ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เฉียวซุนไม่รู้ว่า ผู้ชายที่นอกใจต่างก็มีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือไม่ขณะที่ลู่เจ๋อกำลังอาบน้ำ คนรักของเขาก็ส่งรูปเซลฟี่มาให้เธอเป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาละอ่อนและสวย แต่เธอกลับสวมเสื้อผ้าชั้นสูงที่ไม่เหมาะกับวัยของเธอเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเธอจึงดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่พอสมควร[คุณลู่ ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดนะคะ]เฉียวซุนมองภาพนั้นอยู่เป็นเวลานานจนรู้สึกเจ็บตา เธอรู้มาโดยตลอดว่ามีคนอยู่ข้างกายของลู่เจ๋อ แต่เธอไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ไปได้ นอกจากอกหักแล้ว เธอยังรู้สึกประหลาดใจกับรสนิยมของสามีอีกด้วยเธอรู้สึกว่า ตัวเธอเสียใจจริงๆ ที่ไปได้เห็นความลับของลู่เจ๋อเข้าจากนั้นเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลู่เจ๋อก็ออกมาด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวเหมือนหิมะของเขาห่อกล้ามเนื้อหน้าท้องและหน้าอกที่แข็งแรง ทำให้เขาดูสูงและเซ็กซี่แบบสุดๆ“จะดูอีกนานแค่ไหน?” เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของเฉียวซุน เหลือบมองเธอ และเริ่มแต่งตัวเขาไม่มีท่าทางลำบากใจแบบคนที่โดนภรรยาจับได้เลยแม้แต่น้อย และเฉียวซุนก็รู้ดีว่า ความมั่นใจนี้มาจากความสามารถท
หกปี เธอรักเขามาหกปีเต็ม!เฉียวซุนหลับตาลง……เฉียวซุนไม่รอให้ลู่เจ๋อกลับมา คืนวันศุกร์ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับตระกูลเฉียวมีข่าวออกมาว่า บุตรชายคนโตของตระกูลเฉียว เฉียวสือเยี่ยน เพราะคดีเศรษฐกิจของกลุ่มบริษัทสกุลเฉียว อาจจะถูกตัดสินจำคุกสิบปีสิบปี ก็เพียงพอที่จะทำลายคนคนหนึ่งได้แล้วในคืนนั้น คุณพ่อเฉียวมีเลือดออกในสมองเฉียบพลันจึงต้องเข้าโรงพยาบาล อาการอยู่ในขั้นวิกฤติจึงจำเป็นต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเฉียวซุนยืนอยู่ที่ทางเดินของโรงพยาบาล ต่อสายหาลู่เจ๋ออย่างต่อเนื่อง แต่โทรหาหลายครั้งก็ไม่มีคนรับสาย ในขณะที่เธอกำลังจะล้มเลิก ลู่เจ๋อก็ส่งข้อความวีแชทมาหาเธอเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน พูดเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง[ผมยังอยู่ที่เมือง H หากมีเรื่องอะไรติดต่อเลขาฉินได้เลย]เฉียวซุนโทรไปอีกครั้ง คราวนี้ลู่เจ๋อรับสาย และเธอก็พูดอย่างกระวนกระวายใจขึ้นมาว่า “ลู่เจ๋อ พ่อของฉัน...”ลู่เจ๋อพูดตัดบทเธอในน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความรำคาญ “ต้องการใช้เงินใช่ไหม? ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้ว หากต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วนให้ติดต่อเลขาฉิน... เฉียวซุน คุณกำลังฟังอยู่หรือเปล่า
สามวันต่อมา ลู่เจ๋อก็กลับมาถึงเมือง Bช่วงพลบค่ำ ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ รถอาร์วีสีดำแวววาวก็ขับเข้าไปในวิลล่าอย่างช้าๆ หยุดและดับเครื่องยนต์คนขับเปิดประตูลู่เจ๋อลงจากรถ แล้วใช้มือปิดประตูเบาะหลัง เมื่อเห็นคนขับจะยกกระเป๋าเดินทางเขาจึงพูดอย่างนิ่งๆว่า “เดี๋ยวผมยกเอง”ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถง คนรับใช้ในบ้านก็มาต้อนรับ “เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดเรื่องขึ้นกับคุณพ่อของคุณนายค่ะ คุณนายจึงอารมณ์ไม่ค่อยดี ตอนนี้เธออยู่ชั้นบนค่ะ!”เรื่องของตระกูลเฉียว ลู่เจ๋อรับรู้แล้วในใจเขารู้สึกกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย ยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้องนอน และเห็นเฉียวซุนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังจัดเรียงสิ่งของอยู่ลู่เจ๋อวางกระเป๋าเดินทางลง ปลดเนกไทแล้วนั่งข้างเตียง พินิจดูภรรยาหลังจากแต่งงานแล้ว เฉียวซุนชอบทำงานบ้าน จัดระเบียบ และทำขนมหวานมาโดยตลอด... ถ้าไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาที่ยอดเยี่ยมของเธอในใจของลู่เจ๋อเธอก็คงไม่ต่างอะไรจากแม่บ้านเวลาผ่านไปนานสองนาน เฉียวซุนไม่ได้พูดอะไรเลยลู่เจ๋อกลับมาจากทริปธุรกิจรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร เขาก็ค
“ใช่ พอครอบครัวฉันล้มละลายแล้ว คุณให้เงินอุดหนุนฉันเดือนละห้าแสนบาท”“แต่ว่า ทุกครั้งที่ได้รับเช็คมา ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงราคาถูก เป็นแค่รางวัลหลังจากทำให้คนได้ระบายอารมณ์ก็เท่านั้น!”……ลู่เจ๋อพูดตัดบทเธออย่างเย็นชา “คุณคิดแบบนี้เหรอ?”เขาบีบคางของเธอเบาๆ “มีผู้หญิงราคาถูกที่ไม่รู้จักวิธีเอาอกเอาใจผู้ชายอย่างเธอด้วยเหรอ? แม้แต่ร้องก็ทำไม่เป็น ทำได้แค่ร้องฮึดฮัดมั่วซั่วเหมือนลูกแมวน้อย! อยากหย่าเหรอ?... คุณคิดว่าถ้าคุณจากผมไปแล้ว คุณจะมีชีวิตแบบไหน?”เฉียวซุนถูกเขาบีบจนรู้สึกเจ็บ จึงยกมือผลักเขาออกไป...วินาทีต่อมา ลู่เจ๋อก็จับมือของเธอเอาไว้ แล้วจ้องมองไปที่นิ้วนางที่ว่างเปล่าของเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “แหวนแต่งงานของคุณล่ะ?”“ฉันขายมันไปแล้ว!”น้ำเสียงของเฉียวซุนโศกเศร้า “ดังนั้นลู่เจ๋อ พวกเราหย่ากันเถอะ!”ประโยคนี้ทำให้เธอแทบจะหมดเรี่ยวแรง ลู่เจ๋อคือผู้ชายที่เธอรักมาหกปีแล้ว หากไม่มีในคืนนั้น หากเธอไม่เห็นพลุบนท้องฟ้านั่น บางทีเธออาจจะยังติดหงักอยู่ในสมรสที่ไร้ซึ่งความรักแบบนี้ไปอีกหลายปีแต่เธอเห็นแล้วว่า เธอก็ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับเขาแล้วบางทีหล
เขามีลูกศรอยู่บนสายธนู จำเป็นต้องยิงมันออกไปยิ่งไปกว่านั้น เฉียวซุนที่อยู่ใต้ร่างของเขานุ่มนวลแถมกลิ่นตัวหอมละมุน แม้ว่าลู่เจ๋อจะไม่ได้รักเธอ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเขาชอบร่างกายนี้เขาพูดได้อย่างเต็มปาก และกำลังจะเข้าครอบครองเธอเฉียวซุนจับไหล่ของเขาไว้แน่น แล้วพูดด้วยลมหายใจที่ไม่สมดุลว่า “ลู่เจ๋อ ช่วงนี้ฉันไม่ได้กินยาเลย เดี๋ยวฉันท้องนะ”เมื่อได้ยินดังนี้ ลู่เจ๋อก็หยุดชะงักไม่ว่าเขาต้องการมันมากแค่ไหน ก็ไม่เคยขาดสติสัมปชัญญะ ระหว่างที่แต่งงานกับเฉียวซุนเขาไม่ต้องการที่จะมีลูก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะมีลูกจากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะเยาะเย้ยว่า “ดูเหมือนว่าช่วงนี้คุณจะคิดเยอะนะ!"การต่อต้านของเธอไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย ลู่เจ๋อเอามือข้างหนึ่งวางไว้ข้างกายเธอ แล้วเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงด้วยมืออีกข้างแล้วเอากล่องเล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้เปิดออกมา ข้างบนมีอักษรภาษาอังกฤษอยู่สามตัวขณะที่กำลังแกะออก โทรศัพท์ก็ดังขึ้น!ลู่เจ๋อไม่สนใจ เขาหยิบสิ่งเล็กๆด้วยมือเดียว แล้วก้มลงจูบเฉียวซุน เฉียวซุนไม่ยอมขยับศีรษะเพื่อหนีจากเขา... เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นอย่างต
แม้จะรู้ท่านผู้เฒ่าหญิงจงใจ แต่ลู่เจ๋อก็ยังคงชำเลืองมองเฉียวซุนแต่เฉียวซุนกลับไม่สวีทเป็นเพื่อนเขาเธอคุยกับท่านผู้เฒ่าหญิงอยู่พักหนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวหนูจะทำเค้กผงรากบัวให้นะคะ"เธอจากไป รอยยิ้มของหญิงชราลดน้อยลง แล้วโน้มตัวกลับไปพิงด้านหลัง“ลู่เจ๋อ เรื่องของไป๋เซียวเซียวนี่มันยังไงกัน? แค่ดูแลเธอตามปกติก็พอแล้ว ทำไมต้องจุดพลุดอกไม้ไฟอะไรด้วยล่ะ? ระวังภรรยาจะหึงแล้วชวนทะเลาะเอาไว้นะ”“ ต้องเอาใจใส่ครอบครัวของเสี่ยวซุนให้มากขึ้น อย่าทำราวกับว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแบบนี้”“ถ้ายังเย็นชาแบบนี้ต่อไป ระวังเธอจะหนีไปได้นะ”……ลู่เจ๋อพูดตอบรับเพียงไม่กี่คำ และไม่ได้อธิบายเรื่องพลุดอกไม้ไฟ บางทีอาจเป็นฝีมือของเลขาฉินก็ได้!หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน เฉียวซุนทำขนมเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาลู่เจ๋อเห็นว่า แม้เธอจะทำงานบ้านแต่เสื้อผ้าบนตัวของเฉียวซุนก็ยังคงเรียบเนียน ทั้งตัวดูงามสง่า เฉกเช่นสตรีผู้สูงศักดิ์อาจจะมีบางเวลาที่ทำให้เขารู้สึกเบื่อท่านผู้เฒ่าลู่กลับชอบมาก เธอหยิบขนมมาชิมแล้วพูดประเด็นสำคัญว่า “ลู่เจ๋ออีกสองปีก็จะอายุครบ30ปีแล้ว เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
เฉียวซุนใช้มือจับประตูรถไว้แล้วค่อย ๆ ปล่อยลงบรรยากาศภายในรถอึดอัดมากขึ้นลู่เจ๋อที่กลับมาจากต่างจังหวัดก็ต้องวิ่งไปที่บ้านตระกูลลู่อีกครั้ง ที่จริงแล้วก็รู้สึกเพลียอยู่นิดหน่อย เขาวางมือข้างหนึ่งบนพวงมาลัยแล้วลูบหัวคิ้ว น้ำเสียงเจือความหงุดหงิด “คุณคิดจะสร้างความวุ่นวายไปจนถึงเมื่อไหร่ ?”จนถึงตอนนี้ เขาคิดว่าเธอกำลังสร้างความวุ่นวายอยู่ดีเฉียวซุนรู้สึกเย็นวาบกลางอก เธอนั่งตัวตรงมองไปทางหน้ารถ สักพักเธอก็เอ่ยเบา ๆ ว่า “ลู่เจ๋อ ฉันจริงจัง! ฉันไม่อยากอยู่กับคุณแล้ว”ลู่เจ๋อหันไปมองเธอทันทีเขาหน้าตาดี สัดส่วนใบหน้าสามมิติ เฉียวซุนเคยหลงใหลใบหน้านี้มาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกแล้ว ไม่เลยสักนิด......ดวงตาดำขลับของลู่เจ๋อจ้องมองเธอ โดยที่มือข้างหนึ่งปลดเข็มขัดนิรภัย “ลงรถ!”เขาเอ่ยเสียงเบาและปลดล็อกรถเฉียวซุนลงจากรถทันที เดินไปที่ทางเข้าวิลล่า……. หลังตั้งตรงของเธอภายในแสงสลัว แน่วแน่พอ ๆ กับการตัดสินใจหย่าของเธอลู่เจ๋อดึงบุหรี่ออกมาสูบแล้วถึงจะลงจากรถ เดินตามขึ้นไปชั้นบนพวกเขาแยกทางกันโดยไม่สบอารมณ์คืนนั้น เฉียวซุนนอนที่ห้องพักรับรอง ในใจลู่เจ๋อก็โกรธเกินกว่าที่จะง้อเธอ....