หกปี เธอรักเขามาหกปีเต็ม!เฉียวซุนหลับตาลง……เฉียวซุนไม่รอให้ลู่เจ๋อกลับมา คืนวันศุกร์ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับตระกูลเฉียวมีข่าวออกมาว่า บุตรชายคนโตของตระกูลเฉียว เฉียวสือเยี่ยน เพราะคดีเศรษฐกิจของกลุ่มบริษัทสกุลเฉียว อาจจะถูกตัดสินจำคุกสิบปีสิบปี ก็เพียงพอที่จะทำลายคนคนหนึ่งได้แล้วในคืนนั้น คุณพ่อเฉียวมีเลือดออกในสมองเฉียบพลันจึงต้องเข้าโรงพยาบาล อาการอยู่ในขั้นวิกฤติจึงจำเป็นต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเฉียวซุนยืนอยู่ที่ทางเดินของโรงพยาบาล ต่อสายหาลู่เจ๋ออย่างต่อเนื่อง แต่โทรหาหลายครั้งก็ไม่มีคนรับสาย ในขณะที่เธอกำลังจะล้มเลิก ลู่เจ๋อก็ส่งข้อความวีแชทมาหาเธอเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน พูดเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง[ผมยังอยู่ที่เมือง H หากมีเรื่องอะไรติดต่อเลขาฉินได้เลย]เฉียวซุนโทรไปอีกครั้ง คราวนี้ลู่เจ๋อรับสาย และเธอก็พูดอย่างกระวนกระวายใจขึ้นมาว่า “ลู่เจ๋อ พ่อของฉัน...”ลู่เจ๋อพูดตัดบทเธอในน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความรำคาญ “ต้องการใช้เงินใช่ไหม? ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้ว หากต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วนให้ติดต่อเลขาฉิน... เฉียวซุน คุณกำลังฟังอยู่หรือเปล่า
สามวันต่อมา ลู่เจ๋อก็กลับมาถึงเมือง Bช่วงพลบค่ำ ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ รถอาร์วีสีดำแวววาวก็ขับเข้าไปในวิลล่าอย่างช้าๆ หยุดและดับเครื่องยนต์คนขับเปิดประตูลู่เจ๋อลงจากรถ แล้วใช้มือปิดประตูเบาะหลัง เมื่อเห็นคนขับจะยกกระเป๋าเดินทางเขาจึงพูดอย่างนิ่งๆว่า “เดี๋ยวผมยกเอง”ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถง คนรับใช้ในบ้านก็มาต้อนรับ “เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดเรื่องขึ้นกับคุณพ่อของคุณนายค่ะ คุณนายจึงอารมณ์ไม่ค่อยดี ตอนนี้เธออยู่ชั้นบนค่ะ!”เรื่องของตระกูลเฉียว ลู่เจ๋อรับรู้แล้วในใจเขารู้สึกกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย ยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้องนอน และเห็นเฉียวซุนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังจัดเรียงสิ่งของอยู่ลู่เจ๋อวางกระเป๋าเดินทางลง ปลดเนกไทแล้วนั่งข้างเตียง พินิจดูภรรยาหลังจากแต่งงานแล้ว เฉียวซุนชอบทำงานบ้าน จัดระเบียบ และทำขนมหวานมาโดยตลอด... ถ้าไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาที่ยอดเยี่ยมของเธอในใจของลู่เจ๋อเธอก็คงไม่ต่างอะไรจากแม่บ้านเวลาผ่านไปนานสองนาน เฉียวซุนไม่ได้พูดอะไรเลยลู่เจ๋อกลับมาจากทริปธุรกิจรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร เขาก็ค
