วันที่สอง เมิ่งหยุนทั้งสี่คนรับสัญญาที่ประทับตราของหยุนเจิง ไปจากหม่าอี้ด้วยความพึงพอใจเรื่องธัญพืชจัดการเรียบร้อยแล้ว หยุนเจิงเตรียมออกจากหม่าอี้ไปยังสำนักศึกษาเตรียมทหารที่เขาลั่วเสียนักเรียนสามร้อยคนรอบแรกของสำนักศึกษาเตรียมทหารมาถึงแล้วเขาคือเจ้าสำนักของสำนักศึกษาเตรียมทหาร เช่นไรก็ต้องไปดูหน่อยก่อนเขาจากไป จางซูบอกผลประโยชน์ที่ทั้งสี่คนให้กับจางซูตามความสัตย์จริงทั้งสี่คนเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับจางซู ลงทุนไปไม่น้อยเลยเงินค่าธัญพืชทั้งหมดที่ได้มาในครั้งนี้ ทั้งหมดยกให้กับจางซู นับรวมกับค่าบริโภคระหว่างขนส่ง ครั้งนี้พวกเขาต่างก็รับว่าขาดทุนแล้วแต่ว่า พ่อค้าที่เฉลียวฉลาดล้วนไม่สนใจเงินเล็กน้อยเช่นนี้การค้าหลังจากนี้ จึงจะเป็นการค้าใหญ่ที่แท้จริง!ที่สำคัญคือ พวกเขาต้องสร้างความสัมพันธ์กับเทพมั่งคั่งจางซูผู้นี้!ในบรรดาทั้งสี่คน อู๋อวีเซวียนใจกว้างที่สุดแล้วกลางคืนเมื่อวาน อู๋อวี้เซวียนเจรจากับจางซูนานที่สุด รับปากมองผลกำไรจากการค้าธัญพืชด้านหลังห้าส่วนให้กับจางซูเมิ่งหยุนฉี่พวกเขาต่างก็แบ่งผลประโยชน์ให้จางซูเป็นการส่วนตัว แต่ไม่ได้ใจกว้างอย่างอู๋อวี้เซวียนถึง
พวกเขาสามารถใช้วิธีการมาหลอกพ่อค้าธัญพืชเหล่านี้ แต่ไม่อาจทำเรื่องปล้นชิงในนามของราชการได้คิดจะพัฒนาซั่วเป่ย ไม่ใช่แค่อาศัยพวกเขาทำโรงงานก็ใช้ได้แล้วต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ดีสำหรับซั่วเป่ย ให้เหล่าพ่อค้าภายในด่านยอมมาทำการค้าที่ซั่วเป่ย“ก็จริง!”จางซูพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็หัวเราะร่าเริง “ต่อให้พวกเรารับซื้อธัญพืชในราคาสูงจากพ่อค้าเหล่านี้ รอให้พ่อค้าธัญพืชคนอื่นได้รับข่าว นำธัญพืชส่งมาที่ซั่วเป่ยแล้ว พวกเราก็สามารถใช้แผนการขององค์ชายรับซื่อธัญพืชในราคาปกติ!”“ใช่! หากพวกเขาทำได้ พวกเราก็เท่ากับประชาสัมพันธ์ให้ซั่วเป่ยแล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้ม จากนั้นก็กล่าว “ทางนี้ข้ายังมีของสองอย่าง ต้องให้เจ้ารีบทำออกมา หากทางตอนใต้เกิดโรคห่าระบาดจริง ของสองสิ่งนี้บางทีอาจได้ใช้เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จางซูรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีหยุนเจิงไม่โอ้เอกับจางซู นำวิธีผลิตหน้ากากอนามัยและชุดป้องกันโรคบอกกับจางซูหน้ากากอนามัยนั้นง่ายมาก ใช้ผ้าฝ้ายละเอียดหลายชั้นรวมกับผ้าแพรไหม ก็สามารถทำได้แล้วแม้ของสิ่งนี้ไม่อาจเทียบกับหน้ากากอนามัย N95 ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่มีส่วนชุดป้องกันโรค ใ
หนึ่งวันให้หลัง หยุนเจิงพาคนมายังสำนักศึกษาเตรียมทหาร ป้ายของสำนักศึกษาเตรียมทหารแขวนเรียบร้อยแล้วตามความต้องการของหยุนเจิง ประตูสำนักศึกษาเตรียมทหารตั้งป้ายศิลาหินขนาดใหญ่เอาไว้บนนั้นสลักไว้ด้วยสิบสี่อักษรเป็นตายเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ป้องกันเหตุร้ายเลี่ยงหายนะตอนที่หยุนเจิงมาถึง ตู๋กูเช่กำลังนำครูผู้ฝึกและนักเรียนกลุ่มหนึ่งรออยู่หน้าประตูนักเรียนของสำนักศึกษาเตรียมทหารชุดแรก มีความต้องการที่เข้มงวดอายุต้องอยู่ระหว่างยี่สิบถึงสามสิบปี จำเป็นต้องรู้หนังสือเบื้องหลังคนเหล่านี้ต้องใสสะอาด เดิมทีอยู่ในกองทหารมณฑลทางเหนือ อย่างน้อยต้องได้รับตำแหน่งหัวหน้าทหารประจำการขึ้นไปอีกทั้ง ต้องเคยปะทะเข่นฆ่าศัตรูในสนามรบผู้ที่สามารถเป็นนักเรียนชุดแรกของสำนักศึกษาเตรียมทหารได้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นยอดวีรบุรุษในหมู่ยอดวีรบุรุษแม้ตอนนี้อากาศจะร้อนระอุ แต่ทุกคนต่างก็ใส่ชุดเกราะพาดลำตัวนักเรียนสามร้อยคนยืนกันเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ละคนมีจิตใจแน่วแน่“ยินดีต้อนรับองค์ชาย! ยินดีต้อนรับฮูหยินเมี่ยวอิน!”เมื่อเห็นขบวนของหยุนเจิง ตู๋กูเช่อนำทุกคนทำความเคารพหยุนเจิงไม่มีความตั้งใจจ
นางมักอยู่ข้างกายหยุนเจิง นางย่อมเคยฟังหยุนเจิงร้องเพลงนี้ตอนที่หยุนเจิงสอนตู๋กูเช่อ นางก็อยู่ด้วยตอนนั้นนางฟังบทเพลงนี้ มักรู้สึกว่าโคลงประกอบดนตรีและเพลงล้วนแปลกประหลาดตอนนี้ได้ยินคนมากมายร้องประสานเสียงเป็นครั้งแรก ก็เกิดความรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันทีมีเพียงชายเลือดร้อนถึงจะเขียนโคลงประกอบดนตรีและเพลงที่ห้าวหาญเช่นนี้ขึ้นมาได้เผชิญกับสายตาคลั่งไคล้ของเมี่ยวอิน หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงโคลงประกอบดนตรีและเพลงนี้ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย เขาแค่แก้ไม่กี่ตัวอักษรเท่านั้นแต่ว่า แม้แต่เมี่ยวอินยังฟังอย่างหลงใหลเช่นนี้ หลังจากนี้บทเพลงนี้จะได้รับการเผยแพร่ในกองทัพ น่าจะกลายเป็นเพลงประจำกองทัพของกองทหารมณฑลทางเหนือแล้ว!เพลงทหาร หลายครั้งก็สามารถเสริมสร้างขวัญกำลังใจได้!“ต้าเฉียนยิ่งใหญ่ทุกจตุรทิศ...ร่วมสรรเสริญ!”ตอนที่หยุนเจิงกำลังครุ่นคิด บทเพลงก็เข้าสู่ช่วงท้ายแล้วแม้เพลงร้องจบแล้ว แต่ดูเหมือนหลายคนจะยังจมอยู่กับเพลงทหารเพลงนี้ ท่าทางหลงใหลเช่นนั้น ล้วนเห็นได้ด้วยตาเปล่า“ดีมาก!”หยุนเจิงลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงดัง “ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ผิดต่อบทเพลงทหารนี้
หลายวันต่อมา หยุนเจิงอยู่ที่สำนักศึกษาเตรียมทหารโดยตลอดนอกจากฃสอนศิลปะสงครามให้บรรดานักเรียนแล้ว หยุนเจิงยังออกความคิดเห็นเกี่ยวกับสำนักศึกษาเตรียมทหารด้วย ฉวยโอกาสตอนเขาอยู่ที่นี่ สิ่งที่ควรแก้ไขก็แก้ไขวันนี้ หยุนเจิงกำลังสอน เมี่ยวอินรีบร้อนปรากฏตัวอยู่หน้าห้องเรียน ส่งสายตาให้หยุนเจิงหยุนเจิงเข้าใจ สั่งให้ทุกคนแยกแยะสิ่งที่เขาเพิ่งกล่าวไปก่อนหน้านี้ รีบเดินมายังประตูหน้าห้องเรียนเมี่ยวอินนำจดหมายในมือฉบับนั้นมอบให้หยุนเจิงทันทีเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากนี่ไม่ใช่บทเรียนหรือ?กรณีศึกษาสำเร็จรูปมาแล้ว?“เจ้าไปทำงานของเจ้าก่อนเถอะ!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้มให้เมี่ยวอินเล็กน้อย กลับเข้าไปในห้องเรียนอีกครั้ง บรรยายเนื้อหาในจดหมายฉบับนี้ต่อหน้าทุกคนนี่คือข่าวสำคัญจากส่ายสืบที่เขาส่งไปโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ข่าวที่คนของเขาได้กับข่าวที่กู่เก๋อบอกมีบางส่วนไม่เหมือนกันตอนนี้ แคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉือไม่ได้ร่วมมือกัน ในทางกลับกันความสัมพันธ์ยังตึงเครียดสาเหตุของเรื่อง ดูเหมือนเพราะองค์ชายสี่ที่ได้รับการยกย่องจากแคว้นต้าเย่ว์ถูกลอบสังหารจากมือสังหารตอนที่ล
โจมตีทุ่งหญ้าซิ่นหลินหรือ?หลังสิ้นเสียงของนักเรียนผู้แข็งแกร่ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในดังขึ้นไม่หยุดทุกคนต่างก็กำลังครุ่นคิด มีความเป็นไปได้เช่นนี้หรือ?ไม่นาน พวกเขาก็ได้รับคำตอบแล้วมีความเป็นไปได้โดยสมบูรณ์!“เจ้าชื่ออะไร?”เวลานี้ หยุนเจิงสุดท้ายก็เอ่ยปากถามนักเรียนผู้แข็งแกร่งคนนั้น“ข้าน้อย ชื่อเสียงต่ำต้องเหลียงชิง”“เหลียงชิงใช่หรือไม่?”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อยมองเหลียงชิง “ข้าถามเจ้า เป่ยหมัวถัวตอนนี้เป็นแคว้นบริวารของต้าเฉียนเรา หากแคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉือโจมตีเป่ยหวนจากทางเดินทะเลทรายตะวันตก จำเป็นต้องผ่านเป่ยหมัวถัว ถูกหรือไม่?”“ถูกต้อง!”ชิงเหลียงพยักหน้าหนักแน่นหยุนเจิงยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ถามต่อ “พวกเขาทำเช่นนี้ พวกเขาไม่กลัวพวกเราฉวยโอกาสตอนพวกเขาโจมตีทางเดินทะเลทรายตะวันตก เคลื่อนทัพไปตัดเส้นทางของหลังของพวกเขาโดยตรงหรือ?หยนุเจิงกล่าว จากนั้นก็หยิบท่อนไม้บนโต๊ะ ชี้ไปยังแผนที่ขนาดใหญ่ด้านหน้า“นี่...”ชิงเหลียงพลันใจกระตุก ทันใดนั้นก็กล่าวสิ่งใดไม่ออกจริงด้วย!หากแคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉือร่วมมือกันบุกทางเดินทะเลทรายตะวันตก ต้าเฉียนสามารถเคลื่อนทัพจากเขาห่านป
หยุนเจิงอยู่ที่สำนักศึกษาเตรียมทหารอยู่หลายวันทุกวันนอกจากสอนนักเรียนของสำนักศึกษาเตรียมทหารแล้ว ก็ยังหาเวลาทำกล้องส่องทางไกลลำกล้องเดียวกล้องส่องทางไกลสิ่งนี้ กล่าวไปนั้นง่าย แต่ทำขึ้นมาจริงๆ ไม่ง่ายสาเหตุสำคัญมาจากการเจียรไนผลึกหินใสที่ค่อนข้างยุ่งยากนี่เป็นงานที่พิถีพิถันหยุนเจิงไม่ได้มีความอดทนเช่นนั้น แต่ตอนเริ่มทำสิ่งนี้ ไม่สามารถมอบให้คนที่ใดมาทำก็ได้ ทำได้เพียงทำเองด้วยความอดทนเพื่อมอบพลังให้ตัวเอง หยุนเจิงนำเรื่องนี้เดิมพันกับเมี่ยวอินยังดี ผ่านความหมั่นเพียรหลายวันของหยุนเจิง ในที่สุดกล้องส่องทางไกลลำกล้องเดียวทำออกมาได้แล้วหยุนเจิงชื่นชมผลงานชิ้นเอกของตัวเอง“ขี้เหร่จริงๆ!”หยุนเจิงตัวเขาเองยังอดสบถไม่ได้ตอนนี้กล้องส่องทางไกลลำกล้องเดียวแบบยืนหดได้ทำมาจากไม้ผลลัพธ์เป็นเช่นไร เขายังไม่ได้ทดลองตอนนี้นี่เป็นเพียงต้นแบบของกล้องส่องทางไกลมองได้ไกลเท่าใด หยุนเจิงก็ยังไม่แน่ใจแต่ว่า มองเห็นคนและทิวทัศน์ที่อยู่ห่างออกไปสองกิโลเมตรน่าจะไม่มีปัญหาแน่นอน คิดจะมองใบหน้าคนให้ชัดเป็นไปไม่ได้กลับไปต้องให้จางซูผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติทำตามต้นแบบใหม่อีกครั้ง
แต่ว่า สำหรับหยุนเจิงแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วนี่เป็นเพียงคนสองคนและม้าสองตัว หากเป็นการเคลื่อนไหวของทัพศัตรูขนาดใหญ่ ใช้การมองผ่านดวงตาพันลี้ นอกยี่สิบลี้น่าจะเห็นการจัดทัพโดยคร่าวๆ ของทัพศัตรูได้อย่างชัดเจนระยะห่างนี้ เพียงพอแล้ว!“เจ้ามาดู!”หยุนเจิงนำดวงตาพันลี้ในมือส่งให้เมี่ยวอิน “ดูว่าเจ้าหาสองคนนั้นกับม้าสองตัวพบหรือไม่!”เมี่ยวอินรับมา ส่องหาด้วยดวงตาพันลี้ไม่นาน เมี่ยวอินก็หาตำแหน่งของสองคนนั้นและม้าสองตัวพบ“ตรงนั้น!”เมี่ยวอินชี้ไปที่ตำแหน่งที่ทั้งสองอยู่ด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ฟังเช่นนี้ พวกตู๋กูเช่อรู้สึกคันที่หัวใจยากต่อการอดทนตู๋กูเช่อมองเมี่ยวอินตาปริบๆ ราวกับวินาทีถัดไปจะแย่งดวงตาพันลี้มาจากมือของเมี่ยวอินหยุนเจิงหัวเราะ จางนั้นก็ตบเมี่ยวอินเบาๆ บ่งบอกให้เมี่ยวอินนำดวงตาพันลี้ส่งให้พวกตู๋กูเช่อเมี่ยวอินส่งดวงตาพันลี้ไปให้ด้วยความที่ยังดูไม่หนำใจ ทันทีที่ตู๋กูเช่อรับดวงตาพันลี้มา ก็จงใจเปลี่ยนไปอีกทิศทาง จางนั้นค่อยเริ่มหาร่องรอยขอสองคนนั้นและม้าสองตัวในที่สุด ตู๋กูเช่อก็เจอตำแหน่งของสองคนนั้นและม้าสองตัวแม้มองเห็นหน้าตาทั้งสองคนไม่ชัด แต่กลับตัดส
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่