“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ
ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”“หุบปาก!”จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้วจักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”ซวยแล้ว!แสดงเกินบทบาท!หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้านแม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้วจากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต
ไม่ว่าหยุนเจิงจะยินยอมหรือไม่ จักรพรรดิเหวินก็ได้ออกราชโองการแล้ว เขาก็ทำได้แต่ยอมรับเอาเถอะ!แต่งงานพระราชทานก็พระราชทานมาเถอะ!เอาอำนาจทหารมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!จะยังไง จะดีจะร้ายยังไงตนก็ยังคงเป็นองค์ชายอยู่นะ!พิธีมงคลสมรสขององค์ชาย ต่อให้พวกขุนนางจะดูถูกตนมากเพียงใด อย่างไรก็ต้องเออออตามกันอืม ฉวยโอกาสทำเงิน!ยิ่งมากยิ่งดีมีทัพทหารม้าแล้วก็ต้องมีเงินมีเสบียงกรังด้วย!เพียงแต่ หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักช่วงหนึ่งสินะ!พวกหยุนลี่กับซูเฟยก็ต้องฉวยโอกาสนี้แก้แค้นตนแน่ๆ!ช่วงเวลาที่อยู่เมืองหลวงนี้ เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตรายมากแน่ๆต้องรีบหาวิธีรับมือ!“องค์ชายหก ช้าก่อน!”ขณะที่หยุนเจิงเดินไปคิดไปนั้น หัวหน้าขันทีมู่ซุ่นผู้รับใช้ข้างกายจักรพรรดิเหวินก็ไล่ตามเขามาหยุนเจิงหยุดฝีเท้า หันหลังกลับดูมู่ซุ่น “หัวหน้ามู่เรียกข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ”หยุนเจิงมองมู่ซุ่น จิตใจของเขาตื่นตระหนกขึ้นมามู่ซุ่นเป็นคนสนิทใกล้ตัวพ่อจำเป็นนั่นเชียวนะแม้แต่องค์รัชทายาทองค์ก่อนยังต้องให้เกียรติมู่ซุ่นถ้าหากว่าสามารถชักชวนมู่ซุ่นมาเป็นพวก…ไม่ช้า หยุนเจิงก็ยกเลิ
มู่ซุ่นหัวเราะเหอะๆ แล้วเหงยหน้ามองหยุนเจิง“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงยกมือขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดว่ามู่ซุ่นช่างเป็นผู้รู้ความจริงๆ“ขอบพระทัยเพคะ”ทั้งกลุ่มคนจึงยืดตัวยืนตรง“ฮูหยินเสิ่น ยินดีด้วย ยินดีด้วยจริงๆ!”เมื่อมู่ซุ่นเห็นฮูหยินเสิ่นเขาจึงรีบกล่าวยินดีฮูหยินเสิ่นยินดียิ่ง รีบถามขึ้นว่า “หัวหน้ามู่เจ้าคะ มีเรื่องอันใดให้ยินดีหรือ”มู่ซุ่นลีลาเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “คุณหนูเสิ่นลั่วเยี่ยนอยู่ไหนหรือ”เสิ่นลั่วเยี่ยนพอได้ยิน ก็รีบก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าน้อยคาราวะท่านหัวหน้ามู่เจ้าค่ะ”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างละเอียดดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด รูปร่างสูงเพรียวมีร่องรอยของความกล้าหาญระหว่างคิ้วนับว่าเป็นสาวงามที่ห้าวหาญ!มู่ซุ่นมองที่เสิ่นลั่วเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน “เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโอการ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจค้าง รีบคุกเข่าลงรับราชโองการ“ฝ่าบาทมีราชโองการ: ตระกูลเสิ่น จงรักภักดีมิเสื่อมคลาย มีศีลธรรมอันดี สมเป็นมาตรฐานของราชวงศ์เรา! วันนี้เป็นฤกษ์ดี มีราชโองการให้พระราชทานเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นพระชายาเอกขงอองค์ชายหก เลือกวั
ด้วยการนำทางของหยุนเจิง เจียเหยามาถึงเรือนเล็กที่เคยกักบริเวณนางก่อนหน้านี้ภายในห้อง เมี่ยวอินรออยู่ตรงนั้นแล้ว“เรียกคนยกอาหารได้แล้ว”หยุนเจิงเดินเข้าห้องก็สั่งเมี่ยวอินเมี่ยวอินยิ้ม สั่งคนเริ่มยกอาหารเข้ามาเวลาไม่นาน อาหารก็ทยอยยกขึ้นโต๊ะหยุนเจิงยังสั่งคนทำมันเทศนึ่งหนึ่งจาน“นี่คือ...”สายตาเจียเหยาทอดมองอาหารจานนั้น“ยอดมันเทศ เป็นยอดจากใบของมันเทศดิน”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้แม้จะแก่ไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้”“นี่สามารถกินได้?”เจียเหยาตกใจ นัยน์ตาไหววูบแววแปลกประหลาด“กินได้แน่นอน”หยุนเจิงพยักหน้าหัวเราะ “พวกเรากินมาหลายเดือนแล้ว”ข้อนี้ เขาไม่ได้หลอกลวงเจียเหยาของสิ่งนี้ ตอนชาติก่อน นับว่าเป็นอาหารจานผักสีขาวที่หายากเขาจำได้ ตอนเขายังเด็ก ไม่มีคนกินของสิ่งนี้ของเหล่านี้ล้วนนำไปเป็นอาหารหมูแต่หลังโตแล้ว จึงได้รู้ว่าคนมีเงินมากมายชอบกินของสิ่งนี้ในตอนแรก พวกเยี่ยจื่อกลัวว่าเขาเด็ดกิ่งยอดมันเทศจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของมันเทศดิน จึงห้ามไม่ให้เขาเด็ดยอดมันเทศมากินมากมายปรากฏว่ามันเทศดินที่ขุดออกมาเมื่อสองวันก่อน พบว่ามันเทศดินที่ถูกเด
องค์ชายสี่?เป็นองค์ชายสี่ผู้นี้อีกแล้ว?ข่างที่พวกเขาได้รับ เรื่องที่โฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์ระดมกำลังทหารที่ชายแดนทั้งสองแคว้น ก็เกี่ยวข้องการองค์ชายสี่ผู้นี้สุดท้าย แม้แต่แผนการปิดล้อมตีกำลังเสริมก็เป็นฝีมือของคนผู้นี้?โหลวอี้!หยุนเจิงจำชื่อนี้ไว้แล้วหากวันหน้าเขาพบกันในสนามรบ เขาต้องทำความรู้จึกคนผู้นี้ให้ดีถือโอกาสถามเจ้าชั่วนี่ว่ากินอิ่มจนว่างไปหรือไม่ ต้าเฉียนกับแคว้นต้าเย่ว์ไม่มีเรื่องใดกัน เขามาร่วมเรื่องครึกครื้นใดด้วย?เขายังไม่อยากตีแคว้นต้าเย่ว์ แคว้นต้าเย่ว์เป็นฝ่ายกระโดดออกมาแล้วโหลวอี้ผู้นี้ ไม่เป็นคนสายตายาวไกลเช่นนั้น ก็เป็นคนที่สมองมีปัญญาโดยแท้หยุนเจิงครุ่นคิด สายตาทอดมองเจียเหยา “ในเมื่อเจ้าต้องการเจรจากับข้า เจ้าคงมีความคิดบางอย่างกระมัง?”“ข้ายังมีความคิดใดได้?”เจียเหยาส่ายหน้า “ข้าแค่มารายงานข่าวกับเจ้าเท่านั้น ดูว่าเจ้าทางนี้มีแผนการใด! มีเจ้าจิ้งเป่ยอ๋องผู้ชำนาญการรบอยู่ ข้าไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นใด เจ้ามีแผนการ ข้าทำตามก็พอแล้ว”“ดีเลย! เจ้าพูดเองนะ!”หยุนเจิงยิ้มนิ่งๆ “เช่นนี้ พวกเจ้าส่งทหารไปตายก่อนหนึ่งแสนคน! เจ้าทำตามนี้เถอะ!”“
หยุนเจิงเดาได้แล้วแม้กระทั่งกุ่ยฟางคิดจะจู่โจมด้านหลังพวกเขาจากทางเดินทะเลทรายตะวันตกก็ถูกเขาเดาได้แล้ว!เขาเดาได้เช่นไร?หรือบางที เขาส่งสายมาอยู่ข้างกายนาง?ไม่มีเหตุผล!แต่ให้อยู่ที่เป่ยหวน คนที่รู้เรื่องนี้มีน้อยมากคนที่รู้เรื่องนี้ ต่างก็เป็นคนที่นางเชื่อใจคนพวกนั้น ไม่มีทางเป็นหูเป็นตาให้หยุนเจิงหลังจากตกใจอยู่นาน เจียเหยาถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าเดาได้เช่นไร?ไ“เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ยากคาดเดาหรือ?”หยุนเจิงจ้องเจียเหยาด้วยรอยยิ้ม “โฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ตอนนี้กำลังใช้เรื่องความขัดแย้งกันระดมกำลังทหารบริเวณชายแดนสองแคว้น พวกเขาหากไม่เปิดศึก ก็มีเพียงแค่แสดงละครแล้ว...”จุดประสงค์การแสดงละครของโฉวฉือและแคว้นต้าเฉียน ย่อมเพื่อร่วมมือกันส่งทหารจู่โจมเป่ยหมัวถัวหลังจากพวกเขาโจมตีเป่ยหมัวถัวสายฟ้าแล่บแล้ว แนวหน้าของพวกเขาก็สามารถคุกคามทุ่งหญ้ามู่หม่าได้แล้วคนของโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ไม่ใช่คนโง่อาศัยแค่แคว้นทั้งสองของพวกเขา คิดจะเอาชนะกองทหารมณฑลทางเหนือ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้พวกเขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ ทว่าก็ยังทำเช่นนี้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงตรึงกำลังด้านหน้ากับ
สองวันให้หลัง หยุนเจิงพบกันเจียเหยาที่ชายแดนกู้ตอนที่เจียเหยาถูกคนพาเข้ามา หยุนเจิงกำลังเผามันเทศดินกลิ่นหอมหวนทันทีที่เจียเหยาเข้ามา ก็ได้กลิ่นหอมของมันเทศดินทันใดนั้น หยุนเจิงรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบยิงมาที่เขา“องค์ชาย องค์หญิงเจียเหยามาถึงแล้ว”ต่งกังก้มโค้งตัวกล่าว“องค์หญิงเจียเหยาอะไร?”หยุนเจิงเงยหน้าขึ้น ถลึงตาใส่ต่งกัง “เรียกฮูหยินเจียเหยา!”“ขอรับ!”ต่งกังรับคำสั่ง จากนั้นก็เปลี่ยนคำเรียนทันที “ฮูหยินเจียเหยา”ฮูหยินเจียเหยา?เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ เจียเหยารู้สึกถากถางเหลือเกิน แต่ก็รู้สึกจนปัญญาภายในใจนางรู้ดี หยุนเจิงและต่งกังจงใจแสดงละครต่อหน้านางส่วนจุดประสงค์คือ เพื่อเตือนสตินาง ให้นางจำสถานะของตัวเอง“ต่อไประวังหน่อย!”หยุนเจิงกวาดตามองต่งกัง จากนั้นก็โบกมือกล่าว “เจ้าออกไปก่อนเถอะ!”ต่งกังรับคำสั่ง โค้งตัวแล้วบอกลา“นั่งเถอะ อย่าเอาแต่ยืนตรงนั้นเลย”หยุนเจิงยิ้มให้เจียเหยาเล็กน้อย “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ต้องให้ข้าเชิญเจ้านั่งลง?”“อนุไม่กล้ารบกวนท่านอ๋อง” เจียเหยาตอบหนึ่งประโยคด้วยความหงุดหงิด เดินไปนั่งลงตรงข้ามหยุนเจิง “เจ้าจงใจทำให้ข้าสะอิด
เพราะตั้งครรภ์ นางจึงพลาดโอกาสขี่ม้าย่ำสู่ราชสำนักเป่ยหวนแล้วสงครามใหญ่ครั้งต่อไป นางก็ต้องอดเข้าร่วมทุกครั้งที่นึกถึงการต่อสู้อันดุเดือดที่แนวหน้า ภายในใจนางก็รู้สึกเหมือนแมวข่วน“ข้าก็หวังอยากให้พวกเขาโจมตีปีหน้า”หยุนเจิงยักไหล่ ดึงเสิ่นลั่วเยี่ยนลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ เรียนจื่อเอ๋อร์และเมี่ยวอิน พวกเราไปเตรียมของขวัญให้เจียเหยา!”“ของขวัญ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงอย่างผิดปกติ “ของขวัญใด?”“เจ้าว่าเช่นไรเล่า?”หยุนเจิงใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้ายกวนประสาทออกไปจากจวนอ๋อง พวกเขาไม่นานก็มาถึงสถานที่เพราะปลูกมันเทศดินเวลาฤดูใบไม้ร่วงค่อยๆ เข้าใกล้มาแล้ว มันเทศดินเหล่านี้ไม่นานก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้วหยุนเจิงจูงเสิ่นลั่วเยี่ยนเข้าไปในสถานที่ปลูกมันเทศดินปัดใบของมันเทศดินออก ภายในดินเบื้องล่างปรากฎรอยแยกใหญ่น้อยออกมาแล้วหยุนเจิงพบรอยแยกที่ใหญ่กว่านั้นและดึงดินที่อยู่ด้านบนออกไป รากของมันเทศดินสะท้อนสู่รูม่านตาของพวกเขาทว่า มันเทศดินเหล่านี้เล็กใหญ่ไม่เหมือนกันขนาดใหญ่ใหญ่กว่าประมาณกำปั้นของผู้ใหญ่ ขนาดเล็กมีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่โป้ง“เยอะเพียงนี้เชียว?”ในเมื่อเป็นเช่นน
เวลาถัดไป ซั่วเป่ยเริ่มเข้าสู่ช่วงการพัฒนาและสร้างบ้านเรือนหลังจากหยุนกิจการบ่มสุราไปชั่วคราว กิจการค้าเกลือละเอียดกลายเป็นการค้าที่ทำเงินที่สุดของซั่วเป่ยอาศัยการขายตำแหน่งขุนนาง พวกเขายังหาเงินได้อีกเล็กน้อย สามารถช่วยเหลือสถานการณ์ทางงานเงินที่ย่ำแย่ของซั่วเป่ยได้คนเหล่านี้ซื้อตำแหน่งขุนนางแล้ว ก็มารายงานตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากตรวจสอบสักพัก คนจำนวนมากถูกทิ้งไปยังสามเมืองชายแดนช่วยเหลือจัดกรชาวเป่ยหวนที่อพยพมาและเชลยศึกเหล่านั้นคนเหล่านั้นคิดจะก่อความวุ่นวายทางนั้นเช่นไรก็ได้ทั้งนั้นถึงเวลานั้น คนที่สมควรตายก็ต้องตาย ควรเนรเทศไปชายแดนก็เนรเทศไปชายแดนเช่นไรคนเขาก็จ่ายเงินซื้อตำแหน่งขุนนางจริง เช่นไรก็ควรให้เขาเป็นขุนนางที่อยากเป็นก่อนไม่ใช่หรือ?ภายในคนที่ซื้อตำแหน่งขุนนาง นอกจากพวกชอบแอบอ้างแล้ว แต่ก็มีคนฉลาดหลายคนทว่า หยุนเจิงไม่อาจยืนยันได้ชั่วคราวว่าพวกเขาเป้นคนที่เจ้าสามหรือกองกำลังอื่นส่งมาหรือไม่ แม้จะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้พวกเขา ทว่ากลับส่งคนแอบสอดส่องพวกเขาหากอาศัยคนเหล่ารี้จุนมือมีดที่อยู่ด้านหลังม่านออกมาได้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากแล้วด้วย
นี่เป็นวิธีทดสอบหรือ?จักรพรรดิเหวินคงไม่คิดถ่ายทอดตำแหน่งให้หยุนเจิงกระมัง?มองดูสองสาวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ หยุนเจิงยิ้มอย่างจนใจอีกครั้งเขาไม่รู้ว่าการคาดเดาของเขาถูกหรือไม่ถึงเช่นไรจักรพรรดิเหวินให้เขาตระหนักรู้ด้วยตัวเอง เขาทำได้เพียงตระหนักรู้สิ่งนี้ออกมาบางทีจักรพรรดิเหวินอาจมีความหมายอื่น แต่ตอนนี้เขายังคิดไม่ถึงให้ตายนี่ก็คือสิ่งที่เขาคิดได้ จักรพรรดิเหวินยืมมือเขามากำจัดปัญญาชนหัวคร่ำครึอย่างเกาซื่อเจินทว่า ด้วยความเคารพต่อจักรพรรดิเหวิน น่าจะไม่ถึงขั้นก่อเรื่องเช่นนี้ออกมาเพื่อจัดการเกาซื่อเจินหลังจากตกใจอยู่เนิ่นนาน เยี่ยจื่อได้สติกลับมาอย่างยากเย็นครุ่นคิดชั่วครู่ เยี่ยจื่อกล่าวเสียงต่ำ “เสด็จพ่ออาจทำเพื่ออำพรางบางอย่างหรือไม่?”“อำพรางสิ่งใด?”หยุนเจิงถามอย่างไม่เข้าใจเยี่ยจื่อดึงผ้าม่านขึ้นมองออกไปข้างนอก จากนั้นก็ปล่อยผ้าม่านลง กระซิบกล่าว “หากเสด็จพ่อเดิมมีความคิดในตอนแรก แต่เพราะเรื่องบางอย่าง ตอนนี้ต้องระงับแผนการของเขาไว้ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายยอมรับเรื่องนี้?”เยี่ยจื่อกล่าวอ้อมค้อมทว่าหยุนเจิงเข้าใจความหมายของนางสิ่งที่เยี่ยจื่อกังวลคือเ
จดหมายฉบับนี้ไม่ซับซ้อนในจดหมายจักรพรรดิเหวินดำรัสว่า รัชทายาทหยุนลี่จะย้ายทหารติดอาวุธสามพันคนจากฟู่โจวคุ้มกันส่งจางซูกลับเมืองหลวงต่อให้ถึงเมืองหลวงแล้ว ก็จะส่งคนมาคุ้มครองจางซูมากหน่อย บอกให้หยุนเจิงไม่ต้องกังวลความปลอดภัยของจางซูเห็นได้ชัดว่าเจ้าสามถูกตาแก่หลอกอีกแล้วอีกทั้ง เจ้าสามนับว่าถูกหลอกให้ช่วยนับเงินแล้วอีกอย่าง จักรพรรดิเหวินยังเอ่ยถึงเรื่องชนเผ่าโม่ซีในจดหมายจักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงจัดการพันธมิตรสามแคว้นนั้นอย่างสบายใจ ชนเผ่าโม่ซีทางนั้น มีจ้าวจี๋จับตาดูชั่วคราวแต่ว่า ทันทีที่กองทหารประจำการทางตะวันตกเฉียงเหนือทนไม่ไหว จักรพรรดิเหวินหวังว่าหยุนเจิงจะสามารถโจมตีโฉวฉือ เคลื่อนทัพคุกคามชนเผ่าโม่ซีจากทางโฉวฉือ ลดแรงกดดันของกองทหารประจำการทางตะวันตกเฉียงเหนือแน่นอน นี่เป็นเพียงความคิดของจักรพรรดิเหวินลายละเอียดในการปฏิบัติจริง ต้องดูสถานการณ์ของหยุนเจิงทางนี้แต่หากกองทหารประจำการตะวันตกเฉียงเหนือพ่ายแพ้พังทหลาย กองทหารมณฑลทางเหนือก็จำเป็นต้องช่วยเหลือสนับสนุนข้อนี้ ท่าทางของจักรพรรดิเหวินแข็งขืนมาก ไม่มีที่ให้เจรจาต่อรองในตอนท้ายสุดของจดหมาย จักรพรรดิ
หลังจากส่งจางซูและหมิงเย่ว์แล้ว พวกหยุนเจิงไม่ได้ไปจากด่านเป่ยลู่ผู้ประสบภัยทางตอนใต้ต้องการมาซั่วเป่ย พวกเขาต้องทำมาตรการรับมือไว้ล่วงหน้าคนเหล่านี้ หยุนเจิงไม่อาจไล่ไปได้เด็ดขาดอย่าว่าแต่ผู้ประสบภัยจำนวนนับหมื่นเลย ต่อให้ผู้ประสบภัยนับแสนต้องการมาซั่วเป่ย เขาไม่มีทางขับไล่พวกเขาไปเสบียงอาหารไม่เพียงพอ เช่นนั้นก็คิดวิธีจัดการอาหารหากไม่อาจซื้ออาหารภายในด่านได้ ก็ไปปล้นอาหารจากศัตรู!หากยามคับขัน เขาก็ส่งคนปลอมตัวเป็นโจร ไปปล้นเสบียงอาหารจากคหบดีทรงอิทธิพลร่ำรวยที่ไม่มีมโนธรรมเหล่านั้นก็ได้คนสามรถอึดอัดตายเพราะปัสสาวะหยดเดียวได้หรือ?หากพวกเขาอดทนผ่านสองปีนี้ไปได้ คนเหล่านี้ล้วนกลายเป็นกำลังของกองทัพ!ขอแค่ประชากรเพิ่มขึ้น ซั่วเป่ยก็จะพัฒนาไปได้เร็วขึ้นทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านคิดจะให้คนเหล่านี้มาล้างผลาญซั่วเป่ย ไม่มีแม้แต่ประตู!แผนการของหยุนเจิงคือ ระหว่างด่านเป่ยลู่และเมืองสู้ฉวี สร้างสถานที่ชุมนุม ใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราวของผู้ประสบภัยที่ลี้ภัยมายังซั่วเป่ยรอให้คนเหล่านั้นมาถึงแล้ว ซั่วเป่ยก็จะเป็นเวลาเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือหลังเวลาเก็บเกี่