“ใช่ พอครอบครัวฉันล้มละลายแล้ว คุณให้เงินอุดหนุนฉันเดือนละห้าแสนบาท”“แต่ว่า ทุกครั้งที่ได้รับเช็คมา ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงราคาถูก เป็นแค่รางวัลหลังจากทำให้คนได้ระบายอารมณ์ก็เท่านั้น!”……ลู่เจ๋อพูดตัดบทเธออย่างเย็นชา “คุณคิดแบบนี้เหรอ?”เขาบีบคางของเธอเบาๆ “มีผู้หญิงราคาถูกที่ไม่รู้จักวิธีเอาอกเอาใจผู้ชายอย่างเธอด้วยเหรอ? แม้แต่ร้องก็ทำไม่เป็น ทำได้แค่ร้องฮึดฮัดมั่วซั่วเหมือนลูกแมวน้อย! อยากหย่าเหรอ?... คุณคิดว่าถ้าคุณจากผมไปแล้ว คุณจะมีชีวิตแบบไหน?”เฉียวซุนถูกเขาบีบจนรู้สึกเจ็บ จึงยกมือผลักเขาออกไป...วินาทีต่อมา ลู่เจ๋อก็จับมือของเธอเอาไว้ แล้วจ้องมองไปที่นิ้วนางที่ว่างเปล่าของเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “แหวนแต่งงานของคุณล่ะ?”“ฉันขายมันไปแล้ว!”น้ำเสียงของเฉียวซุนโศกเศร้า “ดังนั้นลู่เจ๋อ พวกเราหย่ากันเถอะ!”ประโยคนี้ทำให้เธอแทบจะหมดเรี่ยวแรง ลู่เจ๋อคือผู้ชายที่เธอรักมาหกปีแล้ว หากไม่มีในคืนนั้น หากเธอไม่เห็นพลุบนท้องฟ้านั่น บางทีเธออาจจะยังติดหงักอยู่ในสมรสที่ไร้ซึ่งความรักแบบนี้ไปอีกหลายปีแต่เธอเห็นแล้วว่า เธอก็ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับเขาแล้วบางทีหล
เขามีลูกศรอยู่บนสายธนู จำเป็นต้องยิงมันออกไปยิ่งไปกว่านั้น เฉียวซุนที่อยู่ใต้ร่างของเขานุ่มนวลแถมกลิ่นตัวหอมละมุน แม้ว่าลู่เจ๋อจะไม่ได้รักเธอ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเขาชอบร่างกายนี้เขาพูดได้อย่างเต็มปาก และกำลังจะเข้าครอบครองเธอเฉียวซุนจับไหล่ของเขาไว้แน่น แล้วพูดด้วยลมหายใจที่ไม่สมดุลว่า “ลู่เจ๋อ ช่วงนี้ฉันไม่ได้กินยาเลย เดี๋ยวฉันท้องนะ”เมื่อได้ยินดังนี้ ลู่เจ๋อก็หยุดชะงักไม่ว่าเขาต้องการมันมากแค่ไหน ก็ไม่เคยขาดสติสัมปชัญญะ ระหว่างที่แต่งงานกับเฉียวซุนเขาไม่ต้องการที่จะมีลูก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะมีลูกจากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะเยาะเย้ยว่า “ดูเหมือนว่าช่วงนี้คุณจะคิดเยอะนะ!"การต่อต้านของเธอไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย ลู่เจ๋อเอามือข้างหนึ่งวางไว้ข้างกายเธอ แล้วเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงด้วยมืออีกข้างแล้วเอากล่องเล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้เปิดออกมา ข้างบนมีอักษรภาษาอังกฤษอยู่สามตัวขณะที่กำลังแกะออก โทรศัพท์ก็ดังขึ้น!ลู่เจ๋อไม่สนใจ เขาหยิบสิ่งเล็กๆด้วยมือเดียว แล้วก้มลงจูบเฉียวซุน เฉียวซุนไม่ยอมขยับศีรษะเพื่อหนีจากเขา... เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นอย่างต
