เขาลังเล แต่หยุนเจิงไม่ลังเลแม้แต่น้อยมองดูศพที่เลือดยังพุ่งออกมา กลิ่นเหม็นคาวเลือดค่อยๆ ลอยออกมา คนทีหยุนเจิงจะไม่กล้าแตะต้องพวกเขาทุกคนตัวสั่นระริก กลัวว่าหยุนเจิงจะหาตัวเองพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน หยุนเจิงจะตอบกลับแข็งกร้าวเช่นนี้พวกเขาคิดว่า มีเกาซื่อเจินนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่เป็นแกนนำ หยุนเจิงจะไม่กล้าแตะต้องพวกเขาแต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้ ตัวเองคิดผิดมหันต์บางที เดิมทีหยุนเจิงไม่ได้สนใจชื่อเสียงท่านอ๋องที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ คือคนที่ต่อสู้กับชาวเป่ยหวนในสนามรบด้วยดาบและหอกจริง!นี่คือท่านอ๋องบ้าเลือดผู้หนึ่ง!ไม่ใช่ท่านอ๋องหรือองค์ชายที่อาศัยชื่อเสียงจากการครองใจชาวประชาพวกเขาเหล่านี้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนไร้เรี่ยวแรงให้พวกเขาต่อปากต่อคำ หรือเขียนบทกวี แต่งบทเพลงยังพอไหวการต่อสู้ตรงหน้า พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน!ช่วงเวลากะทันหัน คนมากมายเกิดความวู่วามคิดอยากหลบหนีพวกเขานึกเสียใจแล้วที่ติดตามเกาซื่อเจินมาร้องทุกข์ที่ซั่วเป่ยหยุนเจิงไม่มองศพบนพื้นเลยสักนิด เดินไปอยู่ตรงหน้าอีกคนเผชิญกับสายตาของหยุนเจิง คนผู้นี้ตกใจกลัวตัวสั่น ใบหน้าไร้เลือดฝาก“ทูลท่านอ๋
นาทีถัดมา ร่างของเกาซื่อเจินสั่นไหวโอนเอนล้มไปกับพื้นทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ ในสถานที่เกิดเหตุก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปพยุงหยุนเจิงมองเกาซื่อเจินที่เลือดเต็มปากนิ่งๆ “โจรชั่ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะทำเรื่องยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ เจ้าเอาหน้าที่ไหนมาเห่าหอนอยู่หน้าข้า?”“อย่างเจ้า คู่ควรเรียนกนักปราชญ์ขงจื๊อ?”“ตามความคิดของข้า เจ้ามันก็แค่โจรเฒ่าหลอกลวงโลกเพื่อชื่อเสียงเท่านั้น!”ยังจะหลงเหลือชื่อที่ดีงามไว้ตลอดไป?เจ้าเกาซื่อเจินไม่ใช่อยากหลงเหลือชื่อที่ดีงามไว้ตลอดไปหรือ?วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองรสชาติแห่งความอับอายชั่วนิรันดร์!คิดว่าตัวเองมีสถานะเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อไร้สาระ ก็สามารถมากำเริบเสิบสานต่อหน้าเขาได้แล้ว?ปณิธานเพื่อใต้หล้า เพื่อชาวประชาพึ่งพาตนเอง สืบทอดการเรียนรู้แห่งปราชญ์ เพื่อทุกสรรพสิ่งสงบสุขปลอดภัยหากเกาซื่อเจินทำได้จริง ก็เหมาะสมกับฉายานักปราชญ์ขงจื๊อแต่น่าเสียงดาย เกาซื่อเจินเดิมก็ทำไม่ได้จากมุมของเขา เกาซื่อเจินก็แค่โจรเฒ่าอาศัยที่ตัวเองอายุมากเที่ยวดูถูกคนอื่นเท่านั้น!“เจ้า...เจ้าใส่ร้ายคน! เจ้า...ป้ายสีคนอื่น...”เกาซื่อเจินโกรธมาก น้ำตาขุ่นม
“เจ้า...ฟู่...”เกาซื่อเจินเพิ่งพูดออกมาแค่คำเดียว ก็พ่นเลือดสดออกมาอีกครั้งแต่ว่าครั้งนี้ เกาซื่อจนหมดสติไปโดยตรงแค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว?หยุนเจิงถากถางในใจ จากนั้นก็สั่งเมี่ยวอิน “รักษาโจรเฒ่านี่หน่อย อย่าปล่อยให้เขาตาย! ข้าต้องการให้โจรเฒ่ามีชีวิต ให้เขาเห็นด้วยตาว่าเขาถูกคนทั้งใต้หล้าดูหมิ่นเช่นไร!”“ก็ได้!”เมี่ยวอินจนใจ เดินเข้าไปจับชีพจรให้เกาซื่อเจินตาแก่นี่ก็เหลือเกินยั่วยุ่ใครไม่ยุ ต้องมายั่วยุหยุนเจิงให้ได้จั่วเริ่นเดินเข้ามา ชี้ไปที่กลุ่มคนที่คุกเข่าแล้วถาม “องค์ชาย คนพวกนี้จัดการเช่นไร?”หยุนเจิงกวาดสายตาเย็นชามองทุกคน “เยี่ยเฉินและหวังจิ้งอยู่ก่อน คนที่เหลือ ส่งไปขุดเหมือง!”ขุด...เหมือง?เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ทุกคนแทบจะหมดสติให้พวกเขาคนที่นุ่นนวลบอบบางอย่างพวกเขาไปขุดเหมือง ไม่ต่างจากเอาชีวิตพวกเขา?“ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย!”“ข้าถูกเกาซื่อเจินโจรเฒ่ายุยง...”“ขอท่านอ๋องเมตตาด้วย...”ทันใดนั้น ทุกคนก็พากันร้องไห้อ้อนวอนหยุนเจิงส่ายหน้าอย่างเย็นชา “นักปราชญ์หยุน ฟ้าจะมอบหมายภาระอันยิ่งใหญ่ให้กับใครคนหนึ่ง ต้องให้เขาลำบากเพื่อฝึกความมุ่งมั่น ให้เขาลำ
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