นี่เป็นวิธีทดสอบหรือ?จักรพรรดิเหวินคงไม่คิดถ่ายทอดตำแหน่งให้หยุนเจิงกระมัง?มองดูสองสาวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ หยุนเจิงยิ้มอย่างจนใจอีกครั้งเขาไม่รู้ว่าการคาดเดาของเขาถูกหรือไม่ถึงเช่นไรจักรพรรดิเหวินให้เขาตระหนักรู้ด้วยตัวเอง เขาทำได้เพียงตระหนักรู้สิ่งนี้ออกมาบางทีจักรพรรดิเหวินอาจมีความหมายอื่น แต่ตอนนี้เขายังคิดไม่ถึงให้ตายนี่ก็คือสิ่งที่เขาคิดได้ จักรพรรดิเหวินยืมมือเขามากำจัดปัญญาชนหัวคร่ำครึอย่างเกาซื่อเจินทว่า ด้วยความเคารพต่อจักรพรรดิเหวิน น่าจะไม่ถึงขั้นก่อเรื่องเช่นนี้ออกมาเพื่อจัดการเกาซื่อเจินหลังจากตกใจอยู่เนิ่นนาน เยี่ยจื่อได้สติกลับมาอย่างยากเย็นครุ่นคิดชั่วครู่ เยี่ยจื่อกล่าวเสียงต่ำ “เสด็จพ่ออาจทำเพื่ออำพรางบางอย่างหรือไม่?”“อำพรางสิ่งใด?”หยุนเจิงถามอย่างไม่เข้าใจเยี่ยจื่อดึงผ้าม่านขึ้นมองออกไปข้างนอก จากนั้นก็ปล่อยผ้าม่านลง กระซิบกล่าว “หากเสด็จพ่อเดิมมีความคิดในตอนแรก แต่เพราะเรื่องบางอย่าง ตอนนี้ต้องระงับแผนการของเขาไว้ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายยอมรับเรื่องนี้?”เยี่ยจื่อกล่าวอ้อมค้อมทว่าหยุนเจิงเข้าใจความหมายของนางสิ่งที่เยี่ยจื่อกังวลคือเ
เวลาถัดไป ซั่วเป่ยเริ่มเข้าสู่ช่วงการพัฒนาและสร้างบ้านเรือนหลังจากหยุนกิจการบ่มสุราไปชั่วคราว กิจการค้าเกลือละเอียดกลายเป็นการค้าที่ทำเงินที่สุดของซั่วเป่ยอาศัยการขายตำแหน่งขุนนาง พวกเขายังหาเงินได้อีกเล็กน้อย สามารถช่วยเหลือสถานการณ์ทางงานเงินที่ย่ำแย่ของซั่วเป่ยได้คนเหล่านี้ซื้อตำแหน่งขุนนางแล้ว ก็มารายงานตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากตรวจสอบสักพัก คนจำนวนมากถูกทิ้งไปยังสามเมืองชายแดนช่วยเหลือจัดกรชาวเป่ยหวนที่อพยพมาและเชลยศึกเหล่านั้นคนเหล่านั้นคิดจะก่อความวุ่นวายทางนั้นเช่นไรก็ได้ทั้งนั้นถึงเวลานั้น คนที่สมควรตายก็ต้องตาย ควรเนรเทศไปชายแดนก็เนรเทศไปชายแดนเช่นไรคนเขาก็จ่ายเงินซื้อตำแหน่งขุนนางจริง เช่นไรก็ควรให้เขาเป็นขุนนางที่อยากเป็นก่อนไม่ใช่หรือ?ภายในคนที่ซื้อตำแหน่งขุนนาง นอกจากพวกชอบแอบอ้างแล้ว แต่ก็มีคนฉลาดหลายคนทว่า หยุนเจิงไม่อาจยืนยันได้ชั่วคราวว่าพวกเขาเป้นคนที่เจ้าสามหรือกองกำลังอื่นส่งมาหรือไม่ แม้จะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้พวกเขา ทว่ากลับส่งคนแอบสอดส่องพวกเขาหากอาศัยคนเหล่ารี้จุนมือมีดที่อยู่ด้านหลังม่านออกมาได้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากแล้วด้วย
เพราะตั้งครรภ์ นางจึงพลาดโอกาสขี่ม้าย่ำสู่ราชสำนักเป่ยหวนแล้วสงครามใหญ่ครั้งต่อไป นางก็ต้องอดเข้าร่วมทุกครั้งที่นึกถึงการต่อสู้อันดุเดือดที่แนวหน้า ภายในใจนางก็รู้สึกเหมือนแมวข่วน“ข้าก็หวังอยากให้พวกเขาโจมตีปีหน้า”หยุนเจิงยักไหล่ ดึงเสิ่นลั่วเยี่ยนลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ เรียนจื่อเอ๋อร์และเมี่ยวอิน พวกเราไปเตรียมของขวัญให้เจียเหยา!”“ของขวัญ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงอย่างผิดปกติ “ของขวัญใด?”“เจ้าว่าเช่นไรเล่า?”หยุนเจิงใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้ายกวนประสาทออกไปจากจวนอ๋อง พวกเขาไม่นานก็มาถึงสถานที่เพราะปลูกมันเทศดินเวลาฤดูใบไม้ร่วงค่อยๆ เข้าใกล้มาแล้ว มันเทศดินเหล่านี้ไม่นานก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้วหยุนเจิงจูงเสิ่นลั่วเยี่ยนเข้าไปในสถานที่ปลูกมันเทศดินปัดใบของมันเทศดินออก ภายในดินเบื้องล่างปรากฎรอยแยกใหญ่น้อยออกมาแล้วหยุนเจิงพบรอยแยกที่ใหญ่กว่านั้นและดึงดินที่อยู่ด้านบนออกไป รากของมันเทศดินสะท้อนสู่รูม่านตาของพวกเขาทว่า มันเทศดินเหล่านี้เล็กใหญ่ไม่เหมือนกันขนาดใหญ่ใหญ่กว่าประมาณกำปั้นของผู้ใหญ่ ขนาดเล็กมีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่โป้ง“เยอะเพียงนี้เชียว?”ในเมื่อเป็นเช่นน
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