การกระจายกำลังทหารไปตามที่ต่างๆ ของหนานย่วน เมื่อได้ยินเสียงกลองก็กลับมารวมตัวกันหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม หยุนถิงและคนอื่นๆ ก็กลับมาในที่สุดในระหว่างนี้ หลายคนที่กระจัดกระจายไป เมื่อได้ยินเสียงกลองก็กลับมาทีละคนขณะนั้นเอง หยุนถิงและอีกสองคนก็ร้อนใจมากทั้งสามคนรีบลงจากม้าที่ด้านหน้าจักรพรรดิเหวินประมาณร้อยเมตร และวิ่งเหยาะๆ เข้ามา“ลูกขอถวายบังคมเสด็จพ่อ...”ทั้งสามมาถึงด้วยใจที่ไม่เป็นสุข และแสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกันจักรพรรดิเหวินเก็บอาการ เงยหน้ากวาดตามองพวกเขาทั้งสามคน “พวกเจ้า ทำได้ไม่เลวเลยจริงๆ! มีแม่ทัพที่กล้าหาญและชาญฉลาดอย่างพวกเจ้า ช่างเป็นโชคดีของแคว้นต้าเฉียนจริงๆ!”“ลูกมีความผิด เสด็จพ่อได้โปรดตัดสินลงโทษด้วย!”ทั้งสามคนตกใจกลัว ต่างพากันกล่าวโทษโดยพร้อมกันคนโง่ก็รู้ว่าจักรพรรดิเหวินกำลังพูดประชดประชัน! “ลงโทษงั้นหรือ?”ความเย็นชาแวบผ่านเข้ามในสายตาของจักรพรรดิเหวิน หยิบถาดผลไม้ที่อยู่ด้านข้างเคาะหัวของพวกเขาทั้งสาม คำรามเสียงดังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและโกรธเกรี้ยว “ข้าถูกเจ้าหกนำทหารมาโจมตีแล้ว! พวกเจ้าทั้งสามก็ถูกจับตั
เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน สีหน้าของพวกหยุนถิงทั้งสามพลันเปลี่ยนไปมากนี่แทบจะเหมือนจับพวกเขาขังคุกแล้ว!หากโดนจับขังแล้วพวกเขาจะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทได้อย่างไรเล่า“เสด็จพ่อ……”หยุนถิงพลันเงยหน้าขึ้น ทำสีหน้าโศกเศร้าเสียใจพลางเอ่ยปากกล่าว “ลูก……”“หุบปากเจ้าซะ!”จักรพรรดิเหวินพูดตัดบทหยุนถิง “เจ้าจะกลับไปเองหรือจะให้ข้าให้คนคุ้มกันไปส่งเจ้ากลับ?”คุ้มกันไปส่ง!หากพูดหยาบหน่อยก็คือการคุมตัวนั่นเอง!หยุนถิงหุบปากไปทันใดคนเหล่านั้นที่เดิมทีคิดจะขอร้องแทนทั้งสามก็ล้วนแต่หุบปากไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ผู้ใดริกล้าเอ่ยปากขอร้องออกมา ต้องเป็นคนรับความซวยไปเป็นแน่ทั้งสามก้มหัวโขกศีรษะต่อจักรพรรดิเหวินด้วยสีหน้าโสกเศร้าเสียใจ ลุกขึ้นยืนเซซัดโซเซ และเดินออกไปด้วยสีหน้าไม่เต็มใจและอัปยศอดสูเมื่อทั้งสามออกไป สีพระพักตร์จักรพรรดิเหวินถึงจะค่อยๆ คลายโทสะลง“เจ้าหก!”สายตาจักรพรรดิเหวินจ้องมองไปที่หยุนเจิง“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงรีบลุกพรวดขึ้นจักรพรรดิเหวินเงยพระพักตร์ขึ้น “เจ้าบอกมาซิ ว่าข้าควรตบรางวัลให้ทหารจวนเหล
เจอขุนนางไม่ต้องไหว้ทำความเคารพ ก็ใช่ว่าเข้าราชสำนักแล้วไม่ต้องไหว้ทำความเคารพสักหน่อย!ตู้กุยหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิเหวินโบกเบาๆ บอกเป็นนัยให้ตู้กุยหยวนถอยกลับไป และกล่าวกับหยุนเจิงอีกว่า “ข้าให้เจ้ายืมม้าศึกเกือบพันตัวแล้ว ส่วนคนอื่นๆ จะไม่ตบรางวัลอันใดให้แล้ว! ที่เหลือ เจ้าไปจัดการกันเอาเองก็แล้วกัน!”จักรพรรดิเหวินให้โอกาสหยุนเจิงได้ตบรางวัลให้คนอื่นๆ เพื่อให้โอกาสหยุนเจิงเอาชนะใจคนอื่นให้ได้“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงหยักหน้าเบาๆ แต่ในใจกลับดีใจเป็นอย่างยิ่งช่างคิดไม่ภถึงจริงๆ!การแสดงศิลปะการต่อสู้จำลองเพียงแค่หนึ่งสนาม นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้สถานการณ์ของตนเองเปลี่ยนไปขนานใหญ่เช่นนี้ได้!ครานี้ ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ ก็ไม่ต้องมาเซ้าซี้ถามตนเรื่องม้าศึกอีกต่อไปแล้ว!“ฉินชีหู่ หยวนกุย!”จักรพรรดิเหวินเรียกทั้งสองออกมาด้านหน้าทั้งสองกลัดกลุ้มใจมาก ก้มหน้าก้มตาเดินออกมาก่อนจะโค้งคำคารวะในใจของทั้งสองรู้ดีว่าพวกเขาถึงคราซวยแล้วพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชเช่นนี้ แม้แต่องค์ชายทั้งสามล้วนแต่ถูกลงโทษไปแล้ว
เมื่อทุกคนกลับมารวมตัวกันครบหมดแล้ว หยุนเจิงจึงประกาศตบรางวัลให้ทุกคนคนละหนึ่งร้อยตำลึงส่วนตู้กุยหยวนและพวกทั้งสี่คนที่เป็นรองผู้บัญชาการได้รับรางวัลคนละสองร้อยตำลึงเพียงเอ่ยปากตบรางวัลไม่กี่วินาที เงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงก็หมดลงแล้วภูมิหลังของหยุนเจิงนับว่าร่ำรวยเลยทีเดียว แค่นี้ไม่ถึงกับขนหน้าแข้งร่วงได้ม้าศึกมาแล้ว อีกทั้งยังได้เงินเป้นรางวัลเช่นนี้อีก แน่นอนว่าทุกคนล้วนดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่แยกกับตู้กุยหยวนและพวกแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าที่ทางไม่พอใจ “เจ้ามันช่างใจกว้างยิ่งนัก!”“มันก็เป็นเรื่องที่สมควรใจกว้างอยู่แล้วหนิ่!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “อีกไม่นานพวกเขาก็จะร่วมทางไปซั่วเป่ยกับเราแล้ว ไปซั่วเป่ยในครั้งนี้ จะเป็นหรือตายก็ยากที่จะคาดเดาได้ เงินเหล่านี้ก็คือเงินช่วยเหลือครอบครัวพวกเขา”“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”เสิ่นลั่วเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น และกล่าวอย่างลำพองใจว่า “หากวันนี้ข้าไม่คิดวิธีแย่งชิงม้าศึกมา เจ้าจะได้รับชัยชนะหรือ เจ้าไม่คิดจะมอบประโยชน์ใดให้ข้าสักหน่อยหรือไง?”สำหรับการแสดงฝีมือของตนเองในวันนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนพึงพอใจเป็นอ
“พ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสองซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากมอบหมายภารกิจเสร็จ หยุนเจิงก็กลับเข้าไปในห้องให้ตายเถอะ!จะมอบสิ่งใดให้เสิ่นลั่วเยี่ยนดีล่ะจะเล่นก็เล่นจะโกรธก็โกรธสิชายาตนเอง อย่างไรก็ต้องตามใจเอาไว้ก่อน!ทว่า คิดไปคิดมา หยุนเจิงก็คิดหาของเหมาะสมไม่ออกช่างเถอะ ค่อยไปถามเยี่ยจื่อก็แล้วกัน!นางเข้าใจเสิ่นลั่วเยี่ยนที่สุด นางน่าจะรู้ว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนชอบสิ่งใดและในขณะที่หยุนเจิงกำลังตัดสินใจอยู่นั้น เมี่ยวอินก็มาหาเขาในมือของนางถือกล่องอันประณีตมาใบหนึ่งหยุนเจิงแปลกใจเล็กน้อย กล่าวด้วยความสนใจว่า “นี่เจ้าเอาของขวัญมาให้ข้าหรือ?”“เดาถูกแล้วล่ะ”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ และยื่นกล่องในมือให้กับหยุนเจิง “ของสิ่งนี้ข้าน่าจะไม่ได้ใช้มันแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้ามอบให้เจ้าก็แล้วกัน!”ห๊ะ!หยุนเจิงประหลาดใจมาก จึงรีบเปิดกล่องใบนั้นในกล่องเป็นวัตถุขนาดเท่าพู่กันชิ้นหนึ่งที่ทำมาจากทองเหลืองดูๆ แล้วมีความประณีตยังนัก“มันคืออันใดกัน?”หยุนเจิงถามด้วยความแปลกใจเมี่ยวอินกล่าวอธิบายว่า “มันคือพิรุณบุปผา เป็นอาวุธลับชนิดหนึ่ง……”ในพิรุณบุปผานี้มีเข็มพิษอยู่อ
ในขณะที่เขาเดินไปที่โถงด้านหน้ากับเยี่ยจื่อนั้น หยุนเจิงก้เอ่ยปากถามนางถึงของชอบของเสิ่นลั่วเยี่ยน“ท่านช่างไม่มีความจริงใจเอาซะเลย!”เยี่ยจื่อยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าว “ท่านจะมอบของให้นางยังต้องมาถามข้าอีกหรือ?”หยุนเจิงยิ้มอย่างจนปัญญา “ก็ข้าไม่รู้นี่หน่าว่านางชอบสิ่งใด”“ท่านคิดเอาเองเถอะ!”ในขณะที่เยี่ยจื่อตอบไปนั้น นางก็มองหยุนเจิงด้วยความเป็นสุขบนความทุกข์ของเขาหยุนเจิงจนปัญญาแล้วจริงๆนี่นางกำลังแก้แค้นตนเรื่องที่ตนแกล้งนางในครั้งก่อนหรือเฮ้อ!ดูท่าคงต้องใช้สมองคิดเองแล้วล่ะ!ไม่นานนัก หยุนเจิงก้เดินมาถึงห้องโถงด้านหน้าสตรีผู้นำอย่างเสิ่นลั่วเยี่ยนผู้นี้กำลังนั่งพูดคุยเป็นเพื่อนกับฉินชีหู่หน้าตาของฉินชีหู่ฟกช้ำดำเขียว ดูท่าจะถูกทุบตีอย่างน่าสังเวชจริงๆเมื่อเห็นสภาพของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงยิ่งรู้สึกผิดต่อเขามากเห็นหยุนเจิงมาแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ลุกขึ้นทันที “พี่ใหญ่ฉิน ข้ามีเรื่องต้องจัดการ ต้องขอตัวก่อน”“ไม่เป็นไร!”ฉินชีหู่พยักหน้า ก่อนจะมองหยุนเจิงด้วยความขุ่นเคือง“พี่ใหญ่ฉิน ข้าต้องขอโทษมากจริงๆ ที่ทำให้พี่ใหญ่ฉินต้องถูกทุบตีจนกลายเป็นสภ
“ดี เยี่ยมเลย!”หยุนเจิงรีบตอบรับทันที “คืนนี้น้องรักอย่างข้าจะดื่มกับพี่ใหญ่ฉินเอง เพื่อเป็นการขอโทษพี่ใหญ่ฉินด้วย”“เจ้าพูดว่าขอโทษมันดูห่างเหินไปหน่อยแล้ว!”ฉินชีหู่กล่าวด้วยอย่างสบายว่า “จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็โทษเจ้าไม่ได้ พูดตามตรง เป็นข้าเองที่ไม่ได้เรื่อง ทำสุกเอาเผากินก็โดนหลอกเอาซะได้!”ฉินชีหู่ไม่พอใจในผลงานของตัวเองในวันนี้เลยและที่สำคัญที่สุดก็คือ เขายังไม่ทันได้สแดงฝีมือก็ถูกหลอกให้กลับไปแล้ว!เมื่อย้อนกลับไปคิดดูแล้วช่างรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเสียจริงนี่หากอยู่ในสนามรบจริงแล้วล่ะก็ มันไม่แค่ถูกทุบตีเท่านั้นแล้ว!อย่างน้อยก็ถูกโบยสิบไม้ รุนแรงสุด เกรงว่าจะถูกทุบตีจนกระบาลแตกเป็นเสี่ยงๆยามรัตติกาล ฉินชีหู่ก็อยู่ดื่มสุรากับหยุนเจิงที่จวนฉินชีหู่เป็นคนกล้าได้กล้าเสียและตรงไปตรงมา เรื่องดื่มสุราก็เช่นกันเดิมทียกซดคนละจอกและแน่นอนว่านี่ก็เป็นเพราะฤทธิ์สุราของต้าเฉียนไม่แรงพอคนทั่วไปล้วนแต่ดื่มสุราข้าวหมากที่ขุ่นทั้งสิ้นแม้แต่เหล้าชั้นดีในวังก็ไม่ได้ใสดั่งน้ำเมื่อดื่มจนได้ที่ ฉินชีหู่ตบไหล่หยุนเจิง และกล่าวด้วยท่วงท่าสบายว่า “น้องรัก เจ้าไปซั่วเป
หลังจากที่การประลองที่หนานย่วนจบลง หยุนเจิงก็ไม่ได้ไปเรียนยุทธวิธีการรบกับเซียวติ้งอู่อีกเลยจักรพรรดิเหวินเองก็ไม่ได้ก้าวก่ายเขาแต่อย่างใดคงจะเห็นว่าข้างกายเขามีคนคอยวางแผนกลยุทธ์อย่างเสิ่นลั่วเยี่ยนและตู้กุยหยวนก้เพียงพอแล้วกระมัง ต่อให้เขาดั้นด้นเรียนยุทธวิธีการรบต่อก็ไม่ได้มีความหมายมากนักด้วยเหตุนี้หยุนเจิงจึงมีเวลาพักผ่อนหย่อนใจและออกไปเที่ยวเตร่กับจางซูอีกครั้งหลังจากเสร็จจากมื้อเช้า หยุนเจิงก็ไปหาจางซูวันนี้ต้องพูดกับจางซูเรื่องที่เขาต้องไปซั่วเป่ยกับตนแล้วลองดูก่อนว่าจางซูมีท่าทางเช่นไร ถึงจะเดินหมากในก้าวต่อไปได้ในขณะที่หยุนเจิงมาถึงจวนของจางซูนั้น จางซูกำลังปรับปรุงไม้หน้ากลอยู่พอดี“ปรับไม้หน้ากลไปถึงไหนแล้วล่ะ”หยุนเจิงกล่าวถามจางซูอย่างกระตือรือร้น“ก็ไม่อย่างไร”จางซูส่ายหน้าด้วยความกลัดกลุ้มใจพลางกล่าวว่า “องค์ชายหก กระหม่อมแนะนำว่าอย่าทำสิ่งนี้เลย…..”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว จางซูก็บอกถึงปัญหามากมายที่เกี่ยวกับไม้หน้ากลปัญหาความแม่นยำนั้นแก้ไขง่าย ปัญหาของความยืดหยุ่นจางซูก็แก้ไขแล้วในภายหลังแต่ปัญหาของระยะทางที่จะยิงไปถึงนั้นมันแก้ไขยากมากจริงๆ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่