แม้จะรู้ท่านผู้เฒ่าหญิงจงใจ แต่ลู่เจ๋อก็ยังคงชำเลืองมองเฉียวซุนแต่เฉียวซุนกลับไม่สวีทเป็นเพื่อนเขาเธอคุยกับท่านผู้เฒ่าหญิงอยู่พักหนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวหนูจะทำเค้กผงรากบัวให้นะคะ"เธอจากไป รอยยิ้มของหญิงชราลดน้อยลง แล้วโน้มตัวกลับไปพิงด้านหลัง“ลู่เจ๋อ เรื่องของไป๋เซียวเซียวนี่มันยังไงกัน? แค่ดูแลเธอตามปกติก็พอแล้ว ทำไมต้องจุดพลุดอกไม้ไฟอะไรด้วยล่ะ? ระวังภรรยาจะหึงแล้วชวนทะเลาะเอาไว้นะ”“ ต้องเอาใจใส่ครอบครัวของเสี่ยวซุนให้มากขึ้น อย่าทำราวกับว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแบบนี้”“ถ้ายังเย็นชาแบบนี้ต่อไป ระวังเธอจะหนีไปได้นะ”……ลู่เจ๋อพูดตอบรับเพียงไม่กี่คำ และไม่ได้อธิบายเรื่องพลุดอกไม้ไฟ บางทีอาจเป็นฝีมือของเลขาฉินก็ได้!หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน เฉียวซุนทำขนมเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาลู่เจ๋อเห็นว่า แม้เธอจะทำงานบ้านแต่เสื้อผ้าบนตัวของเฉียวซุนก็ยังคงเรียบเนียน ทั้งตัวดูงามสง่า เฉกเช่นสตรีผู้สูงศักดิ์อาจจะมีบางเวลาที่ทำให้เขารู้สึกเบื่อท่านผู้เฒ่าลู่กลับชอบมาก เธอหยิบขนมมาชิมแล้วพูดประเด็นสำคัญว่า “ลู่เจ๋ออีกสองปีก็จะอายุครบ30ปีแล้ว เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
เฉียวซุนใช้มือจับประตูรถไว้แล้วค่อย ๆ ปล่อยลงบรรยากาศภายในรถอึดอัดมากขึ้นลู่เจ๋อที่กลับมาจากต่างจังหวัดก็ต้องวิ่งไปที่บ้านตระกูลลู่อีกครั้ง ที่จริงแล้วก็รู้สึกเพลียอยู่นิดหน่อย เขาวางมือข้างหนึ่งบนพวงมาลัยแล้วลูบหัวคิ้ว น้ำเสียงเจือความหงุดหงิด “คุณคิดจะสร้างความวุ่นวายไปจนถึงเมื่อไหร่ ?”จนถึงตอนนี้ เขาคิดว่าเธอกำลังสร้างความวุ่นวายอยู่ดีเฉียวซุนรู้สึกเย็นวาบกลางอก เธอนั่งตัวตรงมองไปทางหน้ารถ สักพักเธอก็เอ่ยเบา ๆ ว่า “ลู่เจ๋อ ฉันจริงจัง! ฉันไม่อยากอยู่กับคุณแล้ว”ลู่เจ๋อหันไปมองเธอทันทีเขาหน้าตาดี สัดส่วนใบหน้าสามมิติ เฉียวซุนเคยหลงใหลใบหน้านี้มาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกแล้ว ไม่เลยสักนิด......ดวงตาดำขลับของลู่เจ๋อจ้องมองเธอ โดยที่มือข้างหนึ่งปลดเข็มขัดนิรภัย “ลงรถ!”เขาเอ่ยเสียงเบาและปลดล็อกรถเฉียวซุนลงจากรถทันที เดินไปที่ทางเข้าวิลล่า……. หลังตั้งตรงของเธอภายในแสงสลัว แน่วแน่พอ ๆ กับการตัดสินใจหย่าของเธอลู่เจ๋อดึงบุหรี่ออกมาสูบแล้วถึงจะลงจากรถ เดินตามขึ้นไปชั้นบนพวกเขาแยกทางกันโดยไม่สบอารมณ์คืนนั้น เฉียวซุนนอนที่ห้องพักรับรอง ในใจลู่เจ๋อก็โกรธเกินกว่าที่จะง้อเธอ....
เฉียวซุนค่อย ๆ บิดถ้วยเก็บความร้อนหลังจากบิดแน่นแล้ว เธอก็ก้มหน้าแล้วพูดเบาๆว่า “ต้องมีสักทาง! เงินที่ขายแหวนแต่งงานก็พอสำหรับค่ารักษาพยาบาลของพ่ออีกตั้งครึ่งปี ค่าทนายของพี่...... หนูวางแผนว่าจะขายบ้านหลังนี้แล้วจากนั้นหนูก็จะออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วยค่ะ”พูดจบ แววตาของเฉียวซุนก็ชื้นขึ้นบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่แม่เธอทิ้งไว้ให้ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะลำบากยากแค้นแค่ไหนก็ไม่เคยแตะต้องมันเสิ่นชิงตะลึงเธอไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด แต่ภายในใจยังคงไม่เห็นด้วยเสมอเฉียวซุนจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ไปโรงพยาบาลหลังการรักษาอาการป่วยของเฉียวต้าซวินโดยทั่วไปก็ค่อนข้างคงที่แล้ว แต่อารมณ์ค่อนข้างดำดิ่งอยู่บ้าง คอยแต่คิดถึงอนาคตที่เหลือของลูกชายคนโตอย่างเฉียวสือเยี่ยนในเวลานี้เฉียวซุนไม่ได้พูดถึงเรื่องหย่าช่วงบ่ายคุณหมอเจ้าของไข้แวะมาตรวจที่วอร์ดเฮ่อจี้ถัง ปริญญาเอกแพทยศาสตร์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมสมองตั้งแต่อายุยังน้อย แถมเขายังหน้าตาดี ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้า และเป็นคนสุขุมใจเย็นอีกด้วยหลังจากตรวจอาการเสร็จ เขาก็เหลือบมองไปที่เฉียวซุน “ออกไปคุยกันหน่อยนะครับ”เ
เฉียวซุนรู้สึกหมดความอดทน “ลู่เจ๋อ นี่โรงพยาบาลนะ!”“ฉันรู้อยู่แล้ว”หลู่เจ๋อไม่ไหวติง เขากดแนบร่างของเธอไว้ ใบหน้าอันหล่อเหลาก็แทบจะแนบกับข้างหูเธอ เสียงยิ่งเจือความอันตรายมากขึ้นเล็กน้อย “รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร?”เฉียวซุนเดาความคิดที่ซ่อนอยู่ของเขาได้เขาเป็นประธานบริษัทลู่ซื่อกรุ๊ป มีฐานะและตำแหน่ง เขาไม่อนุญาตให้ภรรยาเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นมากเกินไปเฉียวซุนยิ้มอย่างกล้ำกลืนฝืนทนเธอเอ่ยว่า “ลู่เจ๋อ ฉันไม่ได้มีความคิดสกปรก ๆ แบบคุณนะ และฉันก็ไม่มีอารมณ์แบบนั้นเหมือนกัน...... คุณไม่ต้องห่วง ก่อนที่เราจะหย่ากัน ฉันจะไม่เล่นชู้หรอกน่า”พูดจบ เธอก็ผลักเขาออก หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยลู่เจ๋อตามไปผลักประตูแล้วเข้าไปพอเขาเข้าไปก็ถึงกับขมวดคิ้ว ปรากฏว่าไม่ใช่ห้องเดี่ยวเสิ่นชิงย้ายเก้าอี้ให้เขาและกระซิบเบา ๆ ว่า “รีบนั่งเร็ว! เดี๋ยวป้าให้เฉียวซุนไปปอกผลไม้ให้คุณนะ......นี่ เฉียวซุนอย่ามัวยื่นบื้อสิ! เดี๋ยวแกก็กลับไปกับลู่เจ๋อเลยนะ พ่อของแกอยู่ตรงนี้มีฉันดูแลอยู่ทั้งคน!”ลู่เจ๋อนั่งลงและพูดคุยเป็นเพื่อนกับเฉียวต้าซวินโดยปกติเขาจะทำตัวเย็นชากับเฉียวซุน แต่ต่อหน้าเฉียวต
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว