“ได้ไงก่อน? เฮ้ย! พี่คิณ พี่คิณณณ” จังหวะที่คนตัวเล็กกำลังหันซ้ายหันขวาคิดหาหนทาง คนที่นั่งบนบิ๊กไบก์ก็สับเกียร์ออกตัวโดยไม่คิดจะเอาน้องสาวข้างบ้านที่ยังยืนอยู่สักบาท ทำเอาเจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะก่นด่าไล่หลัง “ไอ้พี่คิณคนบ้า ไอ้คนเลว ไอ้คนไม่มีน้ำใจ ไอ้คนมนุษยธรรมติดลบ”
แล้วไงต่อ?
สุดท้ายปลาทูก็ต้องยืนรอจนช่างมายกรถของเธอไป จากนั้นก็ไหว้วานให้ไปส่งที่มหาลัยเพราะรู้จักกันดี เนื่องจากใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง
“ขอบคุณนะคะคุณลุง” มือเล็กยกขึ้นพนมกลางอกด้วยความนอบน้อมก่อนจะลงจากรถ มองนาฬิกาก็แทบเข่าทรุด “สายมาสิบนาที”
ปลาทูไม่รอช้าสับขาวิ่งไปยังสนามหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างไม่คิดชีวิต โชคดีที่วันนี้ใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่งั้นคงมีคนล้มคะมำหน้าแหก
เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้นอกจากไอ้พี่ข้างบ้านตัวร้ายที่ไม่ยอมให้เธอติดรถมาด้วย แม้จะไม่ใช่ความผิดเขาแต่ก็ขอตั้งข้อหาอีกฝ่ายไว้ก่อน
ทั้งที่บ้านเราอยู่ติดกัน เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมเขาไม่มีจิตสำนึกของความเป็นพี่น้องหยุมหัว อันแน่นแฟ้นของเราบ้างเลยนะ
ขวับ!
เมื่อมาถึง ทุกสายตาต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียวแต่คนเหนื่อยหอบลากกลับไม่คิดจะใส่ใจ โน้มตัวเท้าแขนทั้งสองข้างกับเข่า หอบหายใจหนักหน่วง ปรายสายตาไปยังคนตัวโต ก็เห็นคิ้วเข้มนั้นขยับขึ้นลงอย่างยียวน
“ไอ้พี่บ้า!” ปลาทูพึมพำ ใบหน้ายุ่งเหยิงยิ่งกว่าแมวหิว
“คนสายเชิญข้างหน้า!” ยังไม่ทันจะหายเหนื่อย อคิณที่มีตำแหน่งเป็นรองประธานรุ่นตะเบงเสียงดัง ทำเอาคนอื่นสะดุ้งตัวกันเป็นแถว ขณะที่คนรู้ตัวกลอกตามองบนใส่แต่ก็ยอมเดินไปหน้าแถว
“ทำไมถึงมาสายครับน้องปลาทู” อาเธอร์ เฮดว๊าก รุ่นพี่มาดนิ่ง มีรอยสักชื่อตัวเองติดอยู่ตรงต้นคอ ยืนกอดอกเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“รถพังค่ะ ไม่เชื่อถามอะ...” ความปากไว้เลยทำให้เกือบหลุดคำว่า ‘ไอ้’ ออกไปแต่ดีที่กลับตัวได้ “พี่คิณได้ค่ะ”
“กูไม่รู้” คนถูกพูดถึงยกมือทั้งสองข้างขึ้น แววตาฉายความไร้เดียงสาไม่รู้เรื่อง แต่มันจะไม่รู้เรื่องได้ยังไงกันในเมื่อไปกี่สิบนาทีก่อนเขายังทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีกับเธออยู่เลย เล่นเอาดวงตาคู่น้อยเบิกโตอ้าปากพะงาบ
“สรุปโกหกรุ่นพี่” มาวิน รุ่นพี่สุดหล่อหน้าหวาน ตำแหน่งเดือนคณะหรี่ตามองคนตัวเล็กอย่างจับผิด
“ปลาทูไม่ได้โกหกนะคะ” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คนพี่เลยอยากแกล้ง
“เต้น” คำพูดนั้นทำรุ่นพี่ทุกคนต่างมีสีหน้าที่พึงใจ
“คะ?”
“คนมาสายก็ต้องถูกลงโทษ แล้วบทลงโทษของเราก็คือให้น้องปลาทูเต้นให้เพื่อนๆดูครับ” มาวินอธิบาย ขณะที่เพื่อนคนพูดน้อยอย่าง เพทาย เตรียมตีกลองทำจังหวะ
โอ้ย! จะบ้า รู้เลยว่าทุกคนจงใจแกล้งเธอ รวมทั้ง การิน เจ้าของใบหน้าหล่อเข้มที่ปากร้ายพอๆกับอคิณ ยืนกอดอกหัวเราะในลำคอ
แล้วเธอเลือกอะไรได้
“ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา...” เสียงใสร้องเองเต้นเอง พลางนึกขำตัวเองไปด้วย ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงฮือฮาของหนุ่มๆรุ่นเดียวกันที่ทนต่อความสดใสน่ารักของเธอไม่ได้
“น่ารักวะ”
“นั้นดิ แม่งขาวฉิบหาย”
“จะมีแฟนหรือยังวะ”
“ตัวเล็กสเปกกู”
“กูวะ...”
“พูดเหี้ยไรกัน!” สิ่งที่ได้ยินมาเป็นระยะๆทำพี่ชายข้างบ้านติดข้องใจ ถามกลุ่มผู้ชายด้านหลังแถวน้ำเสียงแข็งกร้าว ทำให้พวกนั้นก้มหน้าก้มตาแทบไม่ทัน
“ใจเย็นดิมึง” การินที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยเตือนเพราะรุ่นน้องที่นั่งออกันอยู่ รวมไปถึงคนที่กำลังสนุกกันด้านหน้าหันมามองเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่ปลาทู “เสียงดังทำคนอื่นตกใจหมด”
“มีเรื่องไรกันวะ?” ประธานเฮดว้ากเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาดู การินจึงกระซิบเล่าถึงเหตุการณ์
“ไอ้พวกเด็กเวร มันพูดจาเรื้อนใส่น้องไอ้คิณ”
“อึม” คนรับฟังเข้าใจ พลางหันไปมองปลาทูที่มีสีหน้างุนงง ก่อนจะหันกลับมาตะคอกเสียงดัง สั่งพวกรุ่นน้องที่สุมหัวกันเมื่อครู่ “พวกมึงลุกขึ้นมา แล้ววิ่งรอบสนามสิบรอบ”
พวกเขาไปบ้านอคิณอยู่บ่อยครั้งทำไมจะไม่รู้จักสาวน้อยอย่างปลาทู ที่เห็นแต่ละคนตึงๆใส่ก็แค่เป็นสไตล์ อยากแกล้งน้องก็เท่านั้น
“โหย...พี่” รุ่นน้องอีดออด ร้อนก็ร้อนยังจะให้วิ่งอีก
“ยี่สิบ” เสียงเข้มบอก สายตาไม่มีแม้แต่คำว่าล้อเล่น “ถ้าพวกมึงยังพูดอีกคำเดียว กูเพิ่มเป็นสามสิบ” เท่านั้นแหละ พวกนั้นถึงกับสับขาวิ่งทันที
“มีเรื่องไรกันคะพี่วิน” ใบหน้าหวานหันไปถามรุ่นพี่ที่อยู่ใกล้ที่สุด ขณะที่มาวินเองก็ไหวไหล่ แต่ถ้าให้เขาเดาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของเธอนั้นแหละ
หึ! พี่น้องแน่นะวิ
หลังจากที่ร่วมกิจกรรมเสร็จนักศึกษาทุกคนก็แยกย้าย ปลาทูจึงเดินไปยังโรงอาหารเพื่อหาของเย็นๆมาดับร้อนในร่างกาย วันนี้เป็นวันที่สองของการเปิดภาคเรียน ทั้งมหาลัยก็จะดูครึกครื้น ไปทางไหนก็มีแต่เสียงหัวเราะพูดคุยแจ้วจ้าวตามประสาของคนที่พึ่งกลับมาเจอกัน มหาลัย StarLight Univercity แห่งนี้ค่อนข้างจะคัดนักศึกษา กว่าจะเข้าได้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากจะง่ายสุดก็คงต้องกระเป๋าหนัก ฉะนั้นยอมซะตรงนี้เลยว่าปลาทูไม่มีเพื่อนที่มาด้วยกันจากโรงเรียนเดิมเลย มันจึงไม่แปลกที่ตอนนี้เธอจะเดินอยู่คนเดียว แต่ใช่ว่าจะเหงาเพราะตั้งแต่เดินเข้าโรงอาหารมา สายตาของทุกคนก็เอาแต่จับจ้องมาที่เธอ ทว่าปลาทูก็ไม่คิดจะสนใจ“ปลาทู” ได้ยินคนเรียกชื่อ ใบหน้าหวานจึงหันไปยังต้นเสียง พร้อมส่งรอยยิ้มเป็นมิตรให้แก่หญิงสาวรุ่นเดียวกัน ขณะที่อีกฝ่ายก็ชูป้ายชื่อของตัวเองให้ดู“ยิ้ม?” ดวงตาคู่น้อยมองดูแล้วอ่านออกเสียง “อึม” ขานรับในลำคอแล้วเม้มปากแน่นยิ้ม เป็นสาวน้อยขี้อายที่ไม่กล้าแสดงออกต่างกับปลาทูที่กล้าแสดงออกไปทุกอย่าง แม้แต่ร้องเต้นต่อหน้าคนหมู่มาก ยังไม่รู้สึกเคอะเขินแม้แต่น้อยแถมยังดูน่ารักสดใสอีกต่างหาก เธอจึงรวบรวมความกล้าเพื่
@บ้านอคิณเสียงบิ๊กไบก์ขับเข้ามาในบ้าน ปราณี จึงไม่รอช้าที่จะเข้ามาสั่งเสียกับลูกชายเพียงคนเดียวก่อนที่ตัวเธอและ เอกภพ ผู้เป็นสามีต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดสองคืน“คิณ แม่ทำกับข้าวไว้ในตู้ คิณเอาไปให้น้องด้วยนะลูก” “เด็กนั้นอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วเหรอแม่?” เอ่ยถามโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามองแม่ตัวเอง แต่กลับหันไปมองบ้านปูนสีขาวสองชั้นที่อยู่ติดกัน ไม่รู้ว่ายัยตัวเล็กนั้นกลับมาหรือยังเพราะอีกฝ่ายให้เพื่อนมาส่ง แต่พอเห็นประตูบ้านเปิดอยู่ก็ได้คำตอบ“น้าดากับลุงทินพึ่งจะไปเมื่อเช้าน่ะ เห็นว่าอีกอาทิตย์หรือสองอาทิตย์นี้แหละจะกลับมา”“ร้านอาหารที่นู้นยุ่งเหรอแม่ ช่วงนี้ถึงได้ไปบ่อย” อคิณพยักหน้ารับทราบก่อนจะเดินเข้าบ้านตรงไปที่ห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมารินใส่แก้ว ไม่ได้นึกแปลกใจอะไรเพราะทั้งบ้านเขาและบ้านเธอก็เป็นแบบนี้เสมอมาบ้านของปลาทูทำธุรกิจร้านอาหารอยู่ต่างประเทศ ตอนนี้เห็นว่ากำลังจะขยายไปประเทศอื่น ส่วนบ้านเขาทำกิจการโรงแรมและรับเหมาก่อสร้าง เป็นเหตุให้ทั้งพ่อแม่เขาต้องเดินทางอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน เพราะงั้นลูกๆทั้งสองบ้านถึงได้อยู่กันเหมือนพี่น้องไปโดยปริยายเมื่อแม่กับพ่อสั่งการจนเ
8.30amเรียวขางามเดินลงบันไดมาด้วยท่าทีที่รีบเร่งเพราะเกรงว่าคนที่ส่งข้อความมาขู่เอาไว้เมื่อคืนจะตั้งท่ากินหัว กระโปรงที่ถูกติติงไปเมื่อวานก็ถูกเปลี่ยนให้ยาวลงมาใต้เข่า ทว่าพอเท้าแตะบันไดขั้นสุดท้าย กลับวางเปล่า ไม่มีใครนั่งรอเฮ้ออ!ปลาทูถอดหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับกลอกตามองบน อึดใจเดียวก็คว้ากระเป๋าออกจากบ้าน ตรงไปยังบ้านข้างๆโดยไม่ลืมปิดล็อกประตูบ้านตัวเอง“พี่คิณ” เสียงเล็กตะโกนเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ประตูด้านหลังถูกล็อคจากด้านในแสดงว่าเขาน่าจะอยู่ชั้นบน “อย่าบอกนะว่าพึ่งตื่นแล้วกำลังอาบน้ำน่ะ”เธอมีเรียนตอนเก้าโมงแล้วตอนนี้ก็สายมากแล้ว ร่างบางจึงเขย่งปลายเท้าเอื้อมหยิบกุญแจที่ซ้อนอยู่หลืบคานประตู ที่ลับนี้ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งเจ้าของบ้านทั้งสองท่าน ยกเว้นก็แต่อคิณลูกชายเจ้าของบ้านกับปลาทูเด็กสาวข้างบ้าน ส่วนบ้านของปลาทูก็มีที่ซ้อนไม่ต่างกันมันคือความลับที่รู้กันแค่สองคน! ชั้นล่างเงียบสนิท เท้าเล็กจึงเดินขึ้นบันได เปิดประตูห้องแรกขวามือโดยไม่คิดจะเคาะบอกคนด้านใน ทว่ากลับเจอสิ่งที่เซอร์ไพรส์กว่า“ไอ้พี่คิณ!” ปลาทูตะโกนออกไปสุดเสียง เมื่อเจ้าของห้องยังนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่
10นาทีผ่านไปหลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อย ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อชอปสีแดงเข้มกับกางเกงสแล็คสีดำก็ออกจากห้อง ลงบันได คว้าหมวกกันน็อกพร้อมกับกุญแจบิ๊กไบก์ที่วางอยู่ข้างกันบนชั้นวางรองเท้า ทว่ายังไม่ทันจะได้ปิดล็อคประตูบ้านก็เหมือนจะฉุดคิดอะไรขึ้นมาได้ เท้าหนาจึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังที่ห้อยกุญแจต่างๆตรงทางขึ้นบันได คว้าเอากุญแจรถยนต์ BMW พร้อมกับเก็บหมวกกันน็อกกลับเข้าที่เดิมใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็สามารถพาตัวเองมาอยู่หน้าคณะเรียน ดวงตาเฉียบคมมองไปทั่วทั้งใต้ตึกและสนามหญ้า มองหาคนที่อยากเจอหน้ามากที่สุด จนกระทั่งเห็นว่าเธอนั่งก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือกับเพื่อนตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสนาม“ไอ้คิณ มึงมาทันด้วยเหรอวะ?” อาเธอร์ที่พึ่งจะมาถึงเหมือนกันเอ่ยทัก เมื่อคืนกว่าพวกเขาจะออกจากร้านของเพทายได้ก็เกือบสว่าง ทว่าอคิณกลับเดินผ่านไหล่ไปราวกับมองไม่เห็นเขาอยู่ตรงนี้ ทำเอามาวินที่เดินมาข้างกันงุนงงไม่น้อย แต่เหนือสิ่งอื่นใด สายตากลับมองเห็นบางอย่าง“แล้วใครไปเขียนหน้ามันแบบนั้น?”“กูว่าไม่ใช่เรื่องดีล่ะ” ถึงกับตื่นตระหนกเมื่อเห็นคนที่ว่าเดินตรงไปหาเด็กสาวที่ชื่อเป็นของกิน เป็นเรื่องให้
ถามแบบนี้ก็เข้าแผนน่ะสิ!“ไม่” น้ำเสียงหนักแน่น พร้อมเบื่อนหน้าไปอีกทาง“ไอติมร้านโปรดเย็นนี้” ถึงกับต้องเอาของกินมาล่อซื้อกันแล้ว ทว่า...“ไม่” พี่คิณมาง้อทั้งที ของที่ได้ต้องใหญ่ไว้ก่อน“ชานมไข่มุกทั้งเดือน” “ไม่”“อย่างกับผัวเมียง้อกัน” อาเธอร์กับมาวินที่ยืนดูอยู่เงียบๆหันมากระซิบคุยกันเอง และคาดว่านักศึกษาคนอื่นก็คิดแบบเดียวกันกับพวกเขา“อึม อนาคตกูว่ายังไง...ก็ได้กัน” การินที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลงความเห็น เพื่อนอีกสองคนก็พยักหน้าเห็นตาม“งั้นเป็นชาบูชุดใหญ่ ทุกครั้งที่เธออย่างกิน” “...” ดวงหน้าหวานผุดรอยยิ้มบางๆ พลางกรอกตาไปมาครุ่นคิด“งั้นเอางี้” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กมีท่าที่ลังเล อคิณจึงไม่รอช้า “ฉันยอมให้เธอเขียนหน้าเพิ่มเลยอะ” ว่าแล้วก็หย่อนก้นนั่งกับเก้าอี้ตัวใกล้ๆ รู้ว่าเด็กน้อยมักจะมีปากกาเมจิกติดตัวไว้ตลอดเพราะหวังจะได้แกล้งเขาเมื่อมีโอกาศ จึงล้วงออกมา “อ่ะ ใบหล่อๆของฉัน ตอนนี้เป็นของเธอ”“เอาจริงเหรอพี่คิณ” ตั้งคำถามเหมือนจะไม่มั่นใจ ทว่าปากกาที่ถูกยัดใส่ในมือ กลับถูกเปิดฝาออกในทันทีแล้วขยับแทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างขาของอีกฝ่าย“แต่ขออย่าเละเทะแบบทุกทีก็พอ” มาขนาดน
“แต่พี่คิณก็หล่ออยู่ดีนะ” เด็กน้อยว่า ถึงจะอมยิ้มกริ่ม แต่น้ำเสียงไม่มีความติดเล่น “ตั้งแต่โตมา ปลาทูวาดหน้าพี่คิณบ่อยมากแต่ไม่มีครั้งไหนที่ความหล่อของพี่คิณจะลดลงสักครั้งเลยค่ะ”อันนี้เธอพูดจริง ทุกครั้งที่แกล้งเขียนหน้าพี่ หวังอยากให้ดูตลกในสายตาคนอื่นๆ แต่มันก็ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง แม้แต่ตอนนี้ สาวๆยังหันมาส่งยิ้มให้เขาไม่แผ่ว...เขาเป็นพี่ชายที่หล่อที่สุดของเธอพอได้ยินน้องชมว่าหล่อ ความโกรธก็ดูจะลดลงง่ายๆ สีหน้าเคร่งขรึมกลายเป็นนิ่งเรียบตามสไตล์ตัวเอง พร้อมมุมปากกระตุกบางๆ เด็กน้อยช่างพูด“หมดเรื่อง” พอเห็นทุกอย่างกลับมาดีอาเธอร์ก็หมดห่วง จึงเริ่มปรับโหมดเป็นรุ่นพี่เฮดว้ากสุดโหด “ใครรู้ตัวว่าอยู่ปีหนึ่งไปรวมตัวกันที่สนามตอนนี้เลย”“แต่มันร้อนนะพี่เธอร์ ย้ายไปหอประชุมไม่ได้เหรอ?” ปลาทูโอดครวญ มือที่ปิดหูตกใจเสียงตะคอกเมื่อครู่ ดึงเอากระจกจากมืออคิณมายัดใส่กระเป๋าตัวเอง “พี่สวมบทแล้ว อย่างอแง” กระซิบบอกเบาๆให้ได้ยินกันแค่นี้ ก่อนจะเดินนำไปก่อนเหมือนถูกขัดใจแต่สุดท้ายปลาทูก็คว้าแขนของยิ้มเดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆด้วยกัน ไม่ได้สนใจคนที่เธอพึ่งจะเขียนหน้าไป ขณะที่อคิณก็ส่ายหัวเบาๆก่อ
พอรู้ว่าต้องแยกย้ายให้เดินไปหาพี่รหัสของตัวเอง ปลาทูจึงเดินตรงเข้าไปหาคนหน้านิ่งมาดโหดที่พึ่งถูกเธอวาดหน้าให้กลายเป็นหมาพันธุ์ดุ ไม่ต้องถามว่ารู้ได้ไงว่าเป็นเขา คำใบ้ที่ว่า ‘หล่อคม นิ่ง กวนตีน ปากหมา’ มันมีอยู่แค่คนเดียว ยิ่งคำว่าปากหมา มันยิ่งตอกย้ำว่าเป็นพี่อคิณทว่า กลับมีสาวน้อยร่างบางเดินเข้ามาตัดหน้า พร้อมถามเสียงหวาน “พี่อคิณรับหนูเป็นน้องรหัสได้ไหมคะ?”“คำใบ้คืออะไร?” ถามเรียบๆ ขณะสายตามองผ่านร่างเธอไปหาคนตัวเล็กด้านหลัง ซึ่งคนที่ว่าก็ไม่ได้รู้ตัวเพราะยิ้มเข้ามาคุยพอดี เนื่องจากหาพี่รหัสของตัวเองไม่เจอ พอหันกลับมาก็เห็นว่าหญิงสาวคนเมื่อครู่ได้เดินออกไปด้วยสีหน้าเศร้าหมองแต่ก็ไม่ได้สนใจ เดินเข้าไปหาพี่ด้วยรอยยิ้ม“พี่คิณ” น้ำเสียงอ่อนหวานกว่าปกติ “หล่อคม นิ่ง กวนตีน ปากหมา คือพี่ใช่ไหมคะ?”“...” เจ้าของชื่อจึงหรี่ตาลงมองติดใจตรงคำสุดท้ายแต่ก็ไม่ได้ท้วง เพราะกำลังจะมีเรื่องสนุกให้เขาทำในไม่กี่วิข้างหน้า“รับปลาทูเป็นน้องรหัสด้วยนะคะ”“หึ!” เห็นเด็กน้อยก้มหัวให้ คนตัวโตก็เค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์ พลางยกแขนขึ้นกอดอกกรรมติดจรวดนี่มันไวกว่าที่คิดแหะ!“หนีกันไม่พ้นเลยจริง
วันหยุด@ห้างสรรพสินค้าฟึด ฟึดกลิ่นหอมของน้ำซุปในหม้อชาบูที่ลอยขึ้นสู่อากาศ เตะเข้าจมูกของปลาทูแทบน็อกคาร้าน จนถูกอคิณที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากเป็นการผลักออก“เดี๋ยวหน้าก็จุ่มลงหม้อ” ปลาทูมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลามาทานชาบู เธอชอบที่จะเอาใบหน้าไปอังกับหม้อน้ำซุปที่เดือดจัด จนเขาต้องบ่น เพราะไอ้ที่เธอสูดเข้าไปนั้นมันหอมก็จริงแต่มันเป็นควัน ใช่ว่าจะดีต่อร่างกาย“ให้มันจุ่มๆลงไปเถอะ ปลาทูอยากตัวหอมๆเหมือนหม้อชาบู”“เหอะ อยากตัวหอม หน้าเธอได้ผุผองเป็นยัยหน้าเละสิไม่ว่า” ส่ายหัวเบาๆกับความคิดไม่เข้าท่าของน้อง“ชิ!” ย่นจมูกใส่ให้คนตรงข้ามทีหนึ่งก่อนจะเอาพวกผักและซีฟู๊ดต่างๆลงหม้อ ส่วนพวกเนื้อวากิวหันสไลด์ ทั้งเธอและเขารู้ดีว่าต้องเอาลงคำต่อคำเพราะเนื้อมันจะนุ่มกว่า อร่อยกว่า“เออพี่คิณ พี่เธอร์จะมีแข่งอีกเมื่อไหร่เหรอ ปลาทูอยากไปดู” เธอจำได้ว่าคราวแล้วที่ไปดูอาเธอร์แข่งรถ มันตื่นตาตื่นใจเธอเอามากๆ จึงอยากจะไปดูอีก“น่าจะเดือนหน้ามั้ง” เขาว่าเรียบๆ ขณะใช้ตะเกียบที่พันด้วยเนื้อจุ่มลงหม้อน้ำที่เดือด“งั้นถ้าพี่เธอร์แข่ง พี่คิณพาปลาทูไปด้วยนะ” กระพริบตาออดอ้อน“คราวที่แล้ว
“พี่ไม่ได้จะทำอะไร แล้วเราล่ะเป็นอะไร? ทำไมต้องหนีพี่?” ปากบอกไม่ทำแต่สายตานี้แทบจะกลืนกิน “มะ ไม่ได้หนีค่ะ” “พูดติดขัด ลมหายใจผิดปกติ แบบนี้...มันมีพิรุธนะคะ” น้ำเสียงกระเซ่าเย้าแหย่ ทำเด็กน้อยอ้าปากพะงาบ ทำตัวไม่ถูก รู้สึกใบหน้าเห่อร้อนอย่างช่วยไม่ได้ คนมันเขี้ยวจึงโน้มลงไปจุ๊บปากจุ๊บปลาทูรีบยกมือขึ้นปิดปาก กระพริบตาปริบๆ เกิดอาการขวยเขินจนอยากกดหน้าลงหมอนแล้วกรี๊ดออกมาดังๆ อะไรกันครับเนี่ย พี่คิณ...เปลี่ยนไป“เป็นอะไรครับ เขินพี่เหรอ?” ละดูน้ำเสียง แถมคนพูดยังเกลี่ยผิวแก้มกันเบาๆอีก อร๊าย...ตายๆ ใจบางแล้วค่ะคุณพี่“งะ ง่วงค่ะ” คิดอะไรไม่ออกก็บอกง่วงไปก่อน พร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า ทว่าเป็นต้องหวั่นใจเมื่อเขาแทรกตัวเองเข้ามาอยู่ในผ้าห่มเหมือนกัน “จะ จะทำอะไรคะ?”“อยากนอนด้วยค่ะ” แล้วกระพริบตาปริบๆ“...” ใจเย็นไว้ปลาทู ใจเย็นไว้ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ“ขอพี่นอนด้วยนะครับ”กรี๊ด!!! ไม่ไหว ไม่ไหวถึงกับต้องนอนหันหลังให้ ดาเมจพี่คิณจะแรงอะไรเบอร์นั้น นี่หน้าตาดีไม่พอ คารมก็ดีด้วยใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มจนแก้มปริ แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเขาก็พูดจาเลียนๆ ออดอ้อน เสียงเล็กเสียงน้
“ที่รัก ลูก...” ในขณะที่คนเป็นภรรยาทำตัวไม่ถูก ทินกรก็เดินขึ้นบันไดมาเห็นชายหนุ่มยืนอยู่หน้าห้องลูกสาวขณะเปลือยท่อนบนก็เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จึงปรับน้ำเสียง “ลุงขอคุยด้วยหน่อยสิคิณ” ว่าจบก็เดินไปนั่งรอที่โซนนั่งเล่นอคิณถึงกับนิ่งไปที่อยู่ๆทินกรก็กลับไปใช้คำเรียกแทนตัวเองเช่นเดิม ทั้งที่ก่อนหน้ายังให้เขาเรียกว่าพ่ออยู่เลย“เกี่ยวกับน้องหรือเปล่าครับ?” หันไปถามดารีด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ข้างในเหมือนคนกำลังตกลงเหวไปแล้วดารีไม่ได้ตอบนอกจากการระบายยิ้มบางๆ ไม่ว่ายังไงเธอยังคงเห็นอคิณป็นเหมือนลูกชายคนหนึ่ง “น้าของเข้าไปปลุก...”“อย่าเอาน้องไปจากคิณ” อคิณบอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง เอาเสื้อยืดตัวเมื่อคืนที่ตกพื้นมาใส่ ก่อนออกจากห้องลงไปคุยกับทินกรก็ปิดประตูล็อกห้องเสร็จสรรพ ทำเอาดารีที่ยืนอยู่นึกแปลกใจ ตกลงว่าเด็กหนุ่มจะเอายังไงกับลูกสาวเธอกันแน่ไม่ต้องถามว่าทำไมถึงรู้ว่าเมื่อวานที่ปลาทูร้องไห้เป็นเพราะอคิณ ก็ทั้งตลอดชีวิตที่ผ่านมาของลูกสาว อคิณไม่เคยให้หนุ่มๆที่ไหนเข้าใกล้ลูกสาวเธอเลย และไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรอคิณไม่เคยปล่อยให้ลูกสาวเธอได้ฉายเดี่ยว ไปด้วยตลอดเหมือนเงาตามตัว เพราะงั้นมันจึงไ
ปลาทูไม่อาจห้ามความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นมาทีละนิดภายในจิตใจ ไม่สามารถมองหน้าคนกลัดมันให้เป็นดั่งพี่ชายได้เหมือนเดิม ปล่อยให้ความรู้สึกและหัวใจนำพา“จะ จูบได้ไหมคะ?” อคิณช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาหยาดเยิ้ม มุมปากหยัดผุดขึ้นชวนหลงใหล ตอบน้ำเสียงน่าฟังไม่ต่างกัน “ได้สิคะ” หากไม่ใช่เพราะเด็กน้อยใต้ร่าง คาดว่าชีวิตนี้เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะปากหวานได้ถึงขนาดนี้......ก็ช่วยไม่ได้อ่ะนะ ในเมื่อเด็กมันยั่ว น่ารัก น่าฟัด น่าขย้ำไปหมดริมฝีปากหนาบรรจงจูบกับเรียวปากนุ่มด้วยความดูดดื่มสลับกับเร่าร้อน คล้ายกำลังส่งผ่านความรู้สึกที่อัดแน่นทั้งหมดให้เธอได้รับรู้ พลางใช้ฝ่ามือขย้ำความอวบอิ่มอย่างหนักมือ จนเนื้อสาวปริตามง่ามนิ้ว ทุกแรงขับเคลื่อนที่ดุดันและหนักหน่วง ส่วนลึกถูกจู่โจมโดยไม่เว้นระยะทำให้สมองน้อยขาวโพลน เนื้อตัวชาวาบ ลมหายใจขาดห้วงก่อนจะโอบกอดคนตัวโตแล้วกระตุกเกร็งนำไปก่อน“พี่ขอบ้างนะ” หยัดตัวขึ้น จับเรียวขาคนหมดแรงขึ้นพาดบ่า แยกขาอีกข้างให้อ้าออกแล้วกดจมลงกับเตียง ก้มมองจุดเชื่อมระหว่างเรา ที่จ้วงลึกสุดออกสุด ไม่วางตา “ซี๊ด น้ำเยอะแต่โคตรแน่น”เด็กน้อยเหนื่อยหอบแต่คนร้อนแรงยังคงควบเอวใส่กั
หลังจากที่อุณหภูมิกลับมาเป็นปกติ คนพึ่งเสร็จสมปรับสภาพได้ อคิณก็ถอดนิ้วออกมาเช็ดกับหน้าอกอวบ ก่อนจะผละจูบแล้วก้มหน้าปาดชิมน้ำรักพร้อมกับดูดงับกับส่วนยอด สายตาช้อนขึ้นสบกับคนอ่อนประสบการณ์“พี่ทรมานมาก หนูรู้ใช่ไหม?” ทรมานจนปวด จนไม่อาจรอได้แล้วอึก! คนถูกถามกลืนน้ำลายลงคอ พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ขณะที่อคิณขยับขึ้นมา สอดแขนโอบกอดแล้วจับร่างเปลือยเปล่าให้พลิกขึ้นมาทับบนร่างตัวเอง มือเล็กทั้งสองข้างวางเกยบนอกแกร่ง สัมผัสได้ถึงการเต้นแรงของหัวใจดวงโต ส่งผลให้หัวใจเธอเต้นตามเป็นจังหวะเดียวกัน ก่อเกิดความรู้สึกวูบไหว...คล้ายมีผีเสื้อนับล้านตัวกำลังบินว่อนอยู่ในท้อง“งั้น...เด็กดีช่วยพี่หน่อยได้ไหมคะ”“ตะ แต่หนูทำไม่เป็น”“เดี๋ยวพี่สอน” ประคองใบหน้าเนียนขึ้นสีระเรื่อมาจ้องตากัน ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างก็ลูบไล้ ไปทั่วแผนหลังชุ่มเหงื่อ “เริ่มจาก...เอานมหนูมาป้อนใส่ปากพี่ก่อน”ปลาทูลอบกลืนน้ำลาย ถ้อยคำการสอนที่ตรงไปตรงมาทำเอาคนฟังเขินหนัก ช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าจะเห่อร้อนจนต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากัน แอบสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วซุกซนเลื่อนลงมาวนลูบไล้แถวบั้นท้าย “นะครับ ป้อนพี่หน่อย” น้ำเสียง
“หื้ม?”“ปล่อยนะ ไอ้คนบ้า อื้ม” เสียงใสถูกกลืนกินด้วยริมฝีปากหนาที่ทาบลงมาจูบกับเรียวปากนุ่มสีหวาน บดคลึงเบาๆไม่รุนแรงก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปช่วงชิมความหอมหวานละมุนจากปลายลิ้นน้อยของน้อง ปลุกเร้าอารมณ์สาวที่กำลังหลับใหลให้ก่อตัวลำกายขยายใหญ่ภายใต้กางเกงยีนส์ที่สัมผัสบริเวณท้อง น้อย ทำเอาคนใต้ร่างตาตื่นหัวใจสั่นไหว ความโกรธเมื่อตอนเย็นพลันหายไปอย่างน่ากลัว กลัวใจตัวเองนี่แหละ ที่มันชอบไปเป็นของเขาอุณหภูมิภายในของปลาทูพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆตามระดับของกลีบปากหยักที่บดเคล้าลงมาอย่างดูดดื่ม จากขัดขืนเรี่ยวแรงและร่างกายก็ค่อยๆโอนอ่อน คล้อยตามคนช่ำชองและมากไปด้วยประสบการณ์ เผลอจูบตอบเลียนแบบ แม้จะเงอะงะแต่มันกลับกระชากอารมณ์หนุ่มอคิณสำรวจดวงหน้าละมุนด้วยสายตาหยาดเยิ้มหลังจากที่ผละจูบออก กลืนน้ำลายลงคอครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งมองก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ตัวเองเข้าไปใหญ่ ใช้มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าเธอเอาไว้ด้วยลมหายใจที่ติดขัด ก่อนจะก้มลงประกบจูบลงมาอีกครั้งอย่างห้ามใจไม่อยู่ร่างกายหนาร้อนยิ่งกว่าไฟ ขยับบดเบียดกับจุดกึ่งกลางสาว ปลาทูถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว เผลอไผลกับรสจูบอันร้อนแรง ยากที่จะดึงสติตัว
“กู...” ที่ผ่านมาก็ไม่เคยถามตัวเองแบบนี้เหมือนกัน ทว่าพอคิดว่าเจ้าของใบหน้าหวานละมุนจะหายไป ร่างกายและหัวใจมันก็พลันจะอ่อนแรงลงขึ้นมาเสียดื้อๆ และยิ่งต้องนึกว่าจะมีคนอื่นที่ได้รับความรู้สึกทั้งหมดจากเธอ ก็รู้สึกเจ็บร้าวในอกคล้ายมีคนเอาแท่งเหล็กมาเสียบเข้ากลางอกย้ำๆซ้ำๆตรงจุดเดิมความรู้สึกทั้งหมดนี้เขาไม่ชอบ“มึงไม่ต้องเครียดเพื่อน ค่อยๆคิด ยังไงเด็กนั้นก็ไม่ไปไหนหรอก” ตบบ่าให้กำลังใจ แต่ก็กลัวอีกคนจะคิดไม่ได้ “แต่แมวตัวอื่นที่รอมึงเผลอ อันนี้กูว่าไม่แน่”“ไอ้เหี้ยทาย!” อคิณลุกขึ้นตะโกนด่าไล่หลังเพื่อน ทว่าพอกลับมานั่งใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง พลันนึกถึงดวงหน้าหวานพร้อมกับรอยยิ้มออดอ้อนที่เธอชอบใช้เวลาอยากได้ของ แค่นั้นก็ชื่นใจ โอเค ยอมรับแล้วว่าชอบยัยเด็กทิงเจอร์...แล้วทีนี้กูต้องเริ่มจีบน้องมันยังไงวะเนี่ย@บ้านอคิณดวงตาคมกริบมองไปยังบ้านข้างๆที่ตอนนี้ได้ถูกความมืดมิดปกคลุม เขายืนลังเลอยู่ตรงประตูเชื่อมระหว่างบ้านเขากับบ้านเธอมาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะย้ายไปไหนถ้าเคาะประตูแล้วตะโกนเรียก พ่อกับแม่เธอจะตื่นด้วยไหมวะ“หรือว่ากูต้องปีนขึ้นห้องเมียตัวเอ
“ฉัน...” คำถามนี้เขาก็ไม่รู้จะตอบยังไง จะบอกว่าโกรธที่เธอคุยกับคนอื่น ส่งยิ้มให้คนอื่นแบบนี้เหรอ มันดูไม่ใช่เขาเลยสักนิด“ก่อนหน้านี้พี่คิณบอกเองว่าไม่อยากได้ปลาทูเป็นเมีย แล้วตอนนี้พี่คิณเป็นอะไร จูบปลาทูทำไม?” อยู่ๆดวงตามันก็ร้อนผ่าวขึ้นมา รู้สึกเหมือนมีอะไรมาแทงที่อก“...”“ถ้าพี่คิณไม่ชอบปลาทู ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น พี่คิณก็ควรจะอยู่ให้ห่างสิ ไม่ใช่มาทำอะไรแบบนี้งะ” ยิ่งเขาทำแบบนี้คนที่จะเป็นบ้าก็คือตัวเธอเอง“...”“ตะ ต่อไปพี่คิณอย่าทำแบบนี้กับปลาทูอีก” ว่าจบก็เปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งเข้าบ้านตัวเอง การที่เขาปิดปากเงียบไม่พูด ก็เท่ากับว่าต้องการที่จะรักษาคำว่าพี่น้องระหว่างเราเอาไว้ มันเลยทำเธอรู้สึกแย่และเจ็บไม่น้อยไม่รู้ว่าเผลอพาพี่คนนั้นเข้ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาคิดอยากจะทำอะไรกับตัวเธอเขาก็ทำ แล้วเธอก็ประเคนให้เขาหมด หมดแล้ว หมดเลยจริงๆ“ปลาทูเป็นอะไรลูก?” ดารีออกมาจากในครัวเห็นลูกสาวตัวน้อยยืนน้ำตาไหลจับหน้าอกตัวเองอยู่ตรงประตูก็ตกใจ เข้ามาดู “แม่คะ ฮึก” น้ำเสียงสิ้นหวังสั่นเครือ ขณะโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ “ปลาทูเจ็บค่ะ เจ็บตรงนี้งะ” ชี้ที่อกข้างซ้ายต
20นาทีต่อมาหมดเวลาพักทุกคนก็กลับลงสนาม ไปประจำตำแหน่งของตัวเอง ปลาทูจึงได้กลับเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเองเช่นกัน เธอเอาหูฟังมาใส่เปิดเพลงกลอกหูแล้ววาดรูปต่อ เก็บรายละเอียดเพียงเล็กน้อยก็เอามือถือขึ้นมาถ่าย เข้าโปรแกรมระบายสีที่โหลดไว้ติดเครื่องนิ้วเรียวกดหน้าจอที่แสดงภาพจานสีก่อนจะบรรจงระบายอย่างตั้งใจ อาจจะดูเละเทะไปหน่อยเพราะใช้นิ้วแทนปากกา แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูแย่จนเหมือนเด็กอนุบาลระบายสี ก่อนจะชะงักเมื่อเหลือบเห็นขาของใครบางคนอยู่ตรงหน้า “สวัสดีครับ” คนแปลกหน้ากล่าวทักทายพร้อมโบกมือด้วยรอยยิ้ม ปลาทูจึงถอดหูฟังออกแล้วตอบกลับอย่างมีมารยาท“สวัสดีค่ะ” เดาจากสายตาความสูงน่าจะพอๆกับพี่คิณ เรื่องหน้าตาถือว่าหล่อจัด“พี่ชื่อคิมนะครับ อยู่สถาปัตย์ปีสาม เห็นเราวาดรูปน่ารักดีพี่เลยมาทัก” “อ่อ ขอบคุณค่ะ” พอเข้าใจ ใบหน้าหวานละมุมก็ฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “พอดีปลาทูมารอพี่ชายเล่นบอลน่ะค่ะเลยหาอะไรฆ่าเวลา”“พี่ชายที่จ้องจะงับเองละสิไม่ว่า” เสียงเอ่ยเบาๆของเค้กส้ม ทำให้ทั้งปลาทูและคิมหันไปมอง เจ้าตัวจึงแกล้งตีหน้าใสซื่อ “อุ้ย พี่พูดเสียงดังไปเหรอ ขอโทษนะ”“ไม่เป็นไร ปลาทูไม่ได้ยินที่พี่เค้กส้ม
ดวงตาคมกริบที่นอกจากจะต้องมองตามลูกบอลกลมๆที่ถูกคนนู้นคนนี้เตะส่งกันไปมาแล้ว ยังคอยสอดส่องไปยังร่างเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่าง แต่ถ้าให้เดาปลาทูคงจะนั่งเขียนการบ้านหรือไม่ก็นั่งวาดรูปอะไรไปเรื่อยเปื่อยเขาจำได้ว่าตอนเด็กๆน้องชอบวาดรูปมาก แต่พอโตขึ้น เวลาที่เคยมีก็ถูกถ่ายเทไปให้กับการเรียนบ้าง กับซีรีย์บ้าง หรือไม่ก็กับพี่ชายอย่างเขาเอง ไม่รู้ทำไมมันอยู่ไม่สุข ถ้าไม่ได้เล่นเกมส์ด้วยกัน“หึ” มันช่วยไม่ได้ที่พอนึกถึงแล้วจะไม่หัวเราะ“บอลอยู่ในสนาม ไม่ใช่อยู่ข้างสนามโว้ย!” การินวิ่งหอบเข้ามาตบหัวเพื่อนหนึ่งที โทษฐานที่วอกแวก คาดว่ามันคงสนใจสิ่งนั้นมากกว่าลูกบอลแล้วตอนนี้“กูขอเถอะนะไอ้คิณ สนใจเพื่อนก่อน จบเกมส์มึงอยากจะทำอะไรมึงก็ไป” ประธานรุ่นถึงกับออกปากเพราะนี่ไม่ใช่การซ้อมเล่นๆเหมือนทุกๆวัน แต่เป็นการซ้อมใหญ่เพื่อไปแข่งจริงในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะเรียกว่าศึกของศักดิ์ศรีเลยก็ได้“พ่อมึงเรียกละ” การินว่าทิ้งท้ายก่อนจะแยกออกไป อคิณหันไปมองใบหน้าหวานอีกครั้งก่อนจะกลับมาโฟกัสในสนาม“แก...พี่คิณหันมามองฉันด้วย” น้ำเสียงตื่นเต้นของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลเรียกความสนใจขอ