บริเวณจุดจอดรถม้าจักรพรรดิเหวินกำลังดื่มสุราอยู่กับเหล่าแม่ทัพ แต่กลับใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวในขณะนี้จักรพรรดิเหวินทั้งดีใจทั้งโมโหที่ดีใจก็เพราะ ข้างกายหยุนเจิงมีคนสนิทที่สามารถรับผิดชอบงานใหญ่ได้เสิ่นลั่วเยี่ยนและตู้กุยหยวน ต่างก็ฉลาดกล้าหาญเมื่อมีพวกเขาอยู่เคียงข้างหยุนเจิง แม้จะโยนเจ้าหกทิ้งไว้ที่ซั่วเป่ย เขาก็รู้สึกวางใจแต่เมื่อเขาคิดถึงหยุนถิงและคนอื่นๆ จักรพรรดิเหวินก็โมโหขึ้นมาอีกทหารม้าสามพันนายไล่ตามทหารราบหนึ่งพันนาย!ม้าศึกจำนวนมากกลับถูกยึดไป?ที่สำคัญคือ ทางด้านหยุนเจิงได้รับความเสียหายน้อยกว่ามาก!น่าขายหน้า!นอกจากจะขายหน้าแล้วก็มีแต่ขายหน้า!เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าลูกโง่สามคนนั่นเรียนตำราพิชัยยุทธ์แบบไหน!หากพวกเขาใช้ความคิดใช้อุบายเหมือนในตำราพิชัยสงครามที่ร่ำเรียนสักหน่อย ก็คงไม่ขายหน้าขนาดนี้!เขาแทบรอไม่ไหวที่จะโยนเจ้าสารเลวทั้งสามนี้ไปฝึกฝนที่สนามรบซั่วเป่ย!ในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังคิดฟุ้งซาน ทันใดนั้นเสียงกีบเท้าม้าที่ดังราวกับเสียงกลองกึกก้องก็แว่วมาแต่ไกล“เกิดอะไรขึ้น”จักรพรรดิเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อยเซียวว่านโฉวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่
“องค์ชายหก?”ทันใดนั้นเปลือกตาของฉินชีหู่ก็กระตุกเขาไม่เห็นเงาของหยุนเจิงด้วยซ้ำ เขาจะไปพาองค์ชายหกมาจากไหนตาเฒ่านี่คงไม่คิดว่าตัวเองจับองค์ชายหกได้กระมังยิ่งฉินชีหู่คิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทันใดนั้นก็ตบกะโหลกเพียะ ตะโกนด้วยความหงุดหงิด “แย่ล่ะ ข้าตกหลุมพรางเขาแล้ว!”ตกหลุมพราง?หลังจากได้ยินคำพูดของฉินชีหู่ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพิศวงงุนงงเกิดอะไรขึ้นทำไมฉินชีหู่ถึงตกหลุมพรางล่ะในตอนที่ทุกคนกำลังสับสน จู่ๆ ม้าเร็วก็ควบตะบึงเข้ามาอย่างรวดเร็ว “กราบทูลฝ่าบาท องค์ชายหกได้นำกองทหารไปสมทบกับจุดกองหนุนที่ประตูทิศตะวันออกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”อะไรนะเมื่อได้ยินผู้มารายงาน ในสมองของของทุกคนก็ดังหึ่งๆฉินลิ่วก่านโกรธจัด ตะโกนใส่ฉินชีหู่อย่างเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า “เจ้าคนไร้ประโยชน์ มานี่เดี๋ยวนี้! วันนี้ข้าต้องสับเจ้าทั้งเป็นให้ได้!”เมื่อเห็นฉินลิ่วก่านที่โกรธจนเนื้อเต้น ฉินชีหู่ก็ตกใจกลัว เดินงกๆ เงิ่นๆ เข้าไปด้วยความหวาดกลัว“บอกมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่”ฉินลิ่วก่านถลึงตามองลูกชายด้วยดวงตาลุกโชน ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อฉินชีหู่ไม่กล้าปิดบังอำพราง ชี้ไปยังคนที่ปลอมต
จักรพรรดิเหวินเรียกราชองครักษ์ที่มอบให้แก่หยุนเจิงเข้ามาเมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของจักรพรรดิเหวินและกลุ่มแม่ทัพ ราชองครักษ์ก็ไม่กล้าพูดโกหก ทำได้เพียงบอกเล่าในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อได้ฟังที่ราชองครักษ์พูดทั้งหมดแล้ว สีหน้าของจักรพรรดิเหวินก็ดูแย่ในทันทีพวกไร้ประโยชน์สามคนนั้น ไม่เพียงแต่ไล่ตามเจ้าหกไม่ได้ แต่ยังถูกเจ้าหกและคนอื่นๆ จับเป็นด้วยงั้นหรือ?นี่คือการฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ที่ไหนกัน?นี่มันเรื่องน่าขันชัดๆ! ทหารม้าชั้นยอดห้าพันคนไล่ล่าและสกัดกั้นทหารราบหนึ่งพันคน พวกเขาไม่เพียงแค่ปล้นม้าสงครามไปมากมาย แต่ยังมีนายพลสามคนที่ถูกจับเป็นอีกด้วย! สิ่งสำคัญก็คือ ตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อให้นับจำนวนหยุนเจิงและคนอื่นๆ ที่ไปหลอกฉินชีหู่ แต่พวกเขาสูญเสียคนและม้าไปเพียงแค่สามร้อยคนเท่านั้น! เหล่าแม่ทัพทั้งตกใจและกลืนไม่เข้าคายไม่ออกใครจะคาดคิดว่า หยุนเจิงและคนอื่นๆ จะกล้าใช้กลยุทธ์ที่ไม่ถูกต้อง หลอกลวงจนสามองค์ทั้งสามยอมให้จับโดยไม่ต้องต่อสู้กันเลยทีเดียว! นี่คือการฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้หรือเล่นขายของกัน?“พวกเจ้า ต่างก็ทำได้ดีมาก!”สักครู่ใหญ่ๆ ใบหน้าของจักรพรรดิเหวินก็ผ่อน
การกระจายกำลังทหารไปตามที่ต่างๆ ของหนานย่วน เมื่อได้ยินเสียงกลองก็กลับมารวมตัวกันหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม หยุนถิงและคนอื่นๆ ก็กลับมาในที่สุดในระหว่างนี้ หลายคนที่กระจัดกระจายไป เมื่อได้ยินเสียงกลองก็กลับมาทีละคนขณะนั้นเอง หยุนถิงและอีกสองคนก็ร้อนใจมากทั้งสามคนรีบลงจากม้าที่ด้านหน้าจักรพรรดิเหวินประมาณร้อยเมตร และวิ่งเหยาะๆ เข้ามา“ลูกขอถวายบังคมเสด็จพ่อ...”ทั้งสามมาถึงด้วยใจที่ไม่เป็นสุข และแสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกันจักรพรรดิเหวินเก็บอาการ เงยหน้ากวาดตามองพวกเขาทั้งสามคน “พวกเจ้า ทำได้ไม่เลวเลยจริงๆ! มีแม่ทัพที่กล้าหาญและชาญฉลาดอย่างพวกเจ้า ช่างเป็นโชคดีของแคว้นต้าเฉียนจริงๆ!”“ลูกมีความผิด เสด็จพ่อได้โปรดตัดสินลงโทษด้วย!”ทั้งสามคนตกใจกลัว ต่างพากันกล่าวโทษโดยพร้อมกันคนโง่ก็รู้ว่าจักรพรรดิเหวินกำลังพูดประชดประชัน! “ลงโทษงั้นหรือ?”ความเย็นชาแวบผ่านเข้ามในสายตาของจักรพรรดิเหวิน หยิบถาดผลไม้ที่อยู่ด้านข้างเคาะหัวของพวกเขาทั้งสาม คำรามเสียงดังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและโกรธเกรี้ยว “ข้าถูกเจ้าหกนำทหารมาโจมตีแล้ว! พวกเจ้าทั้งสามก็ถูกจับตั
เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน สีหน้าของพวกหยุนถิงทั้งสามพลันเปลี่ยนไปมากนี่แทบจะเหมือนจับพวกเขาขังคุกแล้ว!หากโดนจับขังแล้วพวกเขาจะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทได้อย่างไรเล่า“เสด็จพ่อ……”หยุนถิงพลันเงยหน้าขึ้น ทำสีหน้าโศกเศร้าเสียใจพลางเอ่ยปากกล่าว “ลูก……”“หุบปากเจ้าซะ!”จักรพรรดิเหวินพูดตัดบทหยุนถิง “เจ้าจะกลับไปเองหรือจะให้ข้าให้คนคุ้มกันไปส่งเจ้ากลับ?”คุ้มกันไปส่ง!หากพูดหยาบหน่อยก็คือการคุมตัวนั่นเอง!หยุนถิงหุบปากไปทันใดคนเหล่านั้นที่เดิมทีคิดจะขอร้องแทนทั้งสามก็ล้วนแต่หุบปากไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ผู้ใดริกล้าเอ่ยปากขอร้องออกมา ต้องเป็นคนรับความซวยไปเป็นแน่ทั้งสามก้มหัวโขกศีรษะต่อจักรพรรดิเหวินด้วยสีหน้าโสกเศร้าเสียใจ ลุกขึ้นยืนเซซัดโซเซ และเดินออกไปด้วยสีหน้าไม่เต็มใจและอัปยศอดสูเมื่อทั้งสามออกไป สีพระพักตร์จักรพรรดิเหวินถึงจะค่อยๆ คลายโทสะลง“เจ้าหก!”สายตาจักรพรรดิเหวินจ้องมองไปที่หยุนเจิง“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงรีบลุกพรวดขึ้นจักรพรรดิเหวินเงยพระพักตร์ขึ้น “เจ้าบอกมาซิ ว่าข้าควรตบรางวัลให้ทหารจวนเหล
เจอขุนนางไม่ต้องไหว้ทำความเคารพ ก็ใช่ว่าเข้าราชสำนักแล้วไม่ต้องไหว้ทำความเคารพสักหน่อย!ตู้กุยหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิเหวินโบกเบาๆ บอกเป็นนัยให้ตู้กุยหยวนถอยกลับไป และกล่าวกับหยุนเจิงอีกว่า “ข้าให้เจ้ายืมม้าศึกเกือบพันตัวแล้ว ส่วนคนอื่นๆ จะไม่ตบรางวัลอันใดให้แล้ว! ที่เหลือ เจ้าไปจัดการกันเอาเองก็แล้วกัน!”จักรพรรดิเหวินให้โอกาสหยุนเจิงได้ตบรางวัลให้คนอื่นๆ เพื่อให้โอกาสหยุนเจิงเอาชนะใจคนอื่นให้ได้“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงหยักหน้าเบาๆ แต่ในใจกลับดีใจเป็นอย่างยิ่งช่างคิดไม่ภถึงจริงๆ!การแสดงศิลปะการต่อสู้จำลองเพียงแค่หนึ่งสนาม นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้สถานการณ์ของตนเองเปลี่ยนไปขนานใหญ่เช่นนี้ได้!ครานี้ ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ ก็ไม่ต้องมาเซ้าซี้ถามตนเรื่องม้าศึกอีกต่อไปแล้ว!“ฉินชีหู่ หยวนกุย!”จักรพรรดิเหวินเรียกทั้งสองออกมาด้านหน้าทั้งสองกลัดกลุ้มใจมาก ก้มหน้าก้มตาเดินออกมาก่อนจะโค้งคำคารวะในใจของทั้งสองรู้ดีว่าพวกเขาถึงคราซวยแล้วพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชเช่นนี้ แม้แต่องค์ชายทั้งสามล้วนแต่ถูกลงโทษไปแล้ว
เมื่อทุกคนกลับมารวมตัวกันครบหมดแล้ว หยุนเจิงจึงประกาศตบรางวัลให้ทุกคนคนละหนึ่งร้อยตำลึงส่วนตู้กุยหยวนและพวกทั้งสี่คนที่เป็นรองผู้บัญชาการได้รับรางวัลคนละสองร้อยตำลึงเพียงเอ่ยปากตบรางวัลไม่กี่วินาที เงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงก็หมดลงแล้วภูมิหลังของหยุนเจิงนับว่าร่ำรวยเลยทีเดียว แค่นี้ไม่ถึงกับขนหน้าแข้งร่วงได้ม้าศึกมาแล้ว อีกทั้งยังได้เงินเป้นรางวัลเช่นนี้อีก แน่นอนว่าทุกคนล้วนดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่แยกกับตู้กุยหยวนและพวกแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าที่ทางไม่พอใจ “เจ้ามันช่างใจกว้างยิ่งนัก!”“มันก็เป็นเรื่องที่สมควรใจกว้างอยู่แล้วหนิ่!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “อีกไม่นานพวกเขาก็จะร่วมทางไปซั่วเป่ยกับเราแล้ว ไปซั่วเป่ยในครั้งนี้ จะเป็นหรือตายก็ยากที่จะคาดเดาได้ เงินเหล่านี้ก็คือเงินช่วยเหลือครอบครัวพวกเขา”“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”เสิ่นลั่วเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น และกล่าวอย่างลำพองใจว่า “หากวันนี้ข้าไม่คิดวิธีแย่งชิงม้าศึกมา เจ้าจะได้รับชัยชนะหรือ เจ้าไม่คิดจะมอบประโยชน์ใดให้ข้าสักหน่อยหรือไง?”สำหรับการแสดงฝีมือของตนเองในวันนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนพึงพอใจเป็นอ
“พ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสองซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากมอบหมายภารกิจเสร็จ หยุนเจิงก็กลับเข้าไปในห้องให้ตายเถอะ!จะมอบสิ่งใดให้เสิ่นลั่วเยี่ยนดีล่ะจะเล่นก็เล่นจะโกรธก็โกรธสิชายาตนเอง อย่างไรก็ต้องตามใจเอาไว้ก่อน!ทว่า คิดไปคิดมา หยุนเจิงก็คิดหาของเหมาะสมไม่ออกช่างเถอะ ค่อยไปถามเยี่ยจื่อก็แล้วกัน!นางเข้าใจเสิ่นลั่วเยี่ยนที่สุด นางน่าจะรู้ว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนชอบสิ่งใดและในขณะที่หยุนเจิงกำลังตัดสินใจอยู่นั้น เมี่ยวอินก็มาหาเขาในมือของนางถือกล่องอันประณีตมาใบหนึ่งหยุนเจิงแปลกใจเล็กน้อย กล่าวด้วยความสนใจว่า “นี่เจ้าเอาของขวัญมาให้ข้าหรือ?”“เดาถูกแล้วล่ะ”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ และยื่นกล่องในมือให้กับหยุนเจิง “ของสิ่งนี้ข้าน่าจะไม่ได้ใช้มันแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้ามอบให้เจ้าก็แล้วกัน!”ห๊ะ!หยุนเจิงประหลาดใจมาก จึงรีบเปิดกล่องใบนั้นในกล่องเป็นวัตถุขนาดเท่าพู่กันชิ้นหนึ่งที่ทำมาจากทองเหลืองดูๆ แล้วมีความประณีตยังนัก“มันคืออันใดกัน?”หยุนเจิงถามด้วยความแปลกใจเมี่ยวอินกล่าวอธิบายว่า “มันคือพิรุณบุปผา เป็นอาวุธลับชนิดหนึ่ง……”ในพิรุณบุปผานี้มีเข็มพิษอยู่อ