หยุนเจิงอยู่ที่ด่านเป่ยลู่สามวันสามวันให้หลัง จางซูยังไม่เปลี่ยนความคิด ยังคิดจะพาหมิงเย่ว์กลับเมืองหลวงหยุนเจิงแม้กังวลความปลอดภัยของจางซู แต่ก็ทำได้เพียงเห็นด้วยก่อนออกเดินทาง หยุนเจิงดึงจางซูมาด้านข้าง“เจ้าจำไว้ หากพบอันตราย ควรยอมก็ยอม ควรขายข้าก็ขายซะ! หมักสุรา เกลือละเอียดของเหล่านี้ ล้วนสามารถมาเป็นแต้มต่อรับประกันชีวิตเจ้าได้!”หยุนเจิงกำชับจางซูอย่างตั้งใจวิธีหาเงินเหล่านี้ ล้วนเป็นทุนในการรับประกันชีวิตของจางซู“องค์ชาย นี่...ไม่ดีกระมัง?”จางซูมองหยุนเจิงอย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได“ไม่ดีอะไรไร้สาระ!”หยุนเจิงถลึงตามองจางซู “ข้ายินดีให้เจ้าบอกสิ่งเหล่านี้ออกไปเพื่อรักษาชีวิต ทางนี้ข้ายังมีวิธีหาเงิน ไม่จำเป็นต้องนำชีวิตน้อยๆ ไปทิ้งเพื่อรักษาสิ่งของเหล่านี้”“ขอบคุณองค์ชายมาก!”จางซูเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็กล่าวหยอกล้อ “ข้ากลับไปเมืองจักรพรรดิครั้งนี้ ดีไม่ดีไม่มีอันตรายแม้แต่น้อย องค์ชายไม่ต้องกังวลเพื่อข้า”“มีอันตรายหรือไม่ ในใจเจ้ารู้ดี!” หยุนเจิงถอนหายใจเบาๆ “ข้ามอบจดหมายให้เสด็จพ่อแล้ว อธิบายถึงความสำคัญของเจ้า เสด็จพ่อน่าจะคุ้มครองเจ้าอย่างด
หลังจากส่งจางซูและหมิงเย่ว์แล้ว พวกหยุนเจิงไม่ได้ไปจากด่านเป่ยลู่ผู้ประสบภัยทางตอนใต้ต้องการมาซั่วเป่ย พวกเขาต้องทำมาตรการรับมือไว้ล่วงหน้าคนเหล่านี้ หยุนเจิงไม่อาจไล่ไปได้เด็ดขาดอย่าว่าแต่ผู้ประสบภัยจำนวนนับหมื่นเลย ต่อให้ผู้ประสบภัยนับแสนต้องการมาซั่วเป่ย เขาไม่มีทางขับไล่พวกเขาไปเสบียงอาหารไม่เพียงพอ เช่นนั้นก็คิดวิธีจัดการอาหารหากไม่อาจซื้ออาหารภายในด่านได้ ก็ไปปล้นอาหารจากศัตรู!หากยามคับขัน เขาก็ส่งคนปลอมตัวเป็นโจร ไปปล้นเสบียงอาหารจากคหบดีทรงอิทธิพลร่ำรวยที่ไม่มีมโนธรรมเหล่านั้นก็ได้คนสามรถอึดอัดตายเพราะปัสสาวะหยดเดียวได้หรือ?หากพวกเขาอดทนผ่านสองปีนี้ไปได้ คนเหล่านี้ล้วนกลายเป็นกำลังของกองทัพ!ขอแค่ประชากรเพิ่มขึ้น ซั่วเป่ยก็จะพัฒนาไปได้เร็วขึ้นทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านคิดจะให้คนเหล่านี้มาล้างผลาญซั่วเป่ย ไม่มีแม้แต่ประตู!แผนการของหยุนเจิงคือ ระหว่างด่านเป่ยลู่และเมืองสู้ฉวี สร้างสถานที่ชุมนุม ใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราวของผู้ประสบภัยที่ลี้ภัยมายังซั่วเป่ยรอให้คนเหล่านั้นมาถึงแล้ว ซั่วเป่ยก็จะเป็นเวลาเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือหลังเวลาเก็บเกี่
จดหมายฉบับนี้ไม่ซับซ้อนในจดหมายจักรพรรดิเหวินดำรัสว่า รัชทายาทหยุนลี่จะย้ายทหารติดอาวุธสามพันคนจากฟู่โจวคุ้มกันส่งจางซูกลับเมืองหลวงต่อให้ถึงเมืองหลวงแล้ว ก็จะส่งคนมาคุ้มครองจางซูมากหน่อย บอกให้หยุนเจิงไม่ต้องกังวลความปลอดภัยของจางซูเห็นได้ชัดว่าเจ้าสามถูกตาแก่หลอกอีกแล้วอีกทั้ง เจ้าสามนับว่าถูกหลอกให้ช่วยนับเงินแล้วอีกอย่าง จักรพรรดิเหวินยังเอ่ยถึงเรื่องชนเผ่าโม่ซีในจดหมายจักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงจัดการพันธมิตรสามแคว้นนั้นอย่างสบายใจ ชนเผ่าโม่ซีทางนั้น มีจ้าวจี๋จับตาดูชั่วคราวแต่ว่า ทันทีที่กองทหารประจำการทางตะวันตกเฉียงเหนือทนไม่ไหว จักรพรรดิเหวินหวังว่าหยุนเจิงจะสามารถโจมตีโฉวฉือ เคลื่อนทัพคุกคามชนเผ่าโม่ซีจากทางโฉวฉือ ลดแรงกดดันของกองทหารประจำการทางตะวันตกเฉียงเหนือแน่นอน นี่เป็นเพียงความคิดของจักรพรรดิเหวินลายละเอียดในการปฏิบัติจริง ต้องดูสถานการณ์ของหยุนเจิงทางนี้แต่หากกองทหารประจำการตะวันตกเฉียงเหนือพ่ายแพ้พังทหลาย กองทหารมณฑลทางเหนือก็จำเป็นต้องช่วยเหลือสนับสนุนข้อนี้ ท่าทางของจักรพรรดิเหวินแข็งขืนมาก ไม่มีที่ให้เจรจาต่อรองในตอนท้ายสุดของจดหมาย จักรพรรดิ
นี่เป็นวิธีทดสอบหรือ?จักรพรรดิเหวินคงไม่คิดถ่ายทอดตำแหน่งให้หยุนเจิงกระมัง?มองดูสองสาวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ หยุนเจิงยิ้มอย่างจนใจอีกครั้งเขาไม่รู้ว่าการคาดเดาของเขาถูกหรือไม่ถึงเช่นไรจักรพรรดิเหวินให้เขาตระหนักรู้ด้วยตัวเอง เขาทำได้เพียงตระหนักรู้สิ่งนี้ออกมาบางทีจักรพรรดิเหวินอาจมีความหมายอื่น แต่ตอนนี้เขายังคิดไม่ถึงให้ตายนี่ก็คือสิ่งที่เขาคิดได้ จักรพรรดิเหวินยืมมือเขามากำจัดปัญญาชนหัวคร่ำครึอย่างเกาซื่อเจินทว่า ด้วยความเคารพต่อจักรพรรดิเหวิน น่าจะไม่ถึงขั้นก่อเรื่องเช่นนี้ออกมาเพื่อจัดการเกาซื่อเจินหลังจากตกใจอยู่เนิ่นนาน เยี่ยจื่อได้สติกลับมาอย่างยากเย็นครุ่นคิดชั่วครู่ เยี่ยจื่อกล่าวเสียงต่ำ “เสด็จพ่ออาจทำเพื่ออำพรางบางอย่างหรือไม่?”“อำพรางสิ่งใด?”หยุนเจิงถามอย่างไม่เข้าใจเยี่ยจื่อดึงผ้าม่านขึ้นมองออกไปข้างนอก จากนั้นก็ปล่อยผ้าม่านลง กระซิบกล่าว “หากเสด็จพ่อเดิมมีความคิดในตอนแรก แต่เพราะเรื่องบางอย่าง ตอนนี้ต้องระงับแผนการของเขาไว้ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายยอมรับเรื่องนี้?”เยี่ยจื่อกล่าวอ้อมค้อมทว่าหยุนเจิงเข้าใจความหมายของนางสิ่งที่เยี่ยจื่อกังวลคือเ
เวลาถัดไป ซั่วเป่ยเริ่มเข้าสู่ช่วงการพัฒนาและสร้างบ้านเรือนหลังจากหยุนกิจการบ่มสุราไปชั่วคราว กิจการค้าเกลือละเอียดกลายเป็นการค้าที่ทำเงินที่สุดของซั่วเป่ยอาศัยการขายตำแหน่งขุนนาง พวกเขายังหาเงินได้อีกเล็กน้อย สามารถช่วยเหลือสถานการณ์ทางงานเงินที่ย่ำแย่ของซั่วเป่ยได้คนเหล่านี้ซื้อตำแหน่งขุนนางแล้ว ก็มารายงานตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากตรวจสอบสักพัก คนจำนวนมากถูกทิ้งไปยังสามเมืองชายแดนช่วยเหลือจัดกรชาวเป่ยหวนที่อพยพมาและเชลยศึกเหล่านั้นคนเหล่านั้นคิดจะก่อความวุ่นวายทางนั้นเช่นไรก็ได้ทั้งนั้นถึงเวลานั้น คนที่สมควรตายก็ต้องตาย ควรเนรเทศไปชายแดนก็เนรเทศไปชายแดนเช่นไรคนเขาก็จ่ายเงินซื้อตำแหน่งขุนนางจริง เช่นไรก็ควรให้เขาเป็นขุนนางที่อยากเป็นก่อนไม่ใช่หรือ?ภายในคนที่ซื้อตำแหน่งขุนนาง นอกจากพวกชอบแอบอ้างแล้ว แต่ก็มีคนฉลาดหลายคนทว่า หยุนเจิงไม่อาจยืนยันได้ชั่วคราวว่าพวกเขาเป้นคนที่เจ้าสามหรือกองกำลังอื่นส่งมาหรือไม่ แม้จะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้พวกเขา ทว่ากลับส่งคนแอบสอดส่องพวกเขาหากอาศัยคนเหล่ารี้จุนมือมีดที่อยู่ด้านหลังม่านออกมาได้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากแล้วด้วย
เพราะตั้งครรภ์ นางจึงพลาดโอกาสขี่ม้าย่ำสู่ราชสำนักเป่ยหวนแล้วสงครามใหญ่ครั้งต่อไป นางก็ต้องอดเข้าร่วมทุกครั้งที่นึกถึงการต่อสู้อันดุเดือดที่แนวหน้า ภายในใจนางก็รู้สึกเหมือนแมวข่วน“ข้าก็หวังอยากให้พวกเขาโจมตีปีหน้า”หยุนเจิงยักไหล่ ดึงเสิ่นลั่วเยี่ยนลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ เรียนจื่อเอ๋อร์และเมี่ยวอิน พวกเราไปเตรียมของขวัญให้เจียเหยา!”“ของขวัญ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงอย่างผิดปกติ “ของขวัญใด?”“เจ้าว่าเช่นไรเล่า?”หยุนเจิงใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้ายกวนประสาทออกไปจากจวนอ๋อง พวกเขาไม่นานก็มาถึงสถานที่เพราะปลูกมันเทศดินเวลาฤดูใบไม้ร่วงค่อยๆ เข้าใกล้มาแล้ว มันเทศดินเหล่านี้ไม่นานก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้วหยุนเจิงจูงเสิ่นลั่วเยี่ยนเข้าไปในสถานที่ปลูกมันเทศดินปัดใบของมันเทศดินออก ภายในดินเบื้องล่างปรากฎรอยแยกใหญ่น้อยออกมาแล้วหยุนเจิงพบรอยแยกที่ใหญ่กว่านั้นและดึงดินที่อยู่ด้านบนออกไป รากของมันเทศดินสะท้อนสู่รูม่านตาของพวกเขาทว่า มันเทศดินเหล่านี้เล็กใหญ่ไม่เหมือนกันขนาดใหญ่ใหญ่กว่าประมาณกำปั้นของผู้ใหญ่ ขนาดเล็กมีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่โป้ง“เยอะเพียงนี้เชียว?”ในเมื่อเป็นเช่นน
สองวันให้หลัง หยุนเจิงพบกันเจียเหยาที่ชายแดนกู้ตอนที่เจียเหยาถูกคนพาเข้ามา หยุนเจิงกำลังเผามันเทศดินกลิ่นหอมหวนทันทีที่เจียเหยาเข้ามา ก็ได้กลิ่นหอมของมันเทศดินทันใดนั้น หยุนเจิงรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบยิงมาที่เขา“องค์ชาย องค์หญิงเจียเหยามาถึงแล้ว”ต่งกังก้มโค้งตัวกล่าว“องค์หญิงเจียเหยาอะไร?”หยุนเจิงเงยหน้าขึ้น ถลึงตาใส่ต่งกัง “เรียกฮูหยินเจียเหยา!”“ขอรับ!”ต่งกังรับคำสั่ง จากนั้นก็เปลี่ยนคำเรียนทันที “ฮูหยินเจียเหยา”ฮูหยินเจียเหยา?เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ เจียเหยารู้สึกถากถางเหลือเกิน แต่ก็รู้สึกจนปัญญาภายในใจนางรู้ดี หยุนเจิงและต่งกังจงใจแสดงละครต่อหน้านางส่วนจุดประสงค์คือ เพื่อเตือนสตินาง ให้นางจำสถานะของตัวเอง“ต่อไประวังหน่อย!”หยุนเจิงกวาดตามองต่งกัง จากนั้นก็โบกมือกล่าว “เจ้าออกไปก่อนเถอะ!”ต่งกังรับคำสั่ง โค้งตัวแล้วบอกลา“นั่งเถอะ อย่าเอาแต่ยืนตรงนั้นเลย”หยุนเจิงยิ้มให้เจียเหยาเล็กน้อย “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ต้องให้ข้าเชิญเจ้านั่งลง?”“อนุไม่กล้ารบกวนท่านอ๋อง” เจียเหยาตอบหนึ่งประโยคด้วยความหงุดหงิด เดินไปนั่งลงตรงข้ามหยุนเจิง “เจ้าจงใจทำให้ข้าสะอิด
หยุนเจิงเดาได้แล้วแม้กระทั่งกุ่ยฟางคิดจะจู่โจมด้านหลังพวกเขาจากทางเดินทะเลทรายตะวันตกก็ถูกเขาเดาได้แล้ว!เขาเดาได้เช่นไร?หรือบางที เขาส่งสายมาอยู่ข้างกายนาง?ไม่มีเหตุผล!แต่ให้อยู่ที่เป่ยหวน คนที่รู้เรื่องนี้มีน้อยมากคนที่รู้เรื่องนี้ ต่างก็เป็นคนที่นางเชื่อใจคนพวกนั้น ไม่มีทางเป็นหูเป็นตาให้หยุนเจิงหลังจากตกใจอยู่นาน เจียเหยาถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าเดาได้เช่นไร?ไ“เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ยากคาดเดาหรือ?”หยุนเจิงจ้องเจียเหยาด้วยรอยยิ้ม “โฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ตอนนี้กำลังใช้เรื่องความขัดแย้งกันระดมกำลังทหารบริเวณชายแดนสองแคว้น พวกเขาหากไม่เปิดศึก ก็มีเพียงแค่แสดงละครแล้ว...”จุดประสงค์การแสดงละครของโฉวฉือและแคว้นต้าเฉียน ย่อมเพื่อร่วมมือกันส่งทหารจู่โจมเป่ยหมัวถัวหลังจากพวกเขาโจมตีเป่ยหมัวถัวสายฟ้าแล่บแล้ว แนวหน้าของพวกเขาก็สามารถคุกคามทุ่งหญ้ามู่หม่าได้แล้วคนของโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ไม่ใช่คนโง่อาศัยแค่แคว้นทั้งสองของพวกเขา คิดจะเอาชนะกองทหารมณฑลทางเหนือ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้พวกเขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ ทว่าก็ยังทำเช่นนี้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงตรึงกำลังด้านหน้ากับ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่