ไม่มีผู้ใดรู้ว่าวันนี้จักรพรรดิเหวินเป็นเช่นไรรู้เพียงว่าทุกการกระทำของจักรพรรดิเหวินวันนี้ล้วนผิดปกติหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจักรพรรดิเหวินอารมณ์ดีเช่นนี้จักรพรรดิเหวินไม่สนใจทุกคน หลังจากดื่มสุราหนึ่งคำ ก็ถามมู่ซุ่นอีกครั้ง “ฤดูเพาะปลูกใบไม้ผลิคงเริ่มแล้วกระมัง?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นตอบ “หลายพื้นที่ในด่านเริ่มเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิแล้ว...”เวลานี้ แม้แต่มู่ซุ่นที่ติดตามจักรพรรดิเหวินมาหลายปีก็สับสนมึนงงเช่นกันเรื่องนี้ ประกาศบนประตูสำนักขุนนางเขียนไว้ชัดเจนไม่ใช่หรือ?เหตุใดฝ่าบาทจึงถามขึ้นมา?“จิ้งกั๋วกง”จักรพรรดิเหวินเงยหน้ามองสวรสือฝู่ “งบประมาณการซ่อมแซมช่องชลประทานของแต่ละมณฑลส่งรายงานขึ้นมาหรือยัง?”สวีสือฝู่กล่าวด้วยความตื่นเต้น “กราบทูลฝ่าบาท รายงานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เงินของกรมคลังพอหรือไม่?”จักรพรรดิเหวินถามอีกครั้ง“ตอนนี้เพียงพอพ่ะย่ะค่ะ”สวีสือฝู่ตอบ “ทว่า หากต้องใช้ทหารซั่วเป่ย เงินของกรมคลังต้องขาดแคลนเป็นจำนวนมาก หากเกิดน้ำท่วมหรือภัยแล้ง เกรงว่าราชสำนักคงไม่อาจนำเงินออกมาช่วยขจัดภัยได้แล้ว...”“เงินขจัดภัยจำเป็นต้องเก็บเอาไว้”จักรพรรดิเห
เรื่องนี้ สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อสรุปในราชสำนักจักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบร้อน สั่งให้ทุกคนกลับไปพักผ่อน วันพรุ่งนี้ค่อยปรึกษากันต่อก็พอแล้วตอนออกจากท้องพระโรง หยุนลี่เรียกคนสนิทและสวีสือฝู่มาพบที่จวนรัชทายาทเมื่อรู้ว่าหยุนเจิงต้องการให้หยุนลี่คุ้มกันเว่ยเหวินจงด้วยตัวเอง ทุกคนโกรธจนกัดฟันกรอดคราวนี้ ปัญหายากถูกโยนให้หยุนลี่แล้วต่อให้หยุนลี่ตกลงข้อเสนอของหยุนเจิง ก็คงหนีไม่พ้นโทษโดนเฆี่ยนอย่างหนัก“ตกลงเถอะ!”เนิ่นนาน สวีสือฝู่ถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรงตอนนี้ไม่ตกลงคงไม่ได้แล้ว!ที่สำคัญคือจักรพรรดิเหวินตัดสินใจเรื่องนี้แล้วไม่สู้!ในเมื่อไม่สู้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงรักษาความสามัคคีเพียงผิวเผินนี่ต่อไป“แต่หากในการคุ้มกันเว่ยเหวินจงตายระหว่างทาง เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะลงโทษข้าเช่นไร?”หยุนลี่กัดฟันถาม“ตาย มีตั้งหลายวิธี!”สวีสือฝู่ตอบเสียงต่ำ “เว่ยเหวินจงสามารถป่วยตาย หรือฆ่าตัวตายหนีความผิด ในเมื่อท่านนำทหารคุ้มกันเว่ยเหวินจงด้วยตัวเอง ตัวเลือกก็อยู่ที่ท่านแล้ว...”“แต่...”หยุนเจิงหน้ากระตุก กล่าวด้วยความโมโห “แต่ไม่ว่าจะพูดเช่นไร ข้าก็ไม่พ้นความผิดที่คุ้มกันไม่ดี!”ฮั่
จักรพรรดิเหวินไม่เพียงแต่อนุญาตให้หยุนเจิงดูแลกองทหารมณฑลทางเหนือเท่านั้น คำขอที่หยุนเจิงเสนอ ล้วนได้ทุกอย่างหยุนลี่พาพวกตู๋กูเช่อและครอบครัวเดินทางไปยังฟู่โจว และจ้าวจี๋ก็ได้รับบัญชาจากจักรพรรดิเหวินแล้ว ให้คุ้มกันเสบียงมายังด่านเป่ยลู่อีกอย่าง จักรพรรดิเหวินสั่งให้เหล่าราชองครักษของหันจิ้นอยู่ที่ซั่วเป่ยต่อ ยืนยันว่าหยุนเจิงได้กอบกู้สามเมืองชายแดนแล้ว ค่อยกลับมารับคำสั่งที่เมืองจักรพรรดิเมื่อได้ฟังเนื้อหาในราชโองการ หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันพวกเจาเดาได้ว่าจักรพรรดิเหวินต้องตกลงคำขอของหยุนเจิง ทว่าคิดไม่ถึง จักรพรรดิเหวินจะใจกว้างเช่นนี้ ยกสิทธิ์ทางทหารทั้งหมดของซั่วเป่ยให้หยุนเจิงแม้แต่ตำแหน่งเจี๋ยตู้สื่อของราชสำนักก็ยกให้ด้วยนั่นก็กล่าวได้ว่า ตอนนี้หยุนเจิงไม่ใช่เพียงแค่องค์ชายที่ระเมิดกฎแต่งตั้งเป็นอ๋องผู้เดียวเท่านั้น ยังเป็นเจี๋ยตู๋สื่อเพียงคนเดียวของต้าเฉียน!แม้หยุนเจิงจะยึดกองทหารมณฑลทางเหนือได้แล้ว แต่ความแตกต่างระหว่างมีราชโองการและไม่มีราชโองการนั้นต่างกันมากเมื่อมีราชโองการ หยุนเจิงก็จะมีความชอบธรรมโดยสมบูรณ์!นี่เป็นผลจากจดหมายส่วนต
ราชโองการของจักรพรรดิเหวินสำหรับพวกหยุนเจิงแล้ว เป็นเรื่องดีแน่นอนตอนกลางคืน หยุนเจิงและพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนฉลองด้วยกัน“บอกตามตรง ฝ่าบาททำการตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง!”ฮูหยินเสิ่นใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วก็เรื่องนี้ นางเลื่อมใสจักรพรรดิเหวินจากใจจริงแม้การตัดสินใจของจักรพรรดิเหวินจะมีการบีบบังคับไม่มากก็น้อย แต่จักรพรรดิเหวินให้สิทธ์ทางทหารกับหยุนเจิงอย่างถูกต้องชอบธรรม กลับต้องใช้ความกล้าอย่างมากเมื่อมีราชโองการของจักรพรรดิเหวิน แม่ทัพนายกองทหารมณฑลทางเหนือก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปอีกทั้ง จักรพรรดิเหวินยังมอบตำแหน่งเจี๋ยตู้สื่อซั่วเป่ยให้กับหยุนเจิง ให้กำกับดูแลกิจการทหารของซั่วเป่ยนั่นก็เท่ากับว่าทิ้งทั้งซั่วเป่ยให้หยุนเจิงแล้วเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าอย่างยิ่ง“หาได้ยากยิ่งจริงแท้”หยุนเจิงพยักหน้ากล่าว “ข้ากลัวเสด็จพ่ออารมณ์ร้อน สั่งให้กองทัพจ้าวจี๋ที่เมืองฟู่โจมเดินทัพมาตีด่านเป่ยลู่“เจ้าหนุ่มรู้จักกลัวด้วยหรือ!”ฉินลิ่วก่านจ้องหยุนเจิงด้วยความหงุดหงิด “ตาแก่ของเจ้าทำเช่นนี้แล้ว ต่อไปหากเจ้ากล้านำทหารก่อกบฏ ก็รอคนทั้งใต้หล้าเลาะกระดูกสันหลังขอ
กล่าวให้ถูกต้อง ก็คือไม่คิดจะก่อกบฎกับจักรพรรดิเหวินทุกวันนี้มีสถานการณ์ที่สุขสงบแล้ว ต้องเป็นเรื่องดีส่วนหลังจากหยุนลี่ขึ้นครองราชย์แล้วจะเป็นเช่นไร มันก็เป็นเรื่องภายภาคหน้าดีไม่ดี หยุนลี่อาจไม่รอดจนถึงเวลารับช่วงต่อตำแหน่งกษัตริย์!“กลัวสิ่งใด!”เมี่ยวอินกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “หนังสือประวัติศาสตร์คือสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุด! แต่ไหนแต่ไรประวัติศาสตร์ล้วนมีแต่ผู้ชนะที่เป็นผู้เขียน! อีกอย่าง ชีวิตคนมีชาติเดียว ต้นไม้ใบหน้ามีเพียงฤดูใบไม้ร่วงเดียว ตอนมีชีวิตไหนเลยจะห่วงชื่อเสียงหลังความตาย?”เมื่อได้ฟังคำเมี่ยวอิน ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างจนปัญญาคำพูดของเมี่ยวอิน ผิดแผกจากหลักการของยุคสมัยต้าเฉียนนักทว่า ตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้ตัวตนของเมี่ยวอินแล้ว เมี่ยวอินมีความแค้นต่อจักรพรรดิเหวิน นี่ก็เป็นเรื่องปกติเรื่องนี้ พวกเขาก็ไร้หาทางเกลี่ยกล่อม ได้แต่หวังว่าเมี่ยวอินจะเข้าใจหยุนเจิง“ข้าว่าเจ้าโง่ใช่หรือไม่?”ฉินลิ่วก่านมองเมี่ยวอินด้วยความไม่พอใจ “ต่อให้ฝ่าบาทสังหารครอบครัวเจ้าอย่างไม่เป็นธรรม ตอนนี้ลูกชายเขาอยู่ข้างกายเจ้า เจ้าว่างไม่มีสิ่งใดทำกก็เฆี่ยนลูกชายเขาก็สิ
กลางคืน ฮูหยินเสิ่นเรียกเสิ่นลั่วเยี่ยนและเยี่ยจื่อมาที่ห้องของนาง“พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากับหยุนเจิงกันโดยพฤตินัยแล้วหรือไม่?”ฮูหยินเสิ่นเปิดปากก็เข้าประเด็น ทำให้เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงขึ้นมาทันที“ท่านแม่ยาย...”เยี่ยจื่อหน้าแดงมองฮูหยินเสิ่นนางเถรตรงเกินไปแล้วกันมัง?“ท่านแม่!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงด้วยความอายเช่นนั้น “ท่านถามเรื่องพวกนี้ด้วยเหตุใด!”“ข้าถามแล้วเป็นไรไป?”ฮูหยินเสิ่นมองหญิงสาวสองคนด้วยความขบขัน “พวกเจ้าไม่ใช่เด็กสาวรอเข้าห้องหอ ล้วนเป็นคนที่เคยแต่งงานแล้ว มีสิ่งใดต้องเกรงใจกัน? แม่ไม่ถามพวกเจ้า หรือต้องให้ข้าไปถามลูกเขย?”สองสาวเมื่อได้ฟัง ใบหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม“อายอะไร!”ฮูหยินเสิ่นเม้มปากยิ้ม “พวกเจ้าสองคนล้วนเป็นคนของเขา มีสิ่งใดหน้าอาย? แม่ดูออก เมี่ยวอินเป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยกับหยุนเจิงแล้ว พวกเจ้าติดตามเขามาตั้งนานแล้ว ยังจะกระมิดกระเมี้ยนอยู่อีก?”เสิ่นลั่วเยี่ยนหมดคำพูด “ท่านแม่ ท่านคงไม่ได้กลัวว่าเมี่ยวอินจะให้คลอดลูกชายก่อนข้าและพี่สะใภ้หรอกกระมัง?”ฮูหยินเสิ่นเมื่อได้ฟัง บนหน้าก็พลันกระตุกเล็กน้อยนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ฮูหยินเสิ
เยี่ยจื่อขอบตาแดงเล็กน้อย กำมือฮูหยินเสิ่นแน่น“อย่าร้อง พวกเราสองแม่ลูกดีใจ”ฮูหยินเสิ่นลูบมือเยี่ยจื่อ “คนต้องมองไปข้างหน้า เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยให้ผ่านไปเถอะ! แม่เป็นเช่นนี้ เจ้าก็ต้องเป็นเช่นนี้ รู้หรือไม่?”เยี่ยจื่อพยักหน้า กอดฮูหยินเสิ่นเบาๆฮูหยินเสิ่นลูบหลังเยี่ยจื่อ จากนั้นก็กล่าว “เรื่องที่หยุนเจิงและเมี่ยวอินไม่มีลูก แม่ไม่สะดวกถาม พวกเจ้าหาเวลาถามสักหน่อย หากเป็นเพราะร่างกายหยุนเจิงมีปัญหา ควรรักษาเช่นกันก็รักษาเช่นนั้น อย่าคิดเกรงใจเด็ดขาด หากถ่วงเวลาเช่นนี้ต่อไป...”“พี่สะใภ้ ท่านไปถามเถอะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนโยนเรื่องนี้ให้เยี่ยจื่อทันที“จะถามก็เป็นเจ้าถาม”เยี่ยจื่อกล่าวด้วยความอาย “เจ้าเป็นพระชายา เจ้าไม่ถามใครจะถาม?”“ข้า...”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าร้อนผ่าวจะให้นางถามเช่นไร!ฮูหยินเสิ่นยิ้มมองสองสาว “ใครไปถาม พวกเจ้าปรึกษากันเอง! ถึงเช่นไร เรื่องนี้ต้องทำให้กระจ่างโดยเร็ว”สองสาวมองหน้ากันเงียบๆ ต่างแอบบ่นในใจ……“ก็อกๆ...”หยุนเจิงกำลังเขียนบางอย่างอยู่ในห้อง ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูลอยมา“เข้ามาเถอะ!”หยุนเจิงวางปากกาขนนกในมือลง งายหน้ามองประตู“
การกระทำที่กะทันหันของหยุนเจิงทำให้เยี่ยจื่อตกใจเดิมเยี่ยจื่อสามารถดิ้นรนขัดขืนได้ ทว่าหยุนเจิงกอดนางไม่ปล่อยเยี่ยจื่อโมโหและอาย จึงหยิกหยุนเจิงเบาๆ “เจ้าอยากตายหรือ! ประตูยังเปิดอยู่เลย! รีบปล่อยข้า!”เยี่ยจื่อโมโหและอายแม้ความสัมพันธ์ของนางกับหยุนเจิงจะเปิดเผยต่อสาธารณะ ทั้งยังเคยมีการกระทำใกล้ชิดกันมาหลายครั้งแล้วแต่ถูกหยุนเจิงกอดไว้โดยประตูเปิดอยู่เช่นนี้ ทำให้นางอับอายไม่น้อยประตูเปิดอยู่?หยุนเจิงยิ้มมุมปาก ปล่อยเยี่ยจื่อทันที จากนั้นก็รีบวิ่งไปปิดประตูให้สนิทอื้ม ทั้งยังลงกลอนประตูด้วยเห็นการกระทำของหยุนเจิง เยี่ยจื่อรู้สึกเหมือนเป็นแกะกำลังเข้าปากเสือหยุนเจิงเดินกลับมาข้างโต๊ะตำรา จากนั้นก็กอดเยี่ยจื่อไว้อีกครั้งครั้งนี้ เยี่ยจื่อไม่ขัดขืนแล้ว เพียงหยุนเจิงเบาๆ จากนั้นก็ปล่อยให้หยุนเจิงกอดตามอำเภอใจ“อย่าขยับ ข้าดูสิ่งที่เจ้าเขียน”เยียจื่อจ้องหยุนเจิงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็อ่านแผนการรวบรัดตัดทอนกองทัพของหยุนเจิงหนึ่งแสน!นึกไม่ถึงว่าหยุนเจิงจะตัดทหารประจำการของกองทหารมณฑลทางเหนือเหลือหนึ่งแสน?นี่...น้อยกว่าที่เขากล่าวไว้ก่อนหน้านี้อีก!“หนึ่งแสนน้