมั่นหมายกับเหมิงตู กลับไม่เอ่ยถึงสักคำ!“พวกเจ้าใครสามารถลอกเลียนลายมือพู่กันของเจียเหยาได้?”หยุนเจิงนำจดหมายส่งให้ทุกคน ให้ทุกคนได้ตรวจดูทุกคนดูต่อกันจนครบหนึ่งรอบ พากันส่ายหน้าแม้จดหมายนี้จะตอบกลับด้วยอักษรของต้าเฉียน แต่ลายมือของเจียเหยางดงามมาก พวกเขาเหล่าคุณชายนายท่าน ส่วนมากแม้แต่ตัวอักษรยักเขียนได้ไม่สวย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องลอกเลียนลายมือเจียเหยาเลย“ให้ข้าลองเถอะ!”ในที่สุด เมี่ยวอินก็ลุกขึ้นมา“ได้ เช่นนั้นเจ้าลองคัดตามจดหมายฉบับนี้ของเจียเหยาหนึ่งรอบ”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ปลอบใจเมี่ยวอิน “ไม่ต้องกดดัน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกประการ สามารถทำให้เหมือนได้เจ็ดส่วนก็พอแล้ว”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆหยุนเจิงสั่งให้คนพู่กัน
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่