10นาทีผ่านไป
หลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อย ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อชอปสีแดงเข้มกับกางเกงสแล็คสีดำก็ออกจากห้อง ลงบันได คว้าหมวกกันน็อกพร้อมกับกุญแจบิ๊กไบก์ที่วางอยู่ข้างกันบนชั้นวางรองเท้า
ทว่ายังไม่ทันจะได้ปิดล็อคประตูบ้านก็เหมือนจะฉุดคิดอะไรขึ้นมาได้ เท้าหนาจึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังที่ห้อยกุญแจต่างๆตรงทางขึ้นบันได คว้าเอากุญแจรถยนต์ BMW พร้อมกับเก็บหมวกกันน็อกกลับเข้าที่เดิม
ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็สามารถพาตัวเองมาอยู่หน้าคณะเรียน ดวงตาเฉียบคมมองไปทั่วทั้งใต้ตึกและสนามหญ้า มองหาคนที่อยากเจอหน้ามากที่สุด จนกระทั่งเห็นว่าเธอนั่งก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือกับเพื่อนตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสนาม
“ไอ้คิณ มึงมาทันด้วยเหรอวะ?” อาเธอร์ที่พึ่งจะมาถึงเหมือนกันเอ่ยทัก เมื่อคืนกว่าพวกเขาจะออกจากร้านของเพทายได้ก็เกือบสว่าง ทว่าอคิณกลับเดินผ่านไหล่ไปราวกับมองไม่เห็นเขาอยู่ตรงนี้ ทำเอามาวินที่เดินมาข้างกันงุนงงไม่น้อย แต่เหนือสิ่งอื่นใด สายตากลับมองเห็นบางอย่าง
“แล้วใครไปเขียนหน้ามันแบบนั้น?”
“กูว่าไม่ใช่เรื่องดีล่ะ” ถึงกับตื่นตระหนกเมื่อเห็นคนที่ว่าเดินตรงไปหาเด็กสาวที่ชื่อเป็นของกิน เป็นเรื่องให้ทั้งคู่ต้องวิ่งตาม หวั่นใจว่าจะเกิดเรื่อง
“ไอ้คิณ เดี๋ยวไอ้คิณ”
“ใจเย็นนะไอ้เพื่อนเวร ไอ้คิณ!”
ชื่อและน้ำเสียงที่ฟังคุ้นหูทำให้ปลาทูช้อนใบหน้าขึ้นมอง ก่อนจะอุทานด้วยความตื่นกลัว “เวรล่ะ!”
“เป็นอะไรปลาทู?” คนไม่รู้เรื่องที่นั่งฝั่งตรงข้ามได้ยินเสียงอุทานก็สงสัย แต่ท่าทีถมึงทึงของร่างสูงโปร่งที่เดินตรงมา มันเต็มไปด้วยรังสีอันตรายทำให้ปลาทูไม่สามารถอยู่เฉย อธิบายอะไรได้ รีบเก็บข้าวของอย่างรนราน
“ฉันไปก่อนนะ”
ใครจะอยู่ก็อยู่ ปลาทูขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ยิ่งกลางหน้าผากคนน่ากลัวไม่ยอมลบคำนั้นออกยิ่งต้องอยู่ให้ไกล
หมับ!
วินาทีความเป็นความตายเท่ากัน ร่างเล็กกำลังหมุนตัวออกจากโต๊ะถูกฝ่ามือหนาจับเข้าที่ข้อมือ ทำเอาสะดุ้งราวกับโดนไฟช๊อต ไม่กล้าหันไปมอง ดวงใจตกลงตาตุ่ม ภาวนาเรียกร้องหาแต่พ่อแก้วแม่แก้ว
“ไอ้คิณมึงใจเย็นๆก่อนนะเพื่อน” มาวินเข้าช่วยพูด กลัวเหลือเกินว่ายัยตัวเล็กจะถึงฆาต ไม่ต่างจากประธานรุ่นที่ดวงใจดุ้มๆดอนๆ
“มะ มีอะไรค่อยๆคุยกันนะมึง แค่น้องเขียนหน้าผากนิดเดียว มึงไม่เอาถึงกับตายหรอกใช่ไหมวะเพื่อน” ทั้งประโยคและน้ำเสียงของสองหนุ่มหล่อที่ฟังดูน่ากลัว ทำผู้คนที่ต่างก็มองด้วยความสนใจ ขณะที่ปลาทูก็เริ่มวิตก เบะปากคล้ายจะร้องไห้ มือไม้สั่นระริก วันนี้เธอไม่รอดแน่แล้ว
ทว่า…
“ฉันขอโทษ” ทุกอย่างผิดคาดทำเอากรรมการอึ้ง ทุกคนอึ้ง รวมทั้งคนที่กำลังจะเบะร้อง
“มึงว่าอะไรนะ?” อาเธอร์แคะหูพร้อมเอียงใบหน้าเข้าไปใกล้ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง มาวินเองก็นิ่งค้างไปเลย ไม่รู้จะดีใจที่ไม่มีเรื่องอย่างที่คิดหรือคาใจกับคำพูดของเพื่อนดี
ร้อยวันพันปีไม่ว่าจะผิดหรือถูก อคิณไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากพูดคำว่าขอโทษออกมาสักครั้ง แบบนี้จะไม่ให้ทุกคนอึ้งได้ยังไง แม้แต่คนอื่นๆรอบข้างที่มองมายังแปลกใจ
ขณะที่เกิดความเงียบขึ้น อคิณถอดหายใจยาวเสียงดังพรืด ยอมพูดคำนั้นออกไปอีกครั้งพร้อมเขย่าข้อมือน้อยเบาๆ “ฉันขอโทษ”
เขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ทำแบบนี้ แต่ถ้าไม่ทำอะไรมันก็ไม่สบายใจ ไม่อยากให้เธอโกรธหรืองอนแล้วไม่พูดไม่คุยกับเขาเหมือนทุกวัน
“ขอโทษ ได้ยินหรือเปล่า” พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังนิ่งงันมือหนาจึงเขย่าแรงๆอีกครั้ง สองเพื่อนรักที่เริ่มเห็นว่าตัวเองกำลังจะกลายวิญญาณไม่มีใครมองเห็นก็ปล่อยแขนอคิณแล้วก้าวถอยหลัง มองดูห่างๆอย่างห่วงๆ
“ได้ยิน” พอเห็นว่าทุกอย่างไม่ได้แย่อย่างที่คิดและคนน่ากลัวที่ว่าก็ยอมเป็นฝ่ายมาขอโทษ เด็กน้อยจึงยอมหันกลับไปเผชิญหน้า ถึงได้เห็นว่าใบหน้าถมึงทึงที่ว่านั้นไม่ใช่ แต่เป็นกังวนซะมากกว่า
นี่เขากำลังกลัวว่าเธอจะงอนจริงๆ เลยตามมาขอโทษเหรอ?
“เมื่อคืนฉันดื่มเยอะ กว่าจะกลับก็เช้า ถ้าไม่เชื่อเธอลองถามไอ้สองตัวนั้นดูก็ได้”
อยู่ๆก็โดนลากเข้ามาในบทสนทนา สองหนุ่มจึงก้าวขาเข้ามาแล้วพยักหน้าตอบรัวๆราวกับกำลังช่วยเพื่อนแก้ต่างกับเมียมัน “ใช่ๆ”
“แล้วทำไมไม่ส่งข้อความมาบอก ทีส่งข้อความมาขู่ยังทำได้”
“ก็ตอนนั้นมันเมาแล้ว แค่ขับรถกลับมาบ้านปลอดภัยก็ถือว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว”
“แต่คนรอมันรู้สึกแย่นะ” ปั้นหน้ารับบทเหงื่อ “พี่คิณส่งข้อความมาขู่จะให้ปลาทูวิ่งรอบตึก ปลาทูก็รีบแทบตายเพราะกลัวพี่คิณรอนาน แต่ที่ไหนได้พี่ยังไม่ตื่น แถมไปปลุกแล้วยังจะกรนใส่กันอีก”
“รู้ว่าผิด ถึงได้มาขอโทษนี้ไง” เรื่องนี้เขาผิดอย่างไม่มีข้อแก้ตัว พลันเลื่อนฝ่ามือลงมาจับที่มือน้อง แววตาเว้าวอน “หายงอนไหม?”
ถามแบบนี้ก็เข้าแผนน่ะสิ!
ถามแบบนี้ก็เข้าแผนน่ะสิ!“ไม่” น้ำเสียงหนักแน่น พร้อมเบื่อนหน้าไปอีกทาง“ไอติมร้านโปรดเย็นนี้” ถึงกับต้องเอาของกินมาล่อซื้อกันแล้ว ทว่า...“ไม่” พี่คิณมาง้อทั้งที ของที่ได้ต้องใหญ่ไว้ก่อน“ชานมไข่มุกทั้งเดือน” “ไม่”“อย่างกับผัวเมียง้อกัน” อาเธอร์กับมาวินที่ยืนดูอยู่เงียบๆหันมากระซิบคุยกันเอง และคาดว่านักศึกษาคนอื่นก็คิดแบบเดียวกันกับพวกเขา“อึม อนาคตกูว่ายังไง...ก็ได้กัน” การินที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลงความเห็น เพื่อนอีกสองคนก็พยักหน้าเห็นตาม“งั้นเป็นชาบูชุดใหญ่ ทุกครั้งที่เธออย่างกิน” “...” ดวงหน้าหวานผุดรอยยิ้มบางๆ พลางกรอกตาไปมาครุ่นคิด“งั้นเอางี้” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กมีท่าที่ลังเล อคิณจึงไม่รอช้า “ฉันยอมให้เธอเขียนหน้าเพิ่มเลยอะ” ว่าแล้วก็หย่อนก้นนั่งกับเก้าอี้ตัวใกล้ๆ รู้ว่าเด็กน้อยมักจะมีปากกาเมจิกติดตัวไว้ตลอดเพราะหวังจะได้แกล้งเขาเมื่อมีโอกาศ จึงล้วงออกมา “อ่ะ ใบหล่อๆของฉัน ตอนนี้เป็นของเธอ”“เอาจริงเหรอพี่คิณ” ตั้งคำถามเหมือนจะไม่มั่นใจ ทว่าปากกาที่ถูกยัดใส่ในมือ กลับถูกเปิดฝาออกในทันทีแล้วขยับแทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างขาของอีกฝ่าย“แต่ขออย่าเละเทะแบบทุกทีก็พอ” มาขนาดน
“แต่พี่คิณก็หล่ออยู่ดีนะ” เด็กน้อยว่า ถึงจะอมยิ้มกริ่ม แต่น้ำเสียงไม่มีความติดเล่น “ตั้งแต่โตมา ปลาทูวาดหน้าพี่คิณบ่อยมากแต่ไม่มีครั้งไหนที่ความหล่อของพี่คิณจะลดลงสักครั้งเลยค่ะ”อันนี้เธอพูดจริง ทุกครั้งที่แกล้งเขียนหน้าพี่ หวังอยากให้ดูตลกในสายตาคนอื่นๆ แต่มันก็ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง แม้แต่ตอนนี้ สาวๆยังหันมาส่งยิ้มให้เขาไม่แผ่ว...เขาเป็นพี่ชายที่หล่อที่สุดของเธอพอได้ยินน้องชมว่าหล่อ ความโกรธก็ดูจะลดลงง่ายๆ สีหน้าเคร่งขรึมกลายเป็นนิ่งเรียบตามสไตล์ตัวเอง พร้อมมุมปากกระตุกบางๆ เด็กน้อยช่างพูด“หมดเรื่อง” พอเห็นทุกอย่างกลับมาดีอาเธอร์ก็หมดห่วง จึงเริ่มปรับโหมดเป็นรุ่นพี่เฮดว้ากสุดโหด “ใครรู้ตัวว่าอยู่ปีหนึ่งไปรวมตัวกันที่สนามตอนนี้เลย”“แต่มันร้อนนะพี่เธอร์ ย้ายไปหอประชุมไม่ได้เหรอ?” ปลาทูโอดครวญ มือที่ปิดหูตกใจเสียงตะคอกเมื่อครู่ ดึงเอากระจกจากมืออคิณมายัดใส่กระเป๋าตัวเอง “พี่สวมบทแล้ว อย่างอแง” กระซิบบอกเบาๆให้ได้ยินกันแค่นี้ ก่อนจะเดินนำไปก่อนเหมือนถูกขัดใจแต่สุดท้ายปลาทูก็คว้าแขนของยิ้มเดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆด้วยกัน ไม่ได้สนใจคนที่เธอพึ่งจะเขียนหน้าไป ขณะที่อคิณก็ส่ายหัวเบาๆก่อ
