พวกเขาสามารถใช้วิธีการมาหลอกพ่อค้าธัญพืชเหล่านี้ แต่ไม่อาจทำเรื่องปล้นชิงในนามของราชการได้คิดจะพัฒนาซั่วเป่ย ไม่ใช่แค่อาศัยพวกเขาทำโรงงานก็ใช้ได้แล้วต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ดีสำหรับซั่วเป่ย ให้เหล่าพ่อค้าภายในด่านยอมมาทำการค้าที่ซั่วเป่ย“ก็จริง!”จางซูพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็หัวเราะร่าเริง “ต่อให้พวกเรารับซื้อธัญพืชในราคาสูงจากพ่อค้าเหล่านี้ รอให้พ่อค้าธัญพืชคนอื่นได้รับข่าว นำธัญพืชส่งมาที่ซั่วเป่ยแล้ว พวกเราก็สามารถใช้แผนการขององค์ชายรับซื่อธัญพืชในราคาปกติ!”“ใช่! หากพวกเขาทำได้ พวกเราก็เท่ากับประชาสัมพันธ์ให้ซั่วเป่ยแล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้ม จากนั้นก็กล่าว “ทางนี้ข้ายังมีของสองอย่าง ต้องให้เจ้ารีบทำออกมา หากทางตอนใต้เกิดโรคห่าระบาดจริง ของสองสิ่งนี้บางทีอาจได้ใช้เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จางซูรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีหยุนเจิงไม่โอ้เอกับจางซู นำวิธีผลิตหน้ากากอนามัยและชุดป้องกันโรคบอกกับจางซูหน้ากากอนามัยนั้นง่ายมาก ใช้ผ้าฝ้ายละเอียดหลายชั้นรวมกับผ้าแพรไหม ก็สามารถทำได้แล้วแม้ของสิ่งนี้ไม่อาจเทียบกับหน้ากากอนามัย N95 ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่มีส่วนชุดป้องกันโรค ใ
หนึ่งวันให้หลัง หยุนเจิงพาคนมายังสำนักศึกษาเตรียมทหาร ป้ายของสำนักศึกษาเตรียมทหารแขวนเรียบร้อยแล้วตามความต้องการของหยุนเจิง ประตูสำนักศึกษาเตรียมทหารตั้งป้ายศิลาหินขนาดใหญ่เอาไว้บนนั้นสลักไว้ด้วยสิบสี่อักษรเป็นตายเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ป้องกันเหตุร้ายเลี่ยงหายนะตอนที่หยุนเจิงมาถึง ตู๋กูเช่กำลังนำครูผู้ฝึกและนักเรียนกลุ่มหนึ่งรออยู่หน้าประตูนักเรียนของสำนักศึกษาเตรียมทหารชุดแรก มีความต้องการที่เข้มงวดอายุต้องอยู่ระหว่างยี่สิบถึงสามสิบปี จำเป็นต้องรู้หนังสือเบื้องหลังคนเหล่านี้ต้องใสสะอาด เดิมทีอยู่ในกองทหารมณฑลทางเหนือ อย่างน้อยต้องได้รับตำแหน่งหัวหน้าทหารประจำการขึ้นไปอีกทั้ง ต้องเคยปะทะเข่นฆ่าศัตรูในสนามรบผู้ที่สามารถเป็นนักเรียนชุดแรกของสำนักศึกษาเตรียมทหารได้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นยอดวีรบุรุษในหมู่ยอดวีรบุรุษแม้ตอนนี้อากาศจะร้อนระอุ แต่ทุกคนต่างก็ใส่ชุดเกราะพาดลำตัวนักเรียนสามร้อยคนยืนกันเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ละคนมีจิตใจแน่วแน่“ยินดีต้อนรับองค์ชาย! ยินดีต้อนรับฮูหยินเมี่ยวอิน!”เมื่อเห็นขบวนของหยุนเจิง ตู๋กูเช่อนำทุกคนทำความเคารพหยุนเจิงไม่มีความตั้งใจจ
นางมักอยู่ข้างกายหยุนเจิง นางย่อมเคยฟังหยุนเจิงร้องเพลงนี้ตอนที่หยุนเจิงสอนตู๋กูเช่อ นางก็อยู่ด้วยตอนนั้นนางฟังบทเพลงนี้ มักรู้สึกว่าโคลงประกอบดนตรีและเพลงล้วนแปลกประหลาดตอนนี้ได้ยินคนมากมายร้องประสานเสียงเป็นครั้งแรก ก็เกิดความรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันทีมีเพียงชายเลือดร้อนถึงจะเขียนโคลงประกอบดนตรีและเพลงที่ห้าวหาญเช่นนี้ขึ้นมาได้เผชิญกับสายตาคลั่งไคล้ของเมี่ยวอิน หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงโคลงประกอบดนตรีและเพลงนี้ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย เขาแค่แก้ไม่กี่ตัวอักษรเท่านั้นแต่ว่า แม้แต่เมี่ยวอินยังฟังอย่างหลงใหลเช่นนี้ หลังจากนี้บทเพลงนี้จะได้รับการเผยแพร่ในกองทัพ น่าจะกลายเป็นเพลงประจำกองทัพของกองทหารมณฑลทางเหนือแล้ว!เพลงทหาร หลายครั้งก็สามารถเสริมสร้างขวัญกำลังใจได้!“ต้าเฉียนยิ่งใหญ่ทุกจตุรทิศ...ร่วมสรรเสริญ!”ตอนที่หยุนเจิงกำลังครุ่นคิด บทเพลงก็เข้าสู่ช่วงท้ายแล้วแม้เพลงร้องจบแล้ว แต่ดูเหมือนหลายคนจะยังจมอยู่กับเพลงทหารเพลงนี้ ท่าทางหลงใหลเช่นนั้น ล้วนเห็นได้ด้วยตาเปล่า“ดีมาก!”หยุนเจิงลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงดัง “ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ผิดต่อบทเพลงทหารนี้
หลายวันต่อมา หยุนเจิงอยู่ที่สำนักศึกษาเตรียมทหารโดยตลอดนอกจากฃสอนศิลปะสงครามให้บรรดานักเรียนแล้ว หยุนเจิงยังออกความคิดเห็นเกี่ยวกับสำนักศึกษาเตรียมทหารด้วย ฉวยโอกาสตอนเขาอยู่ที่นี่ สิ่งที่ควรแก้ไขก็แก้ไขวันนี้ หยุนเจิงกำลังสอน เมี่ยวอินรีบร้อนปรากฏตัวอยู่หน้าห้องเรียน ส่งสายตาให้หยุนเจิงหยุนเจิงเข้าใจ สั่งให้ทุกคนแยกแยะสิ่งที่เขาเพิ่งกล่าวไปก่อนหน้านี้ รีบเดินมายังประตูหน้าห้องเรียนเมี่ยวอินนำจดหมายในมือฉบับนั้นมอบให้หยุนเจิงทันทีเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากนี่ไม่ใช่บทเรียนหรือ?กรณีศึกษาสำเร็จรูปมาแล้ว?“เจ้าไปทำงานของเจ้าก่อนเถอะ!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้มให้เมี่ยวอินเล็กน้อย กลับเข้าไปในห้องเรียนอีกครั้ง บรรยายเนื้อหาในจดหมายฉบับนี้ต่อหน้าทุกคนนี่คือข่าวสำคัญจากส่ายสืบที่เขาส่งไปโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ข่าวที่คนของเขาได้กับข่าวที่กู่เก๋อบอกมีบางส่วนไม่เหมือนกันตอนนี้ แคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉือไม่ได้ร่วมมือกัน ในทางกลับกันความสัมพันธ์ยังตึงเครียดสาเหตุของเรื่อง ดูเหมือนเพราะองค์ชายสี่ที่ได้รับการยกย่องจากแคว้นต้าเย่ว์ถูกลอบสังหารจากมือสังหารตอนที่ล
โจมตีทุ่งหญ้าซิ่นหลินหรือ?หลังสิ้นเสียงของนักเรียนผู้แข็งแกร่ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในดังขึ้นไม่หยุดทุกคนต่างก็กำลังครุ่นคิด มีความเป็นไปได้เช่นนี้หรือ?ไม่นาน พวกเขาก็ได้รับคำตอบแล้วมีความเป็นไปได้โดยสมบูรณ์!“เจ้าชื่ออะไร?”เวลานี้ หยุนเจิงสุดท้ายก็เอ่ยปากถามนักเรียนผู้แข็งแกร่งคนนั้น“ข้าน้อย ชื่อเสียงต่ำต้องเหลียงชิง”“เหลียงชิงใช่หรือไม่?”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อยมองเหลียงชิง “ข้าถามเจ้า เป่ยหมัวถัวตอนนี้เป็นแคว้นบริวารของต้าเฉียนเรา หากแคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉือโจมตีเป่ยหวนจากทางเดินทะเลทรายตะวันตก จำเป็นต้องผ่านเป่ยหมัวถัว ถูกหรือไม่?”“ถูกต้อง!”ชิงเหลียงพยักหน้าหนักแน่นหยุนเจิงยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ถามต่อ “พวกเขาทำเช่นนี้ พวกเขาไม่กลัวพวกเราฉวยโอกาสตอนพวกเขาโจมตีทางเดินทะเลทรายตะวันตก เคลื่อนทัพไปตัดเส้นทางของหลังของพวกเขาโดยตรงหรือ?หยนุเจิงกล่าว จากนั้นก็หยิบท่อนไม้บนโต๊ะ ชี้ไปยังแผนที่ขนาดใหญ่ด้านหน้า“นี่...”ชิงเหลียงพลันใจกระตุก ทันใดนั้นก็กล่าวสิ่งใดไม่ออกจริงด้วย!หากแคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉือร่วมมือกันบุกทางเดินทะเลทรายตะวันตก ต้าเฉียนสามารถเคลื่อนทัพจากเขาห่านป
หยุนเจิงอยู่ที่สำนักศึกษาเตรียมทหารอยู่หลายวันทุกวันนอกจากสอนนักเรียนของสำนักศึกษาเตรียมทหารแล้ว ก็ยังหาเวลาทำกล้องส่องทางไกลลำกล้องเดียวกล้องส่องทางไกลสิ่งนี้ กล่าวไปนั้นง่าย แต่ทำขึ้นมาจริงๆ ไม่ง่ายสาเหตุสำคัญมาจากการเจียรไนผลึกหินใสที่ค่อนข้างยุ่งยากนี่เป็นงานที่พิถีพิถันหยุนเจิงไม่ได้มีความอดทนเช่นนั้น แต่ตอนเริ่มทำสิ่งนี้ ไม่สามารถมอบให้คนที่ใดมาทำก็ได้ ทำได้เพียงทำเองด้วยความอดทนเพื่อมอบพลังให้ตัวเอง หยุนเจิงนำเรื่องนี้เดิมพันกับเมี่ยวอินยังดี ผ่านความหมั่นเพียรหลายวันของหยุนเจิง ในที่สุดกล้องส่องทางไกลลำกล้องเดียวทำออกมาได้แล้วหยุนเจิงชื่นชมผลงานชิ้นเอกของตัวเอง“ขี้เหร่จริงๆ!”หยุนเจิงตัวเขาเองยังอดสบถไม่ได้ตอนนี้กล้องส่องทางไกลลำกล้องเดียวแบบยืนหดได้ทำมาจากไม้ผลลัพธ์เป็นเช่นไร เขายังไม่ได้ทดลองตอนนี้นี่เป็นเพียงต้นแบบของกล้องส่องทางไกลมองได้ไกลเท่าใด หยุนเจิงก็ยังไม่แน่ใจแต่ว่า มองเห็นคนและทิวทัศน์ที่อยู่ห่างออกไปสองกิโลเมตรน่าจะไม่มีปัญหาแน่นอน คิดจะมองใบหน้าคนให้ชัดเป็นไปไม่ได้กลับไปต้องให้จางซูผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติทำตามต้นแบบใหม่อีกครั้ง
แต่ว่า สำหรับหยุนเจิงแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วนี่เป็นเพียงคนสองคนและม้าสองตัว หากเป็นการเคลื่อนไหวของทัพศัตรูขนาดใหญ่ ใช้การมองผ่านดวงตาพันลี้ นอกยี่สิบลี้น่าจะเห็นการจัดทัพโดยคร่าวๆ ของทัพศัตรูได้อย่างชัดเจนระยะห่างนี้ เพียงพอแล้ว!“เจ้ามาดู!”หยุนเจิงนำดวงตาพันลี้ในมือส่งให้เมี่ยวอิน “ดูว่าเจ้าหาสองคนนั้นกับม้าสองตัวพบหรือไม่!”เมี่ยวอินรับมา ส่องหาด้วยดวงตาพันลี้ไม่นาน เมี่ยวอินก็หาตำแหน่งของสองคนนั้นและม้าสองตัวพบ“ตรงนั้น!”เมี่ยวอินชี้ไปที่ตำแหน่งที่ทั้งสองอยู่ด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ฟังเช่นนี้ พวกตู๋กูเช่อรู้สึกคันที่หัวใจยากต่อการอดทนตู๋กูเช่อมองเมี่ยวอินตาปริบๆ ราวกับวินาทีถัดไปจะแย่งดวงตาพันลี้มาจากมือของเมี่ยวอินหยุนเจิงหัวเราะ จางนั้นก็ตบเมี่ยวอินเบาๆ บ่งบอกให้เมี่ยวอินนำดวงตาพันลี้ส่งให้พวกตู๋กูเช่อเมี่ยวอินส่งดวงตาพันลี้ไปให้ด้วยความที่ยังดูไม่หนำใจ ทันทีที่ตู๋กูเช่อรับดวงตาพันลี้มา ก็จงใจเปลี่ยนไปอีกทิศทาง จางนั้นค่อยเริ่มหาร่องรอยขอสองคนนั้นและม้าสองตัวในที่สุด ตู๋กูเช่อก็เจอตำแหน่งของสองคนนั้นและม้าสองตัวแม้มองเห็นหน้าตาทั้งสองคนไม่ชัด แต่กลับตัดส
หนึ่งวันให้หลัง หยุนเจิงมาถึงด่านเป่ยลู่หยุนเจิงเพิ่งจะเข้าสู่ด่านเป่ยลู่ มาถึงก็เห็นเยี่ยจื่อที่ยืนรออยู่ตรงประตูเมืองจั่วเริ่นยืนเป็นเพื่อนเยี่ยจื่ออยู่ด้านข้างชั่วพริบตาที่เห็นเยี่ยจื่อ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะชะงักเล็กน้อยเหตุใดเยี่ยจื่อมายังด่านเป่ยลู่?ใครนำข่าวพวกคนชั่วมาหาเรื่องซั่วเป่ยไปบอกนาง?ครุ่นคิดชั่วครู่ หยุนเจิงลงจากหลังม้ามาหาเยี่ยจื่อ “เจ้ามาได้เช่นไร?”เยี่ยจื่อมองเขาด้วยสายตาโมโห “เรื่องนี้ เจ้ายังคิดจะปิดบังข้า?”เรื่องนี้ ไม่เพียงแค่นางรู้ เสิ่นลั่วเยี่ยนและฮูหยินเสิ่นพวกนางต่างก็รู้ด้วยเช่นกันตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ ปอดของเสิ่นลั่วเยี่ยนแทบจะระเบิดด้วยความโกรธ แทบจะควบม้าบุกมายังด่านเป่ยลู่ อยากจะสั่งสอนคนพวกนี้ให้หนักยังดีที่พวกนางใช้เหตุผลว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนกำลังตั้งครรภ์ จึงทำให้นางสงบลงได้หยุนเจิงอยากปกปิดเยี่ยจื่อจริงแท้ถูกเยี่ยจื่อกล่าวเช่นนี้ หยุนเจิงหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน ถามเปลี่ยนประเด็น “ใครบอกเจ้า?”ระหว่างสนทนา หยุนเจิงเงยหน้ามองจั่วเริ่นจั่วเริ่นยิ้มเหยเกมองหยุนเจิง ใบหน้าไร้ความผิดเขาส่งคนไปรายงานด่วนที่ติ้งเป่ย เขาไม่รู้ว่าเ