วันที่สอง ตู๋กูเช่อต้องการพาทหารคนสนิทของเขาไปไล่ตามกองทัพใหญ่เคลื่อนตัวไปยังทุ่งหญ้ามู่หม่าตู๋กูเช่อขยับตัวไปข้างหน้า หยุนเจิงดึงตู๋กูเช่อไว้อีกครั้ง กำชับอย่างเป็นจริงเป็นจัง “จำเอาไว้ ศึกครั้งนี้เป็นศึกทำลายแคว้น! เวลาที่สมควรโหดเหี้ยมก็ต้องโหดเหี้ยม!”ตู๋กูเช่อพยักหน้าหนักแน่น “องค์ชายวางใจ ข้าเข้าใจแล้ว!”สนทนากับตู๋กูเช่ออีกสองสามประโยค หยุนเจิงจึงพาตู๋กูเช่อจากไปศึกครั้งนี้ หยุนเจิงแบ่งทหารเป็นสองเส้นทางชั่วคราวตู๋กูเช่อนำทัพใหญ่หนึ่งเส้นทาง เขานำทัพใหญ่อีกเส้นทางทว่า เขายังต้องทำการวางแผนบางส่วน ถือโอกาสรอจั่วเริ่นนำทัพมาถึง แล้วก็ให้เวลาต่งกังเตรียมคนและม้ามากขึ้น จากนั้นค่อยไปค่ายเขาห่านป่าหวนกลับรวมตัวกับพวกอวี๋ซื่อจงสองวันให้หลัง หยุนเจิงพาเมี่ยวอินย้อนกลับไปติ้งเป่ยสงครามครั้งนี้ เป็นไปได้มากว่าจะต้องสู้กันจนถึงช่วงฤดูหนาวก่อนออกเดินทาง หยุนเจิงจำเป็นต้องไปเยี่ยมผู้หญิงของเขาและลูกที่ยังไม่ลืมตาดูโลกคนนั้นพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนได้รับข่าวที่แนวหน้ากำลังจะเริ่มเปิดศึกแล้วหยุนเจิงเพิ่งเข้าประตู เสิ่นลั่วเยี่ยนเดินออกมาอย่างรวดเร็ว“พระชายา ช้าหน่อย...”ด้านห
เมี่ยวอินยิ้ม “ให้ข้าตั้งครรภ์ คาดว่าคงเป็นเวลาที่ใต้หล้าสงบสุขแล้ว”นางมีวิชาเหอหวนกง ขอแค่นางไม่อยากตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะทำซ้ำไปซ้ำมากับหยุนเจิงก็ไม่มีทางตั้งครรภ์พวกเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่วางใจหยุนเจิงที่รบอยู่แนวหน้า นางย่อมไม่วางใจเช่นกันตราบใดที่หยุนเจิงรบอยู่แนวหน้า นางไม่มีทางตั้งครรภ์นางต้องการคุ้มครองอยู่ข้างกายผู้ชายของพวกนางเสิ่นลั่วเยี่ยนนิ่งเงียบ หันไปมองหยุนเจิงด้วยความโกรธ “ครั้งนี้เจ้าต้องตีพวกโฉวฉื่อให้หนัก! ทำให้พวกเขาไม่กล้าปีหน้าทำศึกอีก!”หากปีหน้าทำสงครามอีก นางก็สามารถชุดสวมเกราะเข้าสนามรบได้แล้วน่าเสียดาย หลายแคว้นพวกนี้ต้องหาเรื่องสู้กันปีนี้ให้ได้ยังไปเคยประสบพบกับการทุบตีโหดร้ายของหยุนเจิง ไม่รู้จักเจ็บ!เห็นท่าทางของเสิ่นลั่วเยี่ยน หยุนเจิงและเมี่ยวอิดอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขณะที่ทั้งสองคนหัวเราะกันอย่างเบิกบานใจ ด้านนอกมีเสียงตื่นตระหนกลอยเข้ามากะทันหัน “พระชายา ไม่ดีแล้ว...”หยุนเจิงฟังออกว่าเป็นเสียงของซินเซิงซินเซิงตอนนี้เป็นบ่าวคนสำคัญของจวน ทุกคนรู้จักนางดี เยี่ยจื่อเองก็มีเจตนาอบรมนางให้เป็นผู้ดูแลบ้าน หลายครั้งนางล้วนติดตามอยู่ข้างกายเยี่ยจ
เยี่ยจื่อตั้งครรภ์ สำหรับจวนอ๋องแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีใช้คำพูดของฮูหยินเสิ่น หยุนเจิงกำลังจะต้องนำทัพออกศึกอีกแล้ว เยี่ยจื่อตั้งครรภ์เวลานี้ นี่เป็นนิมิตหมายที่ดีแม้หยุนเจิงจะไม่งมงาน ทว่าภายในใจก็ดีใจอย่างมากเขาได้กลายเป็นพ่อคนอีกแล้ว!อีกทั้ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เหมือนกันเสิ่นลั่วเยี่ยนคิดติดตามหยุนเจิงไปออกศึก ความจริงไม่อยากตั้งครรภ์ทว่าเยี่ยจื่ออยากมีลูกที่เป็นของพวกเขาสักคนมาโดยตลอดตอนนี้เยี่ยจื่อตั้งครรภ์แล้ว นางก็นับว่าสมปรารถนาแล้วด้วยความดีใจ หยุนเจิงสั่งให้คนเรียกเฉินปู้มาการหมดสติกะทันหันของเยี่ยจื่อครั้งนี้ เป็นเพราะทำงานหนักมากเกินไปเขาจำเป็นต้องลดภาระหน้าที่ให้กับเยี่ยจื่อ ให้เฉินปู้รับช่วงต่องานจากมือเยี่ยจื่อ ไม่อาจปล่อยให้เยี่ยจื่อทำงานหนักต่อไป“ไม่ได้ร้ายแรงเจ้าที่เจ้าคิด”เยี่ยจื่อพักผ่อนอยู่บนเตียง ปล่อยให้หยุนเจิงกุมมือนางตามใจชอบ “สองวันนี้ต้องปรับย้ายทรัพยากรณ์แต่ละอย่าง บวกกับแต่ละท้องที่ทำการเตรียมตัวเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง หลายเรื่องเหน็ดเหนื่อยมากมายมาพร้อมกัน ข้าจึง...”“เช่นนั้นก็ไม่ได้”หยุนเจิงตัดบทเยี่ยจื่ออย่างเอาแต
หยุนเจิงเพิ่งสนทนากับทั้งสองคน คนในจวนก็มารายงาน เฉินปู้มาแล้ว“เช่นนั้นพวกเจ้าคุยกันไปก่อน ข้าไปพบเฉินปู้”หยุนเจิงลุกขึ้นยืนไม่นาน หยุนเจิงก็พบเฉินปู้“คาราวะท่านอ๋อง”เฉินปู้ทำความเคารพด้วยความนอบน้อมเฉินปู้มีความเย่อหยิ่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนเจิง เขาไม่กล้าหยิ่งผยอง“ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าที่สวนดอกไม้ข้างหลังเถอะ!”หยุนเจิงเรียกเฉินปู้ แล้วเดินไปยังสวนดอกไม้ของหลังเฉินปู้รีบตามไปขณะที่กำลังเดิน จู่ๆ หยุนเจิงก็ถาม “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะหรือไม่?”คำถามที่มากะทันหันของหยุนเจิงทำให้เฉินปู้จับต้นชนปลายไม่ถูกหลังขบคิดชั่วครู่ เฉินปู้ตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ความสามารถของข้าน้อย ไม่อาจเทียบท่านอ๋อง แต่ข้าน้อยมั่นใจ ข้านับว่าเป็นอัฉริยะ”“ประจบประแจงได้ไม่เลว ต่อไปไม่ต้องประจบแล้ว”หยุนเจิงหันหน้ามองเฉินปู้เฉินปู้ส่ายหน้าเบาๆ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าน้อยไม่ได้ประจบประแจง ความสามารถของข้าน้อย ไม่อาจเทียบท่านอ๋องได้จริงๆ”หยุนเจิงยิ้มเรียบๆ จากนั้นก็ถาม “ให้เจ้ารับหน้าที่จัดส่ง กำกับดูแลเสบียงอาหารกองทัพหนึ่งแสนแนวหน้า เจ้ารับหน้าที่ได้หรือไม่?”“ได้!”เฉิน
หลายวันต่อมา หยุนเจิงอยู่ที่ติ้งเป่ยตลอดนอกจากอยู่เป็นเพื่อผู้หญิงของเขาแล้ว เขาได้ทำการเตรียมพร้อมมากมายไม่ว่าด้านหน้าจะสู้กันเช่นไร ด้านหลังห้ามเกิดความวุ่นวายเด็ดขาดหลังจากย้ายจั่วเริ่นจากด่านเป่ยลู่แล้ว หยุนเจิงยังส่งผู้ช่วยสองคนไปเป็นผู้ช่วยเว่ยหยูกองทหารรักษาการณ์ของด่านเป่ยลู่น้อยไปกว่าเมื่อก่อนมาก ด่านเป่ยลู่จำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่าปล่อยให้ผู้ใดมีโอกาสยึดด่านเป่ยลู่ได้ระหว่างนั้น หยุนเจิงยังสั่งให้ช่างฝีมือในโรงตีเหล็กทำดวงตาพันลี้ออกมาหลายอัน สั่งคนส่งไปให้ตู๋กูเช่อสามอันหลายวันให้หลัง ทหารราบห้าพันคนของจั่วเริ่นได้เคลื่อนทัพมาถึงติ้งเป่ยแล้วสามารถถือโอกาสคุ้มกันขนส่งเสบียงบางส่วนจากติ้งเป่ย ลดแรงกดดันของการขนส่งเสบียงกองกำลังอื่นได้หลังจากกองกำลังจั่วเริ่นมาถึง ทุกคนล้วนรู้ดี ถึงเวลาที่หยุนเจิงต้องจากไปแล้วเช่นกันไม่มีการบอกลาที่เกิดกว่าเหตุ แล้วก็ไม่มีน้ำตามากมายหลังจากหยุนเจิงกอดเสิ่นลั่วเยี่ยนและเยี่ยจื่อ ก็ถอยไปด้านข้าง คาราวะบอกลาฮูหยินเสิ่นอย่างเคร่งครัด จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นม้า นำทัพเดินทางไปยังชายแดนกู้เพิ่งออกเดินทางได้ไม่นาน หยุนเจิงก
เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เมี่ยวอินอดยิ้มไม่ได้เจ้าหมอนี่ จับความคิดของจั่วเริ่นที่อย่างนำทัพเข้าร่วมรบได้แล้วแม้เขาไม่จำกัดเวลาจั่วเริ่น ทว่าจั่วเริ่นเพื่อที่จะเร่งเดินทางมาถึงค่ายใหญ่เขาห่านป่าหวนเพื่อเข้าร่วมศึกแล้ว ย่อมต้องเพิ่มความเร็วในการคุ้มกันขนส่งเสบียงสุดชีวิตจั่วเริ่นย่อมเข้าใจความหมายของหยุนเจิง รีบทุบอกรับประกัน “องค์ชายวางใจ ข้าต้องใช้อัตราความเร็วสูงสุดคุ้มกันขนส่งเสบียงไปถึงยังเขาห่านป่าหวนกลับ!”“ดี!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นเรื่องที่เหลือมอบให้เจ้าแล้ว!”หลังมอบหมายงานให้จั่วเริ่นเสร็จ หยุนเจินนำกองกำลังทหารองค์รักษ์ของตัวเองออกไป รีบเดินทางไปชายแดนกูหลังกลับถึงชายแดนกู้ หยุนเจิงเรียกต่งกังมาทันที ถามความคืบหน้าของคนที่เขาปรับปรุงหลายวันมานี้ ต่งกังได้ใช้นักเรียนหนึ่งร้อยคนนั้นเป็นโครงสร้างในการปรับปรุงทหารราบสี่พันคนทว่า เนื่องม้าศึกไม่เพียงพอและปัญหาสุขภาพของทหาร สี่พันคนนี้ล้วนเป็นทหารราบทั้งหมดอีกทั้ง อุปกรณ์ของพวกเขาไม่อาจเทียบกับทหารราบเกราะหนักหนึ่งหมื่นคนของหวังชี่ได้แต่ต่งกังเชื่อ กำลังรบของสี่พันคนนี้ไม่เลวเลยแม้ว่าพวกเขาจะ
ตอนนี้ค่ายใหญ่เขาห่านป่าหวนกลับมีคนประจำการสองหมื่นนอกจากทหารม้าชั้นยอดสองหมื่นคนของอวี๋ซื่อจงและเติ่งเป่าแล้ว ก็ยังมีทหารราบเกราะเหล็กหนึ่งหมื่นที่หวังชี่บัญชาการนอกจากนี้แล้ว ยังมีเชลยศึกหนึ่งหมื่นคนเป็นกรรมกรจับกังอยู่ที่นี่ค่ายถาวรที่เขาห่านป่าหวนกลับเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วสนามฝึกซ้อม แท่นแม่ทัพ คลังเสบียง โรงม้าและอื่นๆ โดยพื้นฐานสร้างเสร็จแล้ว แต่นี่ไม่ใช่แค่ผลงานของเชลยศึกเหล่านั้น กองกำลังของอวี๋ซื่อจงและหวังชี่ที่ประจำการอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้ นอกจากการฝึกฝนประจำวันแล้ว ยังช่วยออกแรงไม่น้อย“บ้านพักทหารเล่า?”หยุนเจิงหัวหน้าถามอวี๋ซื่อจงที่อยู่ข้างกาย“คือว่า...”พูดถึงเรื่องบ้านพักทหาร อวี่ซื่อจงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนทันที “บ้านพักทหารยังไม่เคลื่นไหว ทำไม่ทันจริงๆ...”หยุนเจิงได้ฟังก็รู้แผนการของพวกอวี๋ซื่อจงเมื่อฤดูหนาวมาถึง คนสามารถไม่มีที่อยู่อาศัย แต่ม้าจำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัยมนุษย์ ต่อให้ฤดูหนาวมาถึง หลบอยู่ในกระโจมก็สามารถหลบเลี่ยงลมหนาวจากหิมะได้แม้พวกเขาได้ม้าศึกมาจากเป่ยหวนไม่น้อย ทว่ากองทหารมณฑลทางเหนือก็ยังขาดแคลนม้าศึกอยู่ดีสำหรับม้าศึกเหล
ตอนนั้นศัตรูคนสำคัญของพวกเขาคือเป่ยหวน ใครจะมีแก่ใจไปสนใจพวกโฉวฉื่อ แคว้นต้าเย่ว์ทุกคนเมื่อเข้ามาก็ล้อมอยู่ด้านข้างถาดทรายอวี๋ซื่อจงไม่รอช้า หยิบท่อนกระบองชี้ไปที่ถาดทรายแล้วเริ่มอธิบายอวี๋ซื่อจงและหวังชี่ล้วนเลือกคนประมาณห้าร้อยคนจากในกองกำลัง จัดตั้งเป็นกองทหารชั้นยอดที่แข็งแกร่งทรงพลังพวกเขาจะส่งคนแทรกซึมเข้าไปในดินแดนเพื่อสืบข่าวและสำรวจภูมิประเทศของแคว้นศัตรูโฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์ทะเลาะกันเอิกเกริกด้วยท่าทางต้องการสู้ตายหลายวันก่อน ทั้งสองแคว้นยังเปิดฉากโจมตีหยั่งเชิงกัน แต่ก็ฟ้าร้องดัง ฝนตกปรอยรายละเอียดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต พวกเขาเองก็ไม่รู้ชัดเจนเป็นไปได้มากว่าไม่มีการบาดเจ็บแต่เสียชีวิตเลยด้วยซ้ำการวินิจฉัยของอวี๋ซื่อจงและหยุนเจิงสอดคล้องกันมากโฉวฉื่ิอและแคว้นค้าเย่ว์กำลังเล่นละครกันจริง แต่พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อระดมกำลังทหารออกจู่โจม เอาว่าทำเพื่อสร้างภาพว่าสองแคว้นทำศึกกัน หลอกล่อให้ต้าเฉียนเป็นฝ่ายบุกโจมตีเป่ยหมัวถัวทางตะวันตก โดยพื้นฐานแล้วเป็นพื้นที่ที่ราบสูงจุดตัดระหว่างโฉวฉื่อและเป่ยหมัวถัวนั้นเต็มไปด้วยภูเขาสูงต้าเฉียนคิดบุกเข้าโฉวฉื่อ แทบจะบ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่