พอรู้ว่าต้องแยกย้ายให้เดินไปหาพี่รหัสของตัวเอง ปลาทูจึงเดินตรงเข้าไปหาคนหน้านิ่งมาดโหดที่พึ่งถูกเธอวาดหน้าให้กลายเป็นหมาพันธุ์ดุ ไม่ต้องถามว่ารู้ได้ไงว่าเป็นเขา คำใบ้ที่ว่า ‘หล่อคม นิ่ง กวนตีน ปากหมา’ มันมีอยู่แค่คนเดียว ยิ่งคำว่าปากหมา มันยิ่งตอกย้ำว่าเป็นพี่อคิณทว่า กลับมีสาวน้อยร่างบางเดินเข้ามาตัดหน้า พร้อมถามเสียงหวาน “พี่อคิณรับหนูเป็นน้องรหัสได้ไหมคะ?”“คำใบ้คืออะไร?” ถามเรียบๆ ขณะสายตามองผ่านร่างเธอไปหาคนตัวเล็กด้านหลัง ซึ่งคนที่ว่าก็ไม่ได้รู้ตัวเพราะยิ้มเข้ามาคุยพอดี เนื่องจากหาพี่รหัสของตัวเองไม่เจอ พอหันกลับมาก็เห็นว่าหญิงสาวคนเมื่อครู่ได้เดินออกไปด้วยสีหน้าเศร้าหมองแต่ก็ไม่ได้สนใจ เดินเข้าไปหาพี่ด้วยรอยยิ้ม“พี่คิณ” น้ำเสียงอ่อนหวานกว่าปกติ “หล่อคม นิ่ง กวนตีน ปากหมา คือพี่ใช่ไหมคะ?”“...” เจ้าของชื่อจึงหรี่ตาลงมองติดใจตรงคำสุดท้ายแต่ก็ไม่ได้ท้วง เพราะกำลังจะมีเรื่องสนุกให้เขาทำในไม่กี่วิข้างหน้า“รับปลาทูเป็นน้องรหัสด้วยนะคะ”“หึ!” เห็นเด็กน้อยก้มหัวให้ คนตัวโตก็เค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์ พลางยกแขนขึ้นกอดอกกรรมติดจรวดนี่มันไวกว่าที่คิดแหะ!“หนีกันไม่พ้นเลยจริง
วันหยุด@ห้างสรรพสินค้าฟึด ฟึดกลิ่นหอมของน้ำซุปในหม้อชาบูที่ลอยขึ้นสู่อากาศ เตะเข้าจมูกของปลาทูแทบน็อกคาร้าน จนถูกอคิณที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากเป็นการผลักออก“เดี๋ยวหน้าก็จุ่มลงหม้อ” ปลาทูมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลามาทานชาบู เธอชอบที่จะเอาใบหน้าไปอังกับหม้อน้ำซุปที่เดือดจัด จนเขาต้องบ่น เพราะไอ้ที่เธอสูดเข้าไปนั้นมันหอมก็จริงแต่มันเป็นควัน ใช่ว่าจะดีต่อร่างกาย“ให้มันจุ่มๆลงไปเถอะ ปลาทูอยากตัวหอมๆเหมือนหม้อชาบู”“เหอะ อยากตัวหอม หน้าเธอได้ผุผองเป็นยัยหน้าเละสิไม่ว่า” ส่ายหัวเบาๆกับความคิดไม่เข้าท่าของน้อง“ชิ!” ย่นจมูกใส่ให้คนตรงข้ามทีหนึ่งก่อนจะเอาพวกผักและซีฟู๊ดต่างๆลงหม้อ ส่วนพวกเนื้อวากิวหันสไลด์ ทั้งเธอและเขารู้ดีว่าต้องเอาลงคำต่อคำเพราะเนื้อมันจะนุ่มกว่า อร่อยกว่า“เออพี่คิณ พี่เธอร์จะมีแข่งอีกเมื่อไหร่เหรอ ปลาทูอยากไปดู” เธอจำได้ว่าคราวแล้วที่ไปดูอาเธอร์แข่งรถ มันตื่นตาตื่นใจเธอเอามากๆ จึงอยากจะไปดูอีก“น่าจะเดือนหน้ามั้ง” เขาว่าเรียบๆ ขณะใช้ตะเกียบที่พันด้วยเนื้อจุ่มลงหม้อน้ำที่เดือด“งั้นถ้าพี่เธอร์แข่ง พี่คิณพาปลาทูไปด้วยนะ” กระพริบตาออดอ้อน“คราวที่แล้ว
3วันต่อมาหลังจากทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารเสร็จ สองสาวอย่างปลาทูกับยิ้มก็มานั่งทำงานใต้ตึกคณะเพื่อรอเรียนคาบบ่าย“ไม่คิดจะรอฉันเลยนะ” โบนัสมาถึงก็หย่อนก้นนั่งข้างๆปลาทู พร้อมกับถือวิสาสะเอาน้ำปั่นของเธอมาดูดหน้าตาเฉย ทำเอาคนที่ท้วงไม่ทันเกิดฉุนขึ้นมาเพราะหมอนั้นดันดูดหลอดเดียวกับเธอ“น่าเกลียด ใครจะกล้ากินต่อนาย”“ถ้าเธอไม่กล้า ก็ไปซื้อใหม่สิ” พูดจบก็ทำเฉย ก้มหน้าดูดเอาดูดเอาจนมือเล็กต้องดึงแก้วน้ำกลับมา เอาหนีให้ไกลจากมือเขา “แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันต้องไปซื้อใหม่” พอได้คุยได้รู้จักก็ไม่คิดว่าหมอนี้จะทำตัวตีสนิทไม่เกรงใจกัน นับวันยิ่งรู้จักก็ยิ่งอยากประทะ เธอไม่น่าหลวมตัวรู้จัก จนสนิทมักจีด้วยเลย“ก็น้ำ...เธออร่อย” จงใจพูดสองแง่สองง่ามแต่ปลาทูกลับไม่เข้าใจ ใช้นิ้วผลักหน้าผากของคนที่ยื่นหน้าเข้ามาให้ออกห่าง“อร่อยก็ไปซื้อเองเส้!” เริ่มขึ้นเสียง ขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่ยักคิ้วยียวน“งั้นฉันไปซื้อให้นะ” ยิ้มที่มองอยู่นานแล้วเลยเสนอ เตรียมจะลุกขึ้นเพื่อนสาวจึงร้องห้าม“ใครอยากกินก็ให้เขาไปซื้อเองสิ เธอจะยอมลำบากเพื่อ?”“ก็เพื่อเพื่อนที่นิสัยดีอย่างฉันไง” โบนัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หน้ามั่นไส้
หลังจากที่อยู่พูดคุยกันจนหายคิดถึง ปลาทูก็ขอตัวพร้อมได้ขนมตาลติดมือกลับมาด้วย เด็กน้อยชอบกินขนมไทย ปราณีจึงไม่ลืมที่จะซื้อกลับบ้านมาทุกครั้งนั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะทานข้าว จนช่วงเย็นก็ได้ยินเสียงบิ๊กไบก์ขับเข้าบ้านข้างๆ ร่างเล็กจึงลุกไปหยิบเอาถุงกระดาษที่สาวสวยฝากไว้ตรงเคาน์เตอร์ครัวแล้วกลับมานั่งทำการบ้านตามเดิม ไม่ถึงห้านาที...“พอรู้ว่าแม่ฉันกลับมาก็ไปเสนอหน้าเลยนะ” ประโยคทักทายที่ได้ยินแล้วเป็นต้องถอดหายใจแรงๆไม่เคยจะทักกันเหมือนพี่น้องคู่อื่นเลยจริงๆ“อ่ะ” มือเล็กดันถุงที่ว่าไปตรงหน้าให้คนที่กำลังหย่อนก้นนั่ง อคิณนึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็เปิดดู เห็นเป็นคุกกี้ก็เปิดฝากเอาเข้าปากในทันที ถือเป็นครั้งแรกที่ยัยตัวแสบซื้อขนมให้“นึกไงให้ขนมฉัน?” “พี่เค้กส้ม นิเทศปีสี่ฝากมาให้ค่ะ”“ห๊ะ!” คนตกใจวางทุกอย่างแล้วตรงเข้าห้องครัว คายสิ่งที่อยู่ในปากลงถังขยะ “ถึงกับต้องคายทิ้งเลยเหรอพี่คิณ” ปลาทูเดินตามไปเกาะประตูดู เป็นต้องตาโตเมื่อคนพี่หันไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำมาเปิด นึกว่าจะกินแต่ไม่ เขาล้างปาก! แล้วบ้วนทิ้งลงซิงค์ล้างจาน “ตะ ต้องขนาดนั้นเลยเหรอพี่คิณ”“คิดว่าตัวเองเป็นแม่สื่อหรือไง” จัด
สายตาคู่นั้นใช่ว่าปลาทูจะไม่เห็น แต่เพราะคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ผิดอะไร จึงเลือกที่จะมองไม่เห็น แต่ก่อนขึ้นเรียนขอลองทำเป็นเดินเข้าไปเฉียดใกล้เขาหน่อย ทว่าไอ้พี่คนซืนก็ไม่รั้งไม่เรียกแม้แต่คำเดียวชิ! เมินให้ตลอดละกันไอ้พี่บ้า “จะงอนให้หนักเลย” บ่นอุบอิบ “งอนใครเหรอ?” ยิ้มที่เดินมาด้วยกันได้ยินพอดีจึงเอ่ยถาม ขณะที่โบนัสก็เดินตามมาติดๆก็หยุดฟัง“ปะ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ฉีกยิ้มกว้างเพื่อยืนยันในคำตอบ ทว่าสายตาดันไปเห็นกลุ่มของพี่สาวคนสวยเมื่อวาน รอยยิ้มจึงค่อยๆเลื่อยหุบลงเหลือเพียงบางๆ“น้องปลาทู”“พี่เค้กส้ม สวัสดีค่ะ” มือน้อยยกไหว้ตามมารยาทรุ่นพี่รุ่นน้อง อึดอัดนิดหน่อยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมาหาด้วยเรื่องอะไร “เป็นไงบ้างจ๊ะ วันนี้พี่มีขนมของอคิณแล้วก็เค้กของน้องปลาทูด้วยนะ ถือว่าเป็นคำขอบคุณที่เมื่อวานน้องช่วยเอาขนมไปให้อคิณ” ที่จริงขนมเค้กในส่วนของเด็กนั้นเค้กส้มไม่ได้ซื้อ เธอกินไม่หมด จะทิ้งก็เสียดายของเหลือๆมันเหมาะกับยัยเด็กนี้ที่สุดแล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เค้กเอากลับไปเถอะ ทั้งของพี่คิณแล้วก็เค้กที่จะให้ปลาทูด้วย” คำขอบคุณอะไรเธอไม่เอาทั้งนั้นแหละตอนนี้“ทำไมล่ะ อคิณเขาไม่รับเหรอ?” สีห
“พวกพี่จะชวนไปปาร์ตี้ร้านไอ้ทายน่ะ ถือเป็นการเชื้อมสัมพันธ์น้องรหัส”“น่าสนุกวะพี่ ผมขอไปด้วยสิ” โบนัสรีบเสนอตัว พร้อมว่างแขนพาดบนไหล่ของปลาทูอย่างลองเชิง ทำอคิณแทบขยับตัวพุ่งใส่แต่มาวินกับการินที่ประกบข้างก็จับไว้แน่น พลางกระซิบเตือนสติ“ท่องไว้ว่านั้นน้อง ไม่ใช่เมีย อย่าออกอาการเยอะ”“น้องเว้ย น้อง” สิ่งที่ทำได้คือกัดปาก ถอดหายใจหนักๆอย่างคนข่มอารมณ์ตัวเองแล้วทดเอาไว้ในใจ หมายหัวไอ้เด็กเวรนี้ลงบัญชีดำก่อนใครเพื่อน ขณะที่ปลาทูก็ปัดมือปลาหมึกออกแต่โบนัสก็พาดลงมาใหม่ เป็นแบบนี้อยู่หลายรอบจนเริ่มรำคาญเลยปล่อยไป ก่อนจะหันกลับมาสนใจรุ่นพี่ตรงหน้า“งั้นปลาทูขอถาม...ผู้ปกครองก่อนนะคะ” ผู้ปกครองที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใคร คือพี่ข้างบ้านนั้นแหละ ดูสิว่าพูดขนาดนี้แล้วพี่คนขี้งอนจะว่าไง“อ่า...งั้นถือว่าไป เพราะผู้ปกครองของเราก็ไป” อาเธอร์ตบบ่าเพื่อนเบาๆ“ใช่ป่ะมึง?” การินก็ส่งสายตาถามเจ้าตัว“อึม” ตอบเรียบๆ ทว่าในใจกลับลุ้นหนักว่าน้องจะว่าไงต่อ“งั้น...” สีหน้าครุ่นคิด “ไปก็ได้ค่ะ”แค่นั้นใบหน้าของรุ่นพี่ทุกคนก็ประดับด้วยรอยยิ้ม ปลาทูจึงหันไปชวนยิ้มให้ไปด้วยกันซึ่งยิ้มก็ตอบตกลง ส่วนโบนัสที่ขอไปด้
“ฉัน...” เขาพูดไม่ออก เริ่มไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าต้องการอะไรกันแน่ เขาไม่ชอบการผูกมัด เธอก็ไม่คิดจะพูดถึงเขาไม่ชอบการมีสถานะติดตัว เธอก็ไม่คิดจะเรียกร้องเขาชอบที่จะมีอิสระ ดูท่าเธอก็คงจะให้เขาเต็มที่อีกเหมือนกัน“ถ้าพี่คิณรู้สึกผิดก็แค่ขอโทษ แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” เห็นเขาเงียบ ปลาทูจึงเน้นย้ำอีกรอบ“คือ...ฉัน...ขอโทษ” อคิณหายใจหนักหน่วง ยอมปล่อยคนตรงหน้าให้เป็นอิสระ “โอเคค่ะ” ยอมกันง่าย เธอก็ไม่ติดใจ “งั้นต่อไปพี่คิณไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องคิดมากแล้วนะ ปลาทูโตพอที่จะเข้าใจว่าเรื่องเมื่อคืนมันคือธรรมชาติของมนุษย์ ไม่วันใดก็วันหนึ่งปลาทูก็ต้องเสียมันไปอยู่ดี อีกอย่าง...ปลาทูไม่อยากรู้สึกแย่ที่ความเป็นพี่น้องของเรามันหายไป ช่วงที่ผ่านมาที่เราไม่คุยกัน ปลาทูไม่มีความสุขเลย ปลาทู...อยากได้พี่คิณคนเดิมของปลาทูกลับมา”“...” อคิณนิ่งฟังเหตุผลของน้องอย่างเข้าใจ คนตรงหน้าไม่โกรธและไม่คิดอยากจะให้เขารับผิดชอบ มันคือเรื่องดีที่สุดที่เขาอยากจะได้จากทุกๆความสัมพันธ์ แต่ตอนนี้...เขากลับ...มึงอยากมีโซ่ห้อยคอเหรอวะ ไอ้คิณ?ช่างแม่งเถอะ! แบบนี้ก็ดีแล้วนิ“อะ ยาคุมฉุกเฉิน” คิดได้แบบนั้น มือหนาก็ล
หลังจากที่สงบสติตัวเองได้ ร่างเล็กก็หยัดตัวลงจากเตียง ทุลักทุเลเล็กน้อยเพราะเหมือนขาจะไม่มีแรง เดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็ออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดามือน้อยเลิ่กผ้าห่มขึ้นหวังจะเก็บเตียง จัดให้ดีๆเหมือนทุกวัน ทว่า...OMG! ปลาทูแทบกลั้นเสียงกรี๊ดไม่อยู่ บนผ้าปูที่นอนมีคราบสีแดงเปื้อนตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย ทำเอาแข่งขาอ่อน ไม่ต้องถามให้มากความว่ามันคือคราบอะไร“นี่เสียตัวไม่พอ ยังต้องเป็นคนรื้อผ้าปูที่นอนไปซักเองอีกเหรอเนี่ย”โอ้ย ปลาทูจะบ้าเสียงคนเดินลงบันได เรียกความสนใจจากใครอีกคนที่กำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่หน้าทีวี ไม่ใช่ว่าอารมณ์ดีอะไรหรอก แค่อยากหาอะไรทำ ฆ่าเวลาและความรู้สึกนึกคิดที่วนอยู่ในหัวไม่หยุดอคิณรีบรุดตัวเดินเข้าไปหา เมื่อคนตัวเล็กเหยียบเท้าถึงบันไดขั้นสุดท้ายพร้อมกับตระกร้าผ้าในมือ ร่างบางแอบสะดุ้งตัวตกใจที่เห็นว่าเขายังอยู่ในบ้าน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอย่างคนทำตัวไม่ถูก ทุกอย่างดูแปลกใหม่ไปหมดทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาได้เตรียมตัวพูดหน้ากระจกไปแล้วตั้งหลายรอบ แต่พอเอาเข้าจริงกลับพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นยังไง ให้ตายเถอ
“พะ พี่คิณก็ขยับอยู่” “ฉันหมายถึง...เย_เธอแรงๆ” คำพูดที่ตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่ไวต่อความรู้สึกของคนใต้ร่าง นอกจากโพรงสาวจะตอดรัดแล้วยังผลิตน้ำออกมา ช่วยให้ลำกายที่ผลุบเข้าผลุบออก ทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น“ดะ เดี๋ยวพี่คิณ อร๊าย อะ” ปลาทูร้องเสียงหลงเมื่อคนร้อนแรงไม่คิดจะรอคำตอบ ออกแรงกระแทกความแข็งขื่อเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ พร้อมกับเลื่อนปลายนิ้วผ่านผิวกายขึ้นมาสะกิดเขี่ยยอดอกที่ตั้งชัน ทำเอาคนเสียวกระสันแอ่นกายบิดเร่า อคิณมองว่าคนตัวเล็กโคตรเซ็กซี่ อดใจไม่อยู่ก้มลงดูดดึงเต้าอวบนุ่ม ยิ่งกว่าโหยหา สูดกลิ่นหอมเข้าปอดหนักๆ หลงใหลเรือนร่างยิ่งกว่าสิ่งใดพลับ พลับ พลับทุกการเคลื่อนไหวขับเคลื่อนเต็มไปด้วยความหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบบวกกับเสียงครวญคราง ส่งผลให้เราทั้งคู่จมอยู่ในห้วงของอารมณ์ความต้องการ ใบหน้าหล่อเหล่าผุดเหงื่อเม็ดเล็กเต็มกรอบหน้าและคิดว่าน้องก็คงเป็นเหมือนกัน“รีโมทแอร์อยู่ไหน” เอ่ยถาม กลัวว่าน้องจะผืนขึ้นจนเอาต่อไม่ได้“ยะ อยู่ตรงประตู อ่ะ” ฝ่ามือใหญ่จับแขนเล็กให้โอบลอบลำคอ ก่อนจะสอดท่อนแขนเข้าใต้แผ่นหลังเนียนที่ตอนนี้ชื้นไปด้วยเหงื่อ กระชับจับร่างเล็กพลิกมานั่งคร่อมบนตัก เอ็น
ความเสียดเสียวเล่นงานจนเผลอกัดปากล่างตัวเอง มือบางขย้ำลงกับผ้าปูจนยับยู่ระบายความวาบหวามที่ก่อเกิด หายใจหอบหนักยิ่งกว่าการแข่งวิ่ง อีกฝ่ายก็เล่นกับความรู้สึกและจิตใจโดยการ เกี่ยวแพนตี้ไปด้านข้างแล้วสอดนิ้วกลางเข้ามารุกรานภายในร่องเปียกชื้นที่คับแน่น เล่นเอาใบหน้างามเหยเก จนพี่หวั่นใจ“เจ็บเหรอ?”“...” ปลาทูส่ายหน้า ไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้ จะเจ็บก็ไม่เจ็บจะเสียวก็ไม่เสียว มันแน่นไปจนน่าอึดอัด “ใจเย็นๆแล้วมองหน้าฉัน” เวลานี้ไม่รู้หรอกว่าควรจะปลอบยังไง เพราะไม่เคยต้องเล้าโลมหรือใจเย็นกับผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้มาก่อน เด็กน้อยลืมตา ช้อนขึ้นมองดวงตาคมกริบที่ตอนนี้หยาดเยิ้มไม่ต่างกัน “อย่าเกร็ง ไม่งั้นเธอจะเจ็บ”“ตะ แต่ปลาทู...” “ใจเย็นๆ” แววตากังวนฉายชัด อคิณจึงตัดบท เขารู้ว่าเธอกำลังกลัว “มองตาฉันแล้วอย่าว่อกแวก” หลอกล่อด้วยคำพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เริ่มขยับช่วงล่างจากเชิงช้าแล้วค่อยเพิ่มจังหวะ พลางลอบมองดวงหน้าหวานไปด้วย เมื่อไหร่ที่เธอเกร็ง นิ้วเรียวก็จะหยุด “ใจเย็นๆ ฉันอยู่นี้ ฉันจะไม่ทำเธอเจ็บ” และเมื่อไหร่ที่ร่องสาวเริ่มผ่อนแรงอคิณก็เร่งเร้า แต่หลังๆมาอดใจไม่ได้ เพิ่มจำนวนนิ้วจา
“พี่คิณ หนูขอโทษ” ปลาทูพึมพำทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิท ทำนิ้วเรียวของพี่ชะงัก “หนูไม่รู้ว่าพี่จะโกรธหนูขนาดนี้ ถ้ารู้หนูคงไม่ทำ พี่เค้กส้มเขาชอบพี่มาก”“...”นิ่งฟัง ขณะที่หัวใจกระตุกเต้นไร้จังหวะ เหตุเพราะคำว่า ‘หนู’ ที่คนตัวเล็กใช้แทนตัวเองเป็นครั้งแรก “อย่าโกรธหนูเลยนะ หนูไม่ชอบตัวเองเลยตอนเราทะเลาะกัน”อคิณขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ สัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่เจือกลิ่นแอลกอฮอล์ทำเอาอยากจะเข้าไปอีก “ทำไม?” เอ่ยถามคนละเมอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แอบกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับมองสำรวจดวงหน้าสีหวาน “ไม่มีความสุข ใจหนูมันโหวงๆตลอดเวลา ไม่ชอบสักนิด”“แล้วชอบแบบไหน?” ไม่รู้อะไรดลใจให้ถามอะไรที่มันส่งผลกับใจตัวเองแบบนั้น ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด เปลือกตาคู่น้อยค่อยๆปรือขึ้น ฟ้องว่าทั้งหมดที่พูดมา เด็กน้อยไม่ได้ละเมอ“ชอบแบบที่เป็นพี่คิณ...ของหนู” เป็นอีกครั้งที่ลำคอหนาแห้งเผือด กลืนน้ำลงคออย่างยากลำบาก “อย่าโกรธหนูเลยนะคะ”“อย่าทำหน้าแบบนี้?” จังหวะนี้โดนน็อกแทบไม่เหลือความเคร่งขรึม ปลายนิ้วลูบไล้เบาๆบนผิวแก้มน้อง ที่ตอนนี้สีชัดกว่าปกติ“พี่คิณ หายโกรธหนูนะ” ยังคงอ้อนพร้อมทำตาแป๋ว ชนิดที่นอกจากหัวใจจะสั่
“ปลาทู ยิ้ม นี้ปันปัน น้องรหัสพี่” มาวินแนะนำสาวน้อยหน้าตาน่ารักภายใต้แว่นกรอบหนาให้สองสาวรู้จัก ปลุกให้คนที่กำลังอยู่กับความคิดตัวเองได้สติ“เราเรียนสาขาและห้องเดียวกันค่ะ” ยิ้มอธิบาย ขณะที่ปลาทูก็มีสีหน้าคล้ายคนที่พึ่งจะนึกออก “ใช่ๆ จำได้ล่ะ” ปลาทูนั้นพอจะเคยเห็นปันปันอยู่บ้าง เพียงแต่อีกฝ่ายนั้นค่อยข้างเป็นคนที่เงียบขรึม เราเลยไม่ค่อยได้คุยกัน “งั้นยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะปันปัน”“อึม” เจ้าของชื่อขานรับในรลำคอ พลางระบายยิ้มบางๆ ไม่ใช่ว่าหยิ่ง แต่เธอแค่เป็นประเภทที่ไม่ชอบเข้าสังคม ติดสันโดษ จะเรียกว่า Introvert ก็คงไม่ผิด นี่ถ้าพี่รหัสไม่ชวนมาเธอคงจะนั่งเขียนนิยายอยยู่ในห้องการินกับเพทายก็แนะนำหญิงสาวน้องรหัสของตัวเองให้ทั้งสามรู้จักบ้าง ทำให้ปลาทูเริ่มจะพูดมากขึ้นเพราะเป็นคนพูดไม่หยุดอยู่แล้ว“งั้นวันนี้พวกเราอยากดื่มอะไรก็สั่งเลยนะ พวกพี่เลี้ยงเอง” “เย้!” สาวๆรุ่นน้องชอบใจก่อนที่เพทายจะยกมือเรียกพนักงาน ทุกคนสั่งกันเรียบร้อยปลาทูก็เตรียมจะอ้าปาก“คอสโม” อคิณสั่งแทน คอสโมโพลิแทนเป็นเครื่องดื่มที่มีเหล้าน้อย ดื่มง่าย น่าจะเหมาะที่สุดสำหรับคนที่ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์อย่างเธ
“พวกพี่จะชวนไปปาร์ตี้ร้านไอ้ทายน่ะ ถือเป็นการเชื้อมสัมพันธ์น้องรหัส”“น่าสนุกวะพี่ ผมขอไปด้วยสิ” โบนัสรีบเสนอตัว พร้อมว่างแขนพาดบนไหล่ของปลาทูอย่างลองเชิง ทำอคิณแทบขยับตัวพุ่งใส่แต่มาวินกับการินที่ประกบข้างก็จับไว้แน่น พลางกระซิบเตือนสติ“ท่องไว้ว่านั้นน้อง ไม่ใช่เมีย อย่าออกอาการเยอะ”“น้องเว้ย น้อง” สิ่งที่ทำได้คือกัดปาก ถอดหายใจหนักๆอย่างคนข่มอารมณ์ตัวเองแล้วทดเอาไว้ในใจ หมายหัวไอ้เด็กเวรนี้ลงบัญชีดำก่อนใครเพื่อน ขณะที่ปลาทูก็ปัดมือปลาหมึกออกแต่โบนัสก็พาดลงมาใหม่ เป็นแบบนี้อยู่หลายรอบจนเริ่มรำคาญเลยปล่อยไป ก่อนจะหันกลับมาสนใจรุ่นพี่ตรงหน้า“งั้นปลาทูขอถาม...ผู้ปกครองก่อนนะคะ” ผู้ปกครองที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใคร คือพี่ข้างบ้านนั้นแหละ ดูสิว่าพูดขนาดนี้แล้วพี่คนขี้งอนจะว่าไง“อ่า...งั้นถือว่าไป เพราะผู้ปกครองของเราก็ไป” อาเธอร์ตบบ่าเพื่อนเบาๆ“ใช่ป่ะมึง?” การินก็ส่งสายตาถามเจ้าตัว“อึม” ตอบเรียบๆ ทว่าในใจกลับลุ้นหนักว่าน้องจะว่าไงต่อ“งั้น...” สีหน้าครุ่นคิด “ไปก็ได้ค่ะ”แค่นั้นใบหน้าของรุ่นพี่ทุกคนก็ประดับด้วยรอยยิ้ม ปลาทูจึงหันไปชวนยิ้มให้ไปด้วยกันซึ่งยิ้มก็ตอบตกลง ส่วนโบนัสที่ขอไปด้
สายตาคู่นั้นใช่ว่าปลาทูจะไม่เห็น แต่เพราะคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ผิดอะไร จึงเลือกที่จะมองไม่เห็น แต่ก่อนขึ้นเรียนขอลองทำเป็นเดินเข้าไปเฉียดใกล้เขาหน่อย ทว่าไอ้พี่คนซืนก็ไม่รั้งไม่เรียกแม้แต่คำเดียวชิ! เมินให้ตลอดละกันไอ้พี่บ้า “จะงอนให้หนักเลย” บ่นอุบอิบ “งอนใครเหรอ?” ยิ้มที่เดินมาด้วยกันได้ยินพอดีจึงเอ่ยถาม ขณะที่โบนัสก็เดินตามมาติดๆก็หยุดฟัง“ปะ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ฉีกยิ้มกว้างเพื่อยืนยันในคำตอบ ทว่าสายตาดันไปเห็นกลุ่มของพี่สาวคนสวยเมื่อวาน รอยยิ้มจึงค่อยๆเลื่อยหุบลงเหลือเพียงบางๆ“น้องปลาทู”“พี่เค้กส้ม สวัสดีค่ะ” มือน้อยยกไหว้ตามมารยาทรุ่นพี่รุ่นน้อง อึดอัดนิดหน่อยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมาหาด้วยเรื่องอะไร “เป็นไงบ้างจ๊ะ วันนี้พี่มีขนมของอคิณแล้วก็เค้กของน้องปลาทูด้วยนะ ถือว่าเป็นคำขอบคุณที่เมื่อวานน้องช่วยเอาขนมไปให้อคิณ” ที่จริงขนมเค้กในส่วนของเด็กนั้นเค้กส้มไม่ได้ซื้อ เธอกินไม่หมด จะทิ้งก็เสียดายของเหลือๆมันเหมาะกับยัยเด็กนี้ที่สุดแล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เค้กเอากลับไปเถอะ ทั้งของพี่คิณแล้วก็เค้กที่จะให้ปลาทูด้วย” คำขอบคุณอะไรเธอไม่เอาทั้งนั้นแหละตอนนี้“ทำไมล่ะ อคิณเขาไม่รับเหรอ?” สีห
หลังจากที่อยู่พูดคุยกันจนหายคิดถึง ปลาทูก็ขอตัวพร้อมได้ขนมตาลติดมือกลับมาด้วย เด็กน้อยชอบกินขนมไทย ปราณีจึงไม่ลืมที่จะซื้อกลับบ้านมาทุกครั้งนั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะทานข้าว จนช่วงเย็นก็ได้ยินเสียงบิ๊กไบก์ขับเข้าบ้านข้างๆ ร่างเล็กจึงลุกไปหยิบเอาถุงกระดาษที่สาวสวยฝากไว้ตรงเคาน์เตอร์ครัวแล้วกลับมานั่งทำการบ้านตามเดิม ไม่ถึงห้านาที...“พอรู้ว่าแม่ฉันกลับมาก็ไปเสนอหน้าเลยนะ” ประโยคทักทายที่ได้ยินแล้วเป็นต้องถอดหายใจแรงๆไม่เคยจะทักกันเหมือนพี่น้องคู่อื่นเลยจริงๆ“อ่ะ” มือเล็กดันถุงที่ว่าไปตรงหน้าให้คนที่กำลังหย่อนก้นนั่ง อคิณนึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็เปิดดู เห็นเป็นคุกกี้ก็เปิดฝากเอาเข้าปากในทันที ถือเป็นครั้งแรกที่ยัยตัวแสบซื้อขนมให้“นึกไงให้ขนมฉัน?” “พี่เค้กส้ม นิเทศปีสี่ฝากมาให้ค่ะ”“ห๊ะ!” คนตกใจวางทุกอย่างแล้วตรงเข้าห้องครัว คายสิ่งที่อยู่ในปากลงถังขยะ “ถึงกับต้องคายทิ้งเลยเหรอพี่คิณ” ปลาทูเดินตามไปเกาะประตูดู เป็นต้องตาโตเมื่อคนพี่หันไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำมาเปิด นึกว่าจะกินแต่ไม่ เขาล้างปาก! แล้วบ้วนทิ้งลงซิงค์ล้างจาน “ตะ ต้องขนาดนั้นเลยเหรอพี่คิณ”“คิดว่าตัวเองเป็นแม่สื่อหรือไง” จัด