เยี่ยจื่อโกรธและเขินอาย ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็หยั่งเชิงเขา “ข้าถามเจ้าเรื่องนึง เจ้าห้ามโกรธ ตกลงหรือไม่?”“เรื่องใด?”หยุนเจิงสงสัย จากนั้นก็ยิ้มร้าย “หากข้าโกรธ เจ้าจูบข้าสักหน่อย ข้ารับประกันไม่โกรธแล้ว!”“คุยเรื่องสำคัญกับเจ้าอยู่! ไม่จริงจังเลยสักนิด!”ใบหน้าเยี่ยจื่อเริ่มร้อนผ่าว หลังจากทำใจสักพัก จึงกระซิบกล่าว “เจ้ากับเมี่ยวอินอยู่ด้วยกันมาตั้งนานเช่นนี้แล้ว ยังไม่เห็นเมี่ยวอินตั้งครรภ์ พวกเจ้าสองคน...สุขภาพใครสักคน...มีปัญหาหรือไม่?”เมื่อได้ฟังคำของเยี่นจื่อ ใบหน้าหยุนเจิงกระตุกทันทีเยี่ยจื่อเห็นดังนั้นก็กล่าวด้วยความกระอักกระอ่วน “หากเจ้าไม่สะดวกพูด เช่นนั้น...”“เจ้ามาหาข้า เพื่อถามเรื่องนี้หรือ?” หยุนเจิงถามอย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้“อื้ม”เยี่ยจื่อพยักหน้าเบาๆ ใบหน้าเริ่มร้อนหยุนเจิงมุมปากยกขึ้น จากนั้นเอ่ยถาม “เจ้าอยากถามเอง หรือว่ามีใครใช้ให้เจ้ามาถาม?”“เป็นท่านแม่...”เยี่ยจื่อกัดริมฝีปากเบาๆ จากนั้นก็พึมพำ “คืนนี้ท่านแม่กับลั่วเยี่ยนพูดถึงปัญหาการให้กำเนิดบุตรของพวกเจ้า ข้านึกขึ้นได้ว่าเจ้ากับเมี่ยวอินอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว แต่ท้องของเมี่ยวอินไ
จุมพิตนี้ เต็มไปด้วยอารมณ์หยุนเจิงแทบทนรอไม่ไหวที่จะกลืนกินสตรีผู้ที่เขาโหยหามาเนิ่นนานหลังจากจุมพิตเร้าร้อน หยุนเจิงปลดอาภรของตัวเองทันทีเวลานี้ หยุนเจิงคิดว่าเสื้อผ้าสมัยโบราณช่างน่ารำคาญเสียจริง!อีกทั้ง ฤดูหนาวต้องสวมเสื้อหลายชั้น!ต่อให้ภายในห้องเผาถ่านไฟเอาไว้ แต่ก็ยังต้องสวมเสื้อหลายชั้น“รอก่อน!”ขณะที่หยุนเจิงใกล้เปลือยเปล่าเหมือนกับเยี่ยจื่อ ทันใดนั้นเยี่ยจื่อตื่นเต้น พลันจับมือหยุนเจิงเอาไว้“……”หยุนเจิงมองเยี่ยจื่อด้วยความเอือมระอา “เจ้าคงไม่บอกกับข้า เจ้ารอบเดือนมาหรอกกระมัง?”ให้ตายสิ!ไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง!“พูดอะไรน่ะ!”เยี่ยจื่อลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาห่อหุ้มกาย กล่าวด้วยสีหน้าแดงกล่ำ “จู่ๆ ข้าคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมา”“ตอนนี้หากไม่ใช่เรื่องเป่ยหวนบุกมา ล้วนเป็นเรื่องเล็ก!” หยุนเจิงหน้าไม่อายดึงผ้าห่มของเยี่ยจื่อออก จากนั้นก็เกาะกุมร่างอรชรของเยี่ยจื่อ “ตอนนี้ข้าต้องการกินเกี๊ยว ใครก็ไม่อาจรบกวนได้ทั้งนั้น!”“ถุย! พูดอะไร!”เยี่ยจื่อกัดปากเบาๆ จากนั้นหยิกมือที่ซุกซนของเขาเบาๆ จากนั้นก็กล่าวด้วยความเขินหน้าแดง “ตกลงกับข้าหนึ่งเรื่อง ดีหรือไม่?”ห
