สายตาของเฉินปู้ผู้นี้ไม่เลวเลย!คนที่มีสายตาเช่นนี้ คงไม่ใช่คนที่มีความสามารถพื้นๆ กระมัง?หยุนเจิงครุ่นคิดเล็กน้อย มองตาเฉินปู้ไม่กระพริบ “ข้าถามเจ้า เหตุใดเจ้าขี้เกียจเช่นนี้?”“คำพูดของท่านอ๋องผิดแล้ว”เฉินปู้ไม่ตื่นตระหนกเหมือนปลาที่ถูกจับเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันยังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ข้าขี้เกียจ แต่เพราะที่เมืองซินอันเดิมทีก็ไม่มีงานทำ! ข้าน้อยส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจในเมือง เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งบางส่วน โดยพื้นฐานแล้วสามารถแก้ไขในสถานที่เกิดเหตุใด ไม่ต้องวุ่นวายมาถึงศาลาว่าการ”“ไม่มีงานทำหรือ?”หยุนเจิงมองเฉินปู้อย่างมีความหมายล้ำลึก “ความหมายเจ้าคือ ด้วยความสามารถของเจ้า ดูแลสถานที่เล็กเพียงนี้ ดูถูกกันเกินแล้ว กระมัง?”“ท่านอ๋องฉลาดเฉียบแหลม ข้าน้อยเลื่อมใส!”เฉินปู้โค้งคำรับอีกครั้ง“เจ้าตรงไปตรงมาจริงๆ!”หยุนเจิงหัวเราะ “ข้าว่าเจ้าไม่ควรชื่อเฉินปู้ แต่ควรชื่อบังทองถึงจะถูก!”“บังทอง?”เฉินปู้ไม่เข้าใจ“คนผู้นี้ก็เย่อหยิ่งมีความรู้เช่นกัน”หยุนเจิงยิ้มอย่างขอไปที จากนั้นก็เดินไปนอนตรงเก้าอี้ที่เฉินปู้นอนเมื่อครู่ “เจ้าคิดว่าเจ้าดูแลเมืองซินอันเป็นการดูถูกควา
เมื่อข่าวซั่วเป่ยรับซื้อธัญพืชในราคาสูงแพร่ออกไป พ่อค้าธัญพืชที่ได้รับข่าวชุดแรกได้นำเสบียงอาหารเข้าด่านเป่ยลู่มาแล้วพ่อค้าเสบียงเหล่านี้ล้วนเป็นพ่อค้าในเขตฟู่โจว อยู่ค่อนข้างใกล้ซั่วเป่ยแต่ว่า พ่อค้าเสบียงเหล่านี้ยังสงสัยเรื่องที่ซั่วเป่ยรับซื้อธัญพืชราคาสูงดังนั้น ธัญพืชในรอบแรกจึงมีไม่มากตั้งแต่หยุนเจิงได้รับข่าว เสบียงที่พ่อค้าธัญพืชเหล่านี้ขนผ่านด่านเป่ยลู่รวมกันแล้วไม่เกินห้าแสนหาบ เพื่อเป็นทดสอบ เมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงทอดถอนใจกับความระมัดระวังของเหล่าพ่อค้าธัญพืชเหล่านี้เขาประกาศรับซื้อเสบียงแล้วก็เท่ากับใช้ความเชื่อมั่นของทางการเป็นการรับประกันปรากฎว่า คนเหล่านี้กลับใจแคบเช่นนี้เห้อ ช่างเถอะ!เรื่องนี้ใจร้อนไม่ได้รอให้พ่อค้าธัญพืชเหล่านี้กินเหยื่อก่อนเถอะ!“จะสร้างป้อมปราการที่นี่จริงหรือ?”ภายในจวน เสิ่นลั่วเยี่ยนอิงแอบอยู่บนตัวหยุนเจิง ถามด้วยความกังวล“เจ้าคิดว่าป้อมปราการไม่ดี?”หยุนเจิงนำมือวางไว้บนหน้าท้องของเสิ่นลั่วเยี่ยน ถามด้วยรอยยิ้มครรภ์ของเสิ่นลั่วเยี่ยนยื่นออกมาแล้ว แม้หยุนเจิงไม่อาจสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเด็กในครรภ์ แต่ก็ยังรู้
หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ ก้มดูสมุดพับต่อไปได้!เจ้าหมอนี่จงใจจริงด้วย!นางเคยได้ฟังมาแล้ว เฉินปู้ผู้นี้ค่อนข้างเย่อหยิ่งไม่แน่ว่าการกระทำของหยุนเจิงเพื่อกำราบความเย่อหยิ่งบนตัวของเฉินปู้หรือไม่หยุนเจิงนั่งอ่านอยู่ตรงนั้น บางครั้งพยักหน้า บางครั้งส่ายหน้าเห็นสีหน้าของหยุนเจิง เฉินปู้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น แต่ว่า สีหน้าของเขายังคงเรียบสงบหยุนเจิงนั่งอ่าน ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยามส่วนเฉินปู้ ก็ยังคงยืนอยู่อย่างนั้นหยุนเจิงปิดสมุดพับ หันหน้าสั่งเสิ่นลั่วเยี่ยน “หาที่นั่ง สั่งคนยกชาให้เขา”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็ให้เฉินปู้นั่งลง แล้วสั่งให้คนยกน้ำชาให้เขา“บอกตามตรง ข้ารู้สึกผิดหวังกับเจ้าอยู่บ้าง!”หยุนเจิงช้อนลูกตามองเฉินปู้เฉินปู้กำลังจะดื่มชา มือหยุดชะงักกะทันหัน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอท่านอ๋องโปรดชี้แนะด้วย”“ไม่มีสิ่งใดให้ชี้แนะ”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม จากนั้นก็ยื่นสมุดพับคืนให้เฉินปู้ “สมุดพับของเจ้านี่ ข้าหาสักคนมาก็ล้วนเขียนออกมาได้! เจ้าพิจารณาเพียงปัจจัยภายใน ไม่ได้พิจารณาถึงปัจจัยภายนอก! ซั่วเป่ย ไม่ได้มีเพียงแค่ซั่วเป่ย ยังรวมไปถึงเป่ยหวนด้วย ยังต้อง
หลังจากนั้นหลายวัน หยุนเจิงรีบไปยังหม่าอี้จางซูกลับถึงหม่าอี้แล้ว เขาคาดว่า พ่อค้าธัญพืชเหล่านั้นน่าจะใกล้ถึงหม่าอี้แล้ว“ฮ่าๆ องค์ชาย ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว!”เมื่อเห็นหยุนเจิง จางซูก็กอดหยุนเจิงขอแค่ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย จางซูและหยุนเจิงค่อนข้างทำตัวเป็นกันเอง“ไปๆ ข้าไม่มีงานอดิเรกกอดกับผู้ชาย!”หยุนเจิงหัวเราะและผลักจางซูออก “ดูอารมณ์ของเจ้าไม่เลวเลย มีข่าวดีใช่หรือไม่?”จางซูเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “หนึ่งข่าวดีและหนึ่งข่าวร้าย องค์ชายอยากฟังข่าวใดก่อน?”เมื่อได้ฟังคำของจางซู หยุนเจิงอยากกระโดดขาคู่ใส่เจ้าคนชั่วนี่เขาเกลียดคนถามประเภทนี้ที่สุดแล้ว!ทว่า ในเมื่อจางซูให้เขาเลือก เขาเลือกดีกว่า!“บอกข่าวร้ายก่อนเถอะ!” ร้ายก่อนค่อยดี!คนมากมายต่างก็เลือกเช่นนี้จางซูยิ้มเจ้าเล่ห์ กระซิบต่ำ “องค์ชายรู้หรือไม่ คนในด่านไม่มากก็น้อยกำลังด่าท่าน…”“ด่าข้า?”หยุนเจิงไม่เข้าใจ “ด่าข้าใช้ทหารเป็นการส่วนตัว?เขาอย่างไรก็ตีเป่ยหวนจนยอมจำนนกระมัง?ต่อให้ใช้ทหารเป็นการส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้ก่อกบฏ ใครกล้าด่าว่าเขา?“ไม่ใช่”จางซูส่ายหน้า กล่าวอย่างชั่วร้าย “ด่าที่ท่านเอาพี่สะใภ้เป็
ตอนนี้ เสด็จพ่อพระราชทานงานแต่งแล้ว เขายังมีราชโอการอยู่ในมือ คนเหล่านี้ยังทำเช่นนี้?ให้ตายสิต้องโง่เพียงใดจึงสามารถทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ได้!หยุนเจิงสบถในใจอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ช้อนสายตามองจางซู “คาดว่าเป็นเจ้าสามที่ผลักดันอยู่เบื้องหลัง”หารไม่มีคนผลักดัน คนเหล่านี้คงไม่โง่มาร้องทุกข์ที่ซั่วเป่ยเช่นนี้เยี่ยจื่อเป็นคนที่เสด็จพ่อพระราชทานสมรสให้เขา!เกี่ยวข้องใดกับคนหน้าโง่เช่นนี้!“เป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าใช่!”จางซูหัวเราะ “ท่านไม่รู้ ตอนที่ข้าได้ยินเรื่องนี้ แทบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ...”คนเหล่านั้นโง่เขลา!นี่มันน้ำเข้าสมองจริงแท้!จางซูหัวเราะไม่หยุด ใบหน้าอวบอ้วนบนหน้ากระเพื่อมตามเห็นท่าท่างจางซูเช่นนั้น หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหมดคำพูดมิน่าเล่าเจ้าชั่วนี่จึงหัวเราะเช่นนี้!ดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะที่คนเหล่านี้โง่เขลาเกินไป“เอาล่ะ เลิกหัวเราะได้แล้ว”หยุนเจิงถีบจางซูเบาๆ “เรื่องนี้เจ้ารู้ก็พอแล้ว อย่าบอกกับจื่อเอ๋อร์ แม้ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่น่านางสนใจ! รอให้คนพวกนี้มาซั่วเป่ยจริง ก็ค่อยๆ จัดการ!”“ได้ๆ!”จางซูพยักหน้าติดต่อกัน กล่าวด้วยใบหน้าคาดหว
ฟังคำของจางซูจบ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหน้าดำอึมครึมมารดาเขาสิ!แค่ผลึกหินใสไม่กี่ก้อน ต้องจ่ายเงินซื้อนับแสนตำลึงเงิน แล้วยังต้องมีตำแหน่งขุนนาง?กระจก!หากสามารถทำกระจกออกมาได้ ต้องทำกำไรมากกว่าเกลือละเอียดและหมักเหล้าแน่นอน!กลับไปต้องคิดให้ดีๆ สิ่งที่สร้างจุดหลอมเหลวให้กระจกมันคือสิ่งใด!หยุนเจิงตัดสินใจเงียบๆ จากนั้นก็ถามจางซู “จริงด้วย เจ้าขายตำแหน่งขุนนางเป็นเช่นไรแล้ว?”“ฮ่าๆ วิธีนี้ไม่เลวเลย!”พูดถึงเรื่องขายตำแหน่งขุนนาง จางซูยักคิ้วหลิ่วตาบอกกับหยุนเจิงรวมกับประกาศรับสมัครที่หยุนเจิงประกาศ จางซูขายตำแหน่งออกไปได้ไม่น้อยส่วนมากล้วนเป็นตำแหน่งขุนนางที่อยู่ภายใต้เจี๋ยตู้สื่อรัชสมัยก่อนแม้กระทั่งมีบางตำแหน่งจางซูแต่งขึ้นมาชั่วคราวถึงเช่นไร ซั่วเป่ยก็เท่ากับแคว้นเล็กๆตำแหน่งขุนนางใด ล้วนเป็นหยุนเจิงที่ตัดสินไม่ใช่หรือ?คนชั่วนี่ไม่เพียงขายตำแหน่งขุนนางของซั่วเป่ย แม้แต่ตำแหน่งขุนนางของเป่ยหวนก็ขายแล้วตำแหน่งจั่วโย่วเสียนอ๋อง ล้วนถูกเขาขายออกไปแล้วแต่ว่า คนที่ซื้อตำแหน่งขุนนางของเป่ยหวนก็ไม่ใช่คนโง่ใครต่างก็รู้ ตำแหน่งจั่วโย่วเสียนอ๋องเช่นนี้ แค่นำมาโอ้อวดก
