ราชโองการของจักรพรรดิเหวินสำหรับพวกหยุนเจิงแล้ว เป็นเรื่องดีแน่นอนตอนกลางคืน หยุนเจิงและพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนฉลองด้วยกัน“บอกตามตรง ฝ่าบาททำการตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง!”ฮูหยินเสิ่นใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วก็เรื่องนี้ นางเลื่อมใสจักรพรรดิเหวินจากใจจริงแม้การตัดสินใจของจักรพรรดิเหวินจะมีการบีบบังคับไม่มากก็น้อย แต่จักรพรรดิเหวินให้สิทธ์ทางทหารกับหยุนเจิงอย่างถูกต้องชอบธรรม กลับต้องใช้ความกล้าอย่างมากเมื่อมีราชโองการของจักรพรรดิเหวิน แม่ทัพนายกองทหารมณฑลทางเหนือก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปอีกทั้ง จักรพรรดิเหวินยังมอบตำแหน่งเจี๋ยตู้สื่อซั่วเป่ยให้กับหยุนเจิง ให้กำกับดูแลกิจการทหารของซั่วเป่ยนั่นก็เท่ากับว่าทิ้งทั้งซั่วเป่ยให้หยุนเจิงแล้วเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าอย่างยิ่ง“หาได้ยากยิ่งจริงแท้”หยุนเจิงพยักหน้ากล่าว “ข้ากลัวเสด็จพ่ออารมณ์ร้อน สั่งให้กองทัพจ้าวจี๋ที่เมืองฟู่โจมเดินทัพมาตีด่านเป่ยลู่“เจ้าหนุ่มรู้จักกลัวด้วยหรือ!”ฉินลิ่วก่านจ้องหยุนเจิงด้วยความหงุดหงิด “ตาแก่ของเจ้าทำเช่นนี้แล้ว ต่อไปหากเจ้ากล้านำทหารก่อกบฏ ก็รอคนทั้งใต้หล้าเลาะกระดูกสันหลังขอ
กล่าวให้ถูกต้อง ก็คือไม่คิดจะก่อกบฎกับจักรพรรดิเหวินทุกวันนี้มีสถานการณ์ที่สุขสงบแล้ว ต้องเป็นเรื่องดีส่วนหลังจากหยุนลี่ขึ้นครองราชย์แล้วจะเป็นเช่นไร มันก็เป็นเรื่องภายภาคหน้าดีไม่ดี หยุนลี่อาจไม่รอดจนถึงเวลารับช่วงต่อตำแหน่งกษัตริย์!“กลัวสิ่งใด!”เมี่ยวอินกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “หนังสือประวัติศาสตร์คือสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุด! แต่ไหนแต่ไรประวัติศาสตร์ล้วนมีแต่ผู้ชนะที่เป็นผู้เขียน! อีกอย่าง ชีวิตคนมีชาติเดียว ต้นไม้ใบหน้ามีเพียงฤดูใบไม้ร่วงเดียว ตอนมีชีวิตไหนเลยจะห่วงชื่อเสียงหลังความตาย?”เมื่อได้ฟังคำเมี่ยวอิน ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างจนปัญญาคำพูดของเมี่ยวอิน ผิดแผกจากหลักการของยุคสมัยต้าเฉียนนักทว่า ตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้ตัวตนของเมี่ยวอินแล้ว เมี่ยวอินมีความแค้นต่อจักรพรรดิเหวิน นี่ก็เป็นเรื่องปกติเรื่องนี้ พวกเขาก็ไร้หาทางเกลี่ยกล่อม ได้แต่หวังว่าเมี่ยวอินจะเข้าใจหยุนเจิง“ข้าว่าเจ้าโง่ใช่หรือไม่?”ฉินลิ่วก่านมองเมี่ยวอินด้วยความไม่พอใจ “ต่อให้ฝ่าบาทสังหารครอบครัวเจ้าอย่างไม่เป็นธรรม ตอนนี้ลูกชายเขาอยู่ข้างกายเจ้า เจ้าว่างไม่มีสิ่งใดทำกก็เฆี่ยนลูกชายเขาก็สิ
กลางคืน ฮูหยินเสิ่นเรียกเสิ่นลั่วเยี่ยนและเยี่ยจื่อมาที่ห้องของนาง“พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากับหยุนเจิงกันโดยพฤตินัยแล้วหรือไม่?”ฮูหยินเสิ่นเปิดปากก็เข้าประเด็น ทำให้เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงขึ้นมาทันที“ท่านแม่ยาย...”เยี่ยจื่อหน้าแดงมองฮูหยินเสิ่นนางเถรตรงเกินไปแล้วกันมัง?“ท่านแม่!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงด้วยความอายเช่นนั้น “ท่านถามเรื่องพวกนี้ด้วยเหตุใด!”“ข้าถามแล้วเป็นไรไป?”ฮูหยินเสิ่นมองหญิงสาวสองคนด้วยความขบขัน “พวกเจ้าไม่ใช่เด็กสาวรอเข้าห้องหอ ล้วนเป็นคนที่เคยแต่งงานแล้ว มีสิ่งใดต้องเกรงใจกัน? แม่ไม่ถามพวกเจ้า หรือต้องให้ข้าไปถามลูกเขย?”สองสาวเมื่อได้ฟัง ใบหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม“อายอะไร!”ฮูหยินเสิ่นเม้มปากยิ้ม “พวกเจ้าสองคนล้วนเป็นคนของเขา มีสิ่งใดหน้าอาย? แม่ดูออก เมี่ยวอินเป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยกับหยุนเจิงแล้ว พวกเจ้าติดตามเขามาตั้งนานแล้ว ยังจะกระมิดกระเมี้ยนอยู่อีก?”เสิ่นลั่วเยี่ยนหมดคำพูด “ท่านแม่ ท่านคงไม่ได้กลัวว่าเมี่ยวอินจะให้คลอดลูกชายก่อนข้าและพี่สะใภ้หรอกกระมัง?”ฮูหยินเสิ่นเมื่อได้ฟัง บนหน้าก็พลันกระตุกเล็กน้อยนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ฮูหยินเสิ
เยี่ยจื่อขอบตาแดงเล็กน้อย กำมือฮูหยินเสิ่นแน่น“อย่าร้อง พวกเราสองแม่ลูกดีใจ”ฮูหยินเสิ่นลูบมือเยี่ยจื่อ “คนต้องมองไปข้างหน้า เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยให้ผ่านไปเถอะ! แม่เป็นเช่นนี้ เจ้าก็ต้องเป็นเช่นนี้ รู้หรือไม่?”เยี่ยจื่อพยักหน้า กอดฮูหยินเสิ่นเบาๆฮูหยินเสิ่นลูบหลังเยี่ยจื่อ จากนั้นก็กล่าว “เรื่องที่หยุนเจิงและเมี่ยวอินไม่มีลูก แม่ไม่สะดวกถาม พวกเจ้าหาเวลาถามสักหน่อย หากเป็นเพราะร่างกายหยุนเจิงมีปัญหา ควรรักษาเช่นกันก็รักษาเช่นนั้น อย่าคิดเกรงใจเด็ดขาด หากถ่วงเวลาเช่นนี้ต่อไป...”“พี่สะใภ้ ท่านไปถามเถอะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนโยนเรื่องนี้ให้เยี่ยจื่อทันที“จะถามก็เป็นเจ้าถาม”เยี่ยจื่อกล่าวด้วยความอาย “เจ้าเป็นพระชายา เจ้าไม่ถามใครจะถาม?”“ข้า...”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าร้อนผ่าวจะให้นางถามเช่นไร!ฮูหยินเสิ่นยิ้มมองสองสาว “ใครไปถาม พวกเจ้าปรึกษากันเอง! ถึงเช่นไร เรื่องนี้ต้องทำให้กระจ่างโดยเร็ว”สองสาวมองหน้ากันเงียบๆ ต่างแอบบ่นในใจ……“ก็อกๆ...”หยุนเจิงกำลังเขียนบางอย่างอยู่ในห้อง ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูลอยมา“เข้ามาเถอะ!”หยุนเจิงวางปากกาขนนกในมือลง งายหน้ามองประตู“
การกระทำที่กะทันหันของหยุนเจิงทำให้เยี่ยจื่อตกใจเดิมเยี่ยจื่อสามารถดิ้นรนขัดขืนได้ ทว่าหยุนเจิงกอดนางไม่ปล่อยเยี่ยจื่อโมโหและอาย จึงหยิกหยุนเจิงเบาๆ “เจ้าอยากตายหรือ! ประตูยังเปิดอยู่เลย! รีบปล่อยข้า!”เยี่ยจื่อโมโหและอายแม้ความสัมพันธ์ของนางกับหยุนเจิงจะเปิดเผยต่อสาธารณะ ทั้งยังเคยมีการกระทำใกล้ชิดกันมาหลายครั้งแล้วแต่ถูกหยุนเจิงกอดไว้โดยประตูเปิดอยู่เช่นนี้ ทำให้นางอับอายไม่น้อยประตูเปิดอยู่?หยุนเจิงยิ้มมุมปาก ปล่อยเยี่ยจื่อทันที จากนั้นก็รีบวิ่งไปปิดประตูให้สนิทอื้ม ทั้งยังลงกลอนประตูด้วยเห็นการกระทำของหยุนเจิง เยี่ยจื่อรู้สึกเหมือนเป็นแกะกำลังเข้าปากเสือหยุนเจิงเดินกลับมาข้างโต๊ะตำรา จากนั้นก็กอดเยี่ยจื่อไว้อีกครั้งครั้งนี้ เยี่ยจื่อไม่ขัดขืนแล้ว เพียงหยุนเจิงเบาๆ จากนั้นก็ปล่อยให้หยุนเจิงกอดตามอำเภอใจ“อย่าขยับ ข้าดูสิ่งที่เจ้าเขียน”เยียจื่อจ้องหยุนเจิงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็อ่านแผนการรวบรัดตัดทอนกองทัพของหยุนเจิงหนึ่งแสน!นึกไม่ถึงว่าหยุนเจิงจะตัดทหารประจำการของกองทหารมณฑลทางเหนือเหลือหนึ่งแสน?นี่...น้อยกว่าที่เขากล่าวไว้ก่อนหน้านี้อีก!“หนึ่งแสนน้
เยี่ยจื่อโกรธและเขินอาย ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็หยั่งเชิงเขา “ข้าถามเจ้าเรื่องนึง เจ้าห้ามโกรธ ตกลงหรือไม่?”“เรื่องใด?”หยุนเจิงสงสัย จากนั้นก็ยิ้มร้าย “หากข้าโกรธ เจ้าจูบข้าสักหน่อย ข้ารับประกันไม่โกรธแล้ว!”“คุยเรื่องสำคัญกับเจ้าอยู่! ไม่จริงจังเลยสักนิด!”ใบหน้าเยี่ยจื่อเริ่มร้อนผ่าว หลังจากทำใจสักพัก จึงกระซิบกล่าว “เจ้ากับเมี่ยวอินอยู่ด้วยกันมาตั้งนานเช่นนี้แล้ว ยังไม่เห็นเมี่ยวอินตั้งครรภ์ พวกเจ้าสองคน...สุขภาพใครสักคน...มีปัญหาหรือไม่?”เมื่อได้ฟังคำของเยี่นจื่อ ใบหน้าหยุนเจิงกระตุกทันทีเยี่ยจื่อเห็นดังนั้นก็กล่าวด้วยความกระอักกระอ่วน “หากเจ้าไม่สะดวกพูด เช่นนั้น...”“เจ้ามาหาข้า เพื่อถามเรื่องนี้หรือ?” หยุนเจิงถามอย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้“อื้ม”เยี่ยจื่อพยักหน้าเบาๆ ใบหน้าเริ่มร้อนหยุนเจิงมุมปากยกขึ้น จากนั้นเอ่ยถาม “เจ้าอยากถามเอง หรือว่ามีใครใช้ให้เจ้ามาถาม?”“เป็นท่านแม่...”เยี่ยจื่อกัดริมฝีปากเบาๆ จากนั้นก็พึมพำ “คืนนี้ท่านแม่กับลั่วเยี่ยนพูดถึงปัญหาการให้กำเนิดบุตรของพวกเจ้า ข้านึกขึ้นได้ว่าเจ้ากับเมี่ยวอินอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว แต่ท้องของเมี่ยวอินไ
จุมพิตนี้ เต็มไปด้วยอารมณ์หยุนเจิงแทบทนรอไม่ไหวที่จะกลืนกินสตรีผู้ที่เขาโหยหามาเนิ่นนานหลังจากจุมพิตเร้าร้อน หยุนเจิงปลดอาภรของตัวเองทันทีเวลานี้ หยุนเจิงคิดว่าเสื้อผ้าสมัยโบราณช่างน่ารำคาญเสียจริง!อีกทั้ง ฤดูหนาวต้องสวมเสื้อหลายชั้น!ต่อให้ภายในห้องเผาถ่านไฟเอาไว้ แต่ก็ยังต้องสวมเสื้อหลายชั้น“รอก่อน!”ขณะที่หยุนเจิงใกล้เปลือยเปล่าเหมือนกับเยี่ยจื่อ ทันใดนั้นเยี่ยจื่อตื่นเต้น พลันจับมือหยุนเจิงเอาไว้“……”หยุนเจิงมองเยี่ยจื่อด้วยความเอือมระอา “เจ้าคงไม่บอกกับข้า เจ้ารอบเดือนมาหรอกกระมัง?”ให้ตายสิ!ไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง!“พูดอะไรน่ะ!”เยี่ยจื่อลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาห่อหุ้มกาย กล่าวด้วยสีหน้าแดงกล่ำ “จู่ๆ ข้าคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมา”“ตอนนี้หากไม่ใช่เรื่องเป่ยหวนบุกมา ล้วนเป็นเรื่องเล็ก!” หยุนเจิงหน้าไม่อายดึงผ้าห่มของเยี่ยจื่อออก จากนั้นก็เกาะกุมร่างอรชรของเยี่ยจื่อ “ตอนนี้ข้าต้องการกินเกี๊ยว ใครก็ไม่อาจรบกวนได้ทั้งนั้น!”“ถุย! พูดอะไร!”เยี่ยจื่อกัดปากเบาๆ จากนั้นหยิกมือที่ซุกซนของเขาเบาๆ จากนั้นก็กล่าวด้วยความเขินหน้าแดง “ตกลงกับข้าหนึ่งเรื่อง ดีหรือไม่?”ห
ไม่รู้เลย แม้แต่จักรพรรดิยังไม่อาจทำให้ทุกคนตามใจตัวเองได้ นับประสาสิ่งใดกับคนอื่นล่ะมนุษย์ ไม่อาจไม่ยึดเอาตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ แล้วก็ไม่อาจยึดเอาตัวเองเป็นเรื่องสำคัญตนพิทักษ์ไม่สำเร็จ ความภูมิใจตนไม่เกิด!ตนรู้ ไม่ใช่ว่าจะเห็นแจ้งตนรัก ไม่ใช่ว่าจะมีคุณค่า“เช่นนั้นเหตุใดตอนนี้ไม่อาจครอบครองนางได้?”เยี่ยจื่อเอียงศีรษะ ถามด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย“ข้าเกรงว่านางจะตั้งครรภ์!”หยุนเจิงยิ้มอย่างจนปัญญา “พวกเราใกล้จะเปิดฉากรบกับเป่ยหวนแล้ว นางต้องการนำทัพ หากตั้งครรภ์ จะทำเช่นไร?”“เช่นนั้นเมี่ยวอินเล่า?”เยี่ยจื่อสงสัย “ช่วงนี้เจ้าหลับนอนกับเมี่วอินไม่น้อย เหตุใดนางไม่ตั้งครรภ์?”“นั่นเป็นเพราะเหอฮวนกง”หยุนเจิงยิ้มเรียบๆ บอกคุณสมบัติพิเศษของเหอฮวนกงกับเยี่ยจื่อเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เยี่ยจื่ออดไม่ได้ที่จะเบิกตาโตเหอฮวนกง มีคุณสมบัติเช่นนี้ด้วย?อึ้งอยู่ชั่วครู่ เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความเอือมระอา “นั่นก็หมายความว่า รอจนเป่ยหวนไม่กล้าเปิดศึกกับเรา เจ้าจึงจะสามารถมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับเสิ่นลั่วเยี่ยนได้?”“ประมาณนั้น! ถึงเช่นไรข้าก็คิดเช่นนั้น”หยุนเจ