ไม่รู้เลย แม้แต่จักรพรรดิยังไม่อาจทำให้ทุกคนตามใจตัวเองได้ นับประสาสิ่งใดกับคนอื่นล่ะมนุษย์ ไม่อาจไม่ยึดเอาตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ แล้วก็ไม่อาจยึดเอาตัวเองเป็นเรื่องสำคัญตนพิทักษ์ไม่สำเร็จ ความภูมิใจตนไม่เกิด!ตนรู้ ไม่ใช่ว่าจะเห็นแจ้งตนรัก ไม่ใช่ว่าจะมีคุณค่า“เช่นนั้นเหตุใดตอนนี้ไม่อาจครอบครองนางได้?”เยี่ยจื่อเอียงศีรษะ ถามด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย“ข้าเกรงว่านางจะตั้งครรภ์!”หยุนเจิงยิ้มอย่างจนปัญญา “พวกเราใกล้จะเปิดฉากรบกับเป่ยหวนแล้ว นางต้องการนำทัพ หากตั้งครรภ์ จะทำเช่นไร?”“เช่นนั้นเมี่ยวอินเล่า?”เยี่ยจื่อสงสัย “ช่วงนี้เจ้าหลับนอนกับเมี่วอินไม่น้อย เหตุใดนางไม่ตั้งครรภ์?”“นั่นเป็นเพราะเหอฮวนกง”หยุนเจิงยิ้มเรียบๆ บอกคุณสมบัติพิเศษของเหอฮวนกงกับเยี่ยจื่อเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เยี่ยจื่ออดไม่ได้ที่จะเบิกตาโตเหอฮวนกง มีคุณสมบัติเช่นนี้ด้วย?อึ้งอยู่ชั่วครู่ เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความเอือมระอา “นั่นก็หมายความว่า รอจนเป่ยหวนไม่กล้าเปิดศึกกับเรา เจ้าจึงจะสามารถมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับเสิ่นลั่วเยี่ยนได้?”“ประมาณนั้น! ถึงเช่นไรข้าก็คิดเช่นนั้น”หยุนเจ
ตอนเช้า ตอนที่หยุนเจิงตื่น เยี่ยจื่อยังคงหลับสนิทแม้เมื่อคืนหยุนเจิงจะกินนางไม่ได้ แต่ก็เอาเปรียบนางไม่น้อย มือร้ายของเขาอยู่ไม่สุขแม้ตอนหลับ ก็ทรมานจนเยี่ยจื่อไม่ได้หลับสบายใบหน้าเยี่ยจื่อตอนหลับฝันยังแย้มยิ้มออกมาน้อยๆไม่รู้ว่าร้อนหรืออย่างไร ใบหน้าเยี่ยจื่อแดงเรื่อ ทำให้นางดูอ่อนโยนมีเสน่ห์ภายใต้ความเงียบมองดูคนงามที่กำลังหลับสนิท ในใจหยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะผุดความอ่อนโยนขึ้นมามากมายเดิมเขาอยากจะหอมเยี่ยจื่อ แต่กลัวจะรบกวนนางหลับฝันดี สุดท้ายก็ไม่ได้หอมนาง เพียงแค่ลงจากเตียงอย่างเงียบๆตอนที่หยุนเจิงหยิบเสื้อผ้ามาสวม เยี่ยจื่อตื่นขึ้นมาสะลึมสะลือเห็นหยุนเจิงที่กำลังสวมเสื้อผ้า เยี่ยจื่อที่กำลังสะลึมสะลือพลันตกตะลึงอีกนิดเดียว นางเกือบจะกรีดร้องออกมายังดีที่นางห้ามความคิดนี้ได้ทัน แอบด่าตัวเองว่าโง่ในใจนางกับหยุนเจิงล้วนเป็นสภาพนี้แล้ว ยังต้องตกใจสิ่งใด?นอนจนเบลอ ลืมเรื่องเมื่อคืนไปหมดแล้ว“ปลุกเจ้าตื่นแล้ว?”หยุนเจิงยิ้มมองเยี่ยจื่อ “เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ!”“ไม่แล้ว”เยี่ยจื่อปีนลงจากเตียง สวมเสื้อผ้าลวกๆ เดินมาอยู่หน้าหยุนเจิง “ข้าช่วยเจ้าสวมเสื้อเถอะ!”เสื
หากต้องการหาเงิน ต้องพึ่งพางานอุตสาหกรรม!เสาะหาแหล่งแร่ นี่จึงจะเป็นภารกิจเร่งด่วนกล่าวกันว่า สถานที่อย่างซั่วเป่ยมีเหมืองไม่น้อย?เหมืองถ่านหิน เหมืองเหล็ก เหมืองเกลือ เหมืองทองแดงต้องลองหาหยุนเจิงยิ่งเขียนยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ด้านหลังล้วนเป็นแผนการปกครองซั่วเป่ยทว่า แผนการมากมายตอนนี้คิดจะนำไปบังคับใช้ ย่อมไร้ซึ่งเงื่อนไขเหล่านั้นทีละก้าวเถอะ!ปกครองซั่วเป่ยที่ใหญ่โตเช่นนี้ ไหนเลยจะง่ายเพียงนั้น!เยี่ยจื่อด้านหนึ่งฝนหมึกให้หยุนเจิง ด้านหนึ่งอ่านสิ่งที่หยุนเจิงเขียน เรื่องบางอย่างนางอ่านเข้าใจ แต่บางอย่างนางไม่เข้าใจจริงๆแต่ว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ยังคงตะลึงไม่น้อยทันใดนั้นนางก็ตระหนักบางอย่างได้ หยุนเจงไม่เพียงเชี่ยวชาญสงคราม ทั้งยังเป็นอัจฉริยะอีกด้วย!เจ้าหมอนี่ปกปิดซ่อนเร้นความสามารถมาตลอดหลายปี ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับตอนนี้หรือ?“ก็อกก็อก...” เวลานี้เอง เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังเข้ามาเยี่ยจื่อรีบไปเปิดประตู“พี่สะใภ้?”เมื่อเห็นคนที่เปิดประตูคือเยี่ยจื่อ เสิ่นลั่วเยี่ยนอดตะลึงไม่ได้ มองเยี่ยจื่อด้วยสีหน้าคลุมเครือยังไม่ทันได้เอ่ยถามเยี่ยจื่อเหต
นอกด่านเป่ยลู่ หยุนเจิงพาทุกคนไปส่งฉินลิ่วก่านมาถึงนอกด่าน“เอาล่ะ ไม่ต้องส่งแล้ว!”ฉินลิ่วก่านโบกมือให้ทุกคน “ไปทำงานของพวกเจ้าเถอะ! เจ้าหนุ่ม ซั่วเป่ยต้องยกให้เจ้าแล้ว หากเจ้าทำให้ซั่วเป่ยเสียไป ต่อจะสู้ตายเอาชีวิตเจ้าให้ได้!”“……”หยุนเจิงมองฉินลิ่วก่อนด้วยสายตาเอือมระอา จากนั้นก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม “หรงกั๋วกงวางใจ หากซั่วเป่ยเสียไป ข้าคงตายไปแล้ว ไม่ต้องให้ท่านถ่อมาถึงนี่อีกครั้ง!”“ดี! ข้าเชื่อเจ้า!”ฉินลิ่วก่อนหัวเราะ “เอาล่ะ ไปก่อนแล้ว!”กล่าวจบ ฉินลิ่วก่อนเตะท้องม้า ควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วมองดูฉินลิ่วก่านที่ไปไกลแล้ว หยุนเจิงไม่ได้มีความเศร้าจากการพรากจากกัน เพียงแค่ตัดสินใจเงียบๆ ต้องทำให้เป่ยหวนไม่กล้ารุกรานต้าเฉียนอีก!ระหว่างทางกลับจวน หยุนเจิงพลันถามฮูหยินเสิ่น “ท่านแม่ยาย ข้าว่าวรยุทธของท่านกับสะใภ้ใหญ่ล้วนไม่เลว ลองบัญชาการทหารในซั่วเป่ยดีหรือไม่?”“พวกเรา...บัญชาการทหาร?”ฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงมองหยุนเจิงด้วยความมึนงง ราวกับไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง“ใช่แล้ว!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “ขอแค่พวกท่านยินดีก็พอ หากไม่ยินดี ก็ไม่เป็นไร”ตอนนี้เขาเป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ
“ก็ได้!”หยุนเจิงไม่บังคับดูออกว่าจ้าวจี้ไม่พอใจที่เขาแอบยึดอำนาจทหารของกองทหารมณฑลทางเหนือแต่ว่า ไม่เป็นไรในเมื่อเขากล้าทำเรื่องนี้ ก็ไม่หวังให้คนทั่วทั้งใต้หล้าคิดว่าเขาเป็นขุนนางภักดีจ้าวจี๋นิ่งเงียบเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยถามอีกครั้ง “แผนการแสดงบทบาทหนานหยวนเมื่อก่อน ล้วนเป็นฝีมือขององค์ชายหกกระมัง?”“ใช่!”หยุนเจิงพยักหน้ายอมรับเวลานี้แล้ว ยังมีสิ่งใดไม่อาจยอมรับได้อีก“องค์ชายเก่งกาจจริงด้วย!”จ้าวจี๋กล่าวด้วยความเลื่อมใส “องค์ชายหกปกปิดซ่อนเร้นมาตั้งหลายปี หลอกลวงทุกคน ความสามารถและความอดทนขององค์ชายหก ข้าเลื่อมใสยิ่ง!”ข้าปกปิดซ่อนเร้นที่ใดกัน!ก่อนหน้านี้พี่ชายไม่ได้เรื่องจริงๆ!“ล้วนเป็นเพราะความจำเป็น”หยุนเจิงยิ้มอย่างจนปัญญา “หากแม่ทัพอาวุโสคิดว่าข้าเป็นโจรกบฎ ข้าก็ไม่มีสิ่งใดให้กล่าว”“หวังว่าองค์ชายหกจะไม่ใช่!”จ้าวจี๋ยิ้มเรียบๆ ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากความ “องค์ชายส่งคนมารับมอบเสบียงเหล่านี้ได้แล้ว”“ไม่รีบ!”หยุนเจิงหัวเราะ จากนั้นก็หยั่งเชิง “แม่ทัพอาวุโสจ้าว ท่านคงไม่ลงมือกับเสบียงอาหารเหล่านี้หรอกกระมัง?”นี่เป็นเรื่องที่หยุนเจิงกังวลที่สุดตอนนี้ถึ
เสบียงอาหารสามล้านตันนั้นเยอะมากจริงแท้พวกเขารับมอบกันโดยไม่ได้หลับพักผ่อนเป็นเวลาสองวัน จึงสามารถรับมอบเสบียงอาหารทั้งสามล้านตันเสร็จสิ้นระหว่างนั้น หยุนเจิงสั่งให้คนซุ่มตรวจสอบเสบียงเป็นระยะ โดยพื้นฐานแล้วล้วนไม่มีปัญหาใดแต่อาจเพราะอากาศภายในด่านเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว เสบียงบางส่วนได้รับความชื้นมาระหว่างทางพวกหยุนเจิงรับมอบเสบียงเสร็จสิ้น จ้าวจี๋ก็ถอนทัพกลับฟู่โจวแล้ววันถัดมา หยุนลี่เดินทางไกลรอนแรมพาครอบครัวของตู๋กูเช่อมาถึงนอกด่านเป่ยลู่“พวกเจ้าเดาสิ เจ้าสามกำลังตะโกนสิ่งใดอยู่เบื้องล่าง?”หยุนเจิงยืนอยู่บนกำแพงด่าน ยิ้มตาหยีถามเสิ่นลั่วเยี่ยน“แน่นอนกำลังด่าเจ้าหน้าเนื้อใจเสือ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหัวเราะสดใสเมื่อได้ฟังคำของเสิ่นลั่วเยี่ยน เยี่ยจื่อและเมี่ยวอินพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่งเจ้าหมอนี่ ไม่ใช่คนหน้าเนื้อใจเสือหรือไร!ขอแค่หยุนลี่มา ไม่ว่าเว่ยเหวินจงจะรอดถึงเมืองจักรพรรดิหรือไม่ เขาล้วนซวยทั้งนั้นต่อให้พวกเขาพี่น้องสองคนมีบรรพบุรุษร่วมกัน คาดว่าหยุนลี่คงเริ่มทักทายบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของหยุนเจิงแล้ว“เจ้าสามผู้นี้ ทะเยอทะยานไม่น้อย สมองกลับมีแต่ขี้เลื่อย”หยุ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่