ฉินลิ่วก่านสีหน้าอึมครึม ด่ากราดรุนแรง “จับตาแก่สารเลวบ้านเจ้าสิ!”“……”ฉินชีหู่สีหน้าเอือมระอาและกล่าวพึมพำ “ท่านไม่ใช่ตาแก่ของข้าหรือไร?”“ข้า...”ฉินลิ่วก่านโกรธตัวสั่น ยกมือขึ้นหมายจะตบศีรษะฉินชีหู่อีกครั้งฉินชีหู่หนังตากระตุก กุมศีรษะไว้ทันทีแต่ว่า เขารออยู่นานสองนาน มือของฉินลิ่วก่านก็ยังไม่หวดลงมาฉินชีหู่เงยหน้า มองบิดาด้วยสายตาผิดปกติมือของฉินลิ่วก่านยกค้างไว้เช่นนั้น ทว่าก็ไม่ฟาดลงมา ราวกับถูกคนร่ายเวทมนต์ใส่ฉินชีหู่เห็นดังนั้น ในใจยิ่งรู้สึกผิดปกติตาแก่ ผิดปกติ!เนิ่นนาน ฉินลิ่วก่านค่อยๆ เก็บมือของตน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าจับตัวเขาไปได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่! เจ้าหนุ่มนี่นับว่าเป็นวีรบุรุษของต้าเฉียนเรา หากข้าจับเขาจริง ชาตินี้ทั้งชาติข้าคงไม่สงบใจ...”“ใช่ๆ!”ฉินชีหู่ดีใจ พยักหน้าหงึกๆ “ข้าก็คิดเช่นนี้! เขารบชนะมากมาย ทำลายชาวเป่ยหวนไปมากมายเพียงนั้น ทั้งยังใกล้ช่วยต้าเฉียนพิชิตดินแดนกลับมาได้แล้ว หากท่านลักพาตัวเขา เช่นนั้นก็ไม่เป็นโจรเฒ่าทรราชหรือ?”“โจรเฒ่าทรราชยายเจ้าสิ!”ฉินลิ่วก่านผรุสวาทด้วยสีหน้าบึ้งตึง แทบจะยกมือขึ้นมาตกอีกครั้งคร
เป่ยหวนตั้งแต่หยุนเจิงบุกฝ่าวงล้อมสำเร็จ ปานปู้ป่วยจนลุกไม่ขึ้นอีกครั้งครั้งนี้ รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ปานปู้เข้าใจ อาการเขาดีขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นเพียงผลข้างเคียงเป็นเพราะเขาอยากเอาชนะหยุนเจิงมาก อยากจับเป็นหยุนเจิงมากจึงกลายเป็นความเชื่อมั่นที่สนับสนุนเขา ทำให้รางกายของเขาดีขึ้นอย่างอัศจรรย์แต่ตอนนี้ ความหวังของเขาหมดสิ้นแล้วด้วยความคิดความเชื่อมั่นหายไปแล้ว ชีวิตของเขาก็เดินมาถึงสุดทางแล้วมองดูอาจารย์ที่เป็นดั่งตะเกียงใกล้ดับไฟ เจียเหยาน้ำตาไหลเป็นสายอาจารย์เมื่อหกปีก่อน ภาคภูมิสูงส่งเพียงใด!เขาในตอนนั้น เป็นวีรบุรุษของทั่วทั้งเป่ยหวน!วันนี้ อาจารย์กลับมีตัวเล็กลีบซีดเซียวในชั่วเวลานั้น สมองของนางปรากฎภาพอาจารย์เมื่อสิบปีก่อนนางในเวลานั้น เพิ่งอายุครบเก้าขวบ“อาจารย์ ข้ากราบท่านเป็นอาจารย์ได้หรือไม่?”“เอ๋? องค์หญิงหลายวันก่อนเพิ่งกราบปู้ตูเป็นอาจารย์ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงคิดจะกราบข้าเป็นอาจารย์อีก?”“ข้ากราบปู้ตูเป็นอาจารย์ เป็นเพราะอยากเรียนวิชาธนูกับเขา ข้ากราบราชครูเป็นอาจารย์ เพราะอยากเรียนการทหารทำศึก! เสด็จพ่อกล่าวว่า ราชครูเป็นคนที่ฉลาดทที่สุดในทุ่งหญ
หากขวัญกำลังใจทหารของพวกเขาฮึกเหิม วิธีที่อาจารย์กล่าวก็อาจทำได้แต่สถานการณ์ตรงหน้า ขวัญกำลังใจทหารของพวกเขาไม่มีหลงเหลือเวลาแค่ไม่กี่วัน ภายในค่ายเกิดการหนีทัพจำนวนนับพันแล้วเวลานี้ ความจริงก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาร้ายแรงแล้วปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือ ตอนนี้ทหารเหล่านี้ถูกต้าเฉียนทำร้ายจนกลัวแล้ว เหมือนกับเชือกธนูที่ถูกขึงไว้แน่นเพียงลมเล็กน้อยพัดหญ้าไหว เชือกธนูก็สามารถขาดได้ทุกเมื่อเวลานี้ ปัญหาไม่ใช่ป้องกันได้หรือไม่!แต่เป็นปัญหาว่าค่ายจะแตกหรือไม่!หากเปลี่ยนเป็นนาง นางมีวิธีมากมายทำให้ค่ายของทัพศัตรูแตก!นางเชื่อ คนเจ้าเล่ห์อย่างหยุนเจิง ต้องมีวิธีแน่นอนผลของการที่ค่ายแตก ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขารับได้เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของเจียเหยา ปานปู้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง“เห้อ...”ใช่แล้ว!ค่ายแตก!กองทัพเป่ยหวนตอนนี้ อาจค่ายแตกได้ทุกเวลาแค่ทัพศัตรูส่งคนสักหลายสิบคนแอบเข้ามากลางดึก การที่ค่ายแตกก็สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่ค่ายพวกเขาแตก คาดว่าชาวต้าเฉียนคงดีใจจนเป็นบ้าไม่ต้องป้องกันแล้ว!จำเป็นต้องถอยจริงด้วย!ไม่สร้างขวัญ
หลังจากเตรียมตัวแล้วห้าวัน ตู๋กูเช่อนำทัพสี่หมื่นคนคุ้มกันขนส่งเสบียงสู่ชายแดนเมืองกู้ด้วยตัวเองในนั้นเป็นทหารม้าสองหมื่นคน ทหารราบสองหมื่นคนก่อนออกเดินทาง หยุนเจิงย้ำหนักหนา ไม่ต้องรีบร้อนยึดชายแดนเว่ยและชิง บ้านเรือนและค่ายที่ชายแดนเมืองกู้ สามารถค่อยๆ ซ่อมบำรุง ต้องซ่อมกำแพงเมืองชายแดนกู้ให้เรียบร้อยก่อน ขณะเดียวกัน ต้องส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปมากหน่อย จับตาความเคลื่อนไหวของเป่ยหวนตลอดเวลาหลังตู๋กูเช่อนำทัพออกไป กำลังทหารที่เหลือก็ไปรวมตัวกันที่แนวหน้าสองป้อมเมืองรอให้กำลังทหารรวบตัวกันเรียบร้อยแล้ว หยุนเจิงต้องการเคลื่อนทัพด้วยตัวเองทว่าสถานการณ์ตรงหน้า เรื่องที่สำคัญที่สุดของหยุนเจิงคือช่วยทำให้การจัดสรรของกองทหารมณฑลทางเหนือมั่นคงบวกกับทหารชาวนา กองทหารมณฑลทางเหนือในตอนนี้มีกองทัพจำนวนสองแสนห้าหมื่นคนกองทัพที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ ไม่มีการจัดสรรเสบียง ผ่านไปไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นเรื่องยากมากมีเพียงทำให้การจัดสรรมั่นคง พวกเขาจึงสามารถเดินทางไปบุกเป่ยหวน ยึดครองทุ่งหญ้าหม่ามู่และสถานที่สำคัญได้อีกครั้งหลังจากทิ้งเฝิงอวี้ให้ช่วยสนับสนุนฟู่เทียนเหยียนปกป้องเมืองติ้งเป่ย
เช่นนี้เมื่อนับดูแล้ว ไม่ว่าเช่นไรกำลังทหารก็ล้วนมีจำกัดหากต้องรวบรัดตัดทอนอีก กำลังทหารไม่เหลือเพียงพอแน่นอน!หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม “ดังนั้นที่ตอนนี้พวกเจ้าคิดว่ากำลังทหารไม่พอ เป็นเพราะยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิ สถานที่ที่พวกเราต้องป้องกันมีมากมายเกินไป! ขอแค่น้ำแข็งที่แม่น้ำไป๋สุ่ยละลาย กำลังทหารของพวกเราก็เพียงพอแล้ว ขอแค่พวกเราจับไปเป่ยหวนไปข้างหลังอีกห้าร้อยลี้ ทหารประจำการก็สามารถลดได้ครึ่งนึงแล้ว”กองทัพสองแสนห้าพันคน มีมากเกินความจำเป็น!ที่สำคัญคือ ใกล้จะถึงฤดูเพาะปลูกช่วงใบไม้ผลิแล้วสถานการณ์ตามความคิดคือทหารประจำการของกองทหารมณฑลทางเหนือลดเหลือสองแสนคน ให้คนมากมายไปทำการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ มีเพียงเช่นนี้ ทำให้เสบียงอาหารของพวกเขาเพียงพอโดยเร็วที่สุด“ยังต้องทำให้เป่ยหวนล่าถอยไปห้าร้อยลี้?”เยี่ยจื่อมองเขาอย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เจ้าคิดตีเมืองไปจนถึงราชสำนักเป่ยหวนหรือ?”“แน่นอนสิ!”หยุนเจิงนัยน์ตาเด็ดเดี่ยว “การป้องกันที่ดีที่สุดคือการโจมตี! ตอนนี้เป่ยหวนถูกตีจนพิการแล้ว หากไม่ฉวยโอกาสตอนนี้ทำให้พวกเขาถอย ยังต้องรอไปถึงเมื่อใด?”แม้ว่าเป่ยหวนจะสามารถรับสมัคร
เมืองจักรพรรดิจวนจิ้งกั๋วกงหยุนลี่ได้รับข่าวที่หยุนเจิงส่งไปแล้วทว่า จดหมายนี้ไม่ได้ส่งถึงมือเขาโดยตรง แต่ส่งไปยังจวนสวีสือฝู่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่อดสาปแช่งด้วยถอยคำรุนแรงไม่ได้ ทักทายบรรพบุรุษสิบแปดของหยุนเจิงไปหนึ่งรอบหลังด่าจบ หยุนลี่พลันนึกขึ้นได้ บรรพบุรุษของเจ้าหกก็เป็นบรรพบุรุษของเขาเช่นกันแต่หากเขาไม่ทักทายบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเจ้าหกจอมเจ้าเล่ห์นี่สักหน่อย เขาทนกล่ำกลืนไม่ไหวจริงๆ!“ไอสุนัข! ไอสุนัขเจ้าเล่ห์!”“สวะ! เว่ยเหวินจงไปสวะ! เหตุใดสวะนี่ไม่ตายไปซะ?”“เจ้าหก เจ้ารอก่อนเถอะ! ช้าเร็วข้าจะสับร่างเจ้าให้เป็นหมื่นชิ้น!”“……”หยุนลี่โมโห กัดฟันผรุสวาทด้วยความโกรธ หยุนลี่ยังด่าจักรพรรดิเหวินด้วยอยู่ดีไม่ว่าดี เมาเหล้ากระไรกัน?เมาเหล้าก็เมาเหล้าสิ นางสนมในวังมีมากมายเจ้าไม่โปรดปราน เจ้ากลับโปรดปรานนางกำนัลผู้หนึ่ง?โปรดปรานนางกำนับ ก็ไม่เป็นไร!เรื่องหลังจากนั้น อย่างน้อยเจ้าต้องประทานยาให้นางสักชามสิ!หากเขาประทานยาหนึ่งชาม คงไม่ให้กำเนิดคนเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าหกออกมา!เขาไม่รู้ เหตุใดบนโลกนี้ถึงได้มีไอสารเลวไร้ยางอายอย่างเจ้าหกด้วย!ยังกล้
หยุนลี่สะลึกเล็กน้อย ถามด้วยสีหน้าหงุดหงิด “เช่นนั้นเจ้าว่าควรทำเช่นไร?”สวีสือฝู่นิ่งเงียบเนิ่นนาน ถอนหายใจกล่าวว่า “ดูสถานการณ์ก่อนเถอะ ดูว่าจะให้ใครคุ้มกันเว่ยเหวินจง ตอนนี้ ฉินลิ่วก่านอยู่ซั่วเป่ย! แต่สิ่งที่ข้าเป็นห่วงที่สุดคือฝ่าบาทสั่งให้ตาแก่ฉินลิ่วก่านคุ้มกันเว่ยเหวินจง...”หากเป็นแม่ทัพคนอื่นรับผิดชอบคุ้มกัน พวกเขาสามารถซื้อตัวได้แต่หากฉินลิ่วก่านรับผิดชอบเรื่องนี้ พวกเขาไม่มีทางซื้อตัวฉินลิ่วก่านได้แน่นอนหากเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นก็ลำบากแล้ว!ขณะที่ทั้งสองคนกลัดกลุ้มหน้านิ่วคิ้วขมวด คนในวังก็เข้ามา“องค์รัชทายาท จิ้งกั๋วกง ฝ่าบาทเรียกประชุมขุนนางด่วน!”เมื่อได้ฟังคำของขันที ทั้งสองคนหนังตากระตุก รีบไปเข้าวังรอจนพวกเขามาถึงท้องพระโรง จักรพรรดิเหวินประทับอยู่ตรงนั้นแล้ว ทว่าเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่อยู่ห่างจากวังยังมาไม่ถึงจักรพรรดิเหวินรอเหล่าขุนนาง เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากยิ่งภายในท้องพระโรง เหล่าขุนนางยืนตามตำแหน่งของตนเองบรรยากาศทั่วท้องพระโรงน่าอึดอัดอย่างยิ่ง ทุกคนเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ต่างไม่รู้เกิดเรื่องใดขึ้นทว่าใช้หัวแม่เท้าคิดก็คิดออก ต้องไม่ใช่เรื่
“พูดมาเถอะ! ตอนนี้ควรทำเช่นไร?”จักพรรดิเหวินเงยหน้ามองทุกคน บนใบหน้าไม่มีแววโกรธกริ้วเลยแม้แต่น้อยเผชิญหน้ากับคำถามของจักรพรรดิเหวิน เหล่าขุนนางไม่รู้ควรตอบเช่นไรที่สำคัญคือท่าทางของจักรพรรดิเหวินตอนนี้ผิดปกติอย่างยิ่ง!หากเป็นก่อนหน้าหนี้ จักรพรรดิเหวินคงบันดาลโทสะไปแล้วแต่วันนี้กลับสงบนิ่งจนประหลาดพวกเขาสงสัย จักรพรรดิเหวินทรงกริ้วจนชินชาไปแล้วใช่หรือไม่!เมื่อเห็นไม่มีคนพูดจา นานๆ ทีที่จักรพรรดิเหวินจะไม่บันดาลโทสะ ทำเพียงทอดพระเนตรหยุนลี่นิ่ง “ในเมื่อทุกคนไม่ยอมพูด เช่นนั้นรัชทายาทเจ้าพูกก่อนเถอะ!”“นี่...”หยุนลี่ขมวดคิ้ว เวลานี้ไม่รู้ควรกล่าวสิ่งใด“ไม่เป็นไร หากเจ้ายังคิดไม่ออก สามารถปรึกษากับขุนนางทุกท่านได้”จักรพรรดิเหวินสงบอย่างประหลาด “ถึงเช่นไร ตอนนี้ข้าก็ไม่มีสิ่งใดให้โกรธแล้ว! มีลูกชายชำนาญการทำสงครามช่วยข้ากอบกู้ดินแทนกลับมา ข้าควรดีใจถึงจะถูก! หากพูดไม่น่าฟัง ต่อให้ตอนนี้ข้าไปยังซั่วเป่ย เจ้าหกก็ไม่กล้าทำอะไรข้า แล้วยังจัดหาอาหารเครื่องดื่มชั้นดีให้ข้า! แต่เจ้า ก็พูดยากแล้ว...”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินจ้องมองหยุนลี่อย่างมีเลศนัยในระหว่างนั้น จักรพรรดิเ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่