เจียเหยาพูดไป ด้านหนึ่งก็ส่งสายตาให้คนเหล่านั้น อยู่ที่นี่ ไม่มีองค์หญิงเจียเหยาแห่งเป่ยหวนมีเพียงฮูหยินเจียเหยาตั้งแต่เมื่อครู่ที่นางเห็นหยุนเจิง หยุนเจิงก็ได้แสดงท่าทีชัดเจนแล้วต่อให้เขาต้องทำความเคารพ ก็ต้องทำความเคารพหยุนเจิงก่อนตอนนี้พวกเขาเป็นราษฎรต้าเฉียนแล้ว ไม่อาจเอาแต่คิดถึงนางที่เป็นองค์หญิงผู้นี้ได้อยู่ใต้ชายคาผู้อื่น ไม่อาจไม่ก้มหัว!แม้จะโหดร้าย แต่หากพวกเขาใช้ชีวิตดีขึ้นหน่อย ก็จะเป็นต้องเคารพกฎเกณฑ์ข้อนี้พวกเขาน่าจะรู้ดี หยุนเจิงไม่ใช่คนดีมีเมตตาด้วยการส่งสัญญาอย่างบ้าคลั่งของเจียเหยา ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจแล้ว รีบคุกเข่าลง ก้มตัวลงต่ำ “ข้าน้อยคาราวะท่านอ๋อง คาราวะฮูหยินเมี่ยวอิน...”หยุนเจิงใบหน้าบึ้งตึง ช้อนลูกตามองพวกเขา น้ำเสียงและหน้าตาดุดัน “เห็นแก่นี่เป็นความผิดครั้งแรก ครั้งนี้จะปล่อยพวกเจ้าไป! หากมีครั้งหน้า อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”“ขอรับ!”ทุกคนก้มหน้าเอาเป็นเอาตาย พากันตอบด้วยความกลัวตัวสั่น“ลุกขึ้นเถอะ!”หยุนเจิงถากถางเสียงเบา จากนั้นก็ออกคำสั่ง “ปลดผ้าปิดหน้า”เจียเหยาคิดว่าหยุนเจิงต้องการจำหน้าตาของคนเหล่านี้ จะได้คิดบัญชีกับพวกเขาใน
เจียเหยาไม่พูดจา เพียงแค่กลั้นน้ำตาเดินตามเมี่ยวอินไปมาถึงบริเวณปั้นดินเหนียว ยังไม่ทำรอให้หยางสวี่เข้ามา หยุนเจิงสั่งให้ผู้ชายทุกคนถอดเสื้อออกไม่ผิดจากที่คาด คนเหล่านี้ส่วนล้วนผอมแห้งเห็นกระดูกถึงขั้นมีบางคนร่างกายผอมซูบเซียว ใกล้จะกลายเป็นไม้เสียบผีแล้วภายในนี้ ไม่ได้มีเพียงคนของเป่ยหวน ยังมีชาวต้าเฉียน ชาวเหมิงกู่และเจินเกอด้วยทว่า ชาวตาเฉียนมีเพียงส่วนน้อยหยุนเจิงเรียกชาวเป่ยหวนคนหนึ่งที่ผอมจนเห็นกระดูกมา “เจ้าชื่ออะไร?“ฮ๋าวตู๋”“ค่าแรงทุกวันเจ้าได้เท่าไหร่?”“ค่าแรง? พวกเรา...พวกเราไม่ได้รับค่าแรง!”“ไม่มีค่าแรง?”นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววพยาบาทจากนั้น หยุนเจิงก็ถามติดต่อกันอีกหลายคนนอกจากชาวต้าเฉียน คนเหล่านี้ต่างก็ไม่ได้รับค่าแรงต่อให้เป็นชาวต้าเฉียน ค่าแรงก็ยังน้อยจนน่าสงสารทุกวันพวกเขาได้กินอาหารแค่สองมื้อ อีกทั้งก็เป็นของประเภทน้ำแกงใสกับข้าวกินคู่กัน โดยพื้นฐานแล้วเป็นผักดองเป็นหลักส่วนเนื้อ ไม่ต้องคิดถึงเลย ไม่มีเลยสักนิด!ถามคำถามเหล่านี้จบ สีหน้าของหยุนเจิงเปลี่ยนเป็นดูยากหยางสวี่วิ่งมาด้วยความกังวลเต็มหัวใจ เห็นทุกคนถอดเสื้อท่อนบนหมดแล้ว ใบหน
หยางสวี่เป็นคนไร้ศักดิ์ศรีไม่รอให้หยุนเจิงสั่งคนเข้าเครื่องทรมาน หยางสวี่ก็บอกเรื่องราวทุกอย่างออกมาหมดแล้วนอกจากเขาแล้ว นายบัญชีของโรงเตาเผาก็ทุจริตด้วยสิ่งที่เขาบอกกับพวกเป่ยหวน เจินเกอและเหมิงกู่คนทั้งสามเผ่าคือ คนเหล่านี้ต่างก็เป็นคนมีความผิด ให้พวกเขาทำงานที่โรงเตาเผา คือการให้โอกาสพวกเขาได้ทำงานชดเชยความผิด ต้องทำให้ครบหนึ่งปี จึงจะมีค่าแรงคนของสามชนเผ่าเดิมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถมีชีวิตสุขสบายในโรงเตาเผาอยู่แล้ว ขอแค่มีข้าวกิน ไม่หิวตายก็พอแล้วดังนั้นจึงไม่สงสัยเรื่องเงินเดือนหยางสวี่ยังขายจางซูอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา บอกเรื่องที่เขาจ่ายเงินซื้อตำแหน่งห้าหมื่นตำลึงเงินออกมาทั้งหมดหยางสวี่กล่าวด้วยน้ำตานองอยู่ตรงนั้น เมี่ยวอินกลับแอบส่ายหน้าเจ้าคนโง่เขลา!คนเช่นเขา คิดอยากเป็นขุนนาง?ขายจางซูต่อหน้าทุกคน ยังคาดหวังให้ใครสามารถปกป้องเขาได้?ทว่า ตอนนี้จางซูไม่อยู่ที่ซั่วเป่ย พวกเขาก็ไม่อาจพึงพาจางซูได้พูดหรือไม่พูด ก็ไม่ต่างกันแล้วสีหน้าหยุนเจิงเย็นชา ถามด้วยเสียงดุดัน “เงินที่เจ้าทุจริตอยู่ที่ใด?”หยางสวี่ห้องไห้ “อยู่ที่บ้านของข้าน้อย...”หยุนเจิงหน้าบึ้ง
นี่...เป็นเรื่องจริงหรือ?“ขอบคุณท่านอ๋อง!”ขณะที่ทุกคนยัคงยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ก็มีคนหนึ่งคุกเข่าลงทันที จากนั้นก็ตะโกนร้องไห้มีคนผู้นี้เป็นแกนนำ ทุกคนราวกับถูกปลุกให้ตื่นจากฝันชั่วพริบตานั้น ทุกคนคุกเข่าลงกันเป็นแถบ“ขอบคุณท่านอ๋อง”“ขอบคุณท่านอ๋องที่ตัดสินให้ข้า...”“ท่านอ๋องฉลาดปรีชา...”ทุกคนพากันคุกเข่าตะโกนร่ำร้องคนไม่น้อยต่างตื้นตันจนร้องไห้ออกมาเวลานี้ ความไม่เป็นธรรมและความโกรธแค้นในใจทุกคนต่างก็ได้ระบายออกมาแล้ว เหลือเพียงความยินดีและความตื้นตันเมื่อเห็นทุกคนคุกเข่าอยู่ที่พื้น นัยน์ตาเจียเหยาไหววูบเป็นประกายไอสารเลวสมควรตาย!ที่แท้ก็รออยู่ตรงนี้เอง!หยุนเจิงยกมือห้ามปรามทุกคน จากนั้นก็ชี้ไปที่หยางสวี่และนายบัญชี “ส่วนพวกสองคนนี้ ข้ามอบให้พวกเจ้าจัดการก่อน! พวกเจ้าโกรธก็ระบายความโกรธ มีแค้นก็ชำระแค้น อย่าทำให้ถึงตายก็พอแล้ว!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง หยางสวี่และนายบัญชีตกใจจนขาอ่อน คุกเข่ากับพื้นร้องไห้อ้อนวอนไม่หยุดทว่า เดิมทีหยุนเจิงก็ไม่ได้สนใจพวกเขา เพียงแค่สั่งให้คนนำสองคนนี้มอบให้เหล่าคนงาน“ตีไอสัตว์เดรัจฉานนี่ให้ตาย!”ไม่รู้ผู้ใดตะโกนนำเป็นคน
ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ ผ่านการแนะนำของทุกคน ชายชราชาวเป่ยหวนผู้หนึ่งกลายเป็นผู้ดูแลคนใหม่เจียเหยารู้จักชายชราผู้นี้ท่านผู้นี้ก่อนหน้านี้เคยเป็นหัวหน้าชนเผ่าแห่งหนึ่ง ได้รับความเคารพอย่างสูงจากคนในชนเผ่าดูแลโรงเตาเผา น่าจะไม่มีปัญหาใดหลังจากยืนยันตำแหน่งผู้ดูแลคนใหม่แล้ว หยุนเจิงสั่งเมี่ยวอินต่อหน้าทุกคน ให้นางกลับไปหานายบัญชีคนใหม่ส่งมาต่อไป หยุนเจิงก็มอบหมายงานต่างๆ ง่ายๆ จากนั้นก็พาคนจากไปส่วนหยางสวี่และนายบัญชี ก็ทิ้งไว้พักรักษาตัวที่นี่ก่อน รอให้หายดีแล้ว ค่อยเริ่มทำงาน“ทั้งบุญคุณทั้งอำนาจควบคู่กัน วิธีท่านอ๋องยอดเยี่ยม!”ระหว่างทางกลับ เจียเหยาก็กล่าวกับหยุนเจิงด้วยความโกรธและโมโหหยุนเจิงตักเตือนชาวเป่ยหวนที่ทำความเคารพให้นาง เป็นการแสดงอำนาจหยุนเจิงลงโทษสองคนที่ทุจริตอย่างหนักต่อหน้าทุกคน ไม่เพียงชดเชยค่าแรงของคนเหล่าคนงานให้ครบถ้วน ยังเพิ่มเงินพิเศษห้าสิบเหวินเป็นการชดเชยค่าอาหาร ถึงขั้นให้พวกเขาแนะนำผู้ดูแลคนใหม่กันเอง ล้วนเป็นการแสดงบุญคุณ!ทั้งบุญคุณทั้งอำนาจควบคู่กัน ได้รับหัวใจคนง่ายที่สุดผู้ดูแลคนใหม่ ย่อมต้องทำงานแทนเขาอย่างสุดความสามารถใช้ชาวเป่ยหวน
อีกทั้ง โรงงานเตาเผาให้ที่กินที่พัก พวกเขาก็ไม่ต้องท้องหิวประหยัดค่าแรงเหล่านั้น ชีวิตของพวกเขาก็จะค่อยๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อนับดูแล้ว พวกเขาใช้ชีวิตได้ดีกว่าตอนอยู่เป่ยหวนจริงๆเมื่อคิดเช่นนี้ เจียเหยาก็ว่างใจแล้วกลับถึงชายแดนกู้ หยุนเจิงตามเจียเหยามาพบผู้ฝึกเหยี่ยวหลายคนที่นางพามาทองคำที่เจียเหยานำมาก็อยู่ที่พวกเขาด้วยเช่นกันอีกอย่าง คนเหล่านี้ยังนำเหยี่ยวขาวมาสามตัวมีเหยี่ยวขาวสามตัวนี้ ต่อไประหว่างหยุนเจิงและเจียเหยาก็สามารถส่งข้อมูลเร่งด่วนได้สะดวกขึ้นมากแต่ว่า ต่อให้ใช้เหยี่ยวขาวในการส่งข่าวโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถส่งข้อมูลได้ร้อยทั้งร้อยต่อให้บอกว่าเก่งกาจเพียงใด แต่เหยี่ยวขาวก็เป็นแค่สัตว์ปีเท่านั้นเป็นสัตว์ปีก ก็มีความเสี่ยงที่ข้อมูลที่ส่งไปจะหล่นหายดังนั้น เจียเหยาจึงได้เสนอแนะ ตอนที่ส่งเหยี่ยวขาวออกไปส่งข่าวโดยเฉพาะ ก็ต้องส่งคนมาแจ้งข่าวด้วยหากเหยี่ยวขาวทำส่งข้อมูลมาถึง พวกเขาก็ยังสามารถทำการเตรียมตัวและจัดการได้ล่วงหน้าหากเหยี่ยวขาวหายไป ก็ยังได้รับข่าวจากคนที่ตามมาข้างหลังแม้จะช้าไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยก็ยังได้รับข้อมูลที่ส่งมาสำหรั
เช้าวันที่สอง เจียเหยาไปจากชายแดนกู้หยุนเจิงก็เริ่มระดมกำลังทหารอย่างแข็งขันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามในเมื่อศัตรูคิดทำสงคราม เช่นนั้นก็ทำสงครามเถอะ!ถึงเช่นไร เสบียงอาหารของกองทหารมณฑลทางเหนือนับว่าเพียงพอลงมือก่อนได้เปรียบ!“สั่งการ ตู๋กูเช่อย้ายนักเรียนหนึ่งร้อยคนจากสำนักศึกษาเตรียมทหารรีบไปยังชายแดนกู้ ไปไม่ถึงภายในห้าวัน ประหาร!”“สั่งการ ฟู่เทียนเหยียน ชวีจื้อ เฝิงอวี้ รีบเตรียมทหารและม้า พกพาเสบียงอาหารและวัตถุปัจจัย เข้าประจำการอยู่ด้านตะวันตกของทุ่งหญ้ามู่หม่า! ตั้งค่ายตรงนั้น!”“สั่งการ เติ่งเป่านำกองทหารม้า พกพาเสบียงและวัตถุปัจจัย เข้าประจำการค่ายเขาห่านป่าหวนกลับ!”“สั่งการ จั่วเริ่นย้ายทหารราบห้าพันคนจากด่านเป่ยลู่ ออกเดินทางสัมภาระเบา ภายในสิบวัน จำเป็นต้องเดินทางถึงติ้งเป่ย! เจ้าหน้าที่รักษาด่านเป่ยลู่ เว่ยหยูรักษาการชั่วคราว!”“เกาเหอ โจวมี่ พวกเจ้าสองคนเตรียมทหารกองหนุนสองหมื่นนายทันที พรุ่งนี้เช้ารีบไปคุ้มกันส่งเสบียงที่ติ้งเป่ย...” “……”คำสั่งแต่ละข้อที่มาจากปากหยุนเจิงถ่ายทอดออกไปฟังคำสั่งของหยุนเจิง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่นไม่มีใ
สี่วันให้หลัง ตู๋กูเช่อนำนักเรียนหนึ่งร้อยคนควบม้าเร็วมาถึงชายแดนกู้หยุนเจิงเมื่อได้รับข่าว ก็รีบพาคนกลับชายแดนกู้ทันทีไม่รอให้พวกตู๋กูเช่อทำความเคารพ หยุนเจิงยกมือห้ามพวกเขา “เวลาคับขัน พวกเราเรื่องยาวพูดย่อ!”“ขอรับ!”ทุกคนพากันรับคำสั่ง ตั้งหน้าตั้งตารอฟังสถานการณ์“ต่งกัง!”หยุนเจิงเงยหน้ามองต่งกัง “นักเรียนหนึ่งร้อยคนนี้ มอบให้เจ้าแล้ว!”“ขอรับ!”ต่งกังรับคำสั่งเวลานี้ หยุนเจิงก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้เขาแล้วเขาต้องใช้นักเรียนหนึ่งร้อยคนนี้เป็นโครงสร้าง จากนั้นก็โยกย้ายสี่พันคนจากกองหนุน บวกกับทหารองครักษ์เดิมที่หยุนเจิงมี จัดตั้งเป็นกองทัพองครักษ์ส่วนตัวหยุนเจิงไม่ได้ต้องการการคุ้มกันมากมาย แต่ต้องการใช้การศึกแทนการฝึกฝนหากจับเชลยศึกได้ คนเหล่านี้ต้องแยกย้ายออกไปทั้งหมด มีคนเหล่านี้เป็นโครงสร้าง นำเชลยศึกจากทัพศัตรูเข้าสู่กองกำลังของพวกเขา จัดตั้งกองทัพรับใช้ขนาดใหญ่มากขึ้นมีคนเหล่านี้เป็นโครงสร้าง กองทัพรับใช้ก็จะไม่วุ่นวายความคิดของหยุนเจิงง่ายมากพยายามลดจำนวนการเสียของชาวต้าเฉียนไม่นาน ต่งกังก็พาหนึ่งร้อยคนนั้นไปรอจนพวกต่งกังจากไปแล้ว ตู๋กูเช่อจึงถาม
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่