ปัญญาชนคร่ำครึอย่างเกาซื่อเจิน เดิมก็ไม่ค่อยมีแนวป้องกันจิตใจมากนักหยุนเจิงกระแทบทำลายแนวป้องกันจิตใจเกาซื่อเจินได้อย่างง่ายดายมาก“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”เกาซื่อเจินน้ำตานองหน้า ถามหยุนเจิงด้วยใบหน้าโศกเศร้าหยุนเจิงไม่อ้อมค้อมกับเกาซื่อเจิน ถามตรงประเด็น “ใครใช้ให้พวกเจ้ามาร้องทุกข์ที่ซั่วเป่ย?”เกาซื่อเจินเข้าใจความหมายของหยุนเจิงทันที กล่าวด้วยความโศกเศร้า “เจ้าคิดว่าข้ารับคำสั่งจากผู้อื่น?”“ไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงเลิกคิ้ว จากนั้นก็ถากถาง “ข้ากับเจ้าไร้อคติไร้ความแค้น หากไม่ใช่คนสั่งการมา เหตุใดเจ้าจึงวิ่งมาที่ซั่วเป่ยสร้างความรำคาญให้ข้าและจื่อเอ๋อร์? เจ้ากินอิ่มแล้วว่างเกินไป? หรือว่าคิดจะใช้เรื่องนี้สร้างชื่อเสียง?หยุนเจิงไม่เกรงใจสักนิด ไม่ให้เกียรติเกาซื่อเจินที่เป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่เลยแม้แต่น้อยคำไร้สาระอย่างร้องทุกข์เพื่อชาวประชา หยุนเจิงไม่เชื่อเลยสักนิดชาวบ้านคิดเพียงทำเช่นไรให้กินอิ่มท้อง ใครบ้างจะมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ส่วนปกป้องใบหน้าครอบครัวสวรรค์ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลยจักรพรรดิเหวินประกาศราชโองการแล้ว เหตุใดต้องให้เกาซื่อเจินมาปกป้องเกี
ไม่แปลกใจเลยที่ตาแก่นี่ไม่เข้าราชสำนักเป็นขุนนางสมองอย่างเขา หากเป็นขุนนางก็มีแต่สร้างหายนะให้ชาวบ้าน“เจ้ารู้จักหลายคนนั้นหรือไม่?”หยุนเจิงถาม“ไม่รู้จัก”เกาซื่อเจินตอบโดยไม่ต้องคิด“แม้แต่ชื่อของพวกเขาเราก็ไม่รู้จัก?”เยี่ยจื่อถามยังไม่ยอมแพ้เกาซื่อเจินใส่หน้าเบาๆ “ตั้งแต่ตอนจนจบ พวกเราไม่เคยสนทนากันสักประโยค…”เมื่อได้ฟังคำของเกาซื่อเจิน ทั้งสามคนยิ่งหมดคำจะพูดตาแก่นี่ แม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่เคยสนทนากับเขา ก็กระโดดลงหลุมที่เขาขุดไว้แล้วคิดจะหลอกตาแก่นี่ ช่างง่ายได้เสียจริง!“ช่างเถอะ ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากชั่วคราว”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ มองเกาซื่อเจินด้วยใบหน้าสุดเอือมระอา “ต่อไปอ่านหนังสือให้น้อยหน่อย ดูเรื่องราวถูกผิดในโลกให้มากหน่อยเถอะ! เจ้ารีบรักษาร่างกายให้ดี กลับไปข้ามีภารกิจสำคัญมอบให้เจ้า!”“ภารกิจ...สำคัญ?”เกาซื่อเจินมองหยุนเจิงอย่างมึนงงแม้เขาจะคร่ำครึ แต่ก็ไม่โง่ถึงขั้นคิดว่าหยุนเจิงละทิ้งความขุ่นเคืองในอดีตและมอบหมายภารกิจสำคัญให้เขาหยุนเจิงหากสามารถละทิ้งความขุ่นเคืองในอดีตได้จริง ก็คงไม่สังหารปัญญาชนติดต่อกันต่อหน้าเขาหรอกตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว หย
“อะไรนะ?”เยี่ยจื่อสีหน้าเปลี่ยนไป นัยน์ตาไหววูบแววเย็นยะเยือกผู้ประสบภัย!นี่ต้องการผลักผู้ประสบภัยมาที่ซั่วเป่ย ทำให้ผู้ประสบภัยเหล่านี้ล้างผลาญซั่วเป่ย!หยุนเจิงย่อมรู้ถึงการเดินพันในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้แสดงความโกรธใดออกมา ในทางกลับกันก็ถามด้วยยังถามด้วยสีหน้าสงบ “ผู้ประสบภัยถึงที่ใดแล้ว นานเท่าใดกว่าจะมาถึงด่านเป่ยลู่?”คนผู้นั้นตอบทันที “พวกเขาตอนนี้กำลังเดินทางไปสุยโจว ภายในสองเดือนน่าจะมาถึงด่านเป่ยลู่...”ผู้ประสบภัยทางใต้ต้องการมาซั่วเป่ย สำหรับซั่วเป่ยตอนนี้ ไม่ใช่ข่าวที่ดีแน่นอนผู้ประสบภัยเหล่านี้กับคนที่อพยพมาจากภายในด่านไม่เหมือนกันคนเหล่านี้คือผู้ประสบภัย!ผู้ประสบภัยมาที่ซั่วเป่ย ซั่วเป่ยย่อมต้องเปิดคลังสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเปิดคลังสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ก็เท่ากับอาหารที่ต้องบริโภคจำนวนมหาศาลหากผู้ประสบภัยมาไม่กี่หมื่นคน ยังไม่เท่าใดแต่หากผู้ประสบภัยมามากเกินไป เสบียงอาหารของพวกเขาอาจไม่เพียงพอทว่า ตอนที่ผู้ประสบภัยเหล่านี้มาถึงซั่วเป่ย คงอ่อนแออย่างมากไม่เพียงต้องการเสบียงอาหาร ยังต้องการปัจจัยในการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยอื่นด้วยหากผู้ประสบภัยจำนวนมากเส
หลังตัดสินใจได้แล้ว หยุนเจิงสั่งจั่วเริ่นทันที “ส่งคนรีบไปหม่าอี้ ให้จางซูเลือกคนที่คุ้นเคยขั้นตอนบ่งสุราและกลั่นแอลกอฮอล์รีบมายังด่านเป่ยลู่!”จั่วเริ่นรับคำสั่ง จากนั้นก็ไปทำตามงานที่หยุนเจิงมอบหมาย“เจ้าคิดจะนำวิธีบ่มสุราและกลั่นแอลกอฮอล์ถวายออกไป?”เยี่ยจื่อเข้าใจเจตนาของหยุนเจิงทันที“อื้ม”หยุนเจิงพยักหน้า “ที่สำคัญคือเพื่อทำแอลกอฮอล์! มันถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณที่ข้าเคยอ่าน แอลกอฮอล์มีประโยชน์มากในการต่อสู้กับโรคระบาด! แม้อำเภอจวีผิงห่างไกลจากพวกเรามาก โรคระบาดทางนั้นไม่ส่งผลกระทบถึงซั่วเป่ย แต่การควบคุมโรคระบาดให้เร็วที่สุด ไม่เพียงสามารถลดผลกระทบของโรคระบาดที่ต้าเฉียนได้ สำหรับพวกเราก็มีประโยชน์เช่นกัน...”ต้าเฉียนถูกอุทกภัยครั้งนี้ทำลายพลังหยวน สำหรับซั่วเป่ยแล้วก็มีผลกระทบเช่นกันแต่ตอนนี้ยังไม่แสดงออกมา ผ่านไปสักระยะก็จะปรากฎออกมาให้เห็นเส้นทางร่ำรวยจากการบ่มสุราไม่มีแล้ว พวกเขาก็ยังมีเส้นทางร่ำรวยอื่นแต่คนเหล่านี้ตายแล้ว ก็ตายไปแล้วจริงๆเวลานี้ ไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับกำไรขาดทุนของสิ่งเหล่านี้“อื้ม ข้าสนับสนุนเจ้า!”เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความรู้สึกอบอุ่นอ่
แม้จางซูจะเป็นคนเจ้าชู้ แต่เขาจริงใจกับหมิงเย่ว์หมิงเย่ว์ตั้งครรภ์แล้ว เขาอยากให้สถานะกับหมิงเย่ว์คนของตระกูลจางล้วนอยู่เมืองจักรพรรดิ เขาอยากจัดงานแต่งงานกับหมิงเย่ว์ ย่อมต้องกลับไปจัดที่เมืองจักรพรรดิคงไม่อาจหวังให้คนของตระกูลจางวิ่งมาที่ซั่วเป่ยกระมัง?จางฮว๋ายเป็นราชครูของจักรพรรดิหากจางฮว๋ายต้องวิ่งมายังซั่วเป่ย เกรงว่าคนในราชสำนักคงนั่งไม่ติดแล้วเมื่อได้รู้ความคิดของจางซู หยุนเจิงจมสู่ความเงียบอีกครั้งเขาเข้าใจความคิดของจางซูแต่หากจางซูกลับเมืองจักรพรรดิ ย่อมมีอันตรายตอนนี้ คนที่เพ่งเล็งเขา นอกจากเจ้าสามแล้ว ยังมีมือดำที่อยู่หลังม่านที่มองไม่เห็นหากเขาเป็นมือดำที่อยู่หลังม่านผู้นั้น เขาต้องคิดหาวิธีฆ่าจางซูแล้วโยนความผิดให้เจ้าสามแน่นอนแม้เขาสามารถส่งคนไปคุ้มกันจางซูได้ แต่หอกอยู่ที่แจ้งสามารถหลบได้ ธนูที่ลับยากจะป้องกันจางซูไปเมืองจักรพรรดิครั้งนี้ เต็มไปด้วยอันตรายหมิงเย่ว์เดิมทีก็ตั้งครรภ์ หากต้องไปเสี่ยงอันตรายกับเขา นี่ไม่ใช่เรื่องสาระหรือ?หยุนเจิงนิ่งเงียบอยู่นาน จากนั้นก็บอกความกังวลของเขากับจางซูหากจางซูเพียงแค่ต้องการให้สถานะกับหมิงเย่ว์ เขาส
ตอนนี้ ทำได้เพียงเพิ่มหลักประกันให้จางซูแล้วหยุนเจิงกลับมาที่หน้าโต๊ะ จากนั้นก็หยิบพู่กันขนนกขึ้นมาเริ่มเขียนด้วยความกระตือรือร้นหลังผ่านไปหนึ่งเค่อ หยุนเจิงนำจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วใส่ซอง จากนั้นก็ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว “ทหาร สั่งจั่วเริ่นมาเดี๋ยวนี้!”ไม่นาน จั่วเริ่นรีบร้อนมาถึงหยุนเจิงไม่ได้ชักช้าโอ้เอ้กับเขา นำจดหมายที่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อครู่มอบให้จั่วเริ่น “สั่งคนใช้ความเร็วสูงสุด ใช้ชื่อรายงานกองทัพด่วน นำจดหมายนี้ส่งกลับเมืองจักรพรรดิ! บอกคนที่ส่งจดหมาย จำเป็นต้องนำจดหมายฉบับนี้ส่งให้ถึงพระหัตถ์เสด็จพ่อด้วยตัวเอง!”“ขอรับ!”เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของหยุนเจิง จั่วเริ่นไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ออกไปพร้อมจดหมายทันทีมองดูแผนหลังจั่วเริ่นจางไป หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ อีกครั้งหวังว่าจดหมายฉบับนี้จะเป็นหลักประกันสำคัญให้กับความปลอดภัยของจางซู!……เมืองจักรพรรดิในท้องพระโรงจักรพรรดิเหวินตรัสถามการจัดการสถานการณ์อุทกภัยทางตอนใต้และโรคระบาดของอำเภอจวีผิงตามกฎเกณฑ์เรื่องอุทกภัยทางตอนใต้ มอบให้หยุนลี่รับผิดชอบเป็นหลักสำหรับคำถามของหยุนลี่ หยุนลี่เตรียมตัวนานแล้ว นับว่
ทัพซั่วเป่ยรายงานด่วน?ประโยคของทหารวัง ทำให้เสียงโต้เถียงของทุกคนเงียบลงทันทีจักรพรรดิเหวินที่เดิมทีทรงทอดพระเนตรเรื่องครึกครื้นด้วยความสงบเกิดความตึงเครียดขึ้นในพระทัย ทรงตรัสทันที “ถวายขึ้นมา!”ซั่วเป่ยคงไม่เกิดเรื่องกระมัง?ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อตรงหน้า ซั่วเป่ยห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด!เขายังคิดอยู่ ห่างชนเผ่าโม่ซีทำเกินขอบเขต เขาจะให้หยุนเจิงโจมตีโฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์ จัดการรังโจรของชนเผ่าโม่ซีโดยตรง!ที่เขาสามารถนั่งดูเรื่องครึกครื้นได้อย่างสบายใจ เป็นเพราะเจ้าหกสามารถกลายเป็นแรงสนับสนุนในยามจำเป็นได้หากหยุนเจิงทางนั้นไม่อาจหวังเพิ่งได้ เขาก็จำเป็นต้องกังวลแล้ว“ทหารส่งสารกล่าวว่า จำเป็นต้องมอบรายงานด่วนให้พระอง์ด้วยมือตัวเอง”ทหารวังตอบ“พาเข้ามา!”จักรพรรดิเหวินทรงตรัสทันทีไม่นาน ทหารส่งสารที่แทบหมดแรงถูกพาเข้ามารับรายงานด่วนมาจากมือของมู่ซุ่นที่รับมากจากทหารส่งสาร จักรพรรดิเหวินเปิดอ่านทันทีเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย จักรพรรดิเหวินแทบอยากจะบุกไปพ่นคำพูดหอมหวนให้หยุนเจิงที่อยู่ซั่วเป่ยไอลูกทรพี!ทำเอาเขานึกว่าซั่วเป่ยเกิดสงครามแล้ว!เรื่องเส็งเคร็งเช่นนี้
“ข้าก็คิดเช่นนี้!”จักรพรรดิเหวินพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าหกถูกลอบสังหารครั้งนี้ ข้าสงสัยเช่นนี้ มีคนคิดโยนความผิดให้เจ้าหรือไม่ โยงไปถึงเรื่องเกาซื่อเจินพาคนไปร้องทุกข์ที่ซั่วเป่ย ดูออกไม่ยาก มีคนคิดยั่วยุให้เจ้าหกก่อกบฎ วางแผนยึดครอบดินแดนต้าเฉียน!”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ปรีชา!”หยุนลี่ก้มโค้งคาราวะ ท่าทางราวกับได้หลุดพ้นความคับข้องใจแล้วหยุนลี่กำลังคาดเดาในใจ เรื่องนี้ เป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวของกับพวกเจ้าสองกลุ่มสุนัขพวกนี้ คิดจะแย่งตำแหน่งรัชทายาทของเขาไม่เคยหยุด!ตอนนี้เขาได้รับความไว้ใจจากเสด็จพ่ออย่างลึกซึ้ง พวกเขายังแย่งตำแหน่งรัชทายาทให้ได้หรือ?นัยน์พระเนตรจักรพรรดิเหวินไหววูบแววเย็นชา ตรัสเสียงเข้ม “กลับไปเจ้าต้องตรวจสอบให้ดี พยายามหาตัวคนผู้นี้ออกมา! ข้าอยากจะเห็น ใครกันแน่ที่สร้างลมฝนอยู่เบื้องหลัง!”“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงรับคำสั่งต่อให้จักรพรรดิเหวินไม่บอก เขาก็จะสืบจักรพรรดิเหวินตรัสถามอีกครั้ง “สำหรับจางซู เจ้าคิดว่าควรจัดการเช่นไร?”“คือ...”หยุนลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบ “ทั้งส่วนรวมและส่วนตัว ลูกต่างก็คิดว่า ต้องรับประกันความปลอดภัยของจางซู”“บอกรา
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่