“ตึงๆๆ...”เสียงกลองจังหวะเร่งเร้าดังอยู่หน้าประตูศาลาว่าการเมื่อได้ยินเสียงกอง คนที่นอนอยู่ในห้องโถงไม่ได้ลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ทำเพียงช้อนตามองมาที่ประตู สั่งเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการที่กำลังโบกพัดด้วยความเกียจคร้าน “ไปถามหน่อย มีเรื่องร้ายใด หากไม่มีเรื่องใหญ่ อย่ามารบกวนการนอนของข้า!”ไม่นาน เจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการวิ่งออกมาจากภายในโถง“ใต้เท้าของข้าถามพวกเจ้ามีเรื่องร้ายใด?”เจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการถามเข้าประเด็น ไม่เป็นไปตามกระบวนการตีกลองและการร้องทุกข์อย่างเป็นทางการเลยแม้แต่น้อยหยุนเจิงขมวดคิ้วมองเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการ กล่าวอย่างหงุดหงิด “พวกเราตีกลองร้องทุกข์ ใต้เท้าของเจ้าควรขึ้นศาลไม่ใช่หรือ? แม้แต่ศาลก็ยังไม่ขึ้น ก็ถามพวกเราว่ามีเรื่องร้ายใด?”มารดาเขาสิ!นี่นับว่าเป็นการตรวจสอบครั้งแรกของเขาในฐานซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อกระมัง?กับแค่เมืองผุพังเช่นนี้ ก็มีคนเช่นนี้แล้ว?คนเลวทรามเบาปัญญาเยอะจริงๆ กระมัง?เจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการปรายตามองพวกหยุนเจิง กล่าวเรียบๆ “ใต้เท้าข้าบอกแล้ว เรื่องเล็กจัดการเองได้ เรื่องใหญ่ค่อยหาเขา!”“เช่นนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่!”หยุนเจิงมองนั
สายตาของเฉินปู้ผู้นี้ไม่เลวเลย!คนที่มีสายตาเช่นนี้ คงไม่ใช่คนที่มีความสามารถพื้นๆ กระมัง?หยุนเจิงครุ่นคิดเล็กน้อย มองตาเฉินปู้ไม่กระพริบ “ข้าถามเจ้า เหตุใดเจ้าขี้เกียจเช่นนี้?”“คำพูดของท่านอ๋องผิดแล้ว”เฉินปู้ไม่ตื่นตระหนกเหมือนปลาที่ถูกจับเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันยังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ข้าขี้เกียจ แต่เพราะที่เมืองซินอันเดิมทีก็ไม่มีงานทำ! ข้าน้อยส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจในเมือง เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งบางส่วน โดยพื้นฐานแล้วสามารถแก้ไขในสถานที่เกิดเหตุใด ไม่ต้องวุ่นวายมาถึงศาลาว่าการ”“ไม่มีงานทำหรือ?”หยุนเจิงมองเฉินปู้อย่างมีความหมายล้ำลึก “ความหมายเจ้าคือ ด้วยความสามารถของเจ้า ดูแลสถานที่เล็กเพียงนี้ ดูถูกกันเกินแล้ว กระมัง?”“ท่านอ๋องฉลาดเฉียบแหลม ข้าน้อยเลื่อมใส!”เฉินปู้โค้งคำรับอีกครั้ง“เจ้าตรงไปตรงมาจริงๆ!”หยุนเจิงหัวเราะ “ข้าว่าเจ้าไม่ควรชื่อเฉินปู้ แต่ควรชื่อบังทองถึงจะถูก!”“บังทอง?”เฉินปู้ไม่เข้าใจ“คนผู้นี้ก็เย่อหยิ่งมีความรู้เช่นกัน”หยุนเจิงยิ้มอย่างขอไปที จากนั้นก็เดินไปนอนตรงเก้าอี้ที่เฉินปู้นอนเมื่อครู่ “เจ้าคิดว่าเจ้าดูแลเมืองซินอันเป็นการดูถูกควา
เมื่อข่าวซั่วเป่ยรับซื้อธัญพืชในราคาสูงแพร่ออกไป พ่อค้าธัญพืชที่ได้รับข่าวชุดแรกได้นำเสบียงอาหารเข้าด่านเป่ยลู่มาแล้วพ่อค้าเสบียงเหล่านี้ล้วนเป็นพ่อค้าในเขตฟู่โจว อยู่ค่อนข้างใกล้ซั่วเป่ยแต่ว่า พ่อค้าเสบียงเหล่านี้ยังสงสัยเรื่องที่ซั่วเป่ยรับซื้อธัญพืชราคาสูงดังนั้น ธัญพืชในรอบแรกจึงมีไม่มากตั้งแต่หยุนเจิงได้รับข่าว เสบียงที่พ่อค้าธัญพืชเหล่านี้ขนผ่านด่านเป่ยลู่รวมกันแล้วไม่เกินห้าแสนหาบ เพื่อเป็นทดสอบ เมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงทอดถอนใจกับความระมัดระวังของเหล่าพ่อค้าธัญพืชเหล่านี้เขาประกาศรับซื้อเสบียงแล้วก็เท่ากับใช้ความเชื่อมั่นของทางการเป็นการรับประกันปรากฎว่า คนเหล่านี้กลับใจแคบเช่นนี้เห้อ ช่างเถอะ!เรื่องนี้ใจร้อนไม่ได้รอให้พ่อค้าธัญพืชเหล่านี้กินเหยื่อก่อนเถอะ!“จะสร้างป้อมปราการที่นี่จริงหรือ?”ภายในจวน เสิ่นลั่วเยี่ยนอิงแอบอยู่บนตัวหยุนเจิง ถามด้วยความกังวล“เจ้าคิดว่าป้อมปราการไม่ดี?”หยุนเจิงนำมือวางไว้บนหน้าท้องของเสิ่นลั่วเยี่ยน ถามด้วยรอยยิ้มครรภ์ของเสิ่นลั่วเยี่ยนยื่นออกมาแล้ว แม้หยุนเจิงไม่อาจสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเด็กในครรภ์ แต่ก็ยังรู้
หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ ก้มดูสมุดพับต่อไปได้!เจ้าหมอนี่จงใจจริงด้วย!นางเคยได้ฟังมาแล้ว เฉินปู้ผู้นี้ค่อนข้างเย่อหยิ่งไม่แน่ว่าการกระทำของหยุนเจิงเพื่อกำราบความเย่อหยิ่งบนตัวของเฉินปู้หรือไม่หยุนเจิงนั่งอ่านอยู่ตรงนั้น บางครั้งพยักหน้า บางครั้งส่ายหน้าเห็นสีหน้าของหยุนเจิง เฉินปู้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น แต่ว่า สีหน้าของเขายังคงเรียบสงบหยุนเจิงนั่งอ่าน ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยามส่วนเฉินปู้ ก็ยังคงยืนอยู่อย่างนั้นหยุนเจิงปิดสมุดพับ หันหน้าสั่งเสิ่นลั่วเยี่ยน “หาที่นั่ง สั่งคนยกชาให้เขา”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็ให้เฉินปู้นั่งลง แล้วสั่งให้คนยกน้ำชาให้เขา“บอกตามตรง ข้ารู้สึกผิดหวังกับเจ้าอยู่บ้าง!”หยุนเจิงช้อนลูกตามองเฉินปู้เฉินปู้กำลังจะดื่มชา มือหยุดชะงักกะทันหัน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอท่านอ๋องโปรดชี้แนะด้วย”“ไม่มีสิ่งใดให้ชี้แนะ”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม จากนั้นก็ยื่นสมุดพับคืนให้เฉินปู้ “สมุดพับของเจ้านี่ ข้าหาสักคนมาก็ล้วนเขียนออกมาได้! เจ้าพิจารณาเพียงปัจจัยภายใน ไม่ได้พิจารณาถึงปัจจัยภายนอก! ซั่วเป่ย ไม่ได้มีเพียงแค่ซั่วเป่ย ยังรวมไปถึงเป่ยหวนด้วย ยังต้อง
หลังจากนั้นหลายวัน หยุนเจิงรีบไปยังหม่าอี้จางซูกลับถึงหม่าอี้แล้ว เขาคาดว่า พ่อค้าธัญพืชเหล่านั้นน่าจะใกล้ถึงหม่าอี้แล้ว“ฮ่าๆ องค์ชาย ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว!”เมื่อเห็นหยุนเจิง จางซูก็กอดหยุนเจิงขอแค่ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย จางซูและหยุนเจิงค่อนข้างทำตัวเป็นกันเอง“ไปๆ ข้าไม่มีงานอดิเรกกอดกับผู้ชาย!”หยุนเจิงหัวเราะและผลักจางซูออก “ดูอารมณ์ของเจ้าไม่เลวเลย มีข่าวดีใช่หรือไม่?”จางซูเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “หนึ่งข่าวดีและหนึ่งข่าวร้าย องค์ชายอยากฟังข่าวใดก่อน?”เมื่อได้ฟังคำของจางซู หยุนเจิงอยากกระโดดขาคู่ใส่เจ้าคนชั่วนี่เขาเกลียดคนถามประเภทนี้ที่สุดแล้ว!ทว่า ในเมื่อจางซูให้เขาเลือก เขาเลือกดีกว่า!“บอกข่าวร้ายก่อนเถอะ!” ร้ายก่อนค่อยดี!คนมากมายต่างก็เลือกเช่นนี้จางซูยิ้มเจ้าเล่ห์ กระซิบต่ำ “องค์ชายรู้หรือไม่ คนในด่านไม่มากก็น้อยกำลังด่าท่าน…”“ด่าข้า?”หยุนเจิงไม่เข้าใจ “ด่าข้าใช้ทหารเป็นการส่วนตัว?เขาอย่างไรก็ตีเป่ยหวนจนยอมจำนนกระมัง?ต่อให้ใช้ทหารเป็นการส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้ก่อกบฏ ใครกล้าด่าว่าเขา?“ไม่ใช่”จางซูส่ายหน้า กล่าวอย่างชั่วร้าย “ด่าที่ท่านเอาพี่สะใภ้เป็
ตอนนี้ เสด็จพ่อพระราชทานงานแต่งแล้ว เขายังมีราชโอการอยู่ในมือ คนเหล่านี้ยังทำเช่นนี้?ให้ตายสิต้องโง่เพียงใดจึงสามารถทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ได้!หยุนเจิงสบถในใจอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ช้อนสายตามองจางซู “คาดว่าเป็นเจ้าสามที่ผลักดันอยู่เบื้องหลัง”หารไม่มีคนผลักดัน คนเหล่านี้คงไม่โง่มาร้องทุกข์ที่ซั่วเป่ยเช่นนี้เยี่ยจื่อเป็นคนที่เสด็จพ่อพระราชทานสมรสให้เขา!เกี่ยวข้องใดกับคนหน้าโง่เช่นนี้!“เป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าใช่!”จางซูหัวเราะ “ท่านไม่รู้ ตอนที่ข้าได้ยินเรื่องนี้ แทบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ...”คนเหล่านั้นโง่เขลา!นี่มันน้ำเข้าสมองจริงแท้!จางซูหัวเราะไม่หยุด ใบหน้าอวบอ้วนบนหน้ากระเพื่อมตามเห็นท่าท่างจางซูเช่นนั้น หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหมดคำพูดมิน่าเล่าเจ้าชั่วนี่จึงหัวเราะเช่นนี้!ดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะที่คนเหล่านี้โง่เขลาเกินไป“เอาล่ะ เลิกหัวเราะได้แล้ว”หยุนเจิงถีบจางซูเบาๆ “เรื่องนี้เจ้ารู้ก็พอแล้ว อย่าบอกกับจื่อเอ๋อร์ แม้ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่น่านางสนใจ! รอให้คนพวกนี้มาซั่วเป่ยจริง ก็ค่อยๆ จัดการ!”“ได้ๆ!”จางซูพยักหน้าติดต่อกัน กล่าวด้วยใบหน้าคาดหว
ฟังคำของจางซูจบ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะหน้าดำอึมครึมมารดาเขาสิ!แค่ผลึกหินใสไม่กี่ก้อน ต้องจ่ายเงินซื้อนับแสนตำลึงเงิน แล้วยังต้องมีตำแหน่งขุนนาง?กระจก!หากสามารถทำกระจกออกมาได้ ต้องทำกำไรมากกว่าเกลือละเอียดและหมักเหล้าแน่นอน!กลับไปต้องคิดให้ดีๆ สิ่งที่สร้างจุดหลอมเหลวให้กระจกมันคือสิ่งใด!หยุนเจิงตัดสินใจเงียบๆ จากนั้นก็ถามจางซู “จริงด้วย เจ้าขายตำแหน่งขุนนางเป็นเช่นไรแล้ว?”“ฮ่าๆ วิธีนี้ไม่เลวเลย!”พูดถึงเรื่องขายตำแหน่งขุนนาง จางซูยักคิ้วหลิ่วตาบอกกับหยุนเจิงรวมกับประกาศรับสมัครที่หยุนเจิงประกาศ จางซูขายตำแหน่งออกไปได้ไม่น้อยส่วนมากล้วนเป็นตำแหน่งขุนนางที่อยู่ภายใต้เจี๋ยตู้สื่อรัชสมัยก่อนแม้กระทั่งมีบางตำแหน่งจางซูแต่งขึ้นมาชั่วคราวถึงเช่นไร ซั่วเป่ยก็เท่ากับแคว้นเล็กๆตำแหน่งขุนนางใด ล้วนเป็นหยุนเจิงที่ตัดสินไม่ใช่หรือ?คนชั่วนี่ไม่เพียงขายตำแหน่งขุนนางของซั่วเป่ย แม้แต่ตำแหน่งขุนนางของเป่ยหวนก็ขายแล้วตำแหน่งจั่วโย่วเสียนอ๋อง ล้วนถูกเขาขายออกไปแล้วแต่ว่า คนที่ซื้อตำแหน่งขุนนางของเป่ยหวนก็ไม่ใช่คนโง่ใครต่างก็รู้ ตำแหน่งจั่วโย่วเสียนอ๋องเช่นนี้ แค่นำมาโอ้อวดก
ดังนั้น เสบียงในมือของพวกเขารับซื้อในราคาที่ต่ำมากตอนนี้เดิมราคาในตลาดก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย หยุนเจิงรับซื้อในราคาสูงกว่าตลาดสามส่วน นับดูแล้ว พวกเขาได้กำไรมากแล้วหากสามารถนำเสบียงหนึ่งล้านหาบมาขายที่ซั่วเป่ยได้ เช่นนั้นก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำแล้ว“พวกเจ้าคิดว่า จิ้งเป่ยอ๋องจะรับซื้อเสบียงอาหารในราคาสูงเช่นนี้จริงหรือ?“ซั่วเป่ยออกประกาศ น่าจะไม่ใช่เรื่องโกหกกระมัง?”“ข้ายังรู้สึกไม่วางใจ จิ้งเป่ยอ๋องผู้นี้เหมือนไม่ใช่คนยอมเสียเปรียบ”“ข้าคิดว่า เป็นเพราะอุทกภัยทางตอนใต้ จิ้งเป่ยอ๋องกลัวว่ายิ่งอยู่ต่อไปก็รับซื้อเสบียงยากขึ้น จึงเริ่มกักตุนเสบียงอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้! แต่ไหนแต่ไรตอนที่ไม่มีเรื่องสงคราม ซั่วเป่ยก็ใกล้ขาดแคลนเสบียงอาหารแล้ว นับประสาสิ่งใดกับตอนนี้?”“นี่ไม่ใช่เรื่องขาดหรือไม่ขาดแคลนเสบียง ที่สำคัญคือ จิ้งเป่ยอ๋องยินดีจ่ายเงินซื้อธัญพืชนจำนวนมหาศาลด้วยราคาสูงเช่นนี้หรือไม่...”พ่อค้าธัญพืชรวมตัวกัน กระซิบหารือกันแม้พวกเขาไม่เคยพบหยุนเจิง แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวบางส่วนของหยุนเจิงคนผู้นี้ไม่ยอมเสียเปรียบบนสนามรบ เรื่องการรับซื้อเสบียงก็ยอมเสียเปรียบแล้ว?เรื่