ผู้คนเงียบเสียงลง ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะว่ากล่าวเช่นไรอีก“ฝ่าบาท องค์ชายหกมีคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่จริง!”สวีสือฝู่ยืนขึ้นมา “ทว่า กระหม่อมคิดว่า ตอนนี้เป่ยหวนเพียงพูดคืนดินแดนที่สูญเสียไปอย่างปากเปล่า เรื่องนี้นับว่ายังไม่ได้รับข้อสรุปชั่วคราว! ต่อให้ฝ่าบาทใคร่จะแต่งตั้งองค์ชายหกเป็นอ๋อง ก็ต้องรอให้ได้รับข้อสรุปในตอนท้ายแล้วค่อยว่ากันใหม่พ่ะย่ะค่ะ!”“คำพูดนี้ของจิ้วกั๋วกงมีเหตุผล!”“สมควรเป็นเช่นนี้!”“กล่าวอย่างยอมถอยให้หมื่นก้าว อย่างน้อยก็ต้องรอให้ลงนามหนังสือข้อตกลงการคืนดินแดนก่อนค่อยว่ากัน”“ใช่แล้วๆ ตอนนี้หากจะฝ่ากฎแต่งตั้ง องค์ชายหกเป็นอ๋อง ยังเร็วเกินไปมากนัก…”ผู้คนเห็นด้วยตามๆ กัน“เป็นเพราะเสด็จพ่อยังไม่สร่างเมาหรือไม่…”และในเวลานี้ มีเสียงบ่นงึมงำดังขึ้นมาทันใดนั้น ผู้คนทะยอยกวาดสายตาไปยังแถวท้ายสุดพระพักตร์ของจักรพรรดิเหวินก็กระตุก จ้องไปที่หยุนเจิงที่อยู่ตรงมุม อย่างน่าโกรธและน่าขัน “เจ้าหก เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ”“หา?”หยุนเจิงเงยหน้าขึ้นมาทันที แสร้งทำเป็นจ้องไปยังจักรพรรดิเหวินกับผู้คนอย่างลุกลี้ลุกลน จากนั้นก็แสร้างทำท่าหงอยๆ พูดติดๆ ขัดๆ ว่า “ลูก ไ
พอได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน เหล่าขุนนางก็เก็บเสียงเงียบกริบมารดาสิ เรื่องนี้ใครจะรู้!ที่เป่ยหวนคิด แน่นอนว่ายิ่งมากยิ่งดีสิ!ปัญหาไม่ใช่เรื่องที่เป่ยหวนอยากได้เท่าไหร่ ปัญหาคือต้าเฉียนให้ได้แค่ไหน สรุปแล้วจุดขีดสุดของต้าเฉียนอยู่ตรงไหนต่างหาก!นี่ต่างหากที่เป็นปัญหา!ในขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าจะเปิดปากพูดเช่นไร เซียวว่านโฉวเดินออกมาพูดว่า “มอบเสบียงให้พวกเขาสักหน่อย แค่คนของพวกเขาไม่หิวตายก็พอแล้ว! หากอยากได้มากกว่านั้น ก็นำทหารรบมาแลก!”เซียวว่านโฉวเป็นฝ่ายสนับสนุนการรบ เขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการช่วยเหลือเป่ยหวนด้านเสบียงกรังแต่ในเมื่อจักรพรรดิเหวินได้ตัดสินใจไม่เปิดศึกแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถว่าอะไรได้ในใจเขาก็เข้าใจดี หากเวลานี้เปิดศึกกับเป่ยหวนนั้นไม่เป็นประโยชน์กับต้าเฉียนเลยสักนิด“เกรงว่าเป่ยหวนจะไม่เรียกร้องมากกว่านี้น่ะสิ!”จักรพรรดิเหวินถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง กลัดกลุ้มพระทัยเป็นอย่างมากเช่นกัน“เสด็จพ่อ ลูกคิดว่า หากเป่ยหวนยินยอมลงนามบนสัญญาคืนดินแดนที่เราเสียไป ให้เสบียงพวกเขามากน้อยก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ!”เวลานี้ องค์ชายสี่หยุนถิงก็ออกมาเสนอความเห็นคำพูดของอ
หลังจากกลับถึงบ้านแล้วหยุนเจิงก็นอนชดเชยก่อนเลยแน่นอนว่า การนอนชดเชยนั้นเขาเพียงทำให้ผู้อื่นดู ที่จริงเขากำลังเอนกายครุ่นคิดเรื่องต่างๆ อยู่บนเตียงผ่านไปเพียงครู่ ซินเซิงสาวใช้ที่เขาเพิ่งรับมาก็มาปลุกเขา บอกว่าคนจากทางวันนำของรางวัลมาให้แล้วหยุนเจิงมองสาวรับใช้คนนี้อดไม่ได้คิดว่า ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่งจริงๆก่อนหน้านี้สาวรับใช้คนนี้ตัวสกปรกมอมแมม ดูไปแล้วก็แค่นั้นแต่ตอนนี้พออาบน้ำให้สะอาดแล้วเปลี่ยนใส่อาภรณ์ใหม่ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้สดใสเป็นอย่างมากทว่า เด็กสาวคนนี้เพิ่งจะอายุได้สิบหกปี ยังไม่ถึงวัยแรกแย้มอย่าเต็มตัวแม้ว่าหยุนเจิงรู้สึกตัวเองก็สมควรจะได้ใช้ชีวิตเสเพลดั่งองค์ชาย แต่การเป็นคนรุ่นใหม่ที่ดีนั้น เขาไม่ควรคิดไม่ดีไม่ร้ายกับเด็กสาวคนนี้อืม เลี้ยงไว้อีกหน่อยแล้วกัน!ทันใดนั้นในสมองของหยุนเจิงก็เกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นความคิดเช่นนี้ทำให้หยุนเจิงสะดุ้งโหยงเวรเอ้ย!ที่แท้เราก็เป็นชั่วร้ายเหมือนกัน!เอ๋ ไม่ใช่สิ!น่าจะเป็นสัญชาตญาณของลูกพี่ผู้เป็นเจ้าของร่างเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่!ต้องใช่แน่ๆ!หยุนเจิงหาเหตุผลที่เหมาะสมแก่ตัวเอง จากนั้นจึงนำซินเ
“ค่อยยังชั่ว”เยี่ยจื่อพยักหน้าเล็กน้อย “งานแต่งนี้แม้จะมีคนจากทางวังคอยจัดแจง แต่อย่างไรเสียองค์ชายหกเป็นถึงองค์ชาย มีรับก็ต้องมีแลก มีที่ให้ใช้เงินอยู่ไม่น้อยจริงๆ”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นก็พูดต่อว่า “พี่สะใภ้ ที่จวนข้ายังมีของขวัญอีกบางส่วน เดี๋ยวเจ้าช่วยข้าเอาไปขายแลกเงินเสียเถอะ!”เยี่ยจื่อตะลึงเล็กน้อยแล้วก็ถามขึ้นอย่างฉงนใจว่า “องค์ชายไม่กลัวข้าแอบเก็บไว้เองหรือ”“ข้าเชื่อว่าพี่สะใภ้ไม่ใช่คนเช่นนั้น”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ “อีกอย่าง ข้ากับลั่วเยี่ยนก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ของของข้าก็เป็นของของนั้นมิใช่หรือ พี่สะใภ้กับลั่วเยี่ยนดีต่อกันเช่นนี้ ไม่มีทางละโมบเงินของนางหรอกใช่ไหม”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบะปาก แค่นเสียงเบากล่าวว่า “ข้าว่านะ เจ้าคงกลัวว่าเจ้าไปขายเองจะเสียหน้า ก็เลยให้พี่สะใภ้ของข้าไปช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้สิท่า!”“แค่กๆ…”หยุนเจิงไอแห้งสองที แล้วก็แสร้งทำเหมือนคนโดนเปิดโปงความคิดเยี่ยจื่อเขม่นเสิ่นลั่วเยี่ยนไปทีหนึ่ง ส่งสัญญาณไม่ให้นางพูดจาเลอะเลือน ขณะเดียวกันก็ยิ้มพยักหน้า “ท่านแม่ให้ข้ามาก็เพื่อมาช่วยอยู๋แล้ว ในเมื่อองค์ชายมั่นใจในตัวข้าเช่นนี้ เรื่องนี้ก็
พอได้ยินเสียงของเกาเหอ คนที่กำลังดึงกล่องลมไม่แม้แต่จะหันกลับมามองสักนิด แล้วกล่าวขึ้นอย่างแช่มช้าว่า “เจ้าจำผิดคนแล้ว”“ไม่มีทาง!”เกาเหอรีบขึ้นไปตรงหน้า พูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “ปีนั้นตอนอยู่ที่ซั่วเป่ย ท่านยังเคยแสดงฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ได้รับคำชมจากฝ่าบาทด้วย!”“เจ้าจำผิดคนแล้ว”ตู้กุยหยวนพูดขึ้นอีกครั้ง แล้วดึงกล่องลมของตนต่อไปเกาเหอยังอยากจะพูดต่อ แต่หยุนเจิงหยุดเขาไว้ “เจ้ารู้จักคนผู้นี้”“อื้อ!”เกาเหอพยักหน้า “เดิมเขาเป็นผู้บัญชาการกองทหารโลหิต!”ทหารโลหิต?หยุนเจิงถามขึ้นอย่างสงสัย “ทหารโลหิตคืออะไรรึ?”“แม้แต่ทหารโลหิตเจ้าก็ไม่รู้จักหรือ”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปยังหยุนเจิงอย่างดูถูก อดไม่ได้กระแหนะกระแหนเขาขึ้นในใจเขาไม่ได้พูดปาวๆ ว่าจะไปซั่วเป่ยหรอกหรือแม้แต่ทหารโลหิตเขาก็ไม่รู้จัก?เยี่ยจื่อยิ้มแล้วกล่าวว่า “ทหารโลหิตเป็นหน่วยที่ยอดเยี่ยมที่สุดของกองทัพในมณฑลทางเหนือ ว่ากันว่ามีคนน้อยกว่าห้าร้อยคนในกองทัพทหารโลหิต และเงื่อนไขในการเข้าร่วมกองทัพนี้นั้นโหดมาก”“ทุกครั้งที่พวกเขาออกรบจะมีโลหิตท่วมกาย จึงถูกเรียกว่าทหารโลหิตมาแต่ไหนแต่ไรแล
ก่อนที่หยุนเจิงจะทะลุมิติมา เขาก็เป็นทหารมาก่อนเขาเชื่อว่าตนเองจะเข้าใจตู้กุยหยวนได้แม่ทัพที่กล้าหาญปานนั้นจะไม่มีใจนักรบได้อย่างไรเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนแทบจะลุกไปทุบสมองอันโง่เง่าเต่าตุ่นของเขาเสียเจ้าคนโง่เง่าเต่าตุ่น!ไม่ว่าจะเป็นตายอย่างไรเขาก็ยังจะดันทุรังหาความตายที่ซั่วเป่ยให้ได้ใช่หรือไม่?เขายืนกรานจะให้ตนเองเป็นหม้ายไปตลอดชีวิตเลยอย่างนั้นหรือตู้กุยหยวนเองก็ตกใจกับคำพูดของหยุนเจิงเช่นกัน ครู่หนึ่งเขาจึงส่ายหน้ายิ้มเจื่อนพลางกล่าวว่า “เรียนองค์ชายตามตรง ศึกการสู้รบเมื่อห้าปีก่อน ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้น้อยแขนหักเท่านั้น แต่ยังทำลายความกล้าหาญของผู้น้อยไปด้วย! ผู้น้อยไร้ความกล้าหาญที่จะสู้รบแล้ว…”“เช่นนั้นก็เพิ่มความกล้าหาญ!”หยุนเจิงส่ายหน้า ชี้ไปที่เยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ พลางกล่าวว่า “สามีของพี่สะใภ้ท่านนี้ก็ตายในสนามรบซั่วเป่ยเหมือนกัน เมื่อคืนข้าถามนางว่าเสียใจหรือไม่ที่ไม่ได้เห็นหน้าสามีเป็นครั้งสุดท้าย ข้าให้เจ้าทายว่านางตอบข้าว่าอย่างไร”ตอบเช่นไร?เสิ่นลั่วเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจเมื่อคืนหยุนเจิงพูดคุยเรื่องนี้กับพี่สะใภ้ด้วยหรือ?ต
หลังจากสั่งช่างตีเหล็กตีดาบเหมือนของเกาเหอให้เขาเล่มหนึ่งเพื่อเอาไว้เป็นอาวุธติดตัวเสร็จ หยุนเจิงก็ทิ้งแผนที่จวนเอาไว้ ก่อนจะพาคนสามคนจากไปในขณะที่กลับไปนั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงด้วยสายตาอันประหลาดใจ“เจ้าก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลยนะ!”ยากมากที่เสิ่นลั่วเยี่ยนจะเผยรอยยิ้มต่อหน้าหยุนเจิงเช่นนี้“ข้าก็แค่ไม่อยากให้ทหารที่เสียเลือดเสียเนื้อพลีชีพเพื่อต้าเฉียนเหล่านั้นต้องผิดหวังก็เท่านั้นเอง”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวด้วยความโกรธว่า “วันพรุ่งในที่ประชุม ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อ ข้าจะขอให้เสด็จพ่อตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด”“องค์ชาย ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” ทันใดนั้นเกาเหอส่งเสียงขึ้น“หือ?”หยุนเจิงหันไปมองเกาเหอ “เหตุใดถึงไม่ได้ เจ้าเองก็เป็นคนในกองทัพ หากเงินบำรุงขวัญของพี่น้องเจ้าโดนยักยอกไป เจ้าจะอยู่เฉยไม่ทำอันใดเลยอย่างนั้นหรือ”“ก็จริง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า กล่าวด้วยสายตาเคร่งขรึมเด็ดเดี่ยวว่า “คนที่มันยักยอกเงินบำรุงขวัญของเหล่าทหารที่พลีชีพไป มันสมควรตาย!”เกาเหอส่ายหน้าและกล่าวอย่างจริงจังว่า “องค์ชายทำเช่นนี้จะทำให้กระทบผลประโยชน์ของคนจำนวนมากได
หากเขารายงานเรื่องนี้ต่อราชสำนัก คนเหล่านั้นไม่โกรธแค้นก็แปลกแล้วล่ะ!หลายคนที่สวามิภักดิ์ต่อเขา เกรงว่าจะกลับลำเป็นแน่!แต่ตอนนี้หยุนเจิงรู้เรื่องนี้แล้ว!ต่อให้ตัวเขาเองไม่พูด เกรงว่าเจ้าหกก็คงจะกราบทูลเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อเป็นการส่วนตัวแน่!เมื่อถึงตอนนั้นหากเขาเอ่ยเรื่องนี้อีกครั้งทั้งๆ ที่ตนเองรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแต่ตนกลับไม่กราบทูล เสด็จพ่อไม่ตำหนิตนก็คงจะแปลกแล้วล่ะ!ในตอนนี้หยุนลี่รู้สึกอยากตบหน้าตัวเองสักฉาดสองฉาดอยู่ดีไม่ว่าดี รนหาที่มาถึงนี่เพื่ออันใดกัน“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ข้าจะเข้าวังไปกราบทูลเสด็จพ่อ!”หยุนลี่ลุกขึ้นรีบพรวดพราดเดินจากไป ไม่ทันแม้กระทั่งเอ่ยคำลาแต่อย่างใดเขาต้องรีบไปปรึกษาหารือกับสวีสือฝู่เพื่อคิดหาทางรับมือให้เร็ว!เห็นหยุนลี่รีบเดินพรวดพราดออกไปด้วยท่าทางตื่นตระหนกเช่นนี้ สีหน้าของหยุนเจิงก็เผยรอยยิ้มสะใจขึ้นเยี่ยจื่อกลั้นความตลกขบขันเอาไว้ แอบคิดในใจว่าเจ้าบ้านี่ช่างร้ายกาจไม่เบาเลย…หลังจากที่ออกมาจากจวนหยุนเจิง หยุนลี่รีบรุดมุ่งหน้ามาที่จวนสวีสือฝู่ทันทีเมื่อเขาเล่าเรื่องนี้ให้สวีสือฝู่ฟัง สวีสือฝู่ก็เคร่งเครียดขึ้นห
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่