หยุนลี่ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ฝืนกล่าว “ใช่ ใช่ ใต้เท้าจางพูดไม่ผิด”“เช่นนั้นหรือ?”หยุนเจิงขมวดคิ้วมองเมิ่งหยุนฉี่ทั้งสี่คน “ข้าให้โอกาสพวกเจ้า คนที่มีเสบียงที่กักตุนไว้เกินห้าแสนหาบอยู่ก่อน แม้แต่เสบียงอาหารห้าแสนหาบยังไม่มี ตอนนี้ก็ไปซะ ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบาก!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทั้งสี่คนมองหน้ากันเงียบๆพวกเขาไม่มีใครกักตุนเสบียงเกินห้าแสนหาบถึงเช่นไร พวกเขาก็เป็นแค่พ่อค้าธัญพืช ไม่ใช่คลังของราชสำนักพวกเขากักตุนเสบียงอาหาร ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกันธัญพืชที่กักตุนอยู่ในคลังเสบียงนานเกินไป ก็จะกลายเป็นธัญพืชเก่า!ราคาของธัญพืชเก่าก็ไม่อาจเทียบกับธัญพืชใหม่ได้อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ดูทั้งต้าเฉียน มีพ่อค้าธัญพืชไม่กี่คนที่กักตุนเสบียงเกินห้าแสนหาบนอกจากพ่อค้าธัญพืชที่มีเบื้องหลังแข็งแกร่งแต่ว่า คิดถึงผลกำไรที่อุดมมั่งคั่ง ทุกคนกลับไม่ยอมจากไปในมือพวกเขาไม่มีธัญพืชมากมายเช่นนั้น แต่สามารถรับซื้อธัญพืชจากที่อื่นได้!ก็แค่ราคาสูงหน่อยเท่านั้น!อีกทั้ง ราชสำนักกำลังจัดกัดราคาธัญพืชภายในด่าน พ่อค้าธัญพืชมากมายภายในด่านไม่กล้าขึ้นราคาแต่พวกเขาสามารถรับซื้อได้!
ทุกคนต่างก็ได้รับเงินมัดจำสองแสนตำลึงเงินหยุนเจิงไม่กลัวพวกเขาได้เงินแล้วชิ่งหนีหากพวกเขากล้าทำเช่นนั้น ในทางกลับกันหยุนเจิงยิ่งดีใจ!บุกไปถึงบ้านโดยตรง ง่ายกว่าการวางกับดักพ่อค้าธัญพืชเหล่านี้มาก!นำข้อระเบียบที่เป็นรูปธรรมมอบให้จางซูแล้ว หยุนเจิงอ้างว่ายังมีเรื่องต้องจัดการ ให้จางซูพาทั้งสี่คนออกไป“แม้ครู่ขอบคุณใต้เท้าจางที่ช่วยแก้หน้าให้พวกเรา”“ใต้เท้าจางฉลาดปราดเปรื่อง พวกข้าเลื่อมใสอย่างยิ่ง!”“เช่นนั้นเหตุใดจึงบอกว่าใต้เท้าจางเป็นคนดังข้างกายท่านอ๋องเล่า?”“หากไม่มีใต้เท้าจาง วันนี้เกรงว่าพวกเราคงถูกท่านอ๋องไล่ออกไปแล้ว...”ออกจากคลังเสบียง ทั้งสี่คนก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนแสดงความขอบคุณการประจบสอพลอนี้แม้แต่จางซูยังทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว“เอาล่ะ เลิกประจบสอพลอได้แล้ว!”จางซูโบกมือ “แม้ท่านอ๋องเป็นคนใจกว้าง แต่ไม่ยอมให้เม็ดทรายเข้าตา! ข้าเตือนพวกเจ้าสักประโยค หากไม่มีความสามารถหาธัญพืชมากมายมาได้ ก็อย่าหาเรื่องมาทำเรื่องนี้เลย! ตอนนี้กลับใจยังทัน! เมื่อลงนามสัญญาแล้ว หากพวกเจ้าไม่อาจส่งธัญพืชตามกำหนดได้ ท่านอ๋องโมโหขึ้นมา ข้าห้ามไม่ไหว!”อู๋อวี้เซวียนหัวเราะ ตบหน้าอ
วันที่สอง เมิ่งหยุนทั้งสี่คนรับสัญญาที่ประทับตราของหยุนเจิง ไปจากหม่าอี้ด้วยความพึงพอใจเรื่องธัญพืชจัดการเรียบร้อยแล้ว หยุนเจิงเตรียมออกจากหม่าอี้ไปยังสำนักศึกษาเตรียมทหารที่เขาลั่วเสียนักเรียนสามร้อยคนรอบแรกของสำนักศึกษาเตรียมทหารมาถึงแล้วเขาคือเจ้าสำนักของสำนักศึกษาเตรียมทหาร เช่นไรก็ต้องไปดูหน่อยก่อนเขาจากไป จางซูบอกผลประโยชน์ที่ทั้งสี่คนให้กับจางซูตามความสัตย์จริงทั้งสี่คนเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับจางซู ลงทุนไปไม่น้อยเลยเงินค่าธัญพืชทั้งหมดที่ได้มาในครั้งนี้ ทั้งหมดยกให้กับจางซู นับรวมกับค่าบริโภคระหว่างขนส่ง ครั้งนี้พวกเขาต่างก็รับว่าขาดทุนแล้วแต่ว่า พ่อค้าที่เฉลียวฉลาดล้วนไม่สนใจเงินเล็กน้อยเช่นนี้การค้าหลังจากนี้ จึงจะเป็นการค้าใหญ่ที่แท้จริง!ที่สำคัญคือ พวกเขาต้องสร้างความสัมพันธ์กับเทพมั่งคั่งจางซูผู้นี้!ในบรรดาทั้งสี่คน อู๋อวีเซวียนใจกว้างที่สุดแล้วกลางคืนเมื่อวาน อู๋อวี้เซวียนเจรจากับจางซูนานที่สุด รับปากมองผลกำไรจากการค้าธัญพืชด้านหลังห้าส่วนให้กับจางซูเมิ่งหยุนฉี่พวกเขาต่างก็แบ่งผลประโยชน์ให้จางซูเป็นการส่วนตัว แต่ไม่ได้ใจกว้างอย่างอู๋อวี้เซวียนถึง
พวกเขาสามารถใช้วิธีการมาหลอกพ่อค้าธัญพืชเหล่านี้ แต่ไม่อาจทำเรื่องปล้นชิงในนามของราชการได้คิดจะพัฒนาซั่วเป่ย ไม่ใช่แค่อาศัยพวกเขาทำโรงงานก็ใช้ได้แล้วต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ดีสำหรับซั่วเป่ย ให้เหล่าพ่อค้าภายในด่านยอมมาทำการค้าที่ซั่วเป่ย“ก็จริง!”จางซูพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็หัวเราะร่าเริง “ต่อให้พวกเรารับซื้อธัญพืชในราคาสูงจากพ่อค้าเหล่านี้ รอให้พ่อค้าธัญพืชคนอื่นได้รับข่าว นำธัญพืชส่งมาที่ซั่วเป่ยแล้ว พวกเราก็สามารถใช้แผนการขององค์ชายรับซื่อธัญพืชในราคาปกติ!”“ใช่! หากพวกเขาทำได้ พวกเราก็เท่ากับประชาสัมพันธ์ให้ซั่วเป่ยแล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้ม จากนั้นก็กล่าว “ทางนี้ข้ายังมีของสองอย่าง ต้องให้เจ้ารีบทำออกมา หากทางตอนใต้เกิดโรคห่าระบาดจริง ของสองสิ่งนี้บางทีอาจได้ใช้เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จางซูรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีหยุนเจิงไม่โอ้เอกับจางซู นำวิธีผลิตหน้ากากอนามัยและชุดป้องกันโรคบอกกับจางซูหน้ากากอนามัยนั้นง่ายมาก ใช้ผ้าฝ้ายละเอียดหลายชั้นรวมกับผ้าแพรไหม ก็สามารถทำได้แล้วแม้ของสิ่งนี้ไม่อาจเทียบกับหน้ากากอนามัย N95 ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่มีส่วนชุดป้องกันโรค ใ
หนึ่งวันให้หลัง หยุนเจิงพาคนมายังสำนักศึกษาเตรียมทหาร ป้ายของสำนักศึกษาเตรียมทหารแขวนเรียบร้อยแล้วตามความต้องการของหยุนเจิง ประตูสำนักศึกษาเตรียมทหารตั้งป้ายศิลาหินขนาดใหญ่เอาไว้บนนั้นสลักไว้ด้วยสิบสี่อักษรเป็นตายเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ป้องกันเหตุร้ายเลี่ยงหายนะตอนที่หยุนเจิงมาถึง ตู๋กูเช่กำลังนำครูผู้ฝึกและนักเรียนกลุ่มหนึ่งรออยู่หน้าประตูนักเรียนของสำนักศึกษาเตรียมทหารชุดแรก มีความต้องการที่เข้มงวดอายุต้องอยู่ระหว่างยี่สิบถึงสามสิบปี จำเป็นต้องรู้หนังสือเบื้องหลังคนเหล่านี้ต้องใสสะอาด เดิมทีอยู่ในกองทหารมณฑลทางเหนือ อย่างน้อยต้องได้รับตำแหน่งหัวหน้าทหารประจำการขึ้นไปอีกทั้ง ต้องเคยปะทะเข่นฆ่าศัตรูในสนามรบผู้ที่สามารถเป็นนักเรียนชุดแรกของสำนักศึกษาเตรียมทหารได้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นยอดวีรบุรุษในหมู่ยอดวีรบุรุษแม้ตอนนี้อากาศจะร้อนระอุ แต่ทุกคนต่างก็ใส่ชุดเกราะพาดลำตัวนักเรียนสามร้อยคนยืนกันเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ละคนมีจิตใจแน่วแน่“ยินดีต้อนรับองค์ชาย! ยินดีต้อนรับฮูหยินเมี่ยวอิน!”เมื่อเห็นขบวนของหยุนเจิง ตู๋กูเช่อนำทุกคนทำความเคารพหยุนเจิงไม่มีความตั้งใจจ
นางมักอยู่ข้างกายหยุนเจิง นางย่อมเคยฟังหยุนเจิงร้องเพลงนี้ตอนที่หยุนเจิงสอนตู๋กูเช่อ นางก็อยู่ด้วยตอนนั้นนางฟังบทเพลงนี้ มักรู้สึกว่าโคลงประกอบดนตรีและเพลงล้วนแปลกประหลาดตอนนี้ได้ยินคนมากมายร้องประสานเสียงเป็นครั้งแรก ก็เกิดความรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันทีมีเพียงชายเลือดร้อนถึงจะเขียนโคลงประกอบดนตรีและเพลงที่ห้าวหาญเช่นนี้ขึ้นมาได้เผชิญกับสายตาคลั่งไคล้ของเมี่ยวอิน หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงโคลงประกอบดนตรีและเพลงนี้ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย เขาแค่แก้ไม่กี่ตัวอักษรเท่านั้นแต่ว่า แม้แต่เมี่ยวอินยังฟังอย่างหลงใหลเช่นนี้ หลังจากนี้บทเพลงนี้จะได้รับการเผยแพร่ในกองทัพ น่าจะกลายเป็นเพลงประจำกองทัพของกองทหารมณฑลทางเหนือแล้ว!เพลงทหาร หลายครั้งก็สามารถเสริมสร้างขวัญกำลังใจได้!“ต้าเฉียนยิ่งใหญ่ทุกจตุรทิศ...ร่วมสรรเสริญ!”ตอนที่หยุนเจิงกำลังครุ่นคิด บทเพลงก็เข้าสู่ช่วงท้ายแล้วแม้เพลงร้องจบแล้ว แต่ดูเหมือนหลายคนจะยังจมอยู่กับเพลงทหารเพลงนี้ ท่าทางหลงใหลเช่นนั้น ล้วนเห็นได้ด้วยตาเปล่า“ดีมาก!”หยุนเจิงลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงดัง “ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ผิดต่อบทเพลงทหารนี้
