ฉินลิ่วก่านสีหน้าอึมครึม ด่ากราดรุนแรง “จับตาแก่สารเลวบ้านเจ้าสิ!”“……”ฉินชีหู่สีหน้าเอือมระอาและกล่าวพึมพำ “ท่านไม่ใช่ตาแก่ของข้าหรือไร?”“ข้า...”ฉินลิ่วก่านโกรธตัวสั่น ยกมือขึ้นหมายจะตบศีรษะฉินชีหู่อีกครั้งฉินชีหู่หนังตากระตุก กุมศีรษะไว้ทันทีแต่ว่า เขารออยู่นานสองนาน มือของฉินลิ่วก่านก็ยังไม่หวดลงมาฉินชีหู่เงยหน้า มองบิดาด้วยสายตาผิดปกติมือของฉินลิ่วก่านยกค้างไว้เช่นนั้น ทว่าก็ไม่ฟาดลงมา ราวกับถูกคนร่ายเวทมนต์ใส่ฉินชีหู่เห็นดังนั้น ในใจยิ่งรู้สึกผิดปกติตาแก่ ผิดปกติ!เนิ่นนาน ฉินลิ่วก่านค่อยๆ เก็บมือของตน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าจับตัวเขาไปได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่! เจ้าหนุ่มนี่นับว่าเป็นวีรบุรุษของต้าเฉียนเรา หากข้าจับเขาจริง ชาตินี้ทั้งชาติข้าคงไม่สงบใจ...”“ใช่ๆ!”ฉินชีหู่ดีใจ พยักหน้าหงึกๆ “ข้าก็คิดเช่นนี้! เขารบชนะมากมาย ทำลายชาวเป่ยหวนไปมากมายเพียงนั้น ทั้งยังใกล้ช่วยต้าเฉียนพิชิตดินแดนกลับมาได้แล้ว หากท่านลักพาตัวเขา เช่นนั้นก็ไม่เป็นโจรเฒ่าทรราชหรือ?”“โจรเฒ่าทรราชยายเจ้าสิ!”ฉินลิ่วก่านผรุสวาทด้วยสีหน้าบึ้งตึง แทบจะยกมือขึ้นมาตกอีกครั้งคร
เป่ยหวนตั้งแต่หยุนเจิงบุกฝ่าวงล้อมสำเร็จ ปานปู้ป่วยจนลุกไม่ขึ้นอีกครั้งครั้งนี้ รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ปานปู้เข้าใจ อาการเขาดีขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นเพียงผลข้างเคียงเป็นเพราะเขาอยากเอาชนะหยุนเจิงมาก อยากจับเป็นหยุนเจิงมากจึงกลายเป็นความเชื่อมั่นที่สนับสนุนเขา ทำให้รางกายของเขาดีขึ้นอย่างอัศจรรย์แต่ตอนนี้ ความหวังของเขาหมดสิ้นแล้วด้วยความคิดความเชื่อมั่นหายไปแล้ว ชีวิตของเขาก็เดินมาถึงสุดทางแล้วมองดูอาจารย์ที่เป็นดั่งตะเกียงใกล้ดับไฟ เจียเหยาน้ำตาไหลเป็นสายอาจารย์เมื่อหกปีก่อน ภาคภูมิสูงส่งเพียงใด!เขาในตอนนั้น เป็นวีรบุรุษของทั่วทั้งเป่ยหวน!วันนี้ อาจารย์กลับมีตัวเล็กลีบซีดเซียวในชั่วเวลานั้น สมองของนางปรากฎภาพอาจารย์เมื่อสิบปีก่อนนางในเวลานั้น เพิ่งอายุครบเก้าขวบ“อาจารย์ ข้ากราบท่านเป็นอาจารย์ได้หรือไม่?”“เอ๋? องค์หญิงหลายวันก่อนเพิ่งกราบปู้ตูเป็นอาจารย์ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงคิดจะกราบข้าเป็นอาจารย์อีก?”“ข้ากราบปู้ตูเป็นอาจารย์ เป็นเพราะอยากเรียนวิชาธนูกับเขา ข้ากราบราชครูเป็นอาจารย์ เพราะอยากเรียนการทหารทำศึก! เสด็จพ่อกล่าวว่า ราชครูเป็นคนที่ฉลาดทที่สุดในทุ่งหญ
หากขวัญกำลังใจทหารของพวกเขาฮึกเหิม วิธีที่อาจารย์กล่าวก็อาจทำได้แต่สถานการณ์ตรงหน้า ขวัญกำลังใจทหารของพวกเขาไม่มีหลงเหลือเวลาแค่ไม่กี่วัน ภายในค่ายเกิดการหนีทัพจำนวนนับพันแล้วเวลานี้ ความจริงก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาร้ายแรงแล้วปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือ ตอนนี้ทหารเหล่านี้ถูกต้าเฉียนทำร้ายจนกลัวแล้ว เหมือนกับเชือกธนูที่ถูกขึงไว้แน่นเพียงลมเล็กน้อยพัดหญ้าไหว เชือกธนูก็สามารถขาดได้ทุกเมื่อเวลานี้ ปัญหาไม่ใช่ป้องกันได้หรือไม่!แต่เป็นปัญหาว่าค่ายจะแตกหรือไม่!หากเปลี่ยนเป็นนาง นางมีวิธีมากมายทำให้ค่ายของทัพศัตรูแตก!นางเชื่อ คนเจ้าเล่ห์อย่างหยุนเจิง ต้องมีวิธีแน่นอนผลของการที่ค่ายแตก ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขารับได้เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของเจียเหยา ปานปู้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง“เห้อ...”ใช่แล้ว!ค่ายแตก!กองทัพเป่ยหวนตอนนี้ อาจค่ายแตกได้ทุกเวลาแค่ทัพศัตรูส่งคนสักหลายสิบคนแอบเข้ามากลางดึก การที่ค่ายแตกก็สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่ค่ายพวกเขาแตก คาดว่าชาวต้าเฉียนคงดีใจจนเป็นบ้าไม่ต้องป้องกันแล้ว!จำเป็นต้องถอยจริงด้วย!ไม่สร้างขวัญ
หลังจากเตรียมตัวแล้วห้าวัน ตู๋กูเช่อนำทัพสี่หมื่นคนคุ้มกันขนส่งเสบียงสู่ชายแดนเมืองกู้ด้วยตัวเองในนั้นเป็นทหารม้าสองหมื่นคน ทหารราบสองหมื่นคนก่อนออกเดินทาง หยุนเจิงย้ำหนักหนา ไม่ต้องรีบร้อนยึดชายแดนเว่ยและชิง บ้านเรือนและค่ายที่ชายแดนเมืองกู้ สามารถค่อยๆ ซ่อมบำรุง ต้องซ่อมกำแพงเมืองชายแดนกู้ให้เรียบร้อยก่อน ขณะเดียวกัน ต้องส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปมากหน่อย จับตาความเคลื่อนไหวของเป่ยหวนตลอดเวลาหลังตู๋กูเช่อนำทัพออกไป กำลังทหารที่เหลือก็ไปรวมตัวกันที่แนวหน้าสองป้อมเมืองรอให้กำลังทหารรวบตัวกันเรียบร้อยแล้ว หยุนเจิงต้องการเคลื่อนทัพด้วยตัวเองทว่าสถานการณ์ตรงหน้า เรื่องที่สำคัญที่สุดของหยุนเจิงคือช่วยทำให้การจัดสรรของกองทหารมณฑลทางเหนือมั่นคงบวกกับทหารชาวนา กองทหารมณฑลทางเหนือในตอนนี้มีกองทัพจำนวนสองแสนห้าหมื่นคนกองทัพที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ ไม่มีการจัดสรรเสบียง ผ่านไปไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นเรื่องยากมากมีเพียงทำให้การจัดสรรมั่นคง พวกเขาจึงสามารถเดินทางไปบุกเป่ยหวน ยึดครองทุ่งหญ้าหม่ามู่และสถานที่สำคัญได้อีกครั้งหลังจากทิ้งเฝิงอวี้ให้ช่วยสนับสนุนฟู่เทียนเหยียนปกป้องเมืองติ้งเป่ย
เช่นนี้เมื่อนับดูแล้ว ไม่ว่าเช่นไรกำลังทหารก็ล้วนมีจำกัดหากต้องรวบรัดตัดทอนอีก กำลังทหารไม่เหลือเพียงพอแน่นอน!หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม “ดังนั้นที่ตอนนี้พวกเจ้าคิดว่ากำลังทหารไม่พอ เป็นเพราะยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิ สถานที่ที่พวกเราต้องป้องกันมีมากมายเกินไป! ขอแค่น้ำแข็งที่แม่น้ำไป๋สุ่ยละลาย กำลังทหารของพวกเราก็เพียงพอแล้ว ขอแค่พวกเราจับไปเป่ยหวนไปข้างหลังอีกห้าร้อยลี้ ทหารประจำการก็สามารถลดได้ครึ่งนึงแล้ว”กองทัพสองแสนห้าพันคน มีมากเกินความจำเป็น!ที่สำคัญคือ ใกล้จะถึงฤดูเพาะปลูกช่วงใบไม้ผลิแล้วสถานการณ์ตามความคิดคือทหารประจำการของกองทหารมณฑลทางเหนือลดเหลือสองแสนคน ให้คนมากมายไปทำการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ มีเพียงเช่นนี้ ทำให้เสบียงอาหารของพวกเขาเพียงพอโดยเร็วที่สุด“ยังต้องทำให้เป่ยหวนล่าถอยไปห้าร้อยลี้?”เยี่ยจื่อมองเขาอย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เจ้าคิดตีเมืองไปจนถึงราชสำนักเป่ยหวนหรือ?”“แน่นอนสิ!”หยุนเจิงนัยน์ตาเด็ดเดี่ยว “การป้องกันที่ดีที่สุดคือการโจมตี! ตอนนี้เป่ยหวนถูกตีจนพิการแล้ว หากไม่ฉวยโอกาสตอนนี้ทำให้พวกเขาถอย ยังต้องรอไปถึงเมื่อใด?”แม้ว่าเป่ยหวนจะสามารถรับสมัคร
เมืองจักรพรรดิจวนจิ้งกั๋วกงหยุนลี่ได้รับข่าวที่หยุนเจิงส่งไปแล้วทว่า จดหมายนี้ไม่ได้ส่งถึงมือเขาโดยตรง แต่ส่งไปยังจวนสวีสือฝู่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่อดสาปแช่งด้วยถอยคำรุนแรงไม่ได้ ทักทายบรรพบุรุษสิบแปดของหยุนเจิงไปหนึ่งรอบหลังด่าจบ หยุนลี่พลันนึกขึ้นได้ บรรพบุรุษของเจ้าหกก็เป็นบรรพบุรุษของเขาเช่นกันแต่หากเขาไม่ทักทายบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเจ้าหกจอมเจ้าเล่ห์นี่สักหน่อย เขาทนกล่ำกลืนไม่ไหวจริงๆ!“ไอสุนัข! ไอสุนัขเจ้าเล่ห์!”“สวะ! เว่ยเหวินจงไปสวะ! เหตุใดสวะนี่ไม่ตายไปซะ?”“เจ้าหก เจ้ารอก่อนเถอะ! ช้าเร็วข้าจะสับร่างเจ้าให้เป็นหมื่นชิ้น!”“……”หยุนลี่โมโห กัดฟันผรุสวาทด้วยความโกรธ หยุนลี่ยังด่าจักรพรรดิเหวินด้วยอยู่ดีไม่ว่าดี เมาเหล้ากระไรกัน?เมาเหล้าก็เมาเหล้าสิ นางสนมในวังมีมากมายเจ้าไม่โปรดปราน เจ้ากลับโปรดปรานนางกำนัลผู้หนึ่ง?โปรดปรานนางกำนับ ก็ไม่เป็นไร!เรื่องหลังจากนั้น อย่างน้อยเจ้าต้องประทานยาให้นางสักชามสิ!หากเขาประทานยาหนึ่งชาม คงไม่ให้กำเนิดคนเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าหกออกมา!เขาไม่รู้ เหตุใดบนโลกนี้ถึงได้มีไอสารเลวไร้ยางอายอย่างเจ้าหกด้วย!ยังกล้
หยุนลี่สะลึกเล็กน้อย ถามด้วยสีหน้าหงุดหงิด “เช่นนั้นเจ้าว่าควรทำเช่นไร?”สวีสือฝู่นิ่งเงียบเนิ่นนาน ถอนหายใจกล่าวว่า “ดูสถานการณ์ก่อนเถอะ ดูว่าจะให้ใครคุ้มกันเว่ยเหวินจง ตอนนี้ ฉินลิ่วก่านอยู่ซั่วเป่ย! แต่สิ่งที่ข้าเป็นห่วงที่สุดคือฝ่าบาทสั่งให้ตาแก่ฉินลิ่วก่านคุ้มกันเว่ยเหวินจง...”หากเป็นแม่ทัพคนอื่นรับผิดชอบคุ้มกัน พวกเขาสามารถซื้อตัวได้แต่หากฉินลิ่วก่านรับผิดชอบเรื่องนี้ พวกเขาไม่มีทางซื้อตัวฉินลิ่วก่านได้แน่นอนหากเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นก็ลำบากแล้ว!ขณะที่ทั้งสองคนกลัดกลุ้มหน้านิ่วคิ้วขมวด คนในวังก็เข้ามา“องค์รัชทายาท จิ้งกั๋วกง ฝ่าบาทเรียกประชุมขุนนางด่วน!”เมื่อได้ฟังคำของขันที ทั้งสองคนหนังตากระตุก รีบไปเข้าวังรอจนพวกเขามาถึงท้องพระโรง จักรพรรดิเหวินประทับอยู่ตรงนั้นแล้ว ทว่าเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่อยู่ห่างจากวังยังมาไม่ถึงจักรพรรดิเหวินรอเหล่าขุนนาง เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากยิ่งภายในท้องพระโรง เหล่าขุนนางยืนตามตำแหน่งของตนเองบรรยากาศทั่วท้องพระโรงน่าอึดอัดอย่างยิ่ง ทุกคนเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ต่างไม่รู้เกิดเรื่องใดขึ้นทว่าใช้หัวแม่เท้าคิดก็คิดออก ต้องไม่ใช่เรื่
“พูดมาเถอะ! ตอนนี้ควรทำเช่นไร?”จักพรรดิเหวินเงยหน้ามองทุกคน บนใบหน้าไม่มีแววโกรธกริ้วเลยแม้แต่น้อยเผชิญหน้ากับคำถามของจักรพรรดิเหวิน เหล่าขุนนางไม่รู้ควรตอบเช่นไรที่สำคัญคือท่าทางของจักรพรรดิเหวินตอนนี้ผิดปกติอย่างยิ่ง!หากเป็นก่อนหน้าหนี้ จักรพรรดิเหวินคงบันดาลโทสะไปแล้วแต่วันนี้กลับสงบนิ่งจนประหลาดพวกเขาสงสัย จักรพรรดิเหวินทรงกริ้วจนชินชาไปแล้วใช่หรือไม่!เมื่อเห็นไม่มีคนพูดจา นานๆ ทีที่จักรพรรดิเหวินจะไม่บันดาลโทสะ ทำเพียงทอดพระเนตรหยุนลี่นิ่ง “ในเมื่อทุกคนไม่ยอมพูด เช่นนั้นรัชทายาทเจ้าพูกก่อนเถอะ!”“นี่...”หยุนลี่ขมวดคิ้ว เวลานี้ไม่รู้ควรกล่าวสิ่งใด“ไม่เป็นไร หากเจ้ายังคิดไม่ออก สามารถปรึกษากับขุนนางทุกท่านได้”จักรพรรดิเหวินสงบอย่างประหลาด “ถึงเช่นไร ตอนนี้ข้าก็ไม่มีสิ่งใดให้โกรธแล้ว! มีลูกชายชำนาญการทำสงครามช่วยข้ากอบกู้ดินแทนกลับมา ข้าควรดีใจถึงจะถูก! หากพูดไม่น่าฟัง ต่อให้ตอนนี้ข้าไปยังซั่วเป่ย เจ้าหกก็ไม่กล้าทำอะไรข้า แล้วยังจัดหาอาหารเครื่องดื่มชั้นดีให้ข้า! แต่เจ้า ก็พูดยากแล้ว...”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินจ้องมองหยุนลี่อย่างมีเลศนัยในระหว่างนั้น จักรพรรดิเ
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