แต่ว่า สำหรับหยุนเจิงแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วนี่เป็นเพียงคนสองคนและม้าสองตัว หากเป็นการเคลื่อนไหวของทัพศัตรูขนาดใหญ่ ใช้การมองผ่านดวงตาพันลี้ นอกยี่สิบลี้น่าจะเห็นการจัดทัพโดยคร่าวๆ ของทัพศัตรูได้อย่างชัดเจนระยะห่างนี้ เพียงพอแล้ว!“เจ้ามาดู!”หยุนเจิงนำดวงตาพันลี้ในมือส่งให้เมี่ยวอิน “ดูว่าเจ้าหาสองคนนั้นกับม้าสองตัวพบหรือไม่!”เมี่ยวอินรับมา ส่องหาด้วยดวงตาพันลี้ไม่นาน เมี่ยวอินก็หาตำแหน่งของสองคนนั้นและม้าสองตัวพบ“ตรงนั้น!”เมี่ยวอินชี้ไปที่ตำแหน่งที่ทั้งสองอยู่ด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ฟังเช่นนี้ พวกตู๋กูเช่อรู้สึกคันที่หัวใจยากต่อการอดทนตู๋กูเช่อมองเมี่ยวอินตาปริบๆ ราวกับวินาทีถัดไปจะแย่งดวงตาพันลี้มาจากมือของเมี่ยวอินหยุนเจิงหัวเราะ จางนั้นก็ตบเมี่ยวอินเบาๆ บ่งบอกให้เมี่ยวอินนำดวงตาพันลี้ส่งให้พวกตู๋กูเช่อเมี่ยวอินส่งดวงตาพันลี้ไปให้ด้วยความที่ยังดูไม่หนำใจ ทันทีที่ตู๋กูเช่อรับดวงตาพันลี้มา ก็จงใจเปลี่ยนไปอีกทิศทาง จางนั้นค่อยเริ่มหาร่องรอยขอสองคนนั้นและม้าสองตัวในที่สุด ตู๋กูเช่อก็เจอตำแหน่งของสองคนนั้นและม้าสองตัวแม้มองเห็นหน้าตาทั้งสองคนไม่ชัด แต่กลับตัดส
หนึ่งวันให้หลัง หยุนเจิงมาถึงด่านเป่ยลู่หยุนเจิงเพิ่งจะเข้าสู่ด่านเป่ยลู่ มาถึงก็เห็นเยี่ยจื่อที่ยืนรออยู่ตรงประตูเมืองจั่วเริ่นยืนเป็นเพื่อนเยี่ยจื่ออยู่ด้านข้างชั่วพริบตาที่เห็นเยี่ยจื่อ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะชะงักเล็กน้อยเหตุใดเยี่ยจื่อมายังด่านเป่ยลู่?ใครนำข่าวพวกคนชั่วมาหาเรื่องซั่วเป่ยไปบอกนาง?ครุ่นคิดชั่วครู่ หยุนเจิงลงจากหลังม้ามาหาเยี่ยจื่อ “เจ้ามาได้เช่นไร?”เยี่ยจื่อมองเขาด้วยสายตาโมโห “เรื่องนี้ เจ้ายังคิดจะปิดบังข้า?”เรื่องนี้ ไม่เพียงแค่นางรู้ เสิ่นลั่วเยี่ยนและฮูหยินเสิ่นพวกนางต่างก็รู้ด้วยเช่นกันตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ ปอดของเสิ่นลั่วเยี่ยนแทบจะระเบิดด้วยความโกรธ แทบจะควบม้าบุกมายังด่านเป่ยลู่ อยากจะสั่งสอนคนพวกนี้ให้หนักยังดีที่พวกนางใช้เหตุผลว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนกำลังตั้งครรภ์ จึงทำให้นางสงบลงได้หยุนเจิงอยากปกปิดเยี่ยจื่อจริงแท้ถูกเยี่ยจื่อกล่าวเช่นนี้ หยุนเจิงหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน ถามเปลี่ยนประเด็น “ใครบอกเจ้า?”ระหว่างสนทนา หยุนเจิงเงยหน้ามองจั่วเริ่นจั่วเริ่นยิ้มเหยเกมองหยุนเจิง ใบหน้าไร้ความผิดเขาส่งคนไปรายงานด่วนที่ติ้งเป่ย เขาไม่รู้ว่าเ
ยังจะประท้วง?ถูกคนใช้เป็นหอกแล้ว ยังคิดว่าตัวเองดีเลิศเลอ?เห็นตัวพวกเขาเองเป็นอาหารหนึ่งจานแล้ว?หยุนเจิงถากถางอย่างดูถูก กล่าวนิ่งๆ “ไปเถอะ ข้าจะไปเยี่ยมพวกเขา!”“ตามความเห็นของข้า องค์ชายอย่าเพิ่งปรากฏตัวเลย”จั่วเริ่นเกลี้ยกล่อม “องค์ชายคิดจัดการพวกเขาเช่นไร มอบให้ข้าไปทำก็พอแล้ว! คนเหล่านี้แล้วไม่ใช่ผู้มีปัญญาแท้จริง แต่ในเมื่อเป็นตัวแทนของปัญญาชนทั้งใต้หล้า คนทั้งใต้หล้าก็จะตำหนิข้า แต่หากองค์ชายไป พวกเขามีเรื่องใด องค์ชายก็จะถูกประณาม…”“พวกเขาเป็นตัวแทนปัญญาชนทั่วใต้หล้าไม่ได้!”หยุนเจิงตัดบทจั่วเริ่น สีหน้าดูถูก “พวกเขาก็เป็นเพียงกลุ่มคนคร่ำครึไร้ความสามารถก็เท่านั้น!”หากปัญญาชนทั้งใต้หล้าล้วนเป็นคนชั่วเช่นนี้ รัชสมัยต้าเฉียนคงจบเห่ไปนานแล้ว!หาคนกลุ่มนี้มีความสามารถจริง ต่อให้ไม่เข้าราชสำนัก เช่นไรก็สามารถเป็นขุนนางชั่วคราวได้หากมีตำแหน่งขุนนางจริง พวกเขาไหนเลยจะมีเวลามากมายมาโจมตีทั้งด้วยวาจาและพู่กันกับเขาที่ซั่วเป่ย?แม้แต่ตำแหน่งขุนนางยังไม่มี ยังคู่ควรเรียกว่าปัญญาชนหรือ?บอกตามตรง ก็แค่กลุ่มสวะที่ถูกคัดออกยังพยายามสร้างตัวตนอย่างบ้าคลั่งก็เท่านั้น!คาดว่
ไม่นาน ขบวนคนพวกหยุนเจิงก็มาถึงนอกด่านเป่ยลู่มองดูพวกคนร้องทุกข์นั่งอยู่ตรงนั้นราวกับแม่ไก่ฟักไข่ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะถากถางบนโลกมักมีคนไม่รู้ว่าสิ่งใดควรมิควร!มักมีคนคิดว่า ทุกคนต่างต้องเคารพสิ่งที่เรียกว่าปราชญ์ขงจื้อเพียงแต่น่าเสียดาย แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เห็นคนเช่นนี้อยู่ในสายตาคิดจะใช้ข้อวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนมาครอบงำปณิธานของเขา?ไร้เดียงสาและน่าหัวเราะ!สายตาของหยุนเจิงกวาดมองกลุ่มคนที่นั่งกรรมฐานประมาณการคร่าวๆ ตรงนี้น่าจะมีอย่างน้อยสามร้อยคน“เหตุใดจึงมีคนเพียงเท่านี้?”หยุนเจิงขมวดคิ้วถามจั่วเริ่น “ทุกคนที่มาร้องทุกข์อยู่ที่นี่แล้ว?”“……”เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เยี่ยจื่อและเมี่ยวอินอดไม่ได้ที่จะพูดไม่ออกเหมือนว่า เขารังเกียจที่คนมาน้อยเกินไปแล้ว?หรือว่า เขาหวังให้คนมาร้องทุกข์ที่ซั่วเป่ยมีแปดพันหมื่นคน?จั่วเริ่นกล่าวด้วยความเคารพ “คนที่มาร้องทุกข์ทั้งหมดอยู่นี่แล้ว ผู้นั้นก็คือเกาซื่อเจินที่เป็นแกนนำ”กล่าวจบ จั่วเริ่นชี้ไปยังเกาซื่อเจินที่นั่งสงบนิ่งอยู่ด้านหน้าสุดพวกเขาอยู่ค่อนข้างไกล หยุนเจิงเห็นหน้าตาของเกาซื่อเจินไม่ชัดแต่ว่า สำหรับหยุนเจิง
ถึงเช่นไร ปัญญาชนทั้งใต้หล้ามีมากมาย ปัญญาชนที่ไม่มีชื่อเสียงก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน คนอื่นมีสิทธิ์ใดมาแนะนำคนที่ไม่มีชื่อเสียงสักนิด?หยุนเจิงรับคำร้องทุกข์ของพวกเขาหรือไม่ สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่สำคัญมากนักขอแค่เขามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ ต่อให้หยุนเจิงไม่ตอบรับคำร้องทุกข์ของพวกเขา ก็ยังมีประโยชน์ต่อชื่อเสียงของพวกเขาอยู่ดีหลังจากกลับไป คนทุกจตุรทิศป่าวประกาศเรื่องนี้ ชื่อเสียงก็มาแล้วไม่ใช่หรือ?ถึงเช่นไรก็มีนักปราชญ์ขงจื้อผู้ยิ่งใหญ่เกาซื่อเจินอยู่ด้วย ต่อให้หยุนเจิงเป็นท่านอ๋อง ก็คงไม่กล้าทำสิ่งใดพวกเขาขณะที่ทุกคนกำลังแอบดีใจ หยุนเจิงได้เดินมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วหยุนเจิงมองประเมิณเกาซื่อเจินบนศีรษะของชายชราผู้นี้ขาวหมดแล้ว แต่ว่า กลับไม่มีความรู้สึกเหมือนไม้ใกล้ฝั่งในทางกลับกัน ชายชราผู้นี้ยังดูมีชีวิตชีวายิ่งนักชุดนักปราชญ์จัดแต่งอย่างสะอาดสะอ้าน ให้ความรู้สึกโดดเด่นมองไปแล้ว มีมาดของนักปราชญ์ขงจื้อผู้ยิ่งใหญ่อยู่จริง“ท่านคือจิ้งเป่ยอ๋อง?”เกาซื่อเจินช้อนตามองหยุนเจิง แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้น ยังนั่งอยู่บนพื้นเช่นนั้น“เป็นข้าเอง!”สายตาของหยุนเจิงทอดมองบนตัวเกาซื่อเจิน
ควรทำความเคารพเช่นไร?ประโยคเดียวของหยุนเจิง พลันทำให้เกาซื่อเจินนิ่งไปเขาไร้ลาภยศติดตัว!เขาย่อมรู้ดี ตามหลักมารยาทของต้าเฉียนแล้ว เขาควรคุกเข่าคาราวะหยุนเจิงแต่เขาเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่!ยศนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลาภยศ แต่เหนือกว่าลาภยศ!ขอแค่เขาเกาซื่อเจินยินดี เขาสามารถเข้าราชสำนักเป็นขุนนางได้ตลอดเวลาแต่ว่า ภายในใจเกาซื่อเจินก็รู้ดี ต่อให้เขาเข้าราชสำนักเป็นขุนนาง ตำแหน่งขุนนางก็ยังอยู่ใต้จางฮว๋ายไกลลิบลับต่างก็ได้รับการยอมรับเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ ตำแหน่งขุนนางต่ำกว่าจางฮว๋ายมากเกินไป ก็เป็นการขายหน้าไม่ใช่หรือ?ส่วนเรื่องการทำความเคารพ อย่าว่าแต่ตอนนี้คนที่พบคือหยุนเจิงเลย ต่อให้ตอนนี้คนที่พบคือจักรพรรดิเหวิน หากไม่ใช่จักรพรรดิเหวินร้องขอ ขอแค่ไม่ใช่ในท้องพระโรง เขาก็ไม่มีทางคุกเข่าคาราวะ!“การคุกเข่าคาราวะของข้า กลัวว่าท่านอ๋องจะรับไม่ไหว!”เกาซื่อเจินช้อนตามองหยุนเจิง บนใบหน้ามีความบูดบึ้งแล้ว“ข้าเป็นองค์ชาย แล้วก็เป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ เหตุใดจึงรับการคาราวะจากสามัญชนคนหนึ่งอย่างเจ้าไม่ไหว?”หยุนเจิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าอายุปูนนี้
ตอนนี้พวกเขากลัวจริงๆ ว่าท่านอ๋องบ้าเลือดเพิ่งกลับมาจากสนามรบผู้นี้จะมาเอาชีวิตพวกเขาโดยตรงแต่ว่า ก็ยังมีคนที่หัวแข็งมั่นใจว่าหยุนเจิงไม่กล้าฆ่าพวกเขา จ้องหยุนเจิงด้วยความเดือดดาลใบหน้าชราของเกาซื่อเจินกระตุกอย่างควบคุมไม่อยู่“ท่านอ๋อง!”เกาซื่อเจินขึ้นเสียง กล่าวด้วยความโมโห “ท่านอ๋องปฏิบัติกับคนที่มาร้องทุกข์เช่นนี้ หรือว่า...”“ข้าสนใจพวกเจ้าเพื่อสิ่งใด!”หยุนเจิงตัดบทเกาซื่อเจิน “ในมื่อไม่มีลาภยศติดตัว ก็ควรคุกเข่าคาราวะข้า! รวมถึงเจ้าด้วย!”ท่าทางของหยุนเจิงแข็งขืนมาก สายตาเย็นชาจับต้องเกาซื่อเจิน“บังอาจ!”เกาซื่อเจินหวดเคราสั่น “อาจารย์เฒ่าเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ เจ้ายังกล้าให้อาจารย์เฒ่าคุกเข่าคาราวะ?”เวลานี้ เกาซื่อเจินในที่สุดก็หยิบเอามาดนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ออกมาแล้ว“นักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่?”หยุนเจิงหัวเราะเยาะ “เมื่อครู่เจ้าบอกไม่ใช่ เจ้าก็แค่ชายชรายากจนคร่ำครึ? เหตุใด ตอนนี้ต้องการให้เจ้าทำความเคารพ ก็เริ่มบอกว่าตัวเองเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่แล้ว? สิ่งที่เรียกว่านักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ กลับกรอกเช่นนี้ ไร้ยางอายเพียงนี้หรือ?”“เจ้า
เกาซื่อเจินแม้จะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายก็คุกเข่าเขาไม่อยากตบหน้าตัวเองแต่ภายในใจเกาซื่อเจินยังคงข่มกลั้นไฟโทสะมองคนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น พวกจั่วเริ่นอดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมเป็นองค์ชายที่เก่งกาจไม่กี่ประโยคก็ทำให้คนเหล่านี้คุกเข่าได้แล้วสุดท้ายก็เป็นอย่างที่ท่านอ๋องกล่าว กับคนเหล่านี้ไม้อ่อนใช้ไม่ได้ผล ต้องใช้ไม้แข็ง!เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความกังวล ภายใจกลับเป็นห่วงตอนนี้หยุนเจิงน่าเกรงขาม แต่เรื่องนี้แพร่ออกไปแล้ว ต้องทำให้ปัญญาชนมากมายยืนอยู่ตรงข้ามกับเขาคนที่ผลักดันเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังก็จะได้ตามเป้าหมายของเขาแล้วหยุนเจิงไม่รู้ว่าในใจพวกเขาคิดสิ่งใด เพียงแค่มองคนตรงหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็หันไปถามเกาซื่อเจินด้วยร้อยยิ้ม “เจ้าว่า ข้าสอนมารยาทพวกเขา ดีกว่าเจ้าสอนใช่หรือไม่?”“ท่านอ๋องช่างน่าเกรงขาม! ผู้เฒ่านับถือ!”เกาซื่อเจินเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็หยิบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วยกขึ้นสูง ตะโกนเสียงดัง “ผู้เฒ่าเกาซื่อเจิน พาบรรดาปัญญาชนมาขอร้องทุกข์กับท่านอ๋อง!”นี่คือขั้นตอนการร้องทุกข์ตามมาตราฐานหยุนเจิงแม้ไม่อยากฟัง แต่ก็ไม่อาจเอาแต่ใจได้
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่