ไม่มีผู้ใดรู้ว่าวันนี้จักรพรรดิเหวินเป็นเช่นไรรู้เพียงว่าทุกการกระทำของจักรพรรดิเหวินวันนี้ล้วนผิดปกติหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจักรพรรดิเหวินอารมณ์ดีเช่นนี้จักรพรรดิเหวินไม่สนใจทุกคน หลังจากดื่มสุราหนึ่งคำ ก็ถามมู่ซุ่นอีกครั้ง “ฤดูเพาะปลูกใบไม้ผลิคงเริ่มแล้วกระมัง?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นตอบ “หลายพื้นที่ในด่านเริ่มเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิแล้ว...”เวลานี้ แม้แต่มู่ซุ่นที่ติดตามจักรพรรดิเหวินมาหลายปีก็สับสนมึนงงเช่นกันเรื่องนี้ ประกาศบนประตูสำนักขุนนางเขียนไว้ชัดเจนไม่ใช่หรือ?เหตุใดฝ่าบาทจึงถามขึ้นมา?“จิ้งกั๋วกง”จักรพรรดิเหวินเงยหน้ามองสวรสือฝู่ “งบประมาณการซ่อมแซมช่องชลประทานของแต่ละมณฑลส่งรายงานขึ้นมาหรือยัง?”สวีสือฝู่กล่าวด้วยความตื่นเต้น “กราบทูลฝ่าบาท รายงานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เงินของกรมคลังพอหรือไม่?”จักรพรรดิเหวินถามอีกครั้ง“ตอนนี้เพียงพอพ่ะย่ะค่ะ”สวีสือฝู่ตอบ “ทว่า หากต้องใช้ทหารซั่วเป่ย เงินของกรมคลังต้องขาดแคลนเป็นจำนวนมาก หากเกิดน้ำท่วมหรือภัยแล้ง เกรงว่าราชสำนักคงไม่อาจนำเงินออกมาช่วยขจัดภัยได้แล้ว...”“เงินขจัดภัยจำเป็นต้องเก็บเอาไว้”จักรพรรดิเห
เรื่องนี้ สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อสรุปในราชสำนักจักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบร้อน สั่งให้ทุกคนกลับไปพักผ่อน วันพรุ่งนี้ค่อยปรึกษากันต่อก็พอแล้วตอนออกจากท้องพระโรง หยุนลี่เรียกคนสนิทและสวีสือฝู่มาพบที่จวนรัชทายาทเมื่อรู้ว่าหยุนเจิงต้องการให้หยุนลี่คุ้มกันเว่ยเหวินจงด้วยตัวเอง ทุกคนโกรธจนกัดฟันกรอดคราวนี้ ปัญหายากถูกโยนให้หยุนลี่แล้วต่อให้หยุนลี่ตกลงข้อเสนอของหยุนเจิง ก็คงหนีไม่พ้นโทษโดนเฆี่ยนอย่างหนัก“ตกลงเถอะ!”เนิ่นนาน สวีสือฝู่ถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรงตอนนี้ไม่ตกลงคงไม่ได้แล้ว!ที่สำคัญคือจักรพรรดิเหวินตัดสินใจเรื่องนี้แล้วไม่สู้!ในเมื่อไม่สู้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงรักษาความสามัคคีเพียงผิวเผินนี่ต่อไป“แต่หากในการคุ้มกันเว่ยเหวินจงตายระหว่างทาง เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะลงโทษข้าเช่นไร?”หยุนลี่กัดฟันถาม“ตาย มีตั้งหลายวิธี!”สวีสือฝู่ตอบเสียงต่ำ “เว่ยเหวินจงสามารถป่วยตาย หรือฆ่าตัวตายหนีความผิด ในเมื่อท่านนำทหารคุ้มกันเว่ยเหวินจงด้วยตัวเอง ตัวเลือกก็อยู่ที่ท่านแล้ว...”“แต่...”หยุนเจิงหน้ากระตุก กล่าวด้วยความโมโห “แต่ไม่ว่าจะพูดเช่นไร ข้าก็ไม่พ้นความผิดที่คุ้มกันไม่ดี!”ฮั่
จักรพรรดิเหวินไม่เพียงแต่อนุญาตให้หยุนเจิงดูแลกองทหารมณฑลทางเหนือเท่านั้น คำขอที่หยุนเจิงเสนอ ล้วนได้ทุกอย่างหยุนลี่พาพวกตู๋กูเช่อและครอบครัวเดินทางไปยังฟู่โจว และจ้าวจี๋ก็ได้รับบัญชาจากจักรพรรดิเหวินแล้ว ให้คุ้มกันเสบียงมายังด่านเป่ยลู่อีกอย่าง จักรพรรดิเหวินสั่งให้เหล่าราชองครักษของหันจิ้นอยู่ที่ซั่วเป่ยต่อ ยืนยันว่าหยุนเจิงได้กอบกู้สามเมืองชายแดนแล้ว ค่อยกลับมารับคำสั่งที่เมืองจักรพรรดิเมื่อได้ฟังเนื้อหาในราชโองการ หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันพวกเจาเดาได้ว่าจักรพรรดิเหวินต้องตกลงคำขอของหยุนเจิง ทว่าคิดไม่ถึง จักรพรรดิเหวินจะใจกว้างเช่นนี้ ยกสิทธิ์ทางทหารทั้งหมดของซั่วเป่ยให้หยุนเจิงแม้แต่ตำแหน่งเจี๋ยตู้สื่อของราชสำนักก็ยกให้ด้วยนั่นก็กล่าวได้ว่า ตอนนี้หยุนเจิงไม่ใช่เพียงแค่องค์ชายที่ระเมิดกฎแต่งตั้งเป็นอ๋องผู้เดียวเท่านั้น ยังเป็นเจี๋ยตู๋สื่อเพียงคนเดียวของต้าเฉียน!แม้หยุนเจิงจะยึดกองทหารมณฑลทางเหนือได้แล้ว แต่ความแตกต่างระหว่างมีราชโองการและไม่มีราชโองการนั้นต่างกันมากเมื่อมีราชโองการ หยุนเจิงก็จะมีความชอบธรรมโดยสมบูรณ์!นี่เป็นผลจากจดหมายส่วนต
ราชโองการของจักรพรรดิเหวินสำหรับพวกหยุนเจิงแล้ว เป็นเรื่องดีแน่นอนตอนกลางคืน หยุนเจิงและพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนฉลองด้วยกัน“บอกตามตรง ฝ่าบาททำการตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง!”ฮูหยินเสิ่นใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วก็เรื่องนี้ นางเลื่อมใสจักรพรรดิเหวินจากใจจริงแม้การตัดสินใจของจักรพรรดิเหวินจะมีการบีบบังคับไม่มากก็น้อย แต่จักรพรรดิเหวินให้สิทธ์ทางทหารกับหยุนเจิงอย่างถูกต้องชอบธรรม กลับต้องใช้ความกล้าอย่างมากเมื่อมีราชโองการของจักรพรรดิเหวิน แม่ทัพนายกองทหารมณฑลทางเหนือก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปอีกทั้ง จักรพรรดิเหวินยังมอบตำแหน่งเจี๋ยตู้สื่อซั่วเป่ยให้กับหยุนเจิง ให้กำกับดูแลกิจการทหารของซั่วเป่ยนั่นก็เท่ากับว่าทิ้งทั้งซั่วเป่ยให้หยุนเจิงแล้วเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าอย่างยิ่ง“หาได้ยากยิ่งจริงแท้”หยุนเจิงพยักหน้ากล่าว “ข้ากลัวเสด็จพ่ออารมณ์ร้อน สั่งให้กองทัพจ้าวจี๋ที่เมืองฟู่โจมเดินทัพมาตีด่านเป่ยลู่“เจ้าหนุ่มรู้จักกลัวด้วยหรือ!”ฉินลิ่วก่านจ้องหยุนเจิงด้วยความหงุดหงิด “ตาแก่ของเจ้าทำเช่นนี้แล้ว ต่อไปหากเจ้ากล้านำทหารก่อกบฏ ก็รอคนทั้งใต้หล้าเลาะกระดูกสันหลังขอ
กล่าวให้ถูกต้อง ก็คือไม่คิดจะก่อกบฎกับจักรพรรดิเหวินทุกวันนี้มีสถานการณ์ที่สุขสงบแล้ว ต้องเป็นเรื่องดีส่วนหลังจากหยุนลี่ขึ้นครองราชย์แล้วจะเป็นเช่นไร มันก็เป็นเรื่องภายภาคหน้าดีไม่ดี หยุนลี่อาจไม่รอดจนถึงเวลารับช่วงต่อตำแหน่งกษัตริย์!“กลัวสิ่งใด!”เมี่ยวอินกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “หนังสือประวัติศาสตร์คือสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุด! แต่ไหนแต่ไรประวัติศาสตร์ล้วนมีแต่ผู้ชนะที่เป็นผู้เขียน! อีกอย่าง ชีวิตคนมีชาติเดียว ต้นไม้ใบหน้ามีเพียงฤดูใบไม้ร่วงเดียว ตอนมีชีวิตไหนเลยจะห่วงชื่อเสียงหลังความตาย?”เมื่อได้ฟังคำเมี่ยวอิน ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างจนปัญญาคำพูดของเมี่ยวอิน ผิดแผกจากหลักการของยุคสมัยต้าเฉียนนักทว่า ตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้ตัวตนของเมี่ยวอินแล้ว เมี่ยวอินมีความแค้นต่อจักรพรรดิเหวิน นี่ก็เป็นเรื่องปกติเรื่องนี้ พวกเขาก็ไร้หาทางเกลี่ยกล่อม ได้แต่หวังว่าเมี่ยวอินจะเข้าใจหยุนเจิง“ข้าว่าเจ้าโง่ใช่หรือไม่?”ฉินลิ่วก่านมองเมี่ยวอินด้วยความไม่พอใจ “ต่อให้ฝ่าบาทสังหารครอบครัวเจ้าอย่างไม่เป็นธรรม ตอนนี้ลูกชายเขาอยู่ข้างกายเจ้า เจ้าว่างไม่มีสิ่งใดทำกก็เฆี่ยนลูกชายเขาก็สิ
กลางคืน ฮูหยินเสิ่นเรียกเสิ่นลั่วเยี่ยนและเยี่ยจื่อมาที่ห้องของนาง“พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากับหยุนเจิงกันโดยพฤตินัยแล้วหรือไม่?”ฮูหยินเสิ่นเปิดปากก็เข้าประเด็น ทำให้เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงขึ้นมาทันที“ท่านแม่ยาย...”เยี่ยจื่อหน้าแดงมองฮูหยินเสิ่นนางเถรตรงเกินไปแล้วกันมัง?“ท่านแม่!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงด้วยความอายเช่นนั้น “ท่านถามเรื่องพวกนี้ด้วยเหตุใด!”“ข้าถามแล้วเป็นไรไป?”ฮูหยินเสิ่นมองหญิงสาวสองคนด้วยความขบขัน “พวกเจ้าไม่ใช่เด็กสาวรอเข้าห้องหอ ล้วนเป็นคนที่เคยแต่งงานแล้ว มีสิ่งใดต้องเกรงใจกัน? แม่ไม่ถามพวกเจ้า หรือต้องให้ข้าไปถามลูกเขย?”สองสาวเมื่อได้ฟัง ใบหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม“อายอะไร!”ฮูหยินเสิ่นเม้มปากยิ้ม “พวกเจ้าสองคนล้วนเป็นคนของเขา มีสิ่งใดหน้าอาย? แม่ดูออก เมี่ยวอินเป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยกับหยุนเจิงแล้ว พวกเจ้าติดตามเขามาตั้งนานแล้ว ยังจะกระมิดกระเมี้ยนอยู่อีก?”เสิ่นลั่วเยี่ยนหมดคำพูด “ท่านแม่ ท่านคงไม่ได้กลัวว่าเมี่ยวอินจะให้คลอดลูกชายก่อนข้าและพี่สะใภ้หรอกกระมัง?”ฮูหยินเสิ่นเมื่อได้ฟัง บนหน้าก็พลันกระตุกเล็กน้อยนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ฮูหยินเสิ
