“กับผีน่ะสิ!”เมี่ยวอินเบะปาก “ว่ามา ท่านอยากให้พวกข้าทำอะไร?”ก่อนที่จะมาซั่วเป่ย พวกนางก็บอกหยุนเจิงแล้วว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของหยุนเจิงตอนนี้หยุนเจิงจะมอบหมายงานให้พวกนาง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก“พวกเจ้าทำยาขับเหงื่อเป็นไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงยิ้มเยาะๆ “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าก็ทำยาขับเหงื่อจำนวนมากซะ ยิ่งเยอะยิ่งดี ดีที่สุดต้องเป็นยาที่ไร้สีไร้กลิ่น!”ยาขับเหงื่อ?สตรีทั้งสองมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าหมดคำพูดพวกนางคิดว่ามีเรื่องอะไรเสียอีก!ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ แค่นี้“ท่านคิดจะหลอกใครอีกล่ะ?”เมี่ยวอินถามอย่างสงสัย“ต้องเตรียมไว้สำหรับคนเป่ยหวนอยู่แล้ว!”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ “รอให้อากาศเย็นลงกว่านี้อีกหน่อย ข้าคิดว่าจะส่งคนไปเป่ยหวน หากสามารถวางยาคนของเป่ยหวนสักฝ่ายหนึ่ง เราก็สามารถชิงม้ารบมาได้แล้ว!”“…”ทั้งสองได้ยินดังนั้น ใบหน้าพลันกระตุกขึ้นมาผ่านไปนานครึ่งวัน เมี่ยวอินถึงจะเอ่ยอย่างหมดคำพูดว่า “ท่านคิดอะไรอยู่น่ะ? ท่านคิดว่ายาขับเหงื่อเป็นผงแป้งหรือไงที่คิดจะทำเท่าไหร่ก็มีเท่านั้นน่ะ? ถึงพวกข้าจะสามารถทำได้ แต่ก็ต้องมีวัสดุมากเพียงนั้นถึงจะทำได้นะ!”เขาคิดน
กลางดึก ณ ด่านเป่ยลู่หลังจากงานเลี้ยงค่ำคืน เว่ยเหวินจงก็ได้ตามเว่ยซั่วไปยังห้องลับเว่ยเหวินจงเองก็มาที่ด่านเป่ยลู่เพื่อสืบสวนแนวป้องกันของด่านเป่ยลู่เช่นกันเขาเองก็ไม่รู้เช่นกีนว่าน้องรองส่งเขามาด่านเป่ยลู่เพื่ออะไร“ว่ามาสิ เจ้าต้องการจะพูดอะไรกับข้ากันแน่? เหตุใดถึงลับๆ ล่อๆ เช่นนี้?”เว่ยเหวินจงขมวดคิ้วมองเว่ยซั่วรู้สึกมึนงงมาก“พี่ใหญ่ดูจดหมายฉบับนี้ก่อนค่อยพูดเถอะ!”เว่ยซั่วกล่าวแล้วหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากอกยื่นให้เว่ยเหวินจง“ใครส่งมาให้เจ้า?”เว่ยเหวินจงขมวดคิ้วถามเว่ยซั่วหัวเราะเหอะๆ “นี่เป็นจดหมายที่ไท่จื่อมอบให้ข้าเองกับมือ”“อะไรนะ?”เว่ยเหวินจงสีหน้าแปรเปลี่ยนพลางเอ่ยเสียงดุ “เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไงกัน?”แม่ทัพใหญ่ประจำเขตชายแดนแอบรายงานต่อองค์ชายในราชวังถือเป็นข้อห้าม!หากฝ่าบาททรงจับได้ ศีรษะได้หลุดออกจากบ่าแน่!“ท่านพี่อย่าตื่นตระหนกไป”เว่ยซั่วเอ่ยยิ้มๆ อย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องนี้มีเพียงท่านและข้าที่รู้ ไม่มีคนที่สามแน่นอน!”“โลกนี้มีกำแพงที่ไม่เป็นรูที่ไหนกัน?”เว่ยเหวินจงตะโกนด้วยความโมโห “เจ้ารู้หรือว่ารอบตัวข้ามีคนใดบ้างที่เป็นคนของฝ่าบาท?
หากไม่ใช่เพราะพยายามควบคุมเอาไว้ เกรงว่าเขาคงสั่งสอนเว่ยซั่วไปแล้วตนเตือนเขาไปกี่ครั้งกี่หนแล้ว แต่เขาก็ยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชวังหัวใจองค์จักรพรรดิไม่ง่ายเหมือนที่เขาคิด!ได้ยินสิ่งที่เว่ยเหวินจงพูดแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเว่ยซั่วก็จางหายไปคำพูดของพี่ใหญ่เตือนสติเขาไว้นั่นน่ะสิ!ตอนนี้เขาสามารถติดต่อกับไท่จื่อโดยลับได้ ต่อไปหากไท่จื่อครองบัลลังก์ได้แล้วจะไม่สงสัยเขาหรอกหรือ?สำหรับแม่ทัพใหญ่ประจำเขตชายแดนอย่างพวกเขาแล้ว ทันทีที่จักรพรรดิสงสัย โทษสถานเบาคือถูกยึดอำนาจทางทหารทันที โทษสถานหนักแม้แต่ชีวิตของคนในครอบครัวก็ไม่อาจปกป้องไว้ได้!เว่ยซั่วยิ่งคิดยิ่งหวาดกลัว ค่อยๆ เผยสีหน้าลนลานออกมา“เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดี?”เว่ยซั่วมองพี่ใหญ่อย่างร้อนรนใจ“ทำอย่างไร เจ้าบอกข้าซิว่าจะทำอย่างไร?”เว่ยเหวินจงโมโหมาก “ตอนนี้ เจ้าช่วยไท่จื่อกำจัดหยุนเจิง หากเขาได้ครองบัลลังก์เขาจะสงสัยเจ้า! แต่หากเจ้าไม่ช่วยเขากำจัดหยุนเจิง เจ้าจะมั่นใจหรือว่าเขาจะไม่เกลียดชังเจ้า เจ้ามั่นใจหรือว่าหลังจากที่เขาครองบัลลังก์แล้วจะไม่คิดบัญชีกับเจ้า…”ไม่ว่าทางไหนก็เป็นทางตายทั้งนั้น!จะเด
วันถัดมา หยุนเจิงไม่ได้ไปที่ค่ายใต้หลังจากที่มอบหมายงานคัดเลือกคนฝีมือดีให้กับเสิ่นลั่วเยี่ยนแล้ว หยุนเจิงก็พาคนมุ่งหน้าไปยังค่ายเหนือทันทีวันนี้ หยุนเจิงสวมชุดเกราะทองล้ำค่าของตนมาโดยเฉพาะจากสถานการณ์เบื้องต้น การลากฮั่วกู้เข้ามาถือว่ามีความหวังมากต่อจากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับคนที่ค่ายเหนือคนนี้แล้วเขาสืบมาแล้วว่าหลูซิ่งที่รับหน้าที่ฝึกซ้อมทหารทางค่ายเหนือนี้เป็นเพียงชันเจียงขั้นห้าสมบูรณ์เท่านั้นชันเจียงขั้นห้าถือเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติที่สุดในราชวงศ์เฉียนแล้วชันเจียงบางคนก็สามารถไต่เต้าถึงขั้นสามสมบูรณ์บางคนก็สามารถไต่เต้าถึงขั้นห้าธรรมดาเท่านั้นค่ายเหนืออยู่ห่างจากประตูทางเหนือซั่วฟางราวยี่สิบลี้เท่านั้น เหมือนค่ายใต้ของหยุนเจิงที่ล้วนแต่เป็นค่ายชั่วคราวเท่านั้นได้ยินว่าหยุนเจิงจิ้งเป่ยอ๋องผู้นี้มาเยือน หลูซิ่งจึงได้รีบนำคนไปต้อนรับทันทีหลูซิ่งอายุราวสามสิบ ดูแล้วเป็นคนมีฝีมือคนหนึ่ง“ข้าหลูซิ่ง ขอคารวะท่านอ๋อง!”หลูซิ่งแม้นจะไม่รู้จักหยุนเจิง แต่ก็ไม่สงสัยในตัวตนของหยุนเจิงเพราะลำพังเครื่องหัวของหนุนเจิง ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงตัวตนของเขาแล้ว“ไม่ต้องมากพิธี
เมื่อเห็นสีหน้าไม่พึงพอใจของหลูซิ่งแล้ว หยุนเจิงพลันมีแผนขึ้นในใจเห็นได้ชัดว่าสำหรับการฝึกซ้อมทหารทั่วไปนี้ หลูซิ่งจะไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักไม่พอใจก็ดี!ต่อจากนี้ หยุนเจิงเองก็ไม่พูดมากทำเพลง แล้วหันไปตั้งใจสังเกตการฝึกซ้อมหลูซิ่งดูมีฝีมืออยู่เช่นกันทหารทั่วไปเหล่านี้มีเวลาฝึกซ้อมไม่นานนัก แต่ก็ถือว่าเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้วรอให้หลูซิ่งฝึกซ้อมทหารเสร็จสรรพ หยุนเจิงถึงเริ่มพูดคุยกับเขาอีกครั้ง“ใช่สิ ทักษะการต่อสู้ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”หยุนเจิงเอ่ยถามกะทันหัน“เอ่อ…”หลูซิ่งเองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรดีเช่นกันจึงได้แต่ตอบไปว่า “พอใช้ได้!”“โอ๋?”หยุนเจิงยกมุมปาก “หรือว่าจะลองสู้กับองครักษ์ข้างกายของข้าสักหน่อย ข้าจะได้เปิดตาบ้าง?”หลูซิ่งได้ยินดังนั้นก็ส่ายศีรษะกล่าวว่า “ทักษะของข้าธรรมดา ไม่กล้าแสดงฝีมืออันอับอายต่อหน้าท่านอ๋องหรอกขอรับ”“พูดอะไรกัน?”หยุนเจิงโบกมือแล้วให้โจวมี่หยิบดาบออกมา “ลองดาบเล่มนี้ดู”หลูซิ่งรับดาบมา เพียงแค่ดูลวดลายอันสวยงามของตัวดาบแล้ว สีหน้าของเขาก็เผยความดีใจออกมาแล้วหลังจากที่ลองความคมแล้ว หลูซิ่งก็รักจนไม่อยากปล่อยมือพลางเอ่ยชื่นชมอย่างไ
สำหรับหยุนเจิงแล้ว แกะหนึ่งร้อยตัวไม่ถือว่าใช้เงินเยอะขนาดนั้นเขาต้องการทำให้คนในค่ายใต้รู้ว่าการอยู่กับตนนั้นมีเนื้อให้กิน!เจอกับหลูซิ่งครั้งแรก หยุนเจิงเองก็ไม่ได้สนทนาอะไรมากมายหลังจากเดินดูรอบๆ ค่ายพร้อมกับหลูซิ่งแล้ว หยุนเจิงก็อำลากลับก่อน“แม่ทัพหลู ท่านอ๋องจะส่งแกะมาให้เราจริงหรือ?”หลังจากส่งหยุนเจิงเสร็จสรรพ ทหารคนสนิทข้างๆ พลันถามหลูซิ่งอย่างคาดหวังหลูซิ่งพยักหน้า “เขาเป็นถึงท่านอ๋อง ไม่ผิดคำพูดเพราะเงินแค่นี้หรอก”คิดจากเงินเดือนของเขา เขาไม่กินไม่ดื่มสิบปี ก็คงไม่สามารถซื้อแกะร้อยตัวได้แน่นอนแต่อย่างน้อยหยุนเจิงก็เป็นองค์ชายอีกทั้งยังเป็นองค์ชายข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวของต้าเฉียนด้วย!จักรพรรดิเพียงแค่ตบรางวัลให้เขาสิ่งเดียว ก็สามารถซื้อแกะหนึ่งร้อยตัวได้แล้ว“เช่นนั้นเราก็มีโอกาสได้กินข้าวมื้ออิ่มหมีพีมันแล้วสิ?”เมื่อคิดถึงเนื้อแกะอันโอชะ ทหารคนสนิทก็อดไม่ได้กลืนน้ำลายช่วงนี้เป็นช่วงที่เนื้อแกะเลิศรสที่สุด“อืม”หลูซิ่งพยักหน้าเบาๆ ในใจแอบสงสัยท่านอ๋องคนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?เขาอยากสนับสนุนด้านอาหารการกินของเหล่าสหายพี่น้องจริงๆ หรือว่ามีจุดปร
