ลู่เจ๋อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัวเฉียวซุนกลับมาแล้ว!เธอพาเด็ก ๆ กลับมาแล้ว......พอเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง เสียงของคนขับก็ยิ่งร่าเริงมากขึ้นกว่าเดิม “โถ่ คุณหนูเหยียนเหยียนก็น่าจะสูงขึ้นมาก แล้วยังมีนายน้อยลู่ฉวิน ตอนนี้ก็คงอยู่ในวัยหัดเดินด้วยแล้วล่ะมั้งครับ! เติบโตมาอย่างดีเลยทีเดียว แถมยังเหมือนกันกับคุณชาย ราวกับแกะมาจากพิมพ์เดียวกัน”ลู่เหยียน ลู่ฉวิน......ในใจลู่เจ๋อรู้สึกตื่นเต้นมาก จนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ลูกชายของผมกับเฉียวซุน ก็ต้องเหมือนผมอยู่แล้วสิ! ”ขาของเขาไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะเปิดประตูรถเมื่อเขาเห็นเฉียวซุนเฉียวซุนกำลังวางสัมภาระไว้ที่ท้ายรถ เจ้าหนูลู่เหยียนก็ยืนอยู่ข้าง ๆ หนูน้อยวัยหกขวบดูน่ารักน่าชังมาก ร่างกายผอมสูง เจ้าหนูลู่ฉวินถูกป้าของเขาจับเอาไว้ อายุเพิ่งจะขวบกว่า ๆ เหมือนที่เหล่าหลินบอก หน้าตาคล้ายกับลู่เจ๋อมากดวงตาของลู่เจ๋อแดงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเจ้าหนูลู่ฉวินแล้วเขาเองก็ไม่ได้เจอเจ้าหนูลู่เหยียนนานแล้วเหมือนกันเขาคิดถึงมาก ๆเฉียวซุนปิดประตูท้ายรถ และกำลังจะพาเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นรถ เพ
เธอบอกให้เขาวางใจเห็นได้ชัดว่าเขาควรจะมีความสุข แต่ในใจเขากลับรู้สึกไม่โอเคเลยแม้แต่น้อยแล้วเฉียวซุนเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเธอก้มตัวลงเล็กน้อย แล้วปิดประตูรถให้ลู่เจ๋อ......แล้วก็เป็นเพราะการกระทำนี้ เลยทำให้พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้น ใกล้จนสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายบนร่างกายของเจ้าหนูลู่ฉวิน แล้วยังได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากตัวเฉียวซุนอีกด้วย เหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด เธอยังคงชอบน้ำหอมกลิ่นดอกไม้อยู่กลิ่นหอมจาง ๆ นั้น ทำให้รู้สึกราวกับเป็นน้ำพุอันแสนหอมหวาน ที่ช่วยหล่อเลี้ยงความแห้งเหี่ยวของลู่เจ๋อให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง และช่วยปลุกสัญชาตญาณความเป็นผู้ชายของเขาให้ตื่นขึ้นแววตาอันล้ำลึกของเขา ส่องเข้าไปในส่วนลึกจิตวิญญาณของเธอประตูรถหรูปิดลงอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ ลับสายตาของกันและกัน เหล่าหลินยืนลูบมืออยู่ด้านข้าง “คุณนายครับ หน้าที่ปิดประตูอะไรพวกนี้ ต่อไปก็ให้ผมเป็นคนจัดการเถอะครับ! ”เขาเรียกเธอว่าคุณนายเฉียวซุน แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้แย้งเขาเหล่าหลินเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง หลังจากที่เขาขึ้นไปบนรถ ทำให้เขาก็รู้สึกมีพลังมากขึ้นทางด้านเบาะห
เธอเดินเข้ามา ก้มลงเข็นรถเข็นอย่างเป็นธรรมชาติ และพูดด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย “คุณลู่ ไม่ใช่ว่าคุณไปรับลูกค้าหรอกเหรอคะ ทำไมถึงกลับมาที่คฤหาสน์ได้?”หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปทางเจ้าหนูลู่เหยียน “นี่คือ...... ”เจ้าหนูลู่เหยียนมองไปที่หมอสาวสวย โดยเฉพาะหน้าอกที่อวบอิ่มของเธอ........เด็กน้อยไม่สามารถซ่อนความคิดของเธอได้ เจ้าหนูลู่เหยียนตะโกนเรียกพ่อของเธอทันที แล้วผลักรถเข็นของลู่เจ๋อเซี่ยลี่ตัวน้อยกระโดดลงจากขั้นบันได และวนเวียนไปรอบ ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนอย่างมีความสุข หางเล็ก ๆ ของมันก็ขดจนเหมือนดอกไม้ทำไมลู่เจ๋อจะไม่รู้ ว่าหนูน้อยกำลังคิดอะไรอยู่เขาหัวเราะ และกอดเซี่ยลี่ตัวน้อยกับเธอเอาไว้ “ลูกไปเล่นกับเจ้าหมาน้อยของลูกก่อนนะ! ”เจ้าหนูลู่เหยียนกอดลูกสุนัข จากนั้นก็กอดคอของลู่เจ๋อไม่ปล่อย เธอพูดโพล่งกับหมอสาวสวยคนนั้นไปว่า “รบกวนคุณป้าเข็นหนูไปด้วยนะคะ”เห็นได้ชัดว่าจางหยวนตกตะลึงไปครู่หนึ่งอันที่จริงจะให้เข็นก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าหนูน้อยคนนี้จะรับมือด้วยยากนิดหน่อย เธอค่อนข้างเป็นคนเจ้าเล่ห์......เธอยิ้มจนติดเป็นนิสัย “เด็ก ๆ จะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะ! ถ้าหนูยังกดคุณลู
......หลังจากที่เด็ก ๆ จากไปแล้ว เฉียวซุนก็มองไปยังทิศทางของจางหยวนอีกครั้งจางหยวนเพิ่งจะเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลลู่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเธอก็ประจำอยู่ในศูนย์ฟื้นฟูเช่นปัจจุบัน เธอไม่เคยเห็นเฉียวซุน......ครั้งนี้คงถือว่าเป็นการพบหน้ากันอย่างเป็นทางการกันจริง ๆในช่วงปลายฤดูร้อน เฉียวซุนสวมกระโปรงทรงเอทำให้รูปร่างดูเพรียวบาง ดูมีภูมิฐาน และสง่างามผู้หญิงทุกคนต่างก็มีการเปรียบเทียบกันทั้งนั้น จางหยวนกวาดสายตามองเฉียวซุนทุกระเบียบนิ้ว ในใจรู้สึกอึดอัด เพราะในฐานะผู้หญิงที่เป็นแม่ลูกสองอย่างเฉียวซุน เธอกลับยังมีรูปร่างที่สวยเพรียวอยู่เลยบนตัวเธอ ความเอาใจใส่ทำให้เธอดูดีมากจริง ๆจางหยวนรู้สึกไม่สบายใจ สีหน้าของเธอแสดงออกได้อย่างชัดเจน เธอยื่นมือออกมา แล้วมองไปทางเฉียวซุน จงใจพูดออกไปว่า “คุณนายลู่ สวัสดีค่ะ ฉันคือหมอประจำตัวของคุณลู่ จางหยวนค่ะ ตอนนี้ก็พักที่คฤหาสน์แห่งนี้อยู่ค่ะ”คำพูดแบบนี้ มักจะเป็นคำพูดที่ทำคนรู้สึกใจเต้นระรัวเฉียวซุนยื่นมือออกมา แล้วยิ้มเบา ๆ “คุณเรียกฉันว่าคุณเฉียวเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ฉันเป็นแค่อดีตภรรยาคุณลู่ของพวกคุณเพียงเท่านั้น แล้วตอนนี้ฉันก็มี
วันนี้คนรับใช้ในคฤหาสน์มีความสุขมากพวกเธอทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมโต๊ะอาหารเซ็ตใหญ่ พิจารณาจากการเจริญเติบโตของเจ้าหนูลู่เหยียน จากนั้นก็ทำไก่ตุ๋นเห็ดให้ จะให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดีที่สุด ก็จะต้องค่อย ๆ เคี่ยวอย่างช้า ๆ หลังจากที่อาหารถูกเสิร์ฟ กลิ่นหอมของอาหารก็ฟุ้งกระจายไปทั่วหมอจางคนนั้นก็ร่วมรับประทานอาหารที่โต๊ะด้วยเช่นกันซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะที่เธอต้องคอยดูแลลู่เจ๋อ เธอนั่งตรงตำแหน่งเก้าอี้ของนายหญิง และก็เป็นเก้าอี้ที่เมื่อก่อนเฉียวซุนเคยนั่งอยู่บ่อย ๆ แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะยังไงซะ เธอกับลู่เจ๋อก็หย่ากันแล้ว!จางหยวนเป็นคนเอาใจใส่และมีน้ำใจ แถมยังเตรียมอาหารให้อย่างระมัดระวังอีกต่างหากดูเหมือนเธอกับลู่เจ๋อจะเข้าใจกันได้ดี เห็นได้ชัดว่าเธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้มาสักระยะแล้ว......เฉียวซุนค่อนข้างใส่ใจแต่สิ่งที่คุณจางคนนี้ตาไม่มีแววเลยก็คือ เจ้าหนูลู่เหยียนอยากกินน่องไก่ ถึงได้ยื่นตะเกียบออกไป แต่น่องไก่อวบอ้วนอันนั้นก็ถูกจางหยวนคีบตัดหน้าไปแล้ว จากนั้นเธอก็วางมันลงบนชามของลู่เจ๋อเจ้าหนูลู่เหยียนจ้องตามตาไม่กะพริบน่องไก่มีแค่สองอันเท่านั้น เมื่อกี้เพิ่ง
ลู่เจ๋ออยู่ด้วยเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะโทรเข้าโทรศัพท์บ้าน เรียกให้ป้าแม่บ้านขึ้นมาป้าเคาะประตูก่อน แล้วเดินเข้ามา พอเห็นว่าเจ้าหนูลู่เหยียนและเจ้าหนูลู่ฉวินหลับไปแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปให้แน่ใจว่า “หลับไปแล้วอย่างนั้นเหรอคะ? ”ลู่เจ๋อมองดูพวกเขาด้วยสายตาอ่อนโยนหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นเบา ๆ “ฝากดูแลที่นี่ต่อทีครับ”ป้าพูดขึ้นอย่างชาญฉลาด “คุณผู้ชายไปจัดการธุระเถอะค่ะ ตรงนี้ให้เป็นหน้าที่ของป้าก็พอค่ะ”สีหน้าของลู่เจ๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเข็นรถเข็น ออกมาจนถึงนอกห้องนอน แต่เขาก็กลับไม่เห็นเฉียวซุน......สุดท้าย เขาก็ไปหาเธอที่ห้องโถงเล็กเธอพิงหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และกำลังคุยโทรศัพท์แสงแดดยามบ่าย ส่องผ่านกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน ปกคลุมเรือนร่างของเฉียวซุน ทำให้ผิวของเธอดูขาวเปล่งประกาย และดูละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น เธอดูผ่อนคลายและมีความสุขขณะที่พูดคุยกับคนที่อยู่ปลายสายสิ่งนี้ทำให้ลู่เจ๋อนึกอะไรขึ้นมาได้ ครึ่งปีก่อนตอนที่เธอจากเขาไป เธอก็ใช้คำพูดที่มีความสุขเช่นนี้เหมือนกันตอนนั้นคือเมิ่งเยียนหุยตอนนี้ ก็เปลี่ยนเป็นหลินซวง......อันที่จริง
ลู่เจ๋อเฝ้ามองดูอยู่ข้าง ๆ ......จู่ ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อปีนั้นได้ นึกถึงภรรยาตัวน้อยที่แม้แต่ตอนที่เธออยากจะขอเงินห้าแสนจากเขายังต้องเกรงใจแล้วเกรงใจอีก ในตอนนั้น เขาคิดว่าเฉียวซุนเปรียบเสมือนดอกถูซือ แต่ตอนนี้เฉียวซุนได้กลายเป็นดอกกุหลาบที่ถึงแม้จะบอบบาง แต่ก็ยังคงอันตรายไปแล้ว......แสงสีส้มของพระอาทิตย์ตก ให้ความรู้สึกราวกับเปลวเพลิงโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมสีเงินค่อย ๆ ขับออกจากคฤหาสน์ช้า ๆ หัวใจของลู่เจ๋อกลับดูว่างเปล่า......สุดท้ายเธอก็ยังคงจากไปอยู่ดีเขาเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอการพบกันในครั้งต่อไป......ยี่สิบนาทีต่อมา เฉียวซุนขับรถเข้าไปในคฤหาสน์เดี่ยวแห่งหนึ่ง ตั้งแต่กลับมาจากเมืองเซียง เธอก็ตัดสินใจย้ายเข้ามาพักที่คฤหาสน์......ในบ้านได้จ้างป้าแม่บ้านเข้ามาเพิ่ม การอาศัยในคฤหาสน์ทำให้มีพื้นที่กว้างขึ้นอีกหน่อยนอกจากนี้ ระยะห่างของที่นี่กับลู่เจ๋อก็ใกล้มากขึ้นพอสมควรขณะที่เธอจอดรถ ท้องฟ้าก็เป็นเวลาพลบค่ำ และพลบค่ำก็ได้นำพาร่องรอยแสงสีส้มสุดท้ายของพระอาทิตย์หายลับไปเฉียวซุนอุ้มเด็ก ๆ ลงจากรถเจ้าหนูลู่เหยียนกอดตุ๊กตา แล้วพูดขึ้นมาว่า “พ่อจะยกเซี่ยลี่ตัวน้อยให้หนูด้วย
สลับกันไปมา......ต่อมา เฉียวซุนก็ได้ผล็อยหลับไป ในตอนที่เธอตื่นขึ้นมาอีกที เวลาก็ปาไปเที่ยงคืนแล้ว มีข้อความไลน์สิบกว่าข้อความถูกส่งมาในโทรศัพท์ ต่างก็เป็นข้อความของลู่เจ๋อเธอเฝ้ามองข้อความเหล่านั้นเงียบ ๆ ท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืน แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใดหลังจากนั้น เธอก็ลุกขึ้นมาดูลูก ๆ ของเธอเธอไม่ได้อาศัยอยู่กับลู่เจ๋อ ระยะห่างระหว่างพวกเขาเดี๋ยวใกล้เดี๋ยวไกล......แต่คนรอบข้างกลับไม่มีใครรู้ การที่จะปักหลักอาศัยอยู่เมืองใดเมืองหนึ่งเหมือนตอนนี้ สำหรับพวกเขาแล้ว ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องยากพอสมควรความสุขและความทุกข์เหล่านั้นกำลังได้รับการเติมเต็มอีกครั้งต่อมา พวกเขาก็มักจะติดต่อกันอยู่บ่อย ๆบนโลกใบนี้พวกเขาเป็นเหมือนคู่สามีภรรยาที่เหมาสมกันมากที่สุด ช่วยกันเลี้ยงดูลูก ๆ ปรึกษาถึงเรื่องการเติบโตของลูก ๆ ด้วยกัน......เจ้าหนูลู่เหยียนอายุ 6 ขวบ เธอเป็นนักเรียนของโรงเรียนอนุบาลที่พร้อมจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้วเฉียวซุนกล่าวว่า “ลู่เจ๋อ คุณค่อนข้างเป็นคนกว้างขวางในเมือง B เรื่องที่เรียนของเจ้าหนูลู่เหยียนก็ให้คุณเป็นคนจัดการก็แล้วกัน”ลู่เจ๋อเองก็เห็นด้วย เขาเ