นี่เป็นความคิดที่หยุนลี่คิดได้ตอนออกจากเมืองจักรพรรดิทั้งต้องทำให้เว่ยเหวินจงตาย ทั้งต้องไม่ทำให้เขามีส่วนเกี่ยวข้อง มีเพียงยืมมือเจ้าหกจัดการเว่ยเหวินจง!ถึงแม้ เขาไม่ยินดีมอบเงินให้เจ้าหกแต่เขาก็ไม่อยากถูกจักรพรรดิเหวินลงโทษ!เงินไม่มีแล้ว ยังสามารถหาได้ใหม่แต่ใบหน้าเสียไปแล้ว ก็มีแต่ต้องเสียไปเท่านั้นที่สำคัญคือ ตอนนี้เกรงว่ามีแม่ทัพไม่น้อยในราชสำนักสงสัยว่าเขาชี้นำเว่ยเหวินจงทำเช่นนี้!หากเว่ยเหวินตายตอนคุ้มกันกลับเมืองจักรพรรดิ คนเหล่านั้นก็จะคิดว่าเขากำลังฆ่าคนปิดปาก!แม้ไม่มีหลักฐาน แต่ก็ไม่เป็นประโยชน์ในการเอาชนะใจคนสำหรับรัชทายาทอย่างเขา!ยืมมือเจ้าหกจัดการเว่ยเหวินจง สามารถขจัดข้อสงสัยของเขาได้มากที่สุด!“ห้าแสนตำลึงเงินแล้วกัน!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “พี่สาม เช่นไรเจ้าก็เป็นรัชทายาท ห้าแสนตำลึงเงิน สำหรับท่านแล้ว ก็เป็นเพียงแค่เศษขนเท่านั้นกระมัง?”“เปล่า!” หยุนลี่กัดฟันคำรามเสียงต่ำ “ข้าบอกแล้ว สองแสนตำลึงเงินเป็นขีดจำกัดของข้า! หากเจ้าอยากได้มากกว่านี้ ข้ายินดีถูกเสด็จพ่อลงโทษ!”“พี่สาม เงินนี่ ข้าไม่ได้ต้องการเพื่อตัวข้า!” หยุนเจิงโน้มน้าวด้วยความอดทน “การ
นอกด่านเป่ยลู่ เสิ่นลั่วเยี่ยนทำตามคำสั่งของหยุนเจิง ตอนที่แลกเปลี่ยนตัวประกัน ยิงธนูปลิดชีวิตเว่ยเหวินจงหยุนลี่ด่ารุนแรงด้วยความโกรธสองสามประโยค จากนั้นก็พาคนจากไปแม้ต้องจ่ายเงินสี่แสนตำลึงเงิน แต่เว่ยเหวินจงก็นับว่าตายแล้ว!หยุนลี่ในเวลานี้ เจ็บปวดแต่มีความสุขเช่นกัน“เหตุใดพวกเขาไม่ห้ามเขาไว้หน่อย?”เมื่อรู้เรื่องนี้ ฮูหยินเสิ่นดุเยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนทันที“พวกเราห้ามเขาเพื่อสิ่งใดเล่า?”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้สี่แสนตำลึงเงินมาเปล่าๆ ทั้งยังได้ฆ่าเว่ยเหวินจงด้วยตัวเองล้างแค้นให้เหล่าทหาร เป็นเรื่องดี!”“เรื่องดีอะไร!” ฮูหยินเสิ่นจ้องเสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยความหงุดหงิด “พวกเจ้าฆ่าเว่ยเหวินจง ในราชสำนักต้องมีคนคิดว่าพวกเจ้าใส่ร้ายเว่ยเหวินจง! แต่หากเว่ยเหวินจงตายระหว่างคุ้มกันกลับเมืองจักรพรรดิ คนในราชสำนักจะคิดว่ารัชทายาทฆ่าคนปิดปาก เช่นนี้ ก็สามารถทำลายชื่อเสียงของรัชทายาท!”สี่แสนตำลึงเงิน นับว่าไม่น้อยเลยข้าวสารหนึ่งตั้น ราคาประมาณหนึ่งตำลึงเงินเท่านั้น!ใช้เงินสี่แสนตำลึงเงินไปซื้อเสบียง สามารถให้กองทหารมณฑลทางเหนือสองแสนห้าหมื่นคนกินอิ่มไปได้สองสามเด