หลายวันต่อมา หยุนเจิงอยู่ที่สำนักศึกษาเตรียมทหารโดยตลอดนอกจากฃสอนศิลปะสงครามให้บรรดานักเรียนแล้ว หยุนเจิงยังออกความคิดเห็นเกี่ยวกับสำนักศึกษาเตรียมทหารด้วย ฉวยโอกาสตอนเขาอยู่ที่นี่ สิ่งที่ควรแก้ไขก็แก้ไขวันนี้ หยุนเจิงกำลังสอน เมี่ยวอินรีบร้อนปรากฏตัวอยู่หน้าห้องเรียน ส่งสายตาให้หยุนเจิงหยุนเจิงเข้าใจ สั่งให้ทุกคนแยกแยะสิ่งที่เขาเพิ่งกล่าวไปก่อนหน้านี้ รีบเดินมายังประตูหน้าห้องเรียนเมี่ยวอินนำจดหมายในมือฉบับนั้นมอบให้หยุนเจิงทันทีเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากนี่ไม่ใช่บทเรียนหรือ?กรณีศึกษาสำเร็จรูปมาแล้ว?“เจ้าไปทำงานของเจ้าก่อนเถอะ!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้มให้เมี่ยวอินเล็กน้อย กลับเข้าไปในห้องเรียนอีกครั้ง บรรยายเนื้อหาในจดหมายฉบับนี้ต่อหน้าทุกคนนี่คือข่าวสำคัญจากส่ายสืบที่เขาส่งไปโฉวฉือและแคว้นต้าเย่ว์ข่าวที่คนของเขาได้กับข่าวที่กู่เก๋อบอกมีบางส่วนไม่เหมือนกันตอนนี้ แคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉือไม่ได้ร่วมมือกัน ในทางกลับกันความสัมพันธ์ยังตึงเครียดสาเหตุของเรื่อง ดูเหมือนเพราะองค์ชายสี่ที่ได้รับการยกย่องจากแคว้นต้าเย่ว์ถูกลอบสังหารจากมือสังหารตอนที่ล
โจมตีทุ่งหญ้าซิ่นหลินหรือ?หลังสิ้นเสียงของนักเรียนผู้แข็งแกร่ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในดังขึ้นไม่หยุดทุกคนต่างก็กำลังครุ่นคิด มีความเป็นไปได้เช่นนี้หรือ?ไม่นาน พวกเขาก็ได้รับคำตอบแล้วมีความเป็นไปได้โดยสมบูรณ์!“เจ้าชื่ออะไร?”เวลานี้ หยุนเจิงสุดท้ายก็เอ่ยปากถามนักเรียนผู้แข็งแกร่งคนนั้น“ข้าน้อย ชื่อเสียงต่ำต้องเหลียงชิง”“เหลียงชิงใช่หรือไม่?”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อยมองเหลียงชิง “ข้าถามเจ้า เป่ยหมัวถัวตอนนี้เป็นแคว้นบริวารของต้าเฉียนเรา หากแคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉือโจมตีเป่ยหวนจากทางเดินทะเลทรายตะวันตก จำเป็นต้องผ่านเป่ยหมัวถัว ถูกหรือไม่?”“ถูกต้อง!”ชิงเหลียงพยักหน้าหนักแน่นหยุนเจิงยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ถามต่อ “พวกเขาทำเช่นนี้ พวกเขาไม่กลัวพวกเราฉวยโอกาสตอนพวกเขาโจมตีทางเดินทะเลทรายตะวันตก เคลื่อนทัพไปตัดเส้นทางของหลังของพวกเขาโดยตรงหรือ?หยนุเจิงกล่าว จากนั้นก็หยิบท่อนไม้บนโต๊ะ ชี้ไปยังแผนที่ขนาดใหญ่ด้านหน้า“นี่...”ชิงเหลียงพลันใจกระตุก ทันใดนั้นก็กล่าวสิ่งใดไม่ออกจริงด้วย!หากแคว้นต้าเย่ว์และโฉวฉือร่วมมือกันบุกทางเดินทะเลทรายตะวันตก ต้าเฉียนสามารถเคลื่อนทัพจากเขาห่านป
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั