ควรทำความเคารพเช่นไร?ประโยคเดียวของหยุนเจิง พลันทำให้เกาซื่อเจินนิ่งไปเขาไร้ลาภยศติดตัว!เขาย่อมรู้ดี ตามหลักมารยาทของต้าเฉียนแล้ว เขาควรคุกเข่าคาราวะหยุนเจิงแต่เขาเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่!ยศนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลาภยศ แต่เหนือกว่าลาภยศ!ขอแค่เขาเกาซื่อเจินยินดี เขาสามารถเข้าราชสำนักเป็นขุนนางได้ตลอดเวลาแต่ว่า ภายในใจเกาซื่อเจินก็รู้ดี ต่อให้เขาเข้าราชสำนักเป็นขุนนาง ตำแหน่งขุนนางก็ยังอยู่ใต้จางฮว๋ายไกลลิบลับต่างก็ได้รับการยอมรับเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ ตำแหน่งขุนนางต่ำกว่าจางฮว๋ายมากเกินไป ก็เป็นการขายหน้าไม่ใช่หรือ?ส่วนเรื่องการทำความเคารพ อย่าว่าแต่ตอนนี้คนที่พบคือหยุนเจิงเลย ต่อให้ตอนนี้คนที่พบคือจักรพรรดิเหวิน หากไม่ใช่จักรพรรดิเหวินร้องขอ ขอแค่ไม่ใช่ในท้องพระโรง เขาก็ไม่มีทางคุกเข่าคาราวะ!“การคุกเข่าคาราวะของข้า กลัวว่าท่านอ๋องจะรับไม่ไหว!”เกาซื่อเจินช้อนตามองหยุนเจิง บนใบหน้ามีความบูดบึ้งแล้ว“ข้าเป็นองค์ชาย แล้วก็เป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ เหตุใดจึงรับการคาราวะจากสามัญชนคนหนึ่งอย่างเจ้าไม่ไหว?”หยุนเจิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าอายุปูนนี้
ตอนนี้พวกเขากลัวจริงๆ ว่าท่านอ๋องบ้าเลือดเพิ่งกลับมาจากสนามรบผู้นี้จะมาเอาชีวิตพวกเขาโดยตรงแต่ว่า ก็ยังมีคนที่หัวแข็งมั่นใจว่าหยุนเจิงไม่กล้าฆ่าพวกเขา จ้องหยุนเจิงด้วยความเดือดดาลใบหน้าชราของเกาซื่อเจินกระตุกอย่างควบคุมไม่อยู่“ท่านอ๋อง!”เกาซื่อเจินขึ้นเสียง กล่าวด้วยความโมโห “ท่านอ๋องปฏิบัติกับคนที่มาร้องทุกข์เช่นนี้ หรือว่า...”“ข้าสนใจพวกเจ้าเพื่อสิ่งใด!”หยุนเจิงตัดบทเกาซื่อเจิน “ในมื่อไม่มีลาภยศติดตัว ก็ควรคุกเข่าคาราวะข้า! รวมถึงเจ้าด้วย!”ท่าทางของหยุนเจิงแข็งขืนมาก สายตาเย็นชาจับต้องเกาซื่อเจิน“บังอาจ!”เกาซื่อเจินหวดเคราสั่น “อาจารย์เฒ่าเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ เจ้ายังกล้าให้อาจารย์เฒ่าคุกเข่าคาราวะ?”เวลานี้ เกาซื่อเจินในที่สุดก็หยิบเอามาดนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ออกมาแล้ว“นักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่?”หยุนเจิงหัวเราะเยาะ “เมื่อครู่เจ้าบอกไม่ใช่ เจ้าก็แค่ชายชรายากจนคร่ำครึ? เหตุใด ตอนนี้ต้องการให้เจ้าทำความเคารพ ก็เริ่มบอกว่าตัวเองเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่แล้ว? สิ่งที่เรียกว่านักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ กลับกรอกเช่นนี้ ไร้ยางอายเพียงนี้หรือ?”“เจ้า
เกาซื่อเจินแม้จะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายก็คุกเข่าเขาไม่อยากตบหน้าตัวเองแต่ภายในใจเกาซื่อเจินยังคงข่มกลั้นไฟโทสะมองคนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น พวกจั่วเริ่นอดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมเป็นองค์ชายที่เก่งกาจไม่กี่ประโยคก็ทำให้คนเหล่านี้คุกเข่าได้แล้วสุดท้ายก็เป็นอย่างที่ท่านอ๋องกล่าว กับคนเหล่านี้ไม้อ่อนใช้ไม่ได้ผล ต้องใช้ไม้แข็ง!เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความกังวล ภายใจกลับเป็นห่วงตอนนี้หยุนเจิงน่าเกรงขาม แต่เรื่องนี้แพร่ออกไปแล้ว ต้องทำให้ปัญญาชนมากมายยืนอยู่ตรงข้ามกับเขาคนที่ผลักดันเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังก็จะได้ตามเป้าหมายของเขาแล้วหยุนเจิงไม่รู้ว่าในใจพวกเขาคิดสิ่งใด เพียงแค่มองคนตรงหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็หันไปถามเกาซื่อเจินด้วยร้อยยิ้ม “เจ้าว่า ข้าสอนมารยาทพวกเขา ดีกว่าเจ้าสอนใช่หรือไม่?”“ท่านอ๋องช่างน่าเกรงขาม! ผู้เฒ่านับถือ!”เกาซื่อเจินเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็หยิบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วยกขึ้นสูง ตะโกนเสียงดัง “ผู้เฒ่าเกาซื่อเจิน พาบรรดาปัญญาชนมาขอร้องทุกข์กับท่านอ๋อง!”นี่คือขั้นตอนการร้องทุกข์ตามมาตราฐานหยุนเจิงแม้ไม่อยากฟัง แต่ก็ไม่อาจเอาแต่ใจได้
“ข้าไม่มีเจตนาใด เพียงแค่ร้องทุกข์เพื่อชาวบ้านเท่านั้น!”เกาซื่อเจินตะโกนเสียงดัง “ราษฏรทั้งใต้หล้าหวังว่าท่านอ๋องของต้าเฉียนเราจะเป็นวีรบุรุษที่สง่าผ่าเผย ไม่ใช่คนไร้ยางอายที่ทำลายหลักจริยธรรม!”เกาซื่อเจินกล่าว จากนั้นก็เงยหน้ามองเมี่ยวอิน “ปีศาจ หากเจ้าไม่อยากให้ท่านอ๋องแบกชื่อเสื่อมทรามแทนวีรบุรษเพื่อเจ้า ก็ควรฆ่าตัวตายซะ!”เมื่อได้ฟังคำของเกาซื่อเจิน เมี่ยวอินใบหน้ากระตุกอย่างควบคุมไม่อยู่หยุนเจิงในใจทั้งโกรธทั้งขบขันตาแก่นี่ แม้แต่คนยังจำผิด ยังเอะอะโวยวายอยู่ที่นี่?“เหล่าเกา ข้าว่าเจ้าสายตาแก่ฟ่าฟางแล้ว”เยี่ยจื่อมองเกาซื่อเจินด้วยสายตาเย็นชา “นางชื่อเมี่ยวอิน ข้าต่างห่างเยี่ยจื่อ!”“เจ้า...เจ้าคือเยี่ยจื่อ?”เกาซื่อเจินประหลาดใจเขาเห็นเมี่ยวอินหน้าตามีเสน่ห์งดงาม เกิดมาด้วยหน้าตางดงามเป็นก่อเกิดหายนะ จึงนึกว่าเมี่ยวอินก็คือเยี่ยจื่อ!“ถูกต้อง!”เยี่ยจื่อไม่หยิ่งยโสและไม่ทำตนให้ต่ำต้อย “ข้าก็คือคนที่เจ้าเรียกว่าปีศาจ! แต่ว่า ข้าสามารถบอกเจ้าได้อย่างชัดเจน ข้าไม่เพียงจะไม่ฆ่าตัวตาย ยังจะเป็นผู้หญิงที่คลอดบุตรให้ท่านอ๋องด้วย! ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้แล้ว มีที่ให้เจ้า
“หยุนเจิง!”เยี่ยจื่อและเมี่ยวอินขึ้นหน้าไปพร้อมกัน ส่ายหน้าให้เขา บ่งบอกเขาอย่าวู่วามแม้หยุนเจิงไม่ได้แสดงออกว่าโมโหเท่าใด แต่พวกน้าต่างรู้ดี ภายในใจของหยุนเจิงต้องเต็มไปด้วยไฟโทสะพวกนางกังวลว่าหยุนเจิงโมโหแล้วตัดศีรษะของเกาซื่อเจินต่อให้หยุนเจิงฆ่าเกาซื่อเจินก็ไม่มีผู้ใดทำกระไรเขาได้ แต่หากหยุนเจิงทำเช่นนั้นจริง จะต้องทิ้งชื่อเสียงเสื่อมทรามให้หยุนเจิงตลอดกาล จะทำให้หยุนเจิงถูกวิจารณ์ด้วยวาจาและพู่กันจากปัญญาชนมากขึ้นพวกนางไม่หวังให้หยุนเจิงสร้างเรื่องจากความวู่วามเพราะความโกรธเห็นสองสาวขัดขวางหยุนเจิงสุดชีวิต เกาซื่อเจินยิ่งไร้ความยำเกรง ทำเป็นยอมตายอย่างไม่เห็นแก่ตัว ร้องตะโกน “มีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใดคุ้มค่าให้ยินดี ตายไปมีสิ่งใดให้หวาดกลัว?”“ข้าเพื่อรักษามารยาทของราชสำนักข้า ร้องทุกข์เพื่อชาวประชา ต่อให้ต้องตาย แล้วจะอย่างไร?”“วันนี้ ต่อข้าตายด้วยคมมีท่านอ๋อง ข้าก็จะหลงเหลือชื่อเสียงดีงามคงอยู่ตลอดไป!”เกาซื่อเจินไม่กลัวตายเขาอายุปูนนี้แล้ว ครึ่งค่อนชีวิตล้วนสู่วิถีนักปราชญ์แล้วถึงคนอายุเช่นเขา คิดแต่จะทำเช่นไรจึงจะหลงเหลือชื่อเสียงดีงามคงอยู่ตลอดไป ไม่ใช่มีชีวิ
เขาลังเล แต่หยุนเจิงไม่ลังเลแม้แต่น้อยมองดูศพที่เลือดยังพุ่งออกมา กลิ่นเหม็นคาวเลือดค่อยๆ ลอยออกมา คนทีหยุนเจิงจะไม่กล้าแตะต้องพวกเขาทุกคนตัวสั่นระริก กลัวว่าหยุนเจิงจะหาตัวเองพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน หยุนเจิงจะตอบกลับแข็งกร้าวเช่นนี้พวกเขาคิดว่า มีเกาซื่อเจินนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่เป็นแกนนำ หยุนเจิงจะไม่กล้าแตะต้องพวกเขาแต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้ ตัวเองคิดผิดมหันต์บางที เดิมทีหยุนเจิงไม่ได้สนใจชื่อเสียงท่านอ๋องที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ คือคนที่ต่อสู้กับชาวเป่ยหวนในสนามรบด้วยดาบและหอกจริง!นี่คือท่านอ๋องบ้าเลือดผู้หนึ่ง!ไม่ใช่ท่านอ๋องหรือองค์ชายที่อาศัยชื่อเสียงจากการครองใจชาวประชาพวกเขาเหล่านี้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนไร้เรี่ยวแรงให้พวกเขาต่อปากต่อคำ หรือเขียนบทกวี แต่งบทเพลงยังพอไหวการต่อสู้ตรงหน้า พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน!ช่วงเวลากะทันหัน คนมากมายเกิดความวู่วามคิดอยากหลบหนีพวกเขานึกเสียใจแล้วที่ติดตามเกาซื่อเจินมาร้องทุกข์ที่ซั่วเป่ยหยุนเจิงไม่มองศพบนพื้นเลยสักนิด เดินไปอยู่ตรงหน้าอีกคนเผชิญกับสายตาของหยุนเจิง คนผู้นี้ตกใจกลัวตัวสั่น ใบหน้าไร้เลือดฝาก“ทูลท่านอ๋
นาทีถัดมา ร่างของเกาซื่อเจินสั่นไหวโอนเอนล้มไปกับพื้นทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ ในสถานที่เกิดเหตุก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปพยุงหยุนเจิงมองเกาซื่อเจินที่เลือดเต็มปากนิ่งๆ “โจรชั่ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะทำเรื่องยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ เจ้าเอาหน้าที่ไหนมาเห่าหอนอยู่หน้าข้า?”“อย่างเจ้า คู่ควรเรียนกนักปราชญ์ขงจื๊อ?”“ตามความคิดของข้า เจ้ามันก็แค่โจรเฒ่าหลอกลวงโลกเพื่อชื่อเสียงเท่านั้น!”ยังจะหลงเหลือชื่อที่ดีงามไว้ตลอดไป?เจ้าเกาซื่อเจินไม่ใช่อยากหลงเหลือชื่อที่ดีงามไว้ตลอดไปหรือ?วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองรสชาติแห่งความอับอายชั่วนิรันดร์!คิดว่าตัวเองมีสถานะเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อไร้สาระ ก็สามารถมากำเริบเสิบสานต่อหน้าเขาได้แล้ว?ปณิธานเพื่อใต้หล้า เพื่อชาวประชาพึ่งพาตนเอง สืบทอดการเรียนรู้แห่งปราชญ์ เพื่อทุกสรรพสิ่งสงบสุขปลอดภัยหากเกาซื่อเจินทำได้จริง ก็เหมาะสมกับฉายานักปราชญ์ขงจื๊อแต่น่าเสียงดาย เกาซื่อเจินเดิมก็ทำไม่ได้จากมุมของเขา เกาซื่อเจินก็แค่โจรเฒ่าอาศัยที่ตัวเองอายุมากเที่ยวดูถูกคนอื่นเท่านั้น!“เจ้า...เจ้าใส่ร้ายคน! เจ้า...ป้ายสีคนอื่น...”เกาซื่อเจินโกรธมาก น้ำตาขุ่นม
“เจ้า...ฟู่...”เกาซื่อเจินเพิ่งพูดออกมาแค่คำเดียว ก็พ่นเลือดสดออกมาอีกครั้งแต่ว่าครั้งนี้ เกาซื่อจนหมดสติไปโดยตรงแค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว?หยุนเจิงถากถางในใจ จากนั้นก็สั่งเมี่ยวอิน “รักษาโจรเฒ่านี่หน่อย อย่าปล่อยให้เขาตาย! ข้าต้องการให้โจรเฒ่ามีชีวิต ให้เขาเห็นด้วยตาว่าเขาถูกคนทั้งใต้หล้าดูหมิ่นเช่นไร!”“ก็ได้!”เมี่ยวอินจนใจ เดินเข้าไปจับชีพจรให้เกาซื่อเจินตาแก่นี่ก็เหลือเกินยั่วยุ่ใครไม่ยุ ต้องมายั่วยุหยุนเจิงให้ได้จั่วเริ่นเดินเข้ามา ชี้ไปที่กลุ่มคนที่คุกเข่าแล้วถาม “องค์ชาย คนพวกนี้จัดการเช่นไร?”หยุนเจิงกวาดสายตาเย็นชามองทุกคน “เยี่ยเฉินและหวังจิ้งอยู่ก่อน คนที่เหลือ ส่งไปขุดเหมือง!”ขุด...เหมือง?เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ทุกคนแทบจะหมดสติให้พวกเขาคนที่นุ่นนวลบอบบางอย่างพวกเขาไปขุดเหมือง ไม่ต่างจากเอาชีวิตพวกเขา?“ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย!”“ข้าถูกเกาซื่อเจินโจรเฒ่ายุยง...”“ขอท่านอ๋องเมตตาด้วย...”ทันใดนั้น ทุกคนก็พากันร้องไห้อ้อนวอนหยุนเจิงส่ายหน้าอย่างเย็นชา “นักปราชญ์หยุน ฟ้าจะมอบหมายภาระอันยิ่งใหญ่ให้กับใครคนหนึ่ง ต้องให้เขาลำบากเพื่อฝึกความมุ่งมั่น ให้เขาลำ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่