ระหว่างที่พูด พวกเขาก็แยกตัวเดินจากไปอย่างรีบร้อนทันทีดูเหมือนรีบกลับไปกินอาหารเลิศรสชั้นดีอย่างไรอย่างนั้นพวกเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ข่าวลือที่ว่าคนค่ายใต้ได้กินเนื้อกินอาหารละเอียดทุกวันก็แพร่ไปทั่วค่ายเหนือแล้วถึงแม้บางคนจะแอบสงสัย แต่คนอิจฉานั้นมากกว่าเป็นทหารทั่วไปเช่นเดียวกัน!คนอื่นมีเนื้อมีอาหารละเอียดกินทุกวัน แต่เหตุใดพวกเขากลับต้องกินอาหารหยาบและผักต้มอย่างประหยัดด้วย!ความแตกต่างนี้ไม่ได้แตกต่างกันธรรมดา!…วันถัดมา เรื่องที่คนค่ายใต้ได้กินเนื้อและอาหารละเอียดทุกวันก็ได้แพร่ไปทั่วอย่างสมบูรณ์แรกเริ่มยังมีผู้คนมากมายสงสัยแต่หลังจากกลุ่มคนที่สงสัยไปสำรวจดูที่ค่ายใต้ด้วยเหตุผลไปเยี่ยมสหายและอื่นๆ แล้ว เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องจริงไปในทันทีดังนั้นทหารยามของเมืองซั่วฟางและทหารทั่วไปของค่ายเหนือต่างก็อิจฉาคนค่ายใต้โดยสมบูรณ์หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นทหารหลบหนีล่ะก็ คนมากมายคงย้ายไปเข้าร่วมค่ายใต้แล้วสำหรับสถานการณ์ภายในค่าย ฮั่วกู้รู้เห็นทั้งหมดเมื่อเห็นว่าทหารเหล่านั้นไม่มีแม้แต่กะจิตกะใจจะฝึกซ้อม และคอยหาเหตุผลไปทานอาหารที่ค่ายใต้ ทำใ
โบราณว่า คนกินปากอ่อน คนรับมือสั้นทหารของเมืองซั่วฟางและค่ายเหนือต่างหาเหตุผลให้ได้ไปกินข้าวที่ค่ายใต้ แต่หากนานๆ เข้า พวกเขาก็จะรู้สึกเกรงใจแต่พวกเขาก็ไม่ใช่ทหารของค่ายใต้ และไม่มีหน้าฝึกซ้อมที่ค่ายใต้ต่อดังนั้น คนเหล่านี้จึงตอบแทนด้วยการทำเรื่องที่ต้องใช้แรงให้เมื่อได้รู้ว่าห้องปฏิบัติการบริเวณไม่ไกลออกจากค่ายใต้นั้นเป็นของสหายของหยุนเจิง คนเหล่านี้จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือก่อสร้างห้องปฏิบิตการแม้ว่าหยุนเจิงก็ห้ามอย่างไร ก็ไม่อาจห้ามไหว“แผนการของท่านนี่มันเยี่ยมจริงๆ!”เห็นทหารที่วิ่งเข้าไปช่วยก่อสร้างห้องปฏิบัติแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนพลันอดไม่ได้หัวเราะออกมา “ข้าเกรงว่าฮั่วกู้คงร้อนใจแย่แล้ว”ไอ้สารเลวคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ!เรื่องเละเทะเรื่องหนึ่งกลับถูกเขาพลิกสถานการณ์กลับมาได้ภายในเวลาไม่กี่วัน!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แผนที่จะกลืนกินกำลังคนและม้าของเมืองซั่วฟางและค่ายเหนือต้องสำเร็จแน่นอน!“ช่างเขาเถอะ!”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ อย่างไม่ใส่ใจ “ตอนนี้ก็รอดูว่าฮั่วกู้จะเลือกอย่างไรแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเอียงศีรษะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หากท่านเป็นฮั่วกู้ที่เจอสถานการณ์เช่นนี