จักรพรรดิเหวินเรียกราชองครักษ์ที่มอบให้แก่หยุนเจิงเข้ามาเมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของจักรพรรดิเหวินและกลุ่มแม่ทัพ ราชองครักษ์ก็ไม่กล้าพูดโกหก ทำได้เพียงบอกเล่าในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อได้ฟังที่ราชองครักษ์พูดทั้งหมดแล้ว สีหน้าของจักรพรรดิเหวินก็ดูแย่ในทันทีพวกไร้ประโยชน์สามคนนั้น ไม่เพียงแต่ไล่ตามเจ้าหกไม่ได้ แต่ยังถูกเจ้าหกและคนอื่นๆ จับเป็นด้วยงั้นหรือ?นี่คือการฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ที่ไหนกัน?นี่มันเรื่องน่าขันชัดๆ! ทหารม้าชั้นยอดห้าพันคนไล่ล่าและสกัดกั้นทหารราบหนึ่งพันคน พวกเขาไม่เพียงแค่ปล้นม้าสงครามไปมากมาย แต่ยังมีนายพลสามคนที่ถูกจับเป็นอีกด้วย! สิ่งสำคัญก็คือ ตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อให้นับจำนวนหยุนเจิงและคนอื่นๆ ที่ไปหลอกฉินชีหู่ แต่พวกเขาสูญเสียคนและม้าไปเพียงแค่สามร้อยคนเท่านั้น! เหล่าแม่ทัพทั้งตกใจและกลืนไม่เข้าคายไม่ออกใครจะคาดคิดว่า หยุนเจิงและคนอื่นๆ จะกล้าใช้กลยุทธ์ที่ไม่ถูกต้อง หลอกลวงจนสามองค์ทั้งสามยอมให้จับโดยไม่ต้องต่อสู้กันเลยทีเดียว! นี่คือการฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้หรือเล่นขายของกัน?“พวกเจ้า ต่างก็ทำได้ดีมาก!”สักครู่ใหญ่ๆ ใบหน้าของจักรพรรดิเหวินก็ผ่อน
การกระจายกำลังทหารไปตามที่ต่างๆ ของหนานย่วน เมื่อได้ยินเสียงกลองก็กลับมารวมตัวกันหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม หยุนถิงและคนอื่นๆ ก็กลับมาในที่สุดในระหว่างนี้ หลายคนที่กระจัดกระจายไป เมื่อได้ยินเสียงกลองก็กลับมาทีละคนขณะนั้นเอง หยุนถิงและอีกสองคนก็ร้อนใจมากทั้งสามคนรีบลงจากม้าที่ด้านหน้าจักรพรรดิเหวินประมาณร้อยเมตร และวิ่งเหยาะๆ เข้ามา“ลูกขอถวายบังคมเสด็จพ่อ...”ทั้งสามมาถึงด้วยใจที่ไม่เป็นสุข และแสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกันจักรพรรดิเหวินเก็บอาการ เงยหน้ากวาดตามองพวกเขาทั้งสามคน “พวกเจ้า ทำได้ไม่เลวเลยจริงๆ! มีแม่ทัพที่กล้าหาญและชาญฉลาดอย่างพวกเจ้า ช่างเป็นโชคดีของแคว้นต้าเฉียนจริงๆ!”“ลูกมีความผิด เสด็จพ่อได้โปรดตัดสินลงโทษด้วย!”ทั้งสามคนตกใจกลัว ต่างพากันกล่าวโทษโดยพร้อมกันคนโง่ก็รู้ว่าจักรพรรดิเหวินกำลังพูดประชดประชัน! “ลงโทษงั้นหรือ?”ความเย็นชาแวบผ่านเข้ามในสายตาของจักรพรรดิเหวิน หยิบถาดผลไม้ที่อยู่ด้านข้างเคาะหัวของพวกเขาทั้งสาม คำรามเสียงดังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและโกรธเกรี้ยว “ข้าถูกเจ้าหกนำทหารมาโจมตีแล้ว! พวกเจ้าทั้งสามก็ถูกจับตั
เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน สีหน้าของพวกหยุนถิงทั้งสามพลันเปลี่ยนไปมากนี่แทบจะเหมือนจับพวกเขาขังคุกแล้ว!หากโดนจับขังแล้วพวกเขาจะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทได้อย่างไรเล่า“เสด็จพ่อ……”หยุนถิงพลันเงยหน้าขึ้น ทำสีหน้าโศกเศร้าเสียใจพลางเอ่ยปากกล่าว “ลูก……”“หุบปากเจ้าซะ!”จักรพรรดิเหวินพูดตัดบทหยุนถิง “เจ้าจะกลับไปเองหรือจะให้ข้าให้คนคุ้มกันไปส่งเจ้ากลับ?”คุ้มกันไปส่ง!หากพูดหยาบหน่อยก็คือการคุมตัวนั่นเอง!หยุนถิงหุบปากไปทันใดคนเหล่านั้นที่เดิมทีคิดจะขอร้องแทนทั้งสามก็ล้วนแต่หุบปากไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ผู้ใดริกล้าเอ่ยปากขอร้องออกมา ต้องเป็นคนรับความซวยไปเป็นแน่ทั้งสามก้มหัวโขกศีรษะต่อจักรพรรดิเหวินด้วยสีหน้าโสกเศร้าเสียใจ ลุกขึ้นยืนเซซัดโซเซ และเดินออกไปด้วยสีหน้าไม่เต็มใจและอัปยศอดสูเมื่อทั้งสามออกไป สีพระพักตร์จักรพรรดิเหวินถึงจะค่อยๆ คลายโทสะลง“เจ้าหก!”สายตาจักรพรรดิเหวินจ้องมองไปที่หยุนเจิง“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงรีบลุกพรวดขึ้นจักรพรรดิเหวินเงยพระพักตร์ขึ้น “เจ้าบอกมาซิ ว่าข้าควรตบรางวัลให้ทหารจวนเหล
เจอขุนนางไม่ต้องไหว้ทำความเคารพ ก็ใช่ว่าเข้าราชสำนักแล้วไม่ต้องไหว้ทำความเคารพสักหน่อย!ตู้กุยหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิเหวินโบกเบาๆ บอกเป็นนัยให้ตู้กุยหยวนถอยกลับไป และกล่าวกับหยุนเจิงอีกว่า “ข้าให้เจ้ายืมม้าศึกเกือบพันตัวแล้ว ส่วนคนอื่นๆ จะไม่ตบรางวัลอันใดให้แล้ว! ที่เหลือ เจ้าไปจัดการกันเอาเองก็แล้วกัน!”จักรพรรดิเหวินให้โอกาสหยุนเจิงได้ตบรางวัลให้คนอื่นๆ เพื่อให้โอกาสหยุนเจิงเอาชนะใจคนอื่นให้ได้“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงหยักหน้าเบาๆ แต่ในใจกลับดีใจเป็นอย่างยิ่งช่างคิดไม่ภถึงจริงๆ!การแสดงศิลปะการต่อสู้จำลองเพียงแค่หนึ่งสนาม นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้สถานการณ์ของตนเองเปลี่ยนไปขนานใหญ่เช่นนี้ได้!ครานี้ ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ ก็ไม่ต้องมาเซ้าซี้ถามตนเรื่องม้าศึกอีกต่อไปแล้ว!“ฉินชีหู่ หยวนกุย!”จักรพรรดิเหวินเรียกทั้งสองออกมาด้านหน้าทั้งสองกลัดกลุ้มใจมาก ก้มหน้าก้มตาเดินออกมาก่อนจะโค้งคำคารวะในใจของทั้งสองรู้ดีว่าพวกเขาถึงคราซวยแล้วพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชเช่นนี้ แม้แต่องค์ชายทั้งสามล้วนแต่ถูกลงโทษไปแล้ว
เมื่อทุกคนกลับมารวมตัวกันครบหมดแล้ว หยุนเจิงจึงประกาศตบรางวัลให้ทุกคนคนละหนึ่งร้อยตำลึงส่วนตู้กุยหยวนและพวกทั้งสี่คนที่เป็นรองผู้บัญชาการได้รับรางวัลคนละสองร้อยตำลึงเพียงเอ่ยปากตบรางวัลไม่กี่วินาที เงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงก็หมดลงแล้วภูมิหลังของหยุนเจิงนับว่าร่ำรวยเลยทีเดียว แค่นี้ไม่ถึงกับขนหน้าแข้งร่วงได้ม้าศึกมาแล้ว อีกทั้งยังได้เงินเป้นรางวัลเช่นนี้อีก แน่นอนว่าทุกคนล้วนดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่แยกกับตู้กุยหยวนและพวกแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าที่ทางไม่พอใจ “เจ้ามันช่างใจกว้างยิ่งนัก!”“มันก็เป็นเรื่องที่สมควรใจกว้างอยู่แล้วหนิ่!”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “อีกไม่นานพวกเขาก็จะร่วมทางไปซั่วเป่ยกับเราแล้ว ไปซั่วเป่ยในครั้งนี้ จะเป็นหรือตายก็ยากที่จะคาดเดาได้ เงินเหล่านี้ก็คือเงินช่วยเหลือครอบครัวพวกเขา”“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”เสิ่นลั่วเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น และกล่าวอย่างลำพองใจว่า “หากวันนี้ข้าไม่คิดวิธีแย่งชิงม้าศึกมา เจ้าจะได้รับชัยชนะหรือ เจ้าไม่คิดจะมอบประโยชน์ใดให้ข้าสักหน่อยหรือไง?”สำหรับการแสดงฝีมือของตนเองในวันนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนพึงพอใจเป็นอ
“พ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสองซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากมอบหมายภารกิจเสร็จ หยุนเจิงก็กลับเข้าไปในห้องให้ตายเถอะ!จะมอบสิ่งใดให้เสิ่นลั่วเยี่ยนดีล่ะจะเล่นก็เล่นจะโกรธก็โกรธสิชายาตนเอง อย่างไรก็ต้องตามใจเอาไว้ก่อน!ทว่า คิดไปคิดมา หยุนเจิงก็คิดหาของเหมาะสมไม่ออกช่างเถอะ ค่อยไปถามเยี่ยจื่อก็แล้วกัน!นางเข้าใจเสิ่นลั่วเยี่ยนที่สุด นางน่าจะรู้ว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนชอบสิ่งใดและในขณะที่หยุนเจิงกำลังตัดสินใจอยู่นั้น เมี่ยวอินก็มาหาเขาในมือของนางถือกล่องอันประณีตมาใบหนึ่งหยุนเจิงแปลกใจเล็กน้อย กล่าวด้วยความสนใจว่า “นี่เจ้าเอาของขวัญมาให้ข้าหรือ?”“เดาถูกแล้วล่ะ”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ และยื่นกล่องในมือให้กับหยุนเจิง “ของสิ่งนี้ข้าน่าจะไม่ได้ใช้มันแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้ามอบให้เจ้าก็แล้วกัน!”ห๊ะ!หยุนเจิงประหลาดใจมาก จึงรีบเปิดกล่องใบนั้นในกล่องเป็นวัตถุขนาดเท่าพู่กันชิ้นหนึ่งที่ทำมาจากทองเหลืองดูๆ แล้วมีความประณีตยังนัก“มันคืออันใดกัน?”หยุนเจิงถามด้วยความแปลกใจเมี่ยวอินกล่าวอธิบายว่า “มันคือพิรุณบุปผา เป็นอาวุธลับชนิดหนึ่ง……”ในพิรุณบุปผานี้มีเข็มพิษอยู่อ
ในขณะที่เขาเดินไปที่โถงด้านหน้ากับเยี่ยจื่อนั้น หยุนเจิงก้เอ่ยปากถามนางถึงของชอบของเสิ่นลั่วเยี่ยน“ท่านช่างไม่มีความจริงใจเอาซะเลย!”เยี่ยจื่อยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าว “ท่านจะมอบของให้นางยังต้องมาถามข้าอีกหรือ?”หยุนเจิงยิ้มอย่างจนปัญญา “ก็ข้าไม่รู้นี่หน่าว่านางชอบสิ่งใด”“ท่านคิดเอาเองเถอะ!”ในขณะที่เยี่ยจื่อตอบไปนั้น นางก็มองหยุนเจิงด้วยความเป็นสุขบนความทุกข์ของเขาหยุนเจิงจนปัญญาแล้วจริงๆนี่นางกำลังแก้แค้นตนเรื่องที่ตนแกล้งนางในครั้งก่อนหรือเฮ้อ!ดูท่าคงต้องใช้สมองคิดเองแล้วล่ะ!ไม่นานนัก หยุนเจิงก้เดินมาถึงห้องโถงด้านหน้าสตรีผู้นำอย่างเสิ่นลั่วเยี่ยนผู้นี้กำลังนั่งพูดคุยเป็นเพื่อนกับฉินชีหู่หน้าตาของฉินชีหู่ฟกช้ำดำเขียว ดูท่าจะถูกทุบตีอย่างน่าสังเวชจริงๆเมื่อเห็นสภาพของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงยิ่งรู้สึกผิดต่อเขามากเห็นหยุนเจิงมาแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ลุกขึ้นทันที “พี่ใหญ่ฉิน ข้ามีเรื่องต้องจัดการ ต้องขอตัวก่อน”“ไม่เป็นไร!”ฉินชีหู่พยักหน้า ก่อนจะมองหยุนเจิงด้วยความขุ่นเคือง“พี่ใหญ่ฉิน ข้าต้องขอโทษมากจริงๆ ที่ทำให้พี่ใหญ่ฉินต้องถูกทุบตีจนกลายเป็นสภ
“ดี เยี่ยมเลย!”หยุนเจิงรีบตอบรับทันที “คืนนี้น้องรักอย่างข้าจะดื่มกับพี่ใหญ่ฉินเอง เพื่อเป็นการขอโทษพี่ใหญ่ฉินด้วย”“เจ้าพูดว่าขอโทษมันดูห่างเหินไปหน่อยแล้ว!”ฉินชีหู่กล่าวด้วยอย่างสบายว่า “จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็โทษเจ้าไม่ได้ พูดตามตรง เป็นข้าเองที่ไม่ได้เรื่อง ทำสุกเอาเผากินก็โดนหลอกเอาซะได้!”ฉินชีหู่ไม่พอใจในผลงานของตัวเองในวันนี้เลยและที่สำคัญที่สุดก็คือ เขายังไม่ทันได้สแดงฝีมือก็ถูกหลอกให้กลับไปแล้ว!เมื่อย้อนกลับไปคิดดูแล้วช่างรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเสียจริงนี่หากอยู่ในสนามรบจริงแล้วล่ะก็ มันไม่แค่ถูกทุบตีเท่านั้นแล้ว!อย่างน้อยก็ถูกโบยสิบไม้ รุนแรงสุด เกรงว่าจะถูกทุบตีจนกระบาลแตกเป็นเสี่ยงๆยามรัตติกาล ฉินชีหู่ก็อยู่ดื่มสุรากับหยุนเจิงที่จวนฉินชีหู่เป็นคนกล้าได้กล้าเสียและตรงไปตรงมา เรื่องดื่มสุราก็เช่นกันเดิมทียกซดคนละจอกและแน่นอนว่านี่ก็เป็นเพราะฤทธิ์สุราของต้าเฉียนไม่แรงพอคนทั่วไปล้วนแต่ดื่มสุราข้าวหมากที่ขุ่นทั้งสิ้นแม้แต่เหล้าชั้นดีในวังก็ไม่ได้ใสดั่งน้ำเมื่อดื่มจนได้ที่ ฉินชีหู่ตบไหล่หยุนเจิง และกล่าวด้วยท่วงท่าสบายว่า “น้องรัก เจ้าไปซั่วเป