หลังจากนั้นหลายวัน หยุนเจิงรีบไปยังหม่าอี้จางซูกลับถึงหม่าอี้แล้ว เขาคาดว่า พ่อค้าธัญพืชเหล่านั้นน่าจะใกล้ถึงหม่าอี้แล้ว“ฮ่าๆ องค์ชาย ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว!”เมื่อเห็นหยุนเจิง จางซูก็กอดหยุนเจิงขอแค่ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย จางซูและหยุนเจิงค่อนข้างทำตัวเป็นกันเอง“ไปๆ ข้าไม่มีงานอดิเรกกอดกับผู้ชาย!”หยุนเจิงหัวเราะและผลักจางซูออก “ดูอารมณ์ของเจ้าไม่เลวเลย มีข่าวดีใช่หรือไม่?”จางซูเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “หนึ่งข่าวดีและหนึ่งข่าวร้าย องค์ชายอยากฟังข่าวใดก่อน?”เมื่อได้ฟังคำของจางซู หยุนเจิงอยากกระโดดขาคู่ใส่เจ้าคนชั่วนี่เขาเกลียดคนถามประเภทนี้ที่สุดแล้ว!ทว่า ในเมื่อจางซูให้เขาเลือก เขาเลือกดีกว่า!“บอกข่าวร้ายก่อนเถอะ!” ร้ายก่อนค่อยดี!คนมากมายต่างก็เลือกเช่นนี้จางซูยิ้มเจ้าเล่ห์ กระซิบต่ำ “องค์ชายรู้หรือไม่ คนในด่านไม่มากก็น้อยกำลังด่าท่าน…”“ด่าข้า?”หยุนเจิงไม่เข้าใจ “ด่าข้าใช้ทหารเป็นการส่วนตัว?เขาอย่างไรก็ตีเป่ยหวนจนยอมจำนนกระมัง?ต่อให้ใช้ทหารเป็นการส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้ก่อกบฏ ใครกล้าด่าว่าเขา?“ไม่ใช่”จางซูส่ายหน้า กล่าวอย่างชั่วร้าย “ด่าที่ท่านเอาพี่สะใภ้เป็
ตอนนี้ เสด็จพ่อพระราชทานงานแต่งแล้ว เขายังมีราชโอการอยู่ในมือ คนเหล่านี้ยังทำเช่นนี้?ให้ตายสิต้องโง่เพียงใดจึงสามารถทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ได้!หยุนเจิงสบถในใจอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ช้อนสายตามองจางซู “คาดว่าเป็นเจ้าสามที่ผลักดันอยู่เบื้องหลัง”หารไม่มีคนผลักดัน คนเหล่านี้คงไม่โง่มาร้องทุกข์ที่ซั่วเป่ยเช่นนี้เยี่ยจื่อเป็นคนที่เสด็จพ่อพระราชทานสมรสให้เขา!เกี่ยวข้องใดกับคนหน้าโง่เช่นนี้!“เป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าใช่!”จางซูหัวเราะ “ท่านไม่รู้ ตอนที่ข้าได้ยินเรื่องนี้ แทบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ...”คนเหล่านั้นโง่เขลา!นี่มันน้ำเข้าสมองจริงแท้!จางซูหัวเราะไม่หยุด ใบหน้าอวบอ้วนบนหน้ากระเพื่อมตามเห็นท่าท่างจางซูเช่นนั้น หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหมดคำพูดมิน่าเล่าเจ้าชั่วนี่จึงหัวเราะเช่นนี้!ดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะที่คนเหล่านี้โง่เขลาเกินไป“เอาล่ะ เลิกหัวเราะได้แล้ว”หยุนเจิงถีบจางซูเบาๆ “เรื่องนี้เจ้ารู้ก็พอแล้ว อย่าบอกกับจื่อเอ๋อร์ แม้ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่น่านางสนใจ! รอให้คนพวกนี้มาซั่วเป่ยจริง ก็ค่อยๆ จัดการ!”“ได้ๆ!”จางซูพยักหน้าติดต่อกัน กล่าวด้วยใบหน้าคาดหว
ฟังคำของจางซูจบ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหน้าดำอึมครึมมารดาเขาสิ!แค่ผลึกหินใสไม่กี่ก้อน ต้องจ่ายเงินซื้อนับแสนตำลึงเงิน แล้วยังต้องมีตำแหน่งขุนนาง?กระจก!หากสามารถทำกระจกออกมาได้ ต้องทำกำไรมากกว่าเกลือละเอียดและหมักเหล้าแน่นอน!กลับไปต้องคิดให้ดีๆ สิ่งที่สร้างจุดหลอมเหลวให้กระจกมันคือสิ่งใด!หยุนเจิงตัดสินใจเงียบๆ จากนั้นก็ถามจางซู “จริงด้วย เจ้าขายตำแหน่งขุนนางเป็นเช่นไรแล้ว?”“ฮ่าๆ วิธีนี้ไม่เลวเลย!”พูดถึงเรื่องขายตำแหน่งขุนนาง จางซูยักคิ้วหลิ่วตาบอกกับหยุนเจิงรวมกับประกาศรับสมัครที่หยุนเจิงประกาศ จางซูขายตำแหน่งออกไปได้ไม่น้อยส่วนมากล้วนเป็นตำแหน่งขุนนางที่อยู่ภายใต้เจี๋ยตู้สื่อรัชสมัยก่อนแม้กระทั่งมีบางตำแหน่งจางซูแต่งขึ้นมาชั่วคราวถึงเช่นไร ซั่วเป่ยก็เท่ากับแคว้นเล็กๆตำแหน่งขุนนางใด ล้วนเป็นหยุนเจิงที่ตัดสินไม่ใช่หรือ?คนชั่วนี่ไม่เพียงขายตำแหน่งขุนนางของซั่วเป่ย แม้แต่ตำแหน่งขุนนางของเป่ยหวนก็ขายแล้วตำแหน่งจั่วโย่วเสียนอ๋อง ล้วนถูกเขาขายออกไปแล้วแต่ว่า คนที่ซื้อตำแหน่งขุนนางของเป่ยหวนก็ไม่ใช่คนโง่ใครต่างก็รู้ ตำแหน่งจั่วโย่วเสียนอ๋องเช่นนี้ แค่นำมาโอ้อวดก
ดังนั้น เสบียงในมือของพวกเขารับซื้อในราคาที่ต่ำมากตอนนี้เดิมราคาในตลาดก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย หยุนเจิงรับซื้อในราคาสูงกว่าตลาดสามส่วน นับดูแล้ว พวกเขาได้กำไรมากแล้วหากสามารถนำเสบียงหนึ่งล้านหาบมาขายที่ซั่วเป่ยได้ เช่นนั้นก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำแล้ว“พวกเจ้าคิดว่า จิ้งเป่ยอ๋องจะรับซื้อเสบียงอาหารในราคาสูงเช่นนี้จริงหรือ?“ซั่วเป่ยออกประกาศ น่าจะไม่ใช่เรื่องโกหกกระมัง?”“ข้ายังรู้สึกไม่วางใจ จิ้งเป่ยอ๋องผู้นี้เหมือนไม่ใช่คนยอมเสียเปรียบ”“ข้าคิดว่า เป็นเพราะอุทกภัยทางตอนใต้ จิ้งเป่ยอ๋องกลัวว่ายิ่งอยู่ต่อไปก็รับซื้อเสบียงยากขึ้น จึงเริ่มกักตุนเสบียงอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้! แต่ไหนแต่ไรตอนที่ไม่มีเรื่องสงคราม ซั่วเป่ยก็ใกล้ขาดแคลนเสบียงอาหารแล้ว นับประสาสิ่งใดกับตอนนี้?”“นี่ไม่ใช่เรื่องขาดหรือไม่ขาดแคลนเสบียง ที่สำคัญคือ จิ้งเป่ยอ๋องยินดีจ่ายเงินซื้อธัญพืชนจำนวนมหาศาลด้วยราคาสูงเช่นนี้หรือไม่...”พ่อค้าธัญพืชรวมตัวกัน กระซิบหารือกันแม้พวกเขาไม่เคยพบหยุนเจิง แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวบางส่วนของหยุนเจิงคนผู้นี้ไม่ยอมเสียเปรียบบนสนามรบ เรื่องการรับซื้อเสบียงก็ยอมเสียเปรียบแล้ว?เรื่
เมิ่งหยุนตอบทันที “ข้าน้อยนำเสบียงอาหารมาหนึ่งหมื่นห้าพันหาบ”พ่อค้าธัญพืชอีกสามคนก็รีบรายงานจำนวนเสบียงที่ตัวเองขนมาทั้งสามคนต่างก็ขนส่งเสบียงมาเพียงหนึ่งหมื่นหาบไม่ต่างจากการคาดการของจั่วเริ่นมากนักเสียงอาหารของพ่อค้าธัญพืชสี่คนรวมกันแล้วยังไม่ถึงห้าหมื่นหาบด้วยซ้ำหยุนเจิงสบถในใจ สีหน้าหงิกงอ “เหตใดจึงขนเสบียงมาแค่เท่านี้? เหตุใด กลัวข้าไม่มีเงินซื้อเสบียงหรือ หรือกลัวข้าจะปล้นเสบียงอาหารของพวกเจ้า?”ถูกหยุนเจิงถามเช่นนี้ ทั้งสี่คนตื่นตระหนกในใจ รีบส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากจางซูแม้พวกเขาต่างก็ไม่รู้จักจางซู แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของจางซูแค่เห็นรูปร่างของจางซู ก็คาดเดาได้ว่าท่านนี้ก็คือเทพแห่งความมั่งคั่งในตำนานผู้นั้นจางซูเข้าใจ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มกับหยุนเจิง “องค์ชาย ฤดูร้อนปีนี้ทางใต้มีฝนมาก ถนนเต็มไปด้วยดินโคลน ข้าคิดว่า พวกเขากลัวว่าซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารเกินไป จึงขนส่งเสบียงอาหารจำนวนน้อยมาก่อน คุ้นเคยเส้นทางการขนส่งเสบียงอาหารสักหน่อย รอให้อากาศดี ถนนไม่มีดินโคลน ค่อยขนส่งเสบียงอาหารจำนวนมากมา...” “ใช่ ใช่...”ทุกคนพากันพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้น
เสบียงอาหารของซั่วเป่ยขาดแคลนหนักมากหากไม่สามารถเติมเสบียงให้ถึงเส้นปลอดภัยได้โดยเร็ว ซั่วเป่ยก็อาจเผชิญความเสี่ยงเรื่องเสบียงอาหารสุดท้ายต้องซื้อเสบียงอาหารจำนวนมากภายในด่าน!ดีทีสุดหากสามารถนำเสบียงที่กักตุนของพ่อค้าธัญพืชรายใหญ่เหล่านั้นจากภายในด่านทั้งหมดมาที่ซั่วเป่ยได้!ต้าเฉียนปีที่แล้วเก็บเกี่ยวผลผลิตสมบูรณ์ พ่อค้าธัญพืชเหล่านั้นน่าจะเก็บกักตุนไว้ไม่น้อยขณะที่หยุนเจิงกำลังกังวลเงียบ จางซูมาหาเขา“เป็นเช่นไร?”หยุนเจิงถามด้วยรอยยิ้มจางซูหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ไม่ผิดจากที่องค์ชายคาดการณ์ คนเหล่านี้คิดจะลากข้าขึ้นเรือด้วย!”“เช่นนั้นก็ดี!”รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนเจิงเข้มข้นขึ้น “ไม่ว่าพวกเขาจะให้ผลประโยชน์ใดกับเจ้า เจ้าเก็บไว้ก็พอแล้ว!”เหตุผลที่คนเหล่านี้ขนส่งเสบียงเพียงเล็กน้อยเพื่อลองเชิง ก็เพราะกังวลว่าเรื่องนี้จะเป็นภัยพิบัติหรือ?หากจางซูกับพวกเขามีผลประโยชน์ร่วมกัน ก็น่าจะขจัดความกังวลของพวกเขาได้เบื้องหน้ารู้จักคนก็ทำงานง่ายแล้ว!นี่คือสิ่งที่ใช้ได้กับทุกคน“ได้!”จางซูตอบอย่างสบาย จากนั้นก็หัวเราะร่าเริง “ตอนนี้พวกเขาอยากเจรจารายละเอียดเรื่องการรับซื้อเสบีย
หยุนลี่ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ฝืนกล่าว “ใช่ ใช่ ใต้เท้าจางพูดไม่ผิด”“เช่นนั้นหรือ?”หยุนเจิงขมวดคิ้วมองเมิ่งหยุนฉี่ทั้งสี่คน “ข้าให้โอกาสพวกเจ้า คนที่มีเสบียงที่กักตุนไว้เกินห้าแสนหาบอยู่ก่อน แม้แต่เสบียงอาหารห้าแสนหาบยังไม่มี ตอนนี้ก็ไปซะ ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบาก!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทั้งสี่คนมองหน้ากันเงียบๆพวกเขาไม่มีใครกักตุนเสบียงเกินห้าแสนหาบถึงเช่นไร พวกเขาก็เป็นแค่พ่อค้าธัญพืช ไม่ใช่คลังของราชสำนักพวกเขากักตุนเสบียงอาหาร ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกันธัญพืชที่กักตุนอยู่ในคลังเสบียงนานเกินไป ก็จะกลายเป็นธัญพืชเก่า!ราคาของธัญพืชเก่าก็ไม่อาจเทียบกับธัญพืชใหม่ได้อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ดูทั้งต้าเฉียน มีพ่อค้าธัญพืชไม่กี่คนที่กักตุนเสบียงเกินห้าแสนหาบนอกจากพ่อค้าธัญพืชที่มีเบื้องหลังแข็งแกร่งแต่ว่า คิดถึงผลกำไรที่อุดมมั่งคั่ง ทุกคนกลับไม่ยอมจากไปในมือพวกเขาไม่มีธัญพืชมากมายเช่นนั้น แต่สามารถรับซื้อธัญพืชจากที่อื่นได้!ก็แค่ราคาสูงหน่อยเท่านั้น!อีกทั้ง ราชสำนักกำลังจัดกัดราคาธัญพืชภายในด่าน พ่อค้าธัญพืชมากมายภายในด่านไม่กล้าขึ้นราคาแต่พวกเขาสามารถรับซื้อได้!
ทุกคนต่างก็ได้รับเงินมัดจำสองแสนตำลึงเงินหยุนเจิงไม่กลัวพวกเขาได้เงินแล้วชิ่งหนีหากพวกเขากล้าทำเช่นนั้น ในทางกลับกันหยุนเจิงยิ่งดีใจ!บุกไปถึงบ้านโดยตรง ง่ายกว่าการวางกับดักพ่อค้าธัญพืชเหล่านี้มาก!นำข้อระเบียบที่เป็นรูปธรรมมอบให้จางซูแล้ว หยุนเจิงอ้างว่ายังมีเรื่องต้องจัดการ ให้จางซูพาทั้งสี่คนออกไป“แม้ครู่ขอบคุณใต้เท้าจางที่ช่วยแก้หน้าให้พวกเรา”“ใต้เท้าจางฉลาดปราดเปรื่อง พวกข้าเลื่อมใสอย่างยิ่ง!”“เช่นนั้นเหตุใดจึงบอกว่าใต้เท้าจางเป็นคนดังข้างกายท่านอ๋องเล่า?”“หากไม่มีใต้เท้าจาง วันนี้เกรงว่าพวกเราคงถูกท่านอ๋องไล่ออกไปแล้ว...”ออกจากคลังเสบียง ทั้งสี่คนก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนแสดงความขอบคุณการประจบสอพลอนี้แม้แต่จางซูยังทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว“เอาล่ะ เลิกประจบสอพลอได้แล้ว!”จางซูโบกมือ “แม้ท่านอ๋องเป็นคนใจกว้าง แต่ไม่ยอมให้เม็ดทรายเข้าตา! ข้าเตือนพวกเจ้าสักประโยค หากไม่มีความสามารถหาธัญพืชมากมายมาได้ ก็อย่าหาเรื่องมาทำเรื่องนี้เลย! ตอนนี้กลับใจยังทัน! เมื่อลงนามสัญญาแล้ว หากพวกเจ้าไม่อาจส่งธัญพืชตามกำหนดได้ ท่านอ๋องโมโหขึ้นมา ข้าห้ามไม่ไหว!”อู๋อวี้เซวียนหัวเราะ ตบหน้าอ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่