นางเป็นผู้ดูแล เป็นตำแหน่งที่มีสิทธิ์ทางบัญชีของซั่วฟาง!ความจริง หยุนเจิงไม่อยากให้เยี่ยจื่อเหนื่อยเกินไป เดิมเขาอยากให้จางซูทำงานนี้แต่เจ้าชั่วจางซูไม่สนใจงานนี้หากใช้จางซู เขาทำเรื่องจุกจิกเล็กน้อยไม่ได้ เขาเพียงชอบหาเงินและใช้เงินด้วยความจนปัญญา หยุนเจิงทำให้ได้สั่งให้เยี่ยจื่อรับหน้าที่ดูแลเรื่องเหล่านี้ชั่วคราวรอมีตัวเลือกที่เหมาะสมแล้ว ค่อยให้เยี่ยจื่อถอนตัวออกมาเขาไม่อยากให้ผู้หญิงของตนเหนื่อยจนป่วยหลังจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว หยุนเจิงเรียกจางซูและหมิงเย่ว์มา“ทหารสองแสนห้าหมื่นคนของกองทหารมณฑลทางเหนือ ต้องพึ่งเทพแห่งความมั่งคั่งอย่างเจ้าแล้ว”หยุนเจิงยิ้มมองจางซู“องค์ชาย ท่านทำให้ข้ารู้สึกกดดันอย่างมากแล้ว!”จางจูหัวเราะมองหยุนเจิงจางซูรู้สึกกัดดันจริง อีกทั้งความกดทชดันไม่ใช่แค้มากระดับธรรมดามารดาเขาสิ นี่มันคนสองแสนห้าหมื่นคนเชียวนะ!ต่อให้หักทหารชาวนาที่เป็นค่าใช้จ่ายค่อนข้างน้อย ก็ยังมีหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นคน!ไม่ใช่เพียงเรื่องง่ายดายแค่ทำให้ท้องอิ่มเท่านั้น!มีสถานที่ต้องให้ใช้จ่ายเงินมากมาย!นี่เป็นเหมือนหลุมที่ไร้ก้นเหว!ต่อให้โยนเงินเข้าไปมากมายเพ
พรุ่งนี้หยุนเจิงต้องไปยังชายแดนกู้แล้วตอนกลางคืน ทุกคนก็ต้องรวมตัวกันดื่มสักสองแก้วหยุนเจิงไม่นับว่าคอแข็งแม้ทุกคนจะไม่ได้ตั้งใจรินเหล้าให้เขา หนึ่งมื้อกินเสร็จ เขาก็ยังดื่มจนรู้สึกมึนหัวซินเซิงพยุงหยุนเจิงนั่งลงกลางห้อง จากนั้นก็กล่าวว่า “องค์ชายรอเดี๋ยว บ่าวจะไปตักน้ำมาล้างเท้าให้ท่าน”“อืมๆ”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ สะบัดศีรษะที่เริ่มมึนงงมารดาเขาสิ!เหล้านี่ต้องดื่มให้น้อยหน่อยแล้ว!โดยเฉพาะไปถึงชายแดนกู้ พยายามไม่ดื่มจะดีกว่ารอจนทำให้เป่ยหวนถอยออกไปหลายร้อยลี้ แย่งทุ่งหญ้ามู่หม่ากลับมา ค่อยเมาหัวราน้ำสักรอบก็ยังไม่สาย!คิดถึงทุ่งหญ้ามู่หม่า หยุนเจิงตาร้อนขึ้นมาแล้วมารดาเขาสิ ทุ่งหญ้าที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ไม่แย่งมา รู้สึกผิดกับตัวเองแล้ว!มีทุ่งหญ้าที่ยอดเยี่ยมแล้ว ก็สามารถผสมพันธ์ม้าศึกได้มากขึ้นแต่ว่า ระยะเวลาในการเติบโตของม้าศึกนั้นนานเกินไปโดยพื้นฐานแล้วม้าอายุห้าปีขึ้นไปจึงจะสามารถเป็นม้าศึกได้เรื่องผสมพันธ์ก็ส่วนเรื่องผสมพันธ์ หากต้องการม้าศึกมากขึ้นโดยไว ไปแย่งม้าศึกของเป่ยหวนเป็นไปได้มากกว่า!ขณะที่หยุนเจิงกำลังคิดเรื่อยเปื่อย ร่างสง่างามเดินถือกะละมังไม
หยุนเจิงกอดเยี่ยจื่อ นานๆ ทีจะมีความคิดรักทะนุถนอมนางสักครั้ง เพียงแค่บอกนางเรื่องจางซูจะให้สถานะกับหมิงเย่ว์ จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงใจ “ข้าว่า ข้าควรให้สถานะกับเจ้าและเมี่ยวอิน”“ข้าไม่ต้องการสถานะ”เยี่ยจื่อส่ายหน้าเบาๆ “ข้าอยู่กับเจ้าเช่นนี้ก็พอแล้ว”“พูดอะไรน่ะ?”หยุนเจิงเชยใบหน้าเยี่ยจื่อขึ้นมา “ให้เจ้าติดตามข้าโดยไร้สถานะได้เช่นไร?”“ข้าไม่ต้องการสถานะจริงๆ” เยี่ยจื่อส่ายหน้าอีกครั้ง กล่าวอย่างจริงใจ “ฐานะของข้าค่อนข้างพิเศษ เจ้าให้สถานะกับข้า คนทั้งใต้หล้าจะมองเจ้าเช่นไร? ข้าไม่อาจทำเพื่อสถานะจอมปลอมมาทำลายชื่อเสียงเจ้า”ความสัมพันธ์ของนางและหยุนเจิง ทำเช่นไรก็ขัดกับกฎเกณฑ์ในเมื่อนางตัดสินใจอยู่กับหยุนเจิงแล้ว ย่อมไม่สนใจสายตาคนภายนอกอีกต่อไปแต่หยุนเจิงไม่ได้!หยุนเจิงคือจิ้งเป่ยอ๋อง เป็นแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋ว แล้วยังเป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ!นางไม่อาจปล่อยให้หยุนเจิงขึ้นชื่อว่าเป็นคนรังแกภรรยาดูหมิ่นสะใภ้“ชื่อเสียงผายลมสิ”หยุนเจิงหัวเราะไม่ใส่ใจ “แม้แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นโจรชั่วสร้างความแตกแยกข้าล้วนไม่สนใจ ยังจะสนใจชื่อเสียงเช่นนี้ด้วยหรือ? ใครกล้าพูดจาเหลวไหล ข้าจะตัดล
คืนนี้ แม้หยุนเจิงและเยี่ยจื่อไม่ได้ทำกันจนไปถึงขั้นนั้น แต่พวกเขาทั้งสองก็ทำกันจนพอใจมากตอนเช้า เยี่ยจื่อลุกขึ้นจากเตียงมองหยุนเจิงที่ลุกขึ้นนั่งตาม เยี่ยจื่ออดรู้สึกเขินอายในใจไม่ได้เจ้าตัวร้ายนี่ คงดูตำราเรื่องพรรค์นั้นมาไม่น้อย!ในใจเต็มไปด้วยความเขินอาย เยี่ยจื่อช่วยหยุนเจิงสวมเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปตักน้ำร้อนมาช่วยหยุนเจิงชำระล้างร่างกายเหมือนกับภรรยาผู้อบอุ่นอ่อนโยนทั่วไประหว่างการชำระล้างร่างกาย ทั้งสองคนก็อิงแอบแนบชิดกันอีกรอบเยี่ยจื่อรู้ว่าหยุนเจิงครั้งนี้ต้องไปนานนางอยากติดตามอยู่ข้างกายหยุนเจิงมาก แต่นางรู้ตัวว่าไม่สามารถติดตามหยุนเจิงได้ประโยชน์ในการอยู่ที่ติ้งเป่ยของนาง มีมากมายกว่าการติดตามหยุนเจิงไปนางเพียงหวังว่าหยุนเจิงกลับมาครั้งหน้า นางจะสามารถเป็นผู้หญิงของเขาได้อย่างแท้จริง เป็นผู้หญิงที่คลอดลูกให้เขาหลังอาหารเช้า หยุนเจิงพาทุกคนออกเดินทางฮูหยินเสิ่นและพวกเยี่ยจื่อตามพวกเขา จนกระทั่งส่งพวกหยุนเจิงออกไปนอกประตูทิศเหนือ“องค์ชาย ครั้งนี้ต้องระวัง พวกเราจะรอชัยชนะของพวกเจ้าอยู่ที่ติ้งเป่ย!”ก่อนออกเดินทาง ฮูหยินเสิ่นอดไม่ได้ที่จะกำชับหยุนเจิง“
ฮูหยินเสิ่นขยี้ดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า จากนั้นหันไปส่งรอยยิ้มให้กับหลานสาวทีหนึ่ง “ต่อไปห้ามเรียกอาสะใภ้รองว่าอาสะใภ้รองแล้วนะ ต้องเรียกว่าป้าใหญ่แล้ว”“หา?”ใบหน้าอ่อนโยนของเสิ่นเนี่ยนฉือเต็มไปด้วยความสงสัย “เพราะเหตุใดกัน?”“เดี๋ยวเนี่ยนฉือโตแล้วก็จะเข้าใจเอง”ฮูหยินเสิ่นลูบศีรษะของเสี่ยวเนี่ยนฉือเบาๆ“เจ้าค่ะ”เสิ่นเนี่ยนฉือเบะปากเล็กน้อย ทว่ายังคงทำหน้าสงสัยอาสะใภ้รองก็อาสะใภ้รองไม่ใช่หรือ?เหตุใดจู่ๆ ถึงกลายเป็นป้าใหญ่ได้ล่ะ?ฮูหยินเสิ่นเคาะศีรษะของเนี่ยนฉือเบาๆ จากนั้นเดินไปหาเยี่ยจื่อที่น้ำตาไหลจนตาพร่ามัว แสร้งทำเป็นเย็นชาพลางกล่าวว่า “นับตั้งแต่นี้ไป เจ้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของตระกูลเสิ่นอีกต่อไป! ข้าจะเขียนหนังสือหย่าแทนหลินเอ๋อร์ให้เจ้า!”เยี่ยจื่อตัวสะท้าน จากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินเสิ่นเสียงดัง ‘ตุบ’……“บัดนี้ เท่ากับว่าได้เผาเจ้าและพี่สะใภ้เจ้าไว้บนเตาไฟแล้วนะ!”ระหว่างทางไปชายแดนกู้ เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องหยุนเจิงด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าตายไม่ออกถึงแม้พวกเขาจะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างหยุนเจิงกับเยี่ยจื่อแล้ว ซ้ำยังดีใจที่ได้เห็นหยุนเจิงกับเยี่ยจื่อเป็นเช่นนี้ แต่ทว
ณ เมืองจักรพรรดิฉินลิ่วก่านเร่งม้ากลับไปยังเมืองจักรพรรดิ แล้วเข้าเฝ้าจักรพรรดิเหวินทันที“กลับมาก็ดี! มาดื่มกับข้าสักสองสามจอกเร็วเข้า!”จักรพรรดิเหวินโบกมือเรียกฉินลิ่วก่านด้วยสีพระพักตร์ยิ้มแย้ม แล้วสั่งให้มู่ซุ่นและคนอื่นๆ ถอยออกไป“…”ฉินลิ่วก่านเดินไปถึง มองจักรพรรดิเหวินด้วยสีหน้ามึนงงก่อนจะโค้งคำนับให้จักรพรรดิเหวิน“พอเถอะๆ”จักรพรรดิเหวินโบกมือ “ที่นี่ไม่มีคนนอกคนไกล ไม่ต้องมากพิธีปานนั้นก็ได้”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินลิ่วก่านนั่งลง แล้วมองจักรพรรดิเหวินด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ฝ่าบาท พระองค์…ทรงไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?ตนคิดว่าเขาจะกระอักเลือดอยู่ในเมืองจักรพรรดิเสียอีก จึงได้เร่งม้ากลับมาโดยเร็วคิดจะมาปลอบใจเขาอีก!แต่ปรากฏว่า เขากลับทำเหมือนไม่เป็นอะไรเสียอย่างนั้น?มิหนำซ้ำยังดูมีความสุขดีด้วย?“ข้าเป็นอะไรหรือไม่ เจ้าดูไม่ออกหรือ?”จักรพรรดิเหวินมองฉินลิ่วก่านทีหนึ่ง “รินสุราเอง จะให้ข้ารินให้หรือไง?”ฉินลิ่วก่านหน้ากระตุกเล็กน้อย ในใจยิ่งสับสนเขาเข้าใจจักรพรรดิเหวินมากจริงๆท่าทีผ่อนคลายไร้กังวลของจักรพรรดิเหวินตอนนี้ไม่เหมือนเสแสร้งออกมา