หลังตัดสินใจได้แล้ว หยุนเจิงสั่งจั่วเริ่นทันที “ส่งคนรีบไปหม่าอี้ ให้จางซูเลือกคนที่คุ้นเคยขั้นตอนบ่งสุราและกลั่นแอลกอฮอล์รีบมายังด่านเป่ยลู่!”จั่วเริ่นรับคำสั่ง จากนั้นก็ไปทำตามงานที่หยุนเจิงมอบหมาย“เจ้าคิดจะนำวิธีบ่มสุราและกลั่นแอลกอฮอล์ถวายออกไป?”เยี่ยจื่อเข้าใจเจตนาของหยุนเจิงทันที“อื้ม”หยุนเจิงพยักหน้า “ที่สำคัญคือเพื่อทำแอลกอฮอล์! มันถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณที่ข้าเคยอ่าน แอลกอฮอล์มีประโยชน์มากในการต่อสู้กับโรคระบาด! แม้อำเภอจวีผิงห่างไกลจากพวกเรามาก โรคระบาดทางนั้นไม่ส่งผลกระทบถึงซั่วเป่ย แต่การควบคุมโรคระบาดให้เร็วที่สุด ไม่เพียงสามารถลดผลกระทบของโรคระบาดที่ต้าเฉียนได้ สำหรับพวกเราก็มีประโยชน์เช่นกัน...”ต้าเฉียนถูกอุทกภัยครั้งนี้ทำลายพลังหยวน สำหรับซั่วเป่ยแล้วก็มีผลกระทบเช่นกันแต่ตอนนี้ยังไม่แสดงออกมา ผ่านไปสักระยะก็จะปรากฎออกมาให้เห็นเส้นทางร่ำรวยจากการบ่มสุราไม่มีแล้ว พวกเขาก็ยังมีเส้นทางร่ำรวยอื่นแต่คนเหล่านี้ตายแล้ว ก็ตายไปแล้วจริงๆเวลานี้ ไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับกำไรขาดทุนของสิ่งเหล่านี้“อื้ม ข้าสนับสนุนเจ้า!”เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความรู้สึกอบอุ่นอ่
แม้จางซูจะเป็นคนเจ้าชู้ แต่เขาจริงใจกับหมิงเย่ว์หมิงเย่ว์ตั้งครรภ์แล้ว เขาอยากให้สถานะกับหมิงเย่ว์คนของตระกูลจางล้วนอยู่เมืองจักรพรรดิ เขาอยากจัดงานแต่งงานกับหมิงเย่ว์ ย่อมต้องกลับไปจัดที่เมืองจักรพรรดิคงไม่อาจหวังให้คนของตระกูลจางวิ่งมาที่ซั่วเป่ยกระมัง?จางฮว๋ายเป็นราชครูของจักรพรรดิหากจางฮว๋ายต้องวิ่งมายังซั่วเป่ย เกรงว่าคนในราชสำนักคงนั่งไม่ติดแล้วเมื่อได้รู้ความคิดของจางซู หยุนเจิงจมสู่ความเงียบอีกครั้งเขาเข้าใจความคิดของจางซูแต่หากจางซูกลับเมืองจักรพรรดิ ย่อมมีอันตรายตอนนี้ คนที่เพ่งเล็งเขา นอกจากเจ้าสามแล้ว ยังมีมือดำที่อยู่หลังม่านที่มองไม่เห็นหากเขาเป็นมือดำที่อยู่หลังม่านผู้นั้น เขาต้องคิดหาวิธีฆ่าจางซูแล้วโยนความผิดให้เจ้าสามแน่นอนแม้เขาสามารถส่งคนไปคุ้มกันจางซูได้ แต่หอกอยู่ที่แจ้งสามารถหลบได้ ธนูที่ลับยากจะป้องกันจางซูไปเมืองจักรพรรดิครั้งนี้ เต็มไปด้วยอันตรายหมิงเย่ว์เดิมทีก็ตั้งครรภ์ หากต้องไปเสี่ยงอันตรายกับเขา นี่ไม่ใช่เรื่องสาระหรือ?หยุนเจิงนิ่งเงียบอยู่นาน จากนั้นก็บอกความกังวลของเขากับจางซูหากจางซูเพียงแค่ต้องการให้สถานะกับหมิงเย่ว์ เขาส
ตอนนี้ ทำได้เพียงเพิ่มหลักประกันให้จางซูแล้วหยุนเจิงกลับมาที่หน้าโต๊ะ จากนั้นก็หยิบพู่กันขนนกขึ้นมาเริ่มเขียนด้วยความกระตือรือร้นหลังผ่านไปหนึ่งเค่อ หยุนเจิงนำจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วใส่ซอง จากนั้นก็ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว “ทหาร สั่งจั่วเริ่นมาเดี๋ยวนี้!”ไม่นาน จั่วเริ่นรีบร้อนมาถึงหยุนเจิงไม่ได้ชักช้าโอ้เอ้กับเขา นำจดหมายที่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อครู่มอบให้จั่วเริ่น “สั่งคนใช้ความเร็วสูงสุด ใช้ชื่อรายงานกองทัพด่วน นำจดหมายนี้ส่งกลับเมืองจักรพรรดิ! บอกคนที่ส่งจดหมาย จำเป็นต้องนำจดหมายฉบับนี้ส่งให้ถึงพระหัตถ์เสด็จพ่อด้วยตัวเอง!”“ขอรับ!”เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของหยุนเจิง จั่วเริ่นไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ออกไปพร้อมจดหมายทันทีมองดูแผนหลังจั่วเริ่นจางไป หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ อีกครั้งหวังว่าจดหมายฉบับนี้จะเป็นหลักประกันสำคัญให้กับความปลอดภัยของจางซู!……เมืองจักรพรรดิในท้องพระโรงจักรพรรดิเหวินตรัสถามการจัดการสถานการณ์อุทกภัยทางตอนใต้และโรคระบาดของอำเภอจวีผิงตามกฎเกณฑ์เรื่องอุทกภัยทางตอนใต้ มอบให้หยุนลี่รับผิดชอบเป็นหลักสำหรับคำถามของหยุนลี่ หยุนลี่เตรียมตัวนานแล้ว นับว่
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