อีกทั้ง โรงงานเตาเผาให้ที่กินที่พัก พวกเขาก็ไม่ต้องท้องหิวประหยัดค่าแรงเหล่านั้น ชีวิตของพวกเขาก็จะค่อยๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อนับดูแล้ว พวกเขาใช้ชีวิตได้ดีกว่าตอนอยู่เป่ยหวนจริงๆเมื่อคิดเช่นนี้ เจียเหยาก็ว่างใจแล้วกลับถึงชายแดนกู้ หยุนเจิงตามเจียเหยามาพบผู้ฝึกเหยี่ยวหลายคนที่นางพามาทองคำที่เจียเหยานำมาก็อยู่ที่พวกเขาด้วยเช่นกันอีกอย่าง คนเหล่านี้ยังนำเหยี่ยวขาวมาสามตัวมีเหยี่ยวขาวสามตัวนี้ ต่อไประหว่างหยุนเจิงและเจียเหยาก็สามารถส่งข้อมูลเร่งด่วนได้สะดวกขึ้นมากแต่ว่า ต่อให้ใช้เหยี่ยวขาวในการส่งข่าวโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถส่งข้อมูลได้ร้อยทั้งร้อยต่อให้บอกว่าเก่งกาจเพียงใด แต่เหยี่ยวขาวก็เป็นแค่สัตว์ปีเท่านั้นเป็นสัตว์ปีก ก็มีความเสี่ยงที่ข้อมูลที่ส่งไปจะหล่นหายดังนั้น เจียเหยาจึงได้เสนอแนะ ตอนที่ส่งเหยี่ยวขาวออกไปส่งข่าวโดยเฉพาะ ก็ต้องส่งคนมาแจ้งข่าวด้วยหากเหยี่ยวขาวทำส่งข้อมูลมาถึง พวกเขาก็ยังสามารถทำการเตรียมตัวและจัดการได้ล่วงหน้าหากเหยี่ยวขาวหายไป ก็ยังได้รับข่าวจากคนที่ตามมาข้างหลังแม้จะช้าไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยก็ยังได้รับข้อมูลที่ส่งมาสำหรั
เช้าวันที่สอง เจียเหยาไปจากชายแดนกู้หยุนเจิงก็เริ่มระดมกำลังทหารอย่างแข็งขันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามในเมื่อศัตรูคิดทำสงคราม เช่นนั้นก็ทำสงครามเถอะ!ถึงเช่นไร เสบียงอาหารของกองทหารมณฑลทางเหนือนับว่าเพียงพอลงมือก่อนได้เปรียบ!“สั่งการ ตู๋กูเช่อย้ายนักเรียนหนึ่งร้อยคนจากสำนักศึกษาเตรียมทหารรีบไปยังชายแดนกู้ ไปไม่ถึงภายในห้าวัน ประหาร!”“สั่งการ ฟู่เทียนเหยียน ชวีจื้อ เฝิงอวี้ รีบเตรียมทหารและม้า พกพาเสบียงอาหารและวัตถุปัจจัย เข้าประจำการอยู่ด้านตะวันตกของทุ่งหญ้ามู่หม่า! ตั้งค่ายตรงนั้น!”“สั่งการ เติ่งเป่านำกองทหารม้า พกพาเสบียงและวัตถุปัจจัย เข้าประจำการค่ายเขาห่านป่าหวนกลับ!”“สั่งการ จั่วเริ่นย้ายทหารราบห้าพันคนจากด่านเป่ยลู่ ออกเดินทางสัมภาระเบา ภายในสิบวัน จำเป็นต้องเดินทางถึงติ้งเป่ย! เจ้าหน้าที่รักษาด่านเป่ยลู่ เว่ยหยูรักษาการชั่วคราว!”“เกาเหอ โจวมี่ พวกเจ้าสองคนเตรียมทหารกองหนุนสองหมื่นนายทันที พรุ่งนี้เช้ารีบไปคุ้มกันส่งเสบียงที่ติ้งเป่ย...” “……”คำสั่งแต่ละข้อที่มาจากปากหยุนเจิงถ่ายทอดออกไปฟังคำสั่งของหยุนเจิง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่นไม่มีใ
สี่วันให้หลัง ตู๋กูเช่อนำนักเรียนหนึ่งร้อยคนควบม้าเร็วมาถึงชายแดนกู้หยุนเจิงเมื่อได้รับข่าว ก็รีบพาคนกลับชายแดนกู้ทันทีไม่รอให้พวกตู๋กูเช่อทำความเคารพ หยุนเจิงยกมือห้ามพวกเขา “เวลาคับขัน พวกเราเรื่องยาวพูดย่อ!”“ขอรับ!”ทุกคนพากันรับคำสั่ง ตั้งหน้าตั้งตารอฟังสถานการณ์“ต่งกัง!”หยุนเจิงเงยหน้ามองต่งกัง “นักเรียนหนึ่งร้อยคนนี้ มอบให้เจ้าแล้ว!”“ขอรับ!”ต่งกังรับคำสั่งเวลานี้ หยุนเจิงก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้เขาแล้วเขาต้องใช้นักเรียนหนึ่งร้อยคนนี้เป็นโครงสร้าง จากนั้นก็โยกย้ายสี่พันคนจากกองหนุน บวกกับทหารองครักษ์เดิมที่หยุนเจิงมี จัดตั้งเป็นกองทัพองครักษ์ส่วนตัวหยุนเจิงไม่ได้ต้องการการคุ้มกันมากมาย แต่ต้องการใช้การศึกแทนการฝึกฝนหากจับเชลยศึกได้ คนเหล่านี้ต้องแยกย้ายออกไปทั้งหมด มีคนเหล่านี้เป็นโครงสร้าง นำเชลยศึกจากทัพศัตรูเข้าสู่กองกำลังของพวกเขา จัดตั้งกองทัพรับใช้ขนาดใหญ่มากขึ้นมีคนเหล่านี้เป็นโครงสร้าง กองทัพรับใช้ก็จะไม่วุ่นวายความคิดของหยุนเจิงง่ายมากพยายามลดจำนวนการเสียของชาวต้าเฉียนไม่นาน ต่งกังก็พาหนึ่งร้อยคนนั้นไปรอจนพวกต่งกังจากไปแล้ว ตู๋กูเช่อจึงถาม
วันที่สอง ตู๋กูเช่อต้องการพาทหารคนสนิทของเขาไปไล่ตามกองทัพใหญ่เคลื่อนตัวไปยังทุ่งหญ้ามู่หม่าตู๋กูเช่อขยับตัวไปข้างหน้า หยุนเจิงดึงตู๋กูเช่อไว้อีกครั้ง กำชับอย่างเป็นจริงเป็นจัง “จำเอาไว้ ศึกครั้งนี้เป็นศึกทำลายแคว้น! เวลาที่สมควรโหดเหี้ยมก็ต้องโหดเหี้ยม!”ตู๋กูเช่อพยักหน้าหนักแน่น “องค์ชายวางใจ ข้าเข้าใจแล้ว!”สนทนากับตู๋กูเช่ออีกสองสามประโยค หยุนเจิงจึงพาตู๋กูเช่อจากไปศึกครั้งนี้ หยุนเจิงแบ่งทหารเป็นสองเส้นทางชั่วคราวตู๋กูเช่อนำทัพใหญ่หนึ่งเส้นทาง เขานำทัพใหญ่อีกเส้นทางทว่า เขายังต้องทำการวางแผนบางส่วน ถือโอกาสรอจั่วเริ่นนำทัพมาถึง แล้วก็ให้เวลาต่งกังเตรียมคนและม้ามากขึ้น จากนั้นค่อยไปค่ายเขาห่านป่าหวนกลับรวมตัวกับพวกอวี๋ซื่อจงสองวันให้หลัง หยุนเจิงพาเมี่ยวอินย้อนกลับไปติ้งเป่ยสงครามครั้งนี้ เป็นไปได้มากว่าจะต้องสู้กันจนถึงช่วงฤดูหนาวก่อนออกเดินทาง หยุนเจิงจำเป็นต้องไปเยี่ยมผู้หญิงของเขาและลูกที่ยังไม่ลืมตาดูโลกคนนั้นพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนได้รับข่าวที่แนวหน้ากำลังจะเริ่มเปิดศึกแล้วหยุนเจิงเพิ่งเข้าประตู เสิ่นลั่วเยี่ยนเดินออกมาอย่างรวดเร็ว“พระชายา ช้าหน่อย...”ด้านห
เมี่ยวอินยิ้ม “ให้ข้าตั้งครรภ์ คาดว่าคงเป็นเวลาที่ใต้หล้าสงบสุขแล้ว”นางมีวิชาเหอหวนกง ขอแค่นางไม่อยากตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะทำซ้ำไปซ้ำมากับหยุนเจิงก็ไม่มีทางตั้งครรภ์พวกเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่วางใจหยุนเจิงที่รบอยู่แนวหน้า นางย่อมไม่วางใจเช่นกันตราบใดที่หยุนเจิงรบอยู่แนวหน้า นางไม่มีทางตั้งครรภ์นางต้องการคุ้มครองอยู่ข้างกายผู้ชายของพวกนางเสิ่นลั่วเยี่ยนนิ่งเงียบ หันไปมองหยุนเจิงด้วยความโกรธ “ครั้งนี้เจ้าต้องตีพวกโฉวฉื่อให้หนัก! ทำให้พวกเขาไม่กล้าปีหน้าทำศึกอีก!”หากปีหน้าทำสงครามอีก นางก็สามารถชุดสวมเกราะเข้าสนามรบได้แล้วน่าเสียดาย หลายแคว้นพวกนี้ต้องหาเรื่องสู้กันปีนี้ให้ได้ยังไปเคยประสบพบกับการทุบตีโหดร้ายของหยุนเจิง ไม่รู้จักเจ็บ!เห็นท่าทางของเสิ่นลั่วเยี่ยน หยุนเจิงและเมี่ยวอิดอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขณะที่ทั้งสองคนหัวเราะกันอย่างเบิกบานใจ ด้านนอกมีเสียงตื่นตระหนกลอยเข้ามากะทันหัน “พระชายา ไม่ดีแล้ว...”หยุนเจิงฟังออกว่าเป็นเสียงของซินเซิงซินเซิงตอนนี้เป็นบ่าวคนสำคัญของจวน ทุกคนรู้จักนางดี เยี่ยจื่อเองก็มีเจตนาอบรมนางให้เป็นผู้ดูแลบ้าน หลายครั้งนางล้วนติดตามอยู่ข้างกายเยี่ยจ
เยี่ยจื่อตั้งครรภ์ สำหรับจวนอ๋องแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีใช้คำพูดของฮูหยินเสิ่น หยุนเจิงกำลังจะต้องนำทัพออกศึกอีกแล้ว เยี่ยจื่อตั้งครรภ์เวลานี้ นี่เป็นนิมิตหมายที่ดีแม้หยุนเจิงจะไม่งมงาน ทว่าภายในใจก็ดีใจอย่างมากเขาได้กลายเป็นพ่อคนอีกแล้ว!อีกทั้ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เหมือนกันเสิ่นลั่วเยี่ยนคิดติดตามหยุนเจิงไปออกศึก ความจริงไม่อยากตั้งครรภ์ทว่าเยี่ยจื่ออยากมีลูกที่เป็นของพวกเขาสักคนมาโดยตลอดตอนนี้เยี่ยจื่อตั้งครรภ์แล้ว นางก็นับว่าสมปรารถนาแล้วด้วยความดีใจ หยุนเจิงสั่งให้คนเรียกเฉินปู้มาการหมดสติกะทันหันของเยี่ยจื่อครั้งนี้ เป็นเพราะทำงานหนักมากเกินไปเขาจำเป็นต้องลดภาระหน้าที่ให้กับเยี่ยจื่อ ให้เฉินปู้รับช่วงต่องานจากมือเยี่ยจื่อ ไม่อาจปล่อยให้เยี่ยจื่อทำงานหนักต่อไป“ไม่ได้ร้ายแรงเจ้าที่เจ้าคิด”เยี่ยจื่อพักผ่อนอยู่บนเตียง ปล่อยให้หยุนเจิงกุมมือนางตามใจชอบ “สองวันนี้ต้องปรับย้ายทรัพยากรณ์แต่ละอย่าง บวกกับแต่ละท้องที่ทำการเตรียมตัวเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง หลายเรื่องเหน็ดเหนื่อยมากมายมาพร้อมกัน ข้าจึง...”“เช่นนั้นก็ไม่ได้”หยุนเจิงตัดบทเยี่ยจื่ออย่างเอาแต
หยุนเจิงเพิ่งสนทนากับทั้งสองคน คนในจวนก็มารายงาน เฉินปู้มาแล้ว“เช่นนั้นพวกเจ้าคุยกันไปก่อน ข้าไปพบเฉินปู้”หยุนเจิงลุกขึ้นยืนไม่นาน หยุนเจิงก็พบเฉินปู้“คาราวะท่านอ๋อง”เฉินปู้ทำความเคารพด้วยความนอบน้อมเฉินปู้มีความเย่อหยิ่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนเจิง เขาไม่กล้าหยิ่งผยอง“ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าที่สวนดอกไม้ข้างหลังเถอะ!”หยุนเจิงเรียกเฉินปู้ แล้วเดินไปยังสวนดอกไม้ของหลังเฉินปู้รีบตามไปขณะที่กำลังเดิน จู่ๆ หยุนเจิงก็ถาม “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะหรือไม่?”คำถามที่มากะทันหันของหยุนเจิงทำให้เฉินปู้จับต้นชนปลายไม่ถูกหลังขบคิดชั่วครู่ เฉินปู้ตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ความสามารถของข้าน้อย ไม่อาจเทียบท่านอ๋อง แต่ข้าน้อยมั่นใจ ข้านับว่าเป็นอัฉริยะ”“ประจบประแจงได้ไม่เลว ต่อไปไม่ต้องประจบแล้ว”หยุนเจิงหันหน้ามองเฉินปู้เฉินปู้ส่ายหน้าเบาๆ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าน้อยไม่ได้ประจบประแจง ความสามารถของข้าน้อย ไม่อาจเทียบท่านอ๋องได้จริงๆ”หยุนเจิงยิ้มเรียบๆ จากนั้นก็ถาม “ให้เจ้ารับหน้าที่จัดส่ง กำกับดูแลเสบียงอาหารกองทัพหนึ่งแสนแนวหน้า เจ้ารับหน้าที่ได้หรือไม่?”“ได้!”เฉิน
หลายวันต่อมา หยุนเจิงอยู่ที่ติ้งเป่ยตลอดนอกจากอยู่เป็นเพื่อผู้หญิงของเขาแล้ว เขาได้ทำการเตรียมพร้อมมากมายไม่ว่าด้านหน้าจะสู้กันเช่นไร ด้านหลังห้ามเกิดความวุ่นวายเด็ดขาดหลังจากย้ายจั่วเริ่นจากด่านเป่ยลู่แล้ว หยุนเจิงยังส่งผู้ช่วยสองคนไปเป็นผู้ช่วยเว่ยหยูกองทหารรักษาการณ์ของด่านเป่ยลู่น้อยไปกว่าเมื่อก่อนมาก ด่านเป่ยลู่จำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่าปล่อยให้ผู้ใดมีโอกาสยึดด่านเป่ยลู่ได้ระหว่างนั้น หยุนเจิงยังสั่งให้ช่างฝีมือในโรงตีเหล็กทำดวงตาพันลี้ออกมาหลายอัน สั่งคนส่งไปให้ตู๋กูเช่อสามอันหลายวันให้หลัง ทหารราบห้าพันคนของจั่วเริ่นได้เคลื่อนทัพมาถึงติ้งเป่ยแล้วสามารถถือโอกาสคุ้มกันขนส่งเสบียงบางส่วนจากติ้งเป่ย ลดแรงกดดันของการขนส่งเสบียงกองกำลังอื่นได้หลังจากกองกำลังจั่วเริ่นมาถึง ทุกคนล้วนรู้ดี ถึงเวลาที่หยุนเจิงต้องจากไปแล้วเช่นกันไม่มีการบอกลาที่เกิดกว่าเหตุ แล้วก็ไม่มีน้ำตามากมายหลังจากหยุนเจิงกอดเสิ่นลั่วเยี่ยนและเยี่ยจื่อ ก็ถอยไปด้านข้าง คาราวะบอกลาฮูหยินเสิ่นอย่างเคร่งครัด จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นม้า นำทัพเดินทางไปยังชายแดนกู้เพิ่งออกเดินทางได้ไม่นาน หยุนเจิงก
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่