วันนี้เรื่องนี้สงบแล้ว พรุ่งนี้บางทีอาจมีเรื่องอื่นโผล่มาอีกตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน ไม่ว่ายุครุ่งเรืองใดล้วนได้มาจากการการรักษาความสงบสุขอย่างยาวนานการบังคับใช้อำนาจและการสังหารหมู่อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ว่ายุครุ่งเรืองใด ต่างก็จะค่อยๆ แตกแยกสลายไปนางอยากเกลี้ยกล่อมหยุนเจิง แต่ไม่รู้ควรเกลี้ยกล่อมเช่นไรมองดูเยี่ยจื่อที่ใบหน้ากลัดกลุ้ม หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะดึงมือนาง กล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ใต้หล้ามีปัญญาชนรุ่นเก่า ย่อมมีปัญญาชนรุ่นใหม่! ข้าสามารถกำจัดปัญญาชนรุ่นเก่า แล้วก็ยังสามารถสร้างปัญญาชนรุ่นใหม่ได้!”บางเรื่อง ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาลงมือเองยืมแรงเพื่อตอบโต้ ไหนเลยจะไม่ได้!เผชิญกับสายตาหนักแน่นของหยุนเจิง เยี่ยจื่อและเมี่ยวอินชะงักไปยามจำเป็น ใช้ปัญญาชนรุ่นใหม่มาต่อต้านปัญญาชนรุ่นเก่าหรือ?นี่...นับว่าเป็นวิธีที่ดีมาก!สนทนากับเยี่ยจื่อและเมี่ยวอินมากมายแล้ว จั่วเริ่นส่งคนมารายงาน เกาซื่อเจินฟื้นแล้วทว่า อารมณ์ของตาแก่นี่ไม่มั่นคงอย่างยิ่ง ตื่นขึ้นมาก็อยากฆ่าตัวตายยังดีที่มีคนเฝ้าอยู่ ตาแก่นี่ไม่มีโอกาสตายชั่วคราว“ฆ่าตัวตาย?”หยุนเจิงถากถางดูแคลน “ตาแก่นี่
ปัญญาชนคร่ำครึอย่างเกาซื่อเจิน เดิมก็ไม่ค่อยมีแนวป้องกันจิตใจมากนักหยุนเจิงกระแทบทำลายแนวป้องกันจิตใจเกาซื่อเจินได้อย่างง่ายดายมาก“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”เกาซื่อเจินน้ำตานองหน้า ถามหยุนเจิงด้วยใบหน้าโศกเศร้าหยุนเจิงไม่อ้อมค้อมกับเกาซื่อเจิน ถามตรงประเด็น “ใครใช้ให้พวกเจ้ามาร้องทุกข์ที่ซั่วเป่ย?”เกาซื่อเจินเข้าใจความหมายของหยุนเจิงทันที กล่าวด้วยความโศกเศร้า “เจ้าคิดว่าข้ารับคำสั่งจากผู้อื่น?”“ไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงเลิกคิ้ว จากนั้นก็ถากถาง “ข้ากับเจ้าไร้อคติไร้ความแค้น หากไม่ใช่คนสั่งการมา เหตุใดเจ้าจึงวิ่งมาที่ซั่วเป่ยสร้างความรำคาญให้ข้าและจื่อเอ๋อร์? เจ้ากินอิ่มแล้วว่างเกินไป? หรือว่าคิดจะใช้เรื่องนี้สร้างชื่อเสียง?หยุนเจิงไม่เกรงใจสักนิด ไม่ให้เกียรติเกาซื่อเจินที่เป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่เลยแม้แต่น้อยคำไร้สาระอย่างร้องทุกข์เพื่อชาวประชา หยุนเจิงไม่เชื่อเลยสักนิดชาวบ้านคิดเพียงทำเช่นไรให้กินอิ่มท้อง ใครบ้างจะมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ส่วนปกป้องใบหน้าครอบครัวสวรรค์ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลยจักรพรรดิเหวินประกาศราชโองการแล้ว เหตุใดต้องให้เกาซื่อเจินมาปกป้องเกี
ไม่แปลกใจเลยที่ตาแก่นี่ไม่เข้าราชสำนักเป็นขุนนางสมองอย่างเขา หากเป็นขุนนางก็มีแต่สร้างหายนะให้ชาวบ้าน“เจ้ารู้จักหลายคนนั้นหรือไม่?”หยุนเจิงถาม“ไม่รู้จัก”เกาซื่อเจินตอบโดยไม่ต้องคิด“แม้แต่ชื่อของพวกเขาเราก็ไม่รู้จัก?”เยี่ยจื่อถามยังไม่ยอมแพ้เกาซื่อเจินใส่หน้าเบาๆ “ตั้งแต่ตอนจนจบ พวกเราไม่เคยสนทนากันสักประโยค…”เมื่อได้ฟังคำของเกาซื่อเจิน ทั้งสามคนยิ่งหมดคำจะพูดตาแก่นี่ แม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่เคยสนทนากับเขา ก็กระโดดลงหลุมที่เขาขุดไว้แล้วคิดจะหลอกตาแก่นี่ ช่างง่ายได้เสียจริง!“ช่างเถอะ ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากชั่วคราว”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ มองเกาซื่อเจินด้วยใบหน้าสุดเอือมระอา “ต่อไปอ่านหนังสือให้น้อยหน่อย ดูเรื่องราวถูกผิดในโลกให้มากหน่อยเถอะ! เจ้ารีบรักษาร่างกายให้ดี กลับไปข้ามีภารกิจสำคัญมอบให้เจ้า!”“ภารกิจ...สำคัญ?”เกาซื่อเจินมองหยุนเจิงอย่างมึนงงแม้เขาจะคร่ำครึ แต่ก็ไม่โง่ถึงขั้นคิดว่าหยุนเจิงละทิ้งความขุ่นเคืองในอดีตและมอบหมายภารกิจสำคัญให้เขาหยุนเจิงหากสามารถละทิ้งความขุ่นเคืองในอดีตได้จริง ก็คงไม่สังหารปัญญาชนติดต่อกันต่อหน้าเขาหรอกตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว หย
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