เยี่ยจื่อขอบตาแดงเล็กน้อย กำมือฮูหยินเสิ่นแน่น“อย่าร้อง พวกเราสองแม่ลูกดีใจ”ฮูหยินเสิ่นลูบมือเยี่ยจื่อ “คนต้องมองไปข้างหน้า เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยให้ผ่านไปเถอะ! แม่เป็นเช่นนี้ เจ้าก็ต้องเป็นเช่นนี้ รู้หรือไม่?”เยี่ยจื่อพยักหน้า กอดฮูหยินเสิ่นเบาๆฮูหยินเสิ่นลูบหลังเยี่ยจื่อ จากนั้นก็กล่าว “เรื่องที่หยุนเจิงและเมี่ยวอินไม่มีลูก แม่ไม่สะดวกถาม พวกเจ้าหาเวลาถามสักหน่อย หากเป็นเพราะร่างกายหยุนเจิงมีปัญหา ควรรักษาเช่นกันก็รักษาเช่นนั้น อย่าคิดเกรงใจเด็ดขาด หากถ่วงเวลาเช่นนี้ต่อไป...”“พี่สะใภ้ ท่านไปถามเถอะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนโยนเรื่องนี้ให้เยี่ยจื่อทันที“จะถามก็เป็นเจ้าถาม”เยี่ยจื่อกล่าวด้วยความอาย “เจ้าเป็นพระชายา เจ้าไม่ถามใครจะถาม?”“ข้า...”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าร้อนผ่าวจะให้นางถามเช่นไร!ฮูหยินเสิ่นยิ้มมองสองสาว “ใครไปถาม พวกเจ้าปรึกษากันเอง! ถึงเช่นไร เรื่องนี้ต้องทำให้กระจ่างโดยเร็ว”สองสาวมองหน้ากันเงียบๆ ต่างแอบบ่นในใจ……“ก็อกๆ...”หยุนเจิงกำลังเขียนบางอย่างอยู่ในห้อง ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูลอยมา“เข้ามาเถอะ!”หยุนเจิงวางปากกาขนนกในมือลง งายหน้ามองประตู“
การกระทำที่กะทันหันของหยุนเจิงทำให้เยี่ยจื่อตกใจเดิมเยี่ยจื่อสามารถดิ้นรนขัดขืนได้ ทว่าหยุนเจิงกอดนางไม่ปล่อยเยี่ยจื่อโมโหและอาย จึงหยิกหยุนเจิงเบาๆ “เจ้าอยากตายหรือ! ประตูยังเปิดอยู่เลย! รีบปล่อยข้า!”เยี่ยจื่อโมโหและอายแม้ความสัมพันธ์ของนางกับหยุนเจิงจะเปิดเผยต่อสาธารณะ ทั้งยังเคยมีการกระทำใกล้ชิดกันมาหลายครั้งแล้วแต่ถูกหยุนเจิงกอดไว้โดยประตูเปิดอยู่เช่นนี้ ทำให้นางอับอายไม่น้อยประตูเปิดอยู่?หยุนเจิงยิ้มมุมปาก ปล่อยเยี่ยจื่อทันที จากนั้นก็รีบวิ่งไปปิดประตูให้สนิทอื้ม ทั้งยังลงกลอนประตูด้วยเห็นการกระทำของหยุนเจิง เยี่ยจื่อรู้สึกเหมือนเป็นแกะกำลังเข้าปากเสือหยุนเจิงเดินกลับมาข้างโต๊ะตำรา จากนั้นก็กอดเยี่ยจื่อไว้อีกครั้งครั้งนี้ เยี่ยจื่อไม่ขัดขืนแล้ว เพียงหยุนเจิงเบาๆ จากนั้นก็ปล่อยให้หยุนเจิงกอดตามอำเภอใจ“อย่าขยับ ข้าดูสิ่งที่เจ้าเขียน”เยียจื่อจ้องหยุนเจิงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็อ่านแผนการรวบรัดตัดทอนกองทัพของหยุนเจิงหนึ่งแสน!นึกไม่ถึงว่าหยุนเจิงจะตัดทหารประจำการของกองทหารมณฑลทางเหนือเหลือหนึ่งแสน?นี่...น้อยกว่าที่เขากล่าวไว้ก่อนหน้านี้อีก!“หนึ่งแสนน้
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