ดังนั้น เสบียงในมือของพวกเขารับซื้อในราคาที่ต่ำมากตอนนี้เดิมราคาในตลาดก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย หยุนเจิงรับซื้อในราคาสูงกว่าตลาดสามส่วน นับดูแล้ว พวกเขาได้กำไรมากแล้วหากสามารถนำเสบียงหนึ่งล้านหาบมาขายที่ซั่วเป่ยได้ เช่นนั้นก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำแล้ว“พวกเจ้าคิดว่า จิ้งเป่ยอ๋องจะรับซื้อเสบียงอาหารในราคาสูงเช่นนี้จริงหรือ?“ซั่วเป่ยออกประกาศ น่าจะไม่ใช่เรื่องโกหกกระมัง?”“ข้ายังรู้สึกไม่วางใจ จิ้งเป่ยอ๋องผู้นี้เหมือนไม่ใช่คนยอมเสียเปรียบ”“ข้าคิดว่า เป็นเพราะอุทกภัยทางตอนใต้ จิ้งเป่ยอ๋องกลัวว่ายิ่งอยู่ต่อไปก็รับซื้อเสบียงยากขึ้น จึงเริ่มกักตุนเสบียงอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้! แต่ไหนแต่ไรตอนที่ไม่มีเรื่องสงคราม ซั่วเป่ยก็ใกล้ขาดแคลนเสบียงอาหารแล้ว นับประสาสิ่งใดกับตอนนี้?”“นี่ไม่ใช่เรื่องขาดหรือไม่ขาดแคลนเสบียง ที่สำคัญคือ จิ้งเป่ยอ๋องยินดีจ่ายเงินซื้อธัญพืชนจำนวนมหาศาลด้วยราคาสูงเช่นนี้หรือไม่...”พ่อค้าธัญพืชรวมตัวกัน กระซิบหารือกันแม้พวกเขาไม่เคยพบหยุนเจิง แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวบางส่วนของหยุนเจิงคนผู้นี้ไม่ยอมเสียเปรียบบนสนามรบ เรื่องการรับซื้อเสบียงก็ยอมเสียเปรียบแล้ว?เรื่
เมิ่งหยุนตอบทันที “ข้าน้อยนำเสบียงอาหารมาหนึ่งหมื่นห้าพันหาบ”พ่อค้าธัญพืชอีกสามคนก็รีบรายงานจำนวนเสบียงที่ตัวเองขนมาทั้งสามคนต่างก็ขนส่งเสบียงมาเพียงหนึ่งหมื่นหาบไม่ต่างจากการคาดการของจั่วเริ่นมากนักเสียงอาหารของพ่อค้าธัญพืชสี่คนรวมกันแล้วยังไม่ถึงห้าหมื่นหาบด้วยซ้ำหยุนเจิงสบถในใจ สีหน้าหงิกงอ “เหตใดจึงขนเสบียงมาแค่เท่านี้? เหตุใด กลัวข้าไม่มีเงินซื้อเสบียงหรือ หรือกลัวข้าจะปล้นเสบียงอาหารของพวกเจ้า?”ถูกหยุนเจิงถามเช่นนี้ ทั้งสี่คนตื่นตระหนกในใจ รีบส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากจางซูแม้พวกเขาต่างก็ไม่รู้จักจางซู แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของจางซูแค่เห็นรูปร่างของจางซู ก็คาดเดาได้ว่าท่านนี้ก็คือเทพแห่งความมั่งคั่งในตำนานผู้นั้นจางซูเข้าใจ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มกับหยุนเจิง “องค์ชาย ฤดูร้อนปีนี้ทางใต้มีฝนมาก ถนนเต็มไปด้วยดินโคลน ข้าคิดว่า พวกเขากลัวว่าซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารเกินไป จึงขนส่งเสบียงอาหารจำนวนน้อยมาก่อน คุ้นเคยเส้นทางการขนส่งเสบียงอาหารสักหน่อย รอให้อากาศดี ถนนไม่มีดินโคลน ค่อยขนส่งเสบียงอาหารจำนวนมากมา...” “ใช่ ใช่...”ทุกคนพากันพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้น
